ตอนที่ 21 ห้ามณี
ไม่นานหลังจากนั้นถังฮวนก็เจออัญมณีระดับต่ำห้าเม็ดในห้องของเฒ่านักตีอาวุธ
ในห้าเม็ดนั้นมีหินจิตน้ำหมึกซึ่งมีสีดำเหมือนดั่งน้ำหมึก หินเมฆาเพลิงซึ่งสีแดงเหมือนกับเปลวเพลิง หินแดงทองที่มีหลากหลายสีดัน หินจันทราเงาซึ่งมีรูปร่างเหมือนกับจันทร์เสี้ยวและหินแสงสายฟ้าซึ่งมีสีม่วงเหมือนกับสายฟ้า
แต่ละมณีจะมีพลังที่แตกต่างกันออกไป หลังจากผสานกับอาวุธแล้วก็จะได้พลังที่ต่างกันด้วย
ถังฮวนคิดอยู่ครู่ถึงก่อนจะตัดสินใจเลือกหินเมฆาเพลิง
เมื่อหินเมฆาเพลิงกับอาวุธผสานกันแล้ว อาวุธจะปล่อยความร้อนสูงออกมาได้
ถ้าหากใช้กับปราณแท้ที่มีพลังของเพลิงแท้ ความร้อนของอาวุธก็จะเพิ่มขึ้นอีกมาก และโชคร้ายที่เก้ากระบวนท่ามังกรหลงที่ถังฮวนใช้นั้นไม่เหมาะกับอาวุธประเภทนี้เลย ไม่อย่างนั้นเขาจะปล่อยพลังของอาวุธมาได้อย่างเต็มที่
ในบรรดามณีระดับต่ำทั้งห้าเม็ด มณีที่ได้ผลมากที่สุดก็คือหินแแสงสายฟ้า ตามด้วยหินแดงทอง จากนั้นคือหินจันทราเงา หินเมฆาเพลิงนั้นอยู่ในอันดับที่สี่เท่านั้น มันแข็งแกร่งกว่าหินจิตน้ำหมึกเพียงเล็กน้อย
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น หินเมฆาเพลิงก็เหมาะกับถังฮวนที่สุดในเวลานี้
ในการที่จะสอบอาวุธที่ผสานกับหินเมฆาเพลิง เพลิงแท้ยังคงเพิ่มประสิทธิภาพของมันได้ แต่การสร้างอาวุธที่ผสานกับอัญมณีอื่น คนที่ใช้อาวุธจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้วิชาต่อสู้ที่เข้ากันได้ มิเช่นนั้นอาวุธระดับต่ำที่ควรจะแข็งแกร่งกว่าในด้านวัตถุดิบก็คงจะแสดงพลังไม่ได้ไปมากกว่าอาวุธธรรมดา
สำหรับอาวุธดีที่นั้น จำเป็นที่จะต้องเข้ากันกับวิชาต่อสู้เพื่อแสดงพลังสูงสุดออกมา
ขณะที่คิด ถังฮวนก็นำอัญมณีมาที่หน้าร้าน
เมื่อเก้ากระบวนท่ามังกรหลงเป็นวิชาดาบ เขาก็ต้องตีดาบขึ้นมา ก่อนจะใช้หินเมฆาเพลิง ถังฮวนตัดสินใจใช้อัญมณีเม็ดหนึ่งเพื่อฝึกก่อน
ในการจะผสานเพลิงแท้นั้นต้องการพลังใจและความทนทานของร่างกาย ถ้าหากเขาล้มเหลว อย่างน้อยเส้นปราณก็จะเสียหาย และรุนแรงที่สุดก็คือดวงวิญญาณเขาจะถูกทำลาย
การตีอาวุธมีระดับขึ้นมานั้นมีโอกาสล้มเหลว ยิ่งไปกว่านั้นมันก็ไม่ใช่โอกาสน้อย ๆ ด้วย
ยิ่งอาวุธระดับสูงเพียงใด วัตถุดิบก็ยิ่งล้ำค่ามากเท่านั้น ถ้าหากล้มเหลวแล้ว การสูญเสียก็ยิ่งร้ายแรกยิ่งกว่า
อัญมณีหายากที่มีค่าและเหล็กที่ใช้นั้นมันค่ามากกว่าหลายล้านเหรียญทอง สิบล้านเหรียญ แม้แต่หลายสิบล้านเหรียญ ถ้าหากนับต้นทุนเข้าไป วัตถุดิบที่ต้องใช้ในการตีอาวุธก็หลายร้อยล้านเหรียญเข้าไปแล้ว ถ้าหากล้มเหลว มันก็อาจจะได้เป็นอาวุธระดับต่ำที่มูลค่าไม่กี่ร้อยเหรียญทองแทน นั่นจะเป็นการขาดทุนครั้งใหญ่
ถ้าเป็นอาวุธธรรมดาที่ไม่ได้ผ่านขั้นตอนที่ดีนัก มันก็คงจะตีใหม่ได้ แต่ถ้าหากเป็นอาวุธมีระดับน่ะ? ถ้าหากพลาดแล้วมันก็พลาดเลย
ตามที่เขารู้จากชีวิตที่แล้ว ระหว่างขั้นตอนการหลอมอัญมณี โครงสร้างทางโมเลกุลของอาวุธนั้นจะผ่านการเปลี่ยนแปลงอันอัศจรรย์ ถ้าหากอัญมณีผสานกันสำเร็จ อาวุธจะกลายเป็นอาวุธใหม่อย่างสิ้นเชิง ถ้าหากตีไปอีกครั้ง มันจะไม่ต่างไปจากเศษเหล็ก
ถังฮวนเข้าใจจุดนี้ดี
เมื่อเขาอยู่ที่หออาวุธเทพ เขาใช้เพลิงแท้เผากระบี่จนถึงระดับหนึ่ง จากนั้นเขาก็พบรูเล็ก ๆ จำนวนนับไม่ถ้วนที่ปรากฏในตัวกระบี่เหมือนกับรูขุมขนของร่างกายมนุษย์
ถ้าหากเพลิงรุนแรงเกินไป วัตถุดิบอาวุธจะเสียหายได้
เมื่อรูเหล่านั้นขยายจนถึงขีดจำกัด เขาจะต้องปาดอัญมณีหลอมด้วยความเร็วที่สูงมากเพื่อให้อัญมณีที่หลอมแล้วนั้นซึมเข้าไปในรูเหล่านั้น แค่การซึมเข้าไปนั้นยังไม่พอ เขาต้องทำให้มันผสานเข้ากันกับวัตถุดิบของอาวุธอย่างสมบูรณ์ด้วย ขั้นตอนนั้นต้องใช้การเชื่อมโยงระหว่างปราณแท้และเพลิงแท้อย่างดี
ในวันที่มีการสอบรอบสอง ถังฮวนทำได้ดีมาก สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเขาทามณีหลอมลงบนอาวุธได้ถูกเวลา
แต่ถ้าหากถังฮวนถูกขอให้ทำอีกครั้ง เขาก็ไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีขนาดนั้นหรือไม่
กุญแจในการตีอาวุธระดับสูงนั้น สิ่งแรกคือการตีแท่งอาวุธจนถึงจุดที่ไม่มีสิ่งเจือปนอยู่เลย ต่อมาคือการหลอมอัญมณีให้ดีที่สุดและอันดับที่สามคือการใช้เวลาที่ถูกต้องในการทาอัญมณีลงในแท่งอาวุธ
กุญแจที่สี่คือระหว่างขั้นตอนผสานอาวุธกับอัญมณีหลอม จำเป็นที่ปราณแท้และเพลิงแท้ต้องทำงานร่วมกันอย่างดี
ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่มีวิชาเฉพาะหรือทักษะในการทำเรื่องเหล่านี้ อาวุธที่ต่างกันและอัญมณีต่างกันก็มีวิธีในการทำต่างกันด้วย แม้ว่าจะเป็นอาวุธที่คล้ายกัน ถ้าหากผสานกับอัญมณีเดียวกันก็ไม่มีใครที่จะสอนวิธีการในการใช้เพลิงได้ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของผช่างตีอาวุธและความสามารถในการรับรู้ของเขา
สุดท้าย น้ำยาชุบจะต้องเหมาะสม และเวลาการชุบจะต้องดีด้วย
ถ้าหากทำกุญแจเหล่านี้ผิดพลาดไปแม้เพียงเล็กน้อย คุณภาพของอาวุธก็จะลดลงด้วย และการตีอาวุธก็อาจจะล้มเหลวได้
ยิ่งไปกว่านั้น นี่ยังเป็นวิธีการที่เรียบง่ายที่สุดในการตีอาวุธด้วย
ว่ากันว่าช่างตีอาวุธบางคนที่มีพลังสูงนั้นไม่ได้ป้ายอัญมณีบนอาวุธแต่ทิ้งร่องไว้บนอาวุธและหลอมอัญมณีก่อนจะขึ้นรูปมันและใส่ลงในแท่งอาวุธเป็นขั้นตอนสุดท้าย ว่ากันว่าอาวุธแบบนั้นจะเพิ่มคุณภาพขึ้นได้มาก
ถังฮวนเพียงแค่ได้ยินจากช่างตีเฒ่าถึงวิธีการนี้ เขาไม่เคยเห็นอาวุธแบบนั้นมาก่อนเลย
“ขอลองพลองยาวกับหินจิตน้ำหมึกก่อนก็แล้วกัน”
ถังฮวนรีบวางแผนในใจ อัญมณีบางชิ้นนั้นเหมาะกับอาวุธทุกประเภท แต่บางอัญมณีก็เหมาะกับการทำหอก บางอัญมณีเหมาะกับกระบี่ และหินแสงสายฟ้าก็เหมาะกับอาวุธหลายประเภท แต่ถ้าหากชี้เฉพาะแล้ว มันเหมาะกับการทำพลองมากกว่า
เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ถังฮวนก็เริ่มลงมือทันที
ในร้านตีอาวุธนั้นมีเสียงโลหะกระทบกันดังออกมา แท่งอาวุธที่เด็กหนุ่มถังฮวนทำเอาไว้นั้นเหมาะกับการตีอาวุธธรรมดา แต่มันยังคงบกพร่องถ้าจะเป็นอาวุธระดับต่ำ ถังฮวนต้องตีมันใหม่อีกครั้งและเพิ่มพลังของเพลิงแท้เพื่อขจัดสิ่งเจือปนออกไปจากอาวุธด้วย
“ปั้ง!”
ไม่นานร้านอาวุธที่เงียบมานานก็ส่งเสียงดังอีกครั้ง
ถังฮวนใบหน้าดำสนิท ส่วนพลองดำสนิทตรงหน้าเขานั้นก็ปล่อยควันดำออกมาไม่หยุด ตัวพลองนั้นเต็มไปด้วยรอยแตกมากมายและหนาแน่นจนกลายเป็นใยแมงมุม
“ข้าพลาด”
หลังจากผ่านมานานถังฮวนก็หยิบพลองยาวขึ้นมาอย่างหมดใจ แค่สั่นเบา ๆ ทีเดียวพลองที่เต็มไปด้วยรอยแตกก็กลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยหลากหลายขนาดหล่นลงพื้น
ทีแรกเขาคิดว่าราคาของหินจิตน้ำหมึกนั้นต่ำที่สุด และต่อให้เขาล้มเหลว เขาก็ไม่ขาดทุนมากนัก
แต่เขาไม่คิดเลยว่าเขาจะล้มเหลวในที่สุด และเหตุผลของความล้มเหลวก็น่าขันสิ้นดี มันเป็นเพราะว่าเมื่อเขาป้ายน้ำหินจิตน้ำหมึกนานเกินไป ก่อนที่เขาจะป้ายเสร็จก็เกิดรูเล็ก ๆ หนาแน่นบนตัวพลองที่ไหม้จนถึงขีดจำกัดจากเพลิงแท้แล้ว
เป็นตอนนั้นที่ถังฮวนตระหนักได้ว่าเขากำลังตีพลอง ไม่ใช่ตีกระบี่
ความยาวของพลองนั้นยาวกว่ากระบี่หลายเท่า และเวลาที่ใช้ป้ายน้ำอัญมณีก็นานกว่ามาก แน่นอนว่าเวลาในการป้ายก็แตกต่างกันด้วย
“ห้าสิบเหรียญทองหายไปแล้ว!”
ถังฮวนพูดอย่างขมขื่น ความขาดทุนครั้งนี้ไม่ได้มาก แต่ถ้าให้พูด แม้แต่หินจิตน้ำหมึกที่ถูกที่สุดก็ราคาห้าสิบเหรียญทองแล้ว
“บัดซบ! ข้าจะทำอีก ข้าจะใช้หินจันทราเงาตีดาบ!”
“...”