ตอนที่ 20 ปรมาจารย์ช่างตีอาวุธ?
“ถังฮวนดูดซับแก่นแท้เพลิงหยางลึกล้ำในหินโอสถจนหมดแล้วงั้นรึ?”
ที่ตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองคลื่นคลั่ง ที่สวนตระกุลกู้ เสียงตกใจดังมาจากชายวัยกลางคนที่ตัวสูงดูสง่างาม
“ใช่”
กู้เฟยก้มหน้าพูดเสียงค่อย
เมื่อนางกลับบ้านนางก็เป็นเช่นนี้ มีสามตระกูลใหญ่ในเมืองคลื่นคลั่งและตระกูลกู้ก็เป็นหนึ่งในนั้น ในฐานะลูกสาวคนเดียวของเจ้าตระกูล นางมักจะภูมิใจในตัวเองเสมอ เมื่ออายุสิบห้าปี นางเปิดเส้นปราณที่เก้าและเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสาม พรสวรรค์ของนางเหนือกว่าใคร
นางถึงกับมีพรสวรรค์ในการตีอาวุธด้วย
ตั้งแต่ที่นางผสานกับเพลิงแท้ได้สำเร็จเมื่อปลายปีที่แล้ว นางก็เริ่มเรียนรู้การตีอาวุธ เมื่อวานนางได้มีโอกาสได้ตีอาวุธระดับต่ำในที่สุด ในวันนี้นางจึงวิ่งไปที่หออาวุธเทพเพื่อเข้าร่วมการทดสอบ สุดท้ายนางก็ถอดใจไปเฉย ๆ และยอมแพ้ในการสอบรอบที่สอง
คงจะไม่เป็นไรถ้าหากนางพ่ายแพ้โดยนักตีอาวุธชื่อดังในเมืองคลื่นคลั่ง แต่นางกลับพ่ายแพ้ให้กับลูกนอกสมรสของตระกูลถัง
ผู้เข้าร่วมคนอื่นอาจจะไม่รู้ตัวตนของถังฮวน แต่นางรู้และยังเคยได้พบเขามากกว่าหนึ่งครั้งในหลายปีที่ผ่านมา
แน่นอนว่าทุกครั้งที่นางพบถังฮวนมันมักจะเป็นตอนที่เขาถูกดูถูกและรังแกอย่างรุนแรงจากคนตระกูลถัง แม้ว่าถังฮวนจะเต็มไปด้วยบาดแผลในทุกครั้ง เขาก็ไม่เคยอ้อนวอนขอความเมตตา นั่นทำให้นางยอมรับในตัวเขาและประทับใจเขามาก เมื่อนางเจอถังฮวนในวันนี้ กู้เฟยก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเดิม
ที่นางจำได้ ถังฮวนนั้นบ่มเพาะปราณแท้ไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เขาก็มารับการทดสอบนักตีอาวุธงั้นหรือ?
แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่น่าเชื่อสำหรับนางไปเลย
ในเวลาแค่สิบห้านาที เขาหลอมหินหยกเย็นด้วยเปลวเพลิงอันดุร้ายเหนือกว่าพวกนางอย่างมาก และเขายังมีโอกาสได้เข้าไปยังห้องอาวุธลับ และจากนั้นในรอบสองของการทดสอบเขาก็ใช้เปลวเพลิงที่แข็งแกร่งกว่าเดิมในการหลอมหินหยกเย็นเดิมและผสานเข้ากับกระบี่ด้วยทักษะที่สูงมาก
ความสามารถของถังฮวนนั้นคู่ควรแก่การได้รับฉายาช่างตีอัจฉิรยะ
แม้ว่าหลังจากกู้เฟยจะกลับบ้านมาแล้ว นางก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดถังฮวนถึงได้เปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนั้นในเวลาอันสั้น?
“กู้เฟย เจ้าคิดว่าหินโอสถก้อนนั้นใหญ่แค่ไหนรึ?”
ชายวัยกลางคนในชุดขาวยิ้ม
“อาจจะใหญ่เท่านี้”
กู้เฟยทำมือให้เขาดู และมันดูเหมือนจะขนาดเท่าชามข้าว
“ไม่ใช่!”
ชายวัยกลางคนชุดขาวยืดมือของเขาสองข้างและวางนิ้วบนอก
“หินโอสถหยางลึกล้ำในหออาวุธเทพน่ะ ใหญ่เท่านี้”
“ใหญ่ขนาดนั้นเลยรึ? ท่านพ่อไม่ได้คิดผิดใช่ไหม?”
กู้เฟยสะดุ้งและมองแขนทั้งสองข้างของชายชุดขาวด้วยความสับสน ชายคนนี้คือพ่อของนางและยังเป็นเจ้าตระกูลกู้ กู้จิงเฉิง
หินโอสถขนาดเท่าหินโม่ แบบนั้น…จะเป็นไปได้หรือ?
ใบหน้างดงามของกู้เฟยนั้นไม่เชื่อคำพูดเขา แก่นแท้เพลิงหยางลึกล้ำที่บรรจุอยู้ในหินโอสถนั้นจะมากมายเพียงใดกัน? ช่างตีอาวุธระดับต่ำคนเดียวดูดซับมันหมดในเวลาไม่ถึงสี่ชั่วโมงได้อย่างไร? เป็นไปได้หรือไม่ว่าแก่นแท้เพลิงหยางลึกล้ำในหินถูกดูดซับไปแทบจะหมดแล้ว?
บางทีอาจจะมีทางเดียวที่อธิบายได้
“แน่นอนว่าใช่ มู่คุยเป็นเพื่อนสนิทของพ่อ และเขาก็พูดออกมาด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น แก่นแท้เพลิงหยางลึกล้ำในหินโอสถยังเหลืออยู่มากมายอีกด้วย”
กู้จิงเฉิงพูดและหัวเราะ
“แล้วพ่อก็อยากจะให้ข่าวกับเจ้า เพลิงแท้ของถังฮวนคนนั้นเพิ่งจะผสานกันเมื่อเจ้า และเพลิงแท้ของเขาก็เป็นเพลิงแท้ที่ได้รางวัลมาจากการใช้เสาเงาเพลิงจากร้านอาวุธสมุทรดารา เสาเพลิงที่เขาจุดได้นั้นสูงสิบสองเมตร! ยิ่งไปกว่านั้นเขายังไม่ได้มีร่างกายธาตุไฟ แต่เป็นธาตุโลหะ!”
“สิบ…สิบสองเมตร? ร่างธาตุโลหะ?”
กู้เฟยตัวแข็งทื่อในทันที
ก่อนที่นางจะพยายามผสานกับเพลิงแท้ นางเองก็ลองใช้เสาเงาเพลิงมาก่อน นางจุดเสาเงาเพลิงได้สูงสี่เมตร นี่นับว่าเป็นผลที่ดี แต่กลับกัน ถังฮวนนั้นจุดได้สูงถึงสิบสองเมตรซึ่งมากกว่านางถึงสามเท่า คงจะไม่เป็นไรถ้าเขาทำได้แบบนั้น แต่เขากลับมีร่างกายเป็นธาตุโลหะ และยังผสานกับเพลิงแท้สำเร็จอีกด้วย!
ความแตกต่างมันจะมากเกินไปแล้ว!
“ใช่แล้ว ข้าอยู่บนชั้นสามของร้านอาวุธวันนั้น”
กู้จิงเฉิงถอนหายใจ
“ลูกพ่อ เจ้าไม่จำเป็นต้องใส่ใจความล้มเหลวในวันนี้มากนัก มีคนไม่มากที่จะเทียบกับอัจฉริยะระดับนี้ได้ ข้าไม่คิดจริง ๆ ว่าลูกนอกสมรสที่ถูกทิ้งและเนรเทศออกจากตระกูลถังจะเป็นช่างตีอัจฉริยะ…โอ้ น่าสนใจยิ่งนัก น่าสนใจเหลือเกิน ถังเทียนเหริน ไอ้บ้านั่น ถ้าเขารู้เรื่องนี้ แม้แต่ท้องไส้ก็ต้องปั่นป่วนเพราะความโศกเศร้าแน่ ฮ่าฮ่า! เยี่ยมจริง ๆ!”
… …
“เป็นไปได้ด้วยหรือ?”
ที่ตอนเหนือของร้านตีอาวุธเมืองคลื่นคลั่ง ถังฮวนเบิกตากว้างเมื่อมองตราหยกสองชิ้นที่เขาวางบนโต๊ะไม้
ในตราหยกสองชิ้นนี้ ตราสีดำคือตราช่างตีอาวุธระดับต่ำที่เขาเพิ่งจะได้รับมา และตราสีแดงที่เฒ่าช่างตีอาวุธทิ้งเอาไว้
นอกเหนือจากสีและตัวอักษรด้านหน้าแล้ว ตราหยกสองชิ้นนี้มีรูปร่าง ขนาด ความหนา และการออกแบบที่ด้านหลังเหมือนกับ แม้แต่ลวดลายรอบตัวอักษรก็เหมือนกันเป๊ะ บนตราหยกสีดำนั้นมีคำว่า “ต่ำ” อยู่ ส่วนตราหยกสีแดงนั้นเขียนคำว่า “ปรมาจารย์” เอาไว้
จากแค่นี้ก็บอกได้แล้วว่ามันเป็นตราหยกแดงของช่างตีอาวุธเช่นกัน
คำว่า “ต่ำ” ในตรานั้นแทนที่ช่างตีอาวุธระดับต่ำ จากเรื่องนี้ก็พอจะบอกได้ว่าคำว่า “ปรมาจารย์” นั้นสื่อถึงปรมาจารย์ช่างตีอาวุธ!
“ตาแก่เป็นปรมาจารย์ช่างงั้นหรือ?”
ทันใดนั้นความคิดก็แล่นผ่านสมองเขา กรามล่างของถังฮวนแทบจะหล่นติดโต๊ะ มีช่างตีอาวุธระดับต่ำ ระดับกลาง ระดับสูง ระดับเชี่ยวชาญ และระดับปรมาจารย์ในหมู่ช่างตีอาวุธด้วยกัน ปรมาจารย์ช่างนั้นถือว่าเป็นจุดสูงสุดของทั้งดินแเดนรุ่งโรจน์ พวกเขาหาตัวได้ยากมากและมักจะไม่ปรากฏตัวให้เห็น
ถ้าหากปรมาจารย์ช่างไม่ได้อยู่ในเมืองช่างสวรรค์ พวกเขาจะต้องถูกคารวะโดยตระกูลราชวงศ์ของทั้งสามอาณาจักร แล้วเขามาอาศัยอยู่ในร้านตีอาวุธเล็ก ๆ ในเมืองคลื่นคลั่งได้อย่างไร?
ตราปรมาจารย์ช่างนี้อาจจะถูกเขาเจอมาที่ไหนสักแห่รึ? หรือว่าเป็นของที่บรรพบุรุษส่งต่อมา?
จะต้องเป็นแบบนั้นแน่!
ถังฮวนกลับมาคิดถึงความเป็นจริงและพบว่ามันอธิบายเรื่องการมีอยู่ของตราหยกที่เป็นตัวแทนตัวทนของปรมาจารย์ช่างได้ดีกว่า
“เขาไปไหนกันนะ ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก?”
เมื่อเขาตัดสินได้แล้วจิตใจของถังฮวนที่ตื่นเต้นก็สงบลง เขาขี้เกียจเกินกว่าจะไปคิดถึงมันอีกแล้ว เขาเก็บตราหยกเอาไว้และภาพใบหน้าหยาบกร้านของชายแก่ที่เต็มไปด้วยรอยไหม้ด้านข้างก็แล่นผ่านสมอง มันเป็นภาพที่มาจากความทรงจำเก่าของเด็กหนุ่มถังฮวนและทำให้เขาคิดถึงชายชรา
ผ่านมานานกว่าที่ถังฮวนจะสงบใจลงและเริ่มบ่มเพาะพลัง
ฐานะช่างตีอาวุธระดับต่ำนั้นเทียบเท่ากับการรับประกันตัวเขา ตราบเท่าที่เขาไม่ออกจากเมืองคลื่นคลั่ง เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับการตอบโต้จากตระกูลถัง แม้ว่าตระกูลถังจะเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของเมืองคลื่นคลั่ง แต่พวกเขาก็ไม่กล้าท้าทายกับความยิ่งใหญ่ของ “หออาวุธเทพ”
ดังนั้นถังฮวนจึงมั่นใจและกล้าอยู่ในร้านตีอาวุธอย่างสงบและบ่มเพาะพลังต่อไป
และวันนี้ ไม่เพียงแต่เขาจะผสานกับเพลิงแท้แล้ว เขายังเปิดเส้นปราณได้เพิ่มอีกเส้นและดูดซับแก่นแท้เพลิงหยางลึกล้ำมาในจำนวนมหาศาล …เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วเกินไป เขาต้องการเวลาทำให้รากฐานของเขามั่นคงขึ้น จากนั้นแล้วเขาจะได้เดินหน้าต่อไปในวิถีบ่มเพาะพลัง
ในวันต่อ ๆ ไป ถังฮวนอยู่ในร้านตีอาวุธและไม่ออกไปไหน
และก็เป็นอย่างที่เขาคิด ตระกูลถังนั้นหวาดกลัวชื่อเสียงของหออาวุธเทพและไม่มาแก้แค้น แต่ข่าวเรื่องที่เขาจุดไฟเสาเงาเพลิงได้สิบสองเมตรที่ร้านอาวุธสมุทรดาราก็กระจายออกไปทั้งเมืองแล้ว และมีจอมยุทธที่มาที่ร้านมากกว่าเดิมด้วย
หลังจากรู้แล้วว่าเขาเป็นช่างตีอาวุธระดับต่ำ มันก็ยิ่งมีคนมากกว่าเดิมมาหาเขาให้ตีอาวุธระดับต่ำให้
แต่เขาก้ไม่เคยตีอาวุธระดับต่ำจริง ๆ มาก่อน เขาจะไปรับงานได้อย่างไร? สุดท้ายถังฮวนก็รับปัญหาไม่ได้อีกต่อไปและปิดร้านไปเฉย ๆ
เวลาได้ผ่านไปสิบวันอย่างรวดเร็ว
ในเช้าตรู่ที่สวนในบ้าน ถังฮวนถือดาบในมือและกระโดดขึ้นราวกับมังกร เขาใช้เก้ากระบวนท่ามังกรหลงจนถึงขีดจำกัดสูงสุด ด้วยการกวัดแกว่งดาบ “ฟึ่บ” “ฟึ่บ” เสียงฟันผ่านอากาศดังอย่างต่อเนื่อง เทียบกับสิบวันก่อนแล้วในวันนี้เขาชำนาญวิชากว่าเดิมมาก
“แกร๊ก!”
เมื่อใช้กระบวนท่าสุดท้าย เสียงแตกดังใสก็ดังขึ้น ดาบยาวในมือถังฮวนหักอีกครั้ง และนี่ก็เป็นดาบเล่มที่สามที่เขาทำหักในสิบวันที่ผ่านมา
“ข้ารอไม่ได้อีกแล้ว!”
ถังฮวนส่ายหน้าพูดไม่ออก เขาพึมพำกับตัวเอง
“พลังบ่มเพาะข้ารากฐานมั่นคงแล้ว ถึงเวลาที่ข้าจะตีอาวุธระดับต่ำให้ตัวเองเสียที”