ตอนที่ 150: สำนักงานใหญ่สมาพันธ์จัสทิส
ตอนที่ 150: สำนักงานใหญ่สมาพันธ์จัสทิส
เมืองหลวงเป็นคำเรียกติดปากที่ถูกเรียกโดยทั่วไป เพราะคำที่ถูกต้องจริง ๆ ควรจะต้องถูกเรียกว่ากลุ่มดาวนครหลวง เนื่องจากว่าดาวทั้งกาแล็กซี่วีนอลต่างก็อยู่ภายใต้เขตของเมืองหลวงทั้งหมด
กาแล็กซี่ทางช้างเผือกมีดาวเคราะห์ที่เอื้อต่อสิ่งมีชีวิตคือดาวโลกเพียงดวงเดียว แต่ดาวในกาแล็กซี่วีนอล 29 ใน 51 ดวงเป็นดาวเคราะห์ที่สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้ ซึ่งผู้คนในพันธมิตรมีความเชื่อกันว่ากาแล็กซี่นี้คือของขวัญจากพระเจ้า
ดาวแต่ละดวงในกาแล็กซี่จะมีความสำคัญที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างเช่น ดาววีนอล 17 เป็นดาวซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเมืองของพันธมิตร มันจึงมีรัฐสภา, ศาลสูงสุดและหน่วยงานรัฐหน่วยต่าง ๆ ตั้งอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้
ขณะเดียวกันดาววีนอล 20 ก็เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของพันธมิตร มันจึงเป็นสถานที่ตั้งของธนาคารสำนักงานใหญ่เกือบทั้งหมด, บริษัทหลักทรัพย์และบริษัทการเงินขนาดใหญ่ต่าง ๆ ที่อยู่ภายในกลุ่มพันธมิตร
ดาววีนอล 36 เป็นศูนย์บัญชาการทางการทหาร มันจึงเป็นสถานที่ตั้งของกองทัพและองค์กรนักสู้ต่าง ๆ
ตำนานเล่าขานกันว่ากาแล็กซี่วีนอลเป็นแหล่งกำเนิดของมนุษย์ตั้งแต่สมัยเมื่อนานมาแล้ว โดยมนุษย์คนแรกที่ถือกำเนิดขึ้นมาเริ่มเรียนรู้การใช้เครื่องมือและเริ่มสร้างภาษาของตนเอง
ด้วยอายุของกาแล็กซี่ที่มีมาอย่างยาวนาน มันจึงทำให้การพยายามตรวจสอบความจริงจากตำนานเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ถึงกระนั้นความเจริญรุ่งเรืองของกาแล็กซี่นี้ก็ถือว่าเป็นของจริง
ก่อนที่เซี่ยเฟยจะเคลื่อนที่เข้าสู่กลุ่มดาวนครหลวง เขาก็กำลังรู้สึกตกตะลึงกับฉากที่มียานอวกาศด้านนอกหน้าต่างเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
กาแล็กซี่วีนอลมีการควบคุมยานอวกาศที่เข้าออกอย่างเข้มงวด มันจึงทำให้ยานที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถเดินทางเข้าไปภายในกาแล็กซี่ได้
ยานขนาดน้อยใหญ่ที่เซี่ยเฟยเห็นนอกหน้าต่างพวกนี้ต่างก็จอดที่บริเวณขอบกาแล็กซี่เพื่อรอการตรวจสอบ และเมื่อไหร่ที่พวกเขาได้รับการยืนยันพวกเขาจึงจะสามารถเดินทางเข้าไปภายในกาแล็กซี่ได้
ห่างจากแวมไพร์ออกไปไม่ไกลมีกองยานป้องกันขนาดใหญ่มหึมากำลังเคลื่อนที่อย่างช้า ๆ ท่ามกลางอวกาศ
ภายในกองยานประกอบไปด้วยยานบัญชาการ 1 ลำ, ยานประจัญบาน 2 ลำ, ยานแบทเทิลครุยเซอร์ 12 ลำ นอกจากนี้มันยังมียานเดสทรอยเยอร์และยานฟริเกตขนาดเล็กที่บินอยู่รอบ ๆ เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
กองยานที่แข็งแกร่งขนาดนี้ประจำการอยู่ใกล้ ๆ กลุ่มดาวนครหลวงถึงแปดกอง มันจึงทำให้การป้องกันของกาแล็กซี่นี้มีความเหนียวแน่นมากที่สุดทั่วทั้งเขตของพันธมิตร
เซี่ยเฟยจ้องมองไปที่กองยานนี้เพื่อฆ่าเวลาและกำลังรอเข้าสู่กลุ่มดาวนครหลวงอย่างใจจดใจจ่อ เพราะท้ายที่สุดนี่ก็เป็นโอกาสครั้งแรกที่เขาจะได้พบกับแอวริลตัวเป็น ๆ มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นอยู่เล็กน้อย
“ขอให้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอเถอะ” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับพ่นควัน
ต่อมาแวมไพร์ก็ได้ถูกนำทางลงไปจอดบนดาวเคราะห์บริเวณรอบนอกของกลุ่มดาวนครหลวงซึ่งเป็นสถานที่ที่เอาไว้ตรวจสอบคนเข้าเมือง หลังจากที่ชายหนุ่มชำระค่าธรรมเนียมในการจอดยานแล้ว เขาก็รีบมุ่งหน้าไปยังศูนย์ขนส่งผู้โดยสารระหว่างดวงดาวเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปในกลุ่มดาวนครหลวง
ระหว่างทางชายหนุ่มต้องผ่านการตรวจสอบที่ซับซ้อนหลายขั้นตอน ก่อนที่เขาจะได้ขึ้นโดยสารยานความเร็วสูงที่มุ่งหน้าไปยังดาววีนอล 15 ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สมาพันธ์จัสทิส
ก่อนไปพบกับแอวริลเซี่ยเฟยจะต้องเข้าไปส่งจดหมายของฉินหมางให้กับคนที่ชื่อ ‘ทูราม’ เสียก่อน จากนั้นเขาจะต้องมุ่งหน้าไปยังดาววีนอล 21 เพื่อจดสิทธิบัตรเครื่องขยายพลังชาร์จแล้วค่อยเดินทางไปยังดาววีนอล 24 เพื่อพบกับแอวริล
เวลาเพียงแค่ 72 ชั่วโมงถือได้ว่าเป็นเวลาที่ค่อนข้างจำกัด โชคดีที่ยานโดยสารของกาแล็กซี่นี้สามารถเดินทางได้ด้วยความเร็วสูงและมันก็เปิดให้บริการตลอดทั้งวันทั้งคืน
ยานโดยสารจะออกจากท่าทุก ๆ 5 นาทีและใช้เวลาในการเดินทางข้ามดวงดาวมากที่สุดเพียงแค่ 1 ชั่วโมง มันจึงทำให้การเดินทางโดยยานโดยสารเหล่านี้มีความสะดวกสบายคล้าย ๆ กับการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินของดาวโลก เพียงแต่ว่าการเดินทางในครั้งนี้เป็นการเดินทางข้ามดวงดาว
ดาววีนอล 15 ก็มีความสำคัญเหมือนกับดาวอื่น ๆ ในกาแล็กซี่ เพราะมันเป็นดาวซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสำนักงานใหญ่สมาพันธ์จัสทิส, สำนักงานใหญ่สมาพันธ์เฮอร์มิทและองค์กรนักสู้ต่าง ๆ อีกหลายพันองค์กร
มันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าดาวดวงนี้คือสถานที่ตั้งของสมาพันธ์นักสู้อิสระที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพ
ทันทีที่เซี่ยเฟยก้าวเท้าออกจากสนามบินเขาก็ได้พบกับท้องถนนที่มีนักสู้ชั้นยอดเดินไปมาอย่างขวักไขว่ โดยนักสู้พวกนี้ได้สวมเครื่องแบบองค์กรของตัวเองและพวกเขาก็เดินยืดอกโชว์ตราสัญลักษณ์ขององค์กรอย่างภาคภูมิใจ
จากนั้นชายหนุ่มก็เรียกรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าตรงไปยังสำนักงานใหญ่ของสมาพันธ์จัสทิส แต่ชายชราผู้ขับแท็กซี่เป็นคนที่พูดเก่งมากจนทำให้เซี่ยเฟยต้องพูดคุยกับชายชราคนนี้ไปตลอดทาง
หลังจากวิ่งไปสักพักรถแท็กซี่ก็มุดเข้าไปในอุโมงค์ยาวที่ต้องใช้เวลาในอุโมงค์ถึงครึ่งชั่วโมง ก่อนที่รถแท็กซี่จะโผล่ออกมาจากอุโมงค์และเผยให้เห็นเมืองขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้า
เมืองแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมาบนเกาะขนาดต่าง ๆ ที่เชื่อมต่อกันมากกว่า 12 เกาะ มันจึงมีทะเลสีฟ้าและระลอกคลื่นเป็นทิวทัศน์อันสวยงามอยู่เชื่อมติดกับเมือง
เซี่ยเฟยเปิดกระจกพร้อมกับสูดกลิ่นลมทะเลเข้าไปอย่างสดชื่น ซึ่งมันก็ทำให้เขารู้สึกสบายตัวเป็นอย่างมาก
“ตอนนี้สมาพันธ์จัสทิสเปิดให้บริการแล้วหากใครต้องการจะเข้าไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ก็จำเป็นจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียม 1 ล้านสตาร์คอยน์ แต่ถ้าหากว่าใครต้องการจะเข้าไปเยี่ยมชมยังแผนกลับต่าง ๆ พวกเขาก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม” ชายชราผู้ขับรถแท็กซี่อธิบาย
“แม้แต่สำนักงานใหญ่ก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวได้อย่างนั้นหรอ? วิธีทำการค้าของสมาพันธ์จัสทิสถูกฝังเอาไว้ในไขกระดูกของพวกเขาจริง ๆ” อันธที่อยู่ข้าง ๆ เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“ฉันว่ามันก็ปกตินี่ ถ้าทางสมาพันธ์ไม่มีเงินพวกเขาจะเลี้ยงดูนักสู้ชั้นยอดขึ้นมาได้ยังไง นอกจากนี้การเปิดให้คนทั่วไปได้เข้าชมก็จะทำให้ผู้คนรู้สึกใกล้ชิดกับจัสทิสมากยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพวกหัวรุนแรงแต่พวกเขาก็ฉลาดใช้ได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อย่าลืมสิพวกเราเป็นนักสู้! พวกเราจะเห็นเงินมาก่อนได้ยังไง พวกเราควรจะต้องอุทิศตนให้กับการฝึกฝน!” อันธกล่าวอย่างไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเซี่ยเฟย
—
เซี่ยเฟยได้แสดงจดหมายของสมาพันธ์ตรงบริเวณทางเข้า มันจึงทำให้เขาสามารถที่จะเข้าไปภายในสำนักงานใหญ่ได้อย่างราบรื่น
หน้าตาของเมืองซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของสมาพันธ์ถูกจัดระเบียบเอาไว้เป็นอย่างดี ตั้งแต่การวางตำแหน่งอาคารไล่ลำดับความสูงไปจนถึงอาคารทั้งหมดที่ถูกกำหนดโครงสร้างให้เป็นสีขาวจนทำให้เซี่ยเฟยแอบนึกถึงเมืองในยุคโรมัน
นอกจากนี้ตามท้องถนนยังเต็มไปด้วยสถานบันเทิงต่าง ๆ อย่างมากมายเพื่อให้จัสทิสที่อาศัยอยู่ที่นี่รู้สึกผ่อนคลายได้อย่างเต็มที่
เมืองแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากถึงขนาดที่รถแท็กซี่ต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่า 1 ชั่วโมง ชายหนุ่มจึงจะเดินทางไปจนถึงแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของเขา
ชายหนุ่มบอกให้คุณตาคนขับรถแท็กซี่รออยู่ที่นี่ก่อน เพราะทันทีที่เขาทำธุระเสร็จเขาต้องรีบไปยังจุดหมายต่อไปทันที ท้ายที่สุดเวลาที่เขาสามารถอยู่ในกลุ่มดาวนครหลวงได้ก็มีอยู่อย่างจำกัด ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาทุกนาทีให้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด
เมื่อมองจากภายนอกแผนกอาวุธยุทโธปกรณ์ของสมาพันธ์เป็นเหมือนปราสาทเก่า ๆ ที่มีกำแพงทำขึ้นมาจากหินสีขาว แต่มันก็มีคราบน้ำสีดำและวัชพืชสีเขียวเกาะกลุ่มตามฝาผนังทำให้มันกลายเป็นสถานที่ที่ดูจะค่อนข้างแปลกประหลาดกว่าอาคารใกล้ ๆ อยู่เล็กน้อย
คนเฝ้าประตูทุกคนต่างก็ติดตราสัญลักษณ์ของสมาพันธ์เอาไว้ที่หน้าอก โดยผู้ที่มียศสูงที่สุดคือจัสทิสระดับ 4 ดาวเงิน ขณะที่ผู้ที่มียศต่ำที่สุดก็ยังเป็นถึงจัสทิสระดับ 2 ดาวเงิน
“สมกับเป็นสำนักงานใหญ่ของทางสมาพันธ์จัสทิสจริง ๆ ถ้าหากคนพวกนี้ไปอยู่ในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่พวกเขาก็สามารถเป็นเสาหลักของสมาพันธ์ที่นั่นได้อย่างง่ายดาย แต่เมื่อพวกเขามาอยู่ที่นี่พวกเขาก็ทำหน้าที่ได้เพียงแค่เฝ้าประตูเท่านั้น” อันธกล่าวหลังจากที่ได้เห็นยศของผู้เฝ้าประตู
เซี่ยเฟยพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของอันธ เพราะท้ายที่สุดการใช้จัสทิสระดับดาวเงินมาเฝ้าประตูก็เป็นเรื่องที่เวอร์วังอลังการมากเกินไป และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะต้องการมาเฝ้าประตูของสำนักงานใหญ่แต่เขาก็ยังมีคุณสมบัติไม่เพียงพอด้วยซ้ำ
หลังจากโชว์จดหมายอย่างเป็นทางการแล้วผู้เฝ้าประตูก็ทำการติดต่อไปหาทูราม ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานชายหนุ่มผมหยิกที่มีตราสัญลักษณ์ 5 ดาวเงินก็เดินออกมาจากปราสาท
“สวัสดีผมเป็นเลขาของผู้อำนวยการทูราม คุณคือเซี่ยเฟยใช่ไหม?” ชายหนุ่มผมหยิกเดินเข้ามาทักทายเซี่ยเฟยด้วยรอยยิ้ม
“ผู้อำนวยการ?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาอย่างสงสัยก่อนที่เขาจะจับมือทักทายกับอีกฝ่าย จากนั้นเขาก็ได้พูดต่อไปว่า
“ใช่ครับ ผมชื่อเซี่ยเฟย คุณตาฉินหมางขอให้ผมนำจดหมายนี้มามอบให้กับผู้อำนวยการทูราม”
คำอธิบายของเซี่ยเฟยทำให้ชายหนุ่มผมหยิกสะดุ้งเล็กน้อยและภายในแววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ โดยเฉพาะคำเรียกติดปากของเซี่ยเฟยที่เรียกฉินหมางว่าคุณตา แต่มันก็ทำให้ชายหนุ่มคนนี้มองมาที่เขาด้วยความเคารพ
“เชิญตามผมมาทางนี้ได้เลย”
ทันทีที่เซี่ยเฟยได้เข้าประตูเขาก็มองเห็นสวนขนาดใหญ่ที่ด้านหลังมีปราสาทโบราณอยู่ทั้งสิ้น 4 หลัง โดยอาคารตรงกลางเป็นอาคารทรงแปลกตาขนาด 5 ชั้นและมันก็เป็นอาคารที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่ที่สุด
บนผนังของปราสาทมีภาพของบุคคลต่าง ๆ ถูกติดเอาไว้บนผนังพร้อมกับข้อความอธิบายที่อยู่ด้านล่างว่าพวกเขาเคยสร้างประโยชน์อะไรให้กับทางสมาพันธ์บ้าง
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกคนบนรูปต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ตายไปแล้ว…
หลังจากที่ชายหนุ่มขึ้นบันไดไปบนชั้น 5 แล้วเดินเลี้ยวไปทางด้านซ้ายเขาก็ได้พบกับห้องทำงานของทูราม แต่ชายหนุ่มผมหยิกได้ขอให้เซี่ยเฟยรอด้านนอกก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปรายงานทูรามข้างในห้อง
ไม่กี่นาทีต่อมาเซี่ยเฟยก็ได้รับเชิญให้เข้าไปภายในห้อง ก่อนที่เขาจะได้เห็นชายชราอายุประมาณ 70 ปีนั่งใช้มือทั้งสองจับเอาไว้ที่คางและจับจ้องมองมาที่เขา
“จัสทิสระดับดาวเพชร!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาภายในใจด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาได้เห็นตราสัญลักษณ์ระดับสูงสุดของสมาพันธ์
มันคงไม่มีใครคาดคิดว่าคนที่คุณตาฉินหมางขอให้เขามาพบแท้จริงแล้วจะเป็นจัสทิสระดับดาวเพชร!!
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะรู้สึกตกตะลึงแต่ใบหน้าของเขาก็ยังคงแสดงออกไปอย่างสงบ
ขณะเดียวกันถึงแม้ทูรามจะอายุมากแล้วแต่ดวงตาของเขาก็ยังคงเฉียบคมราวกับเหยี่ยวและในตอนนี้เขาก็กำลังปล่อยจิตสังหารตรงไปยังเซี่ยเฟย
“เจตนาสังหาร?!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความสับสน เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมทูรามถึงต้องการจะฆ่าเขา
ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นใครหรือมีจุดประสงค์อะไรแต่เจตนาสังหารของอีกฝ่ายได้กระตุ้นสัญชาตญาณระวังภัยของเขาขึ้นมาในทันที และตราบใดก็ตามที่อีกฝ่ายเคลื่อนไหวเพียงแค่เล็กน้อย เซี่ยเฟยก็จะทำการใช้เซเลสเชียลมูนโจมตีออกไปโดยไม่ลังเล
บรรยากาศแปลก ๆ ภายในห้องยังคงดำเนินต่อไป โดยทูรามได้ใช้ดวงตาจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยในระยะ 7-8 เมตร ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็ยังคงไม่เคลื่อนไหวทำอะไรจนชายหนุ่มผมหยิกที่อยู่ข้าง ๆ ต้องถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัวให้กับตัวเอง
‘ทำไมจู่ ๆ นิสัยเก่าของผู้อำนวยการถึงกำเริบขึ้นมาอีกแล้ว?’
ระหว่างอยู่ภายในดาวมรดกเซี่ยเฟยต้องรับเจตนาสังหารที่รุนแรงเข้าไปทุกวัน ดังนั้นถึงแม้ว่าเจตนาสังหารของทูรามจะอยู่ในระดับที่น่ากลัว แต่มันก็ยังอยู่ในขอบเขตที่เขาสามารถรับได้
ทูรามรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยที่เซี่ยเฟยสามารถทนรับจิตสังหารของเขาได้อย่างยาวนานโดยที่ไม่เป็นอะไร
“ฮึ่ม!” ทูรามส่งเสียงคำรามในลำคอก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งขึ้นสูงราวกับนกอินทรีและมีเป้าหมายในการโจมตีคือเซี่ยเฟย!
***************
หะ? มันเกิดอะไรขึ้น?!