บทที่ 970 (91) มาดูกันว่าหรงเผิงกรุ๊ปจะต้านทานได้อย่างไร!(ตอนฟรี)
บทที่ 970 (91) มาดูกันว่าหรงเผิงกรุ๊ปจะต้านทานได้อย่างไร!
เมื่อจี้เฟิงลุกขึ้นจากเตียง เขาก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว
นี่เขานอนยาวจนถึงบ่ายสามเลยหรือ?!
มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างบิดเบี้ยว ดูเหมือนว่าเมื่อคืนนี้จะใช้เวลานานพอควรเลยในการบุกป่าฝ่าดงจนพบทางออก ซึ่งน่าจะเป็นเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ของเขาแล้วในตอนนี้
“แต่สิ่งที่ได้รับมาก็ไม่ใช่เล่นๆเลย...” จี้เฟิงเหยียดแขนของเขาและทันใดนั้นก็มีเสียงแตกเหมือนประทัดชุดหนึ่ง มันเป็นการแสดงให้เห็นว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งเพียงใด
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะในความรู้สึกของจี้เฟิง ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้คือการที่เขาได้เรียนรู้วิธีสร้างม่านแสงสามมิติเสมือนจริงในคืนเดียว!
“ขอบคุณสำหรับความทรงจำขั้นเทพ! ความจำที่ไม่มีวันลืม! ... เพียงแค่ต้องใช้เวลารื้อนิดหน่อย..” จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขอบคุณมากจริงๆ เพราะถ้าไม่ใช่เพราะความทรงจำที่เหมือนกับเก็บภาพถ่ายเอาไว้ในหัว เขาอาจจะไม่สามารถเรียนรู้มันได้อย่างเต็มที่ นับประสาอะไรกับแค่คืนเดียว เกรงว่าเป็นสัปดาห์ก็อาจไม่สามารถเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
แน่นอนว่านอกเหนือจากความจำที่ไม่ลืมแล้ว ยังต้องขอบคุณความรู้ด้านเครื่องจักรและอาวุธที่จี้เฟิงได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ด้วย
เป็นเพราะความรู้ต่างๆที่จี้เฟิงได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้ทำให้เขาเชี่ยวชาญเทคโนโลยีการสร้างม่านแสงสามมิติเสมือนจริงได้อย่างรวดเร็ว หากไม่มีพื้นฐานเหล่านี้ปูเอาไว้ก่อน แม้ว่าเขาจะสามารถจำสิ่งที่ชายชราคนนั้นพูดเกี่ยวกับม่านแสงได้ แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะมันมาปะติดปะต่อและทำความเข้าใจกับมัน
เขาส่ายหัวเล็กน้อยและโยนความคิดเหล่านี้ทิ้งไป จี้เฟิงลุกขึ้นและเดินไปรอบๆและพบว่าในวิลล่าเหลือเขาอยู่เพียงคนเดียว ถงเล่ยและเซียวหยูซวนเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้เขาเพื่อบอกว่าพวกเธออยู่ที่ไหน
ถงเล่ยนั้นไปมหาวิทยาลัย ส่วนเซียวหยูซวนไปที่เถิงเฟยกรุ๊ป จี้เฟิงจึงเป็นคนเดียวที่อยู่วิลล่า
และนี่ก็ทำให้เขามีเวลาได้เรียบเรียงความคิดของเขาพอดี
หลังจากที่เขาทำความสะอาดร่างกายอย่างง่ายๆเขาก็ขับรถออกไปทันที ในเมื่อเขาได้เรียนรู้วิธีการสร้างม่านแสงสามมิติเสมือนจริงมาแล้ว ก็ย่อมต้องลองลงมือทำให้เร็วที่สุด
ยิ่งเขาลงมือเร็วเท่าไหร่ การผลิตม่านแสงสามมิติเสมือนจริงก็จะเกิดขึ้นเร็วเท่านั้น
ในความเป็นจริง นี่คือวิธีที่จี้เฟิงคิดขึ้นเพื่อให้โรงงานเด็กซ์ซิง อิเล็กทรอนิกส์หลุดพ้นจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก
โรงงานเด็กซ์ซิง อิเล็กทรอนิกส์ในปัจจุบันต้องการยอดขายแต่กลับไม่มียอดขายเพิ่ม ต้องการเทคโนโลยีในการพัฒนาแต่กลับไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีแม้แต่เงินทุน โรงงานที่เป็นแบบนี้นอกจากรอวันล้มละลายและปิดตัวลงก็คงไม่มีคำตอบอื่นแล้ว
ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงมีแต่ต้องมองหาทางออกอื่นและเปลี่ยนแนวความคิดเดิมโดยตรง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากกิจการเดิมของโรงงานเด็กซ์ซิง อิเล็กทรอนิกส์ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์สำหรับทีวีและเครื่องใช้ไฟฟ้าบางชนิด หากผลิตภัณฑ์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน คนงานเหล่านั้นจะไม่สามารถปรับตัวได้ในระยะเวลาอันสั้น และเป็นการยากที่จะเปิดการขายได้ในทันทีเนื่องจากไม่มีช่องทางการตลาดที่อิ่มตัว มันยากมากที่จะขายผลิตภัณฑ์ใหม่
ดังนั้นจี้เฟิงจึงตัดสินใจที่จะเริ่มต้นด้วยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประการแรกคือต้องเข้าซื้อกิจการของโรงงานเด็กซ์ซิง อิเล็กทรอนิกส์ และทำให้กลายเป็นฐานการผลิตชิ้นส่วนภายใต้สังกัดของเถิงเฟยกรุ๊ป!
สำหรับคำถามเกี่ยวกับการประกอบชิ้นส่วนให้เข้ากับเครื่องรับโทรทัศน์นั้นจี้เฟิงยังไม่ได้คิดเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วน และเขาก็ยังไม่แน่ใจด้วยว่าจะยินดีให้เถิงเฟยกรุ๊ปเข้าสู่อุตสาหกรรมไฟฟ้าหรือไม่
แน่นอนว่าประเด็นนี้สามารถเลื่อนออกไปเพื่ออภิปรายในภายหลังได้ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการสร้างม่านแสงสามมิติเสมือนจริง
ลองนึกดูว่าเมื่อม่านแสงสามมิติเสมือนจริงเข้าสู่ตลาดจริงๆ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะยิ่งใหญ่มหาศาลขนาดไหน แค่นึกภาพก็ทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นเต้นแล้ว
ตามพารามิเตอร์ทางเทคนิคต่างๆ จี้เฟิงขับรถไปที่ร้านฮาร์ดแวร์ก่อนเพื่อซื้อหัวแร้งไฟฟ้าและเครื่องมืออื่นๆ
จากนั้นจึงซื้อวัสดุและเครื่องมือที่จำเป็น
กว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดนี้ก็ค่ำแล้ว จากนั้นจี้เฟิงก็พุ่งตรงไปยังห้องควบคุมในห้องใต้หลังคาของวิลล่าและเริ่มการทดลองบนโต๊ะตัวหนึ่งในนั้น
ในการสร้างม่านแสงสามมิติเสมือนจริง อันที่จริงด้วยเทคโนโลยีบนโลกตอนนี้ สามารถผลิตชิ้นส่วนได้มากมาย สิ่งเดียวที่ขาดหายไปคือตัวกระตุ้นที่สำคัญ เนื่องจากไม่มีใครมีพารามิเตอร์ในด้านนี้ หรือมีเพียงไม่กี่คนที่ศึกษาด้านนี้ ดังนั้นจึงไม่มีเทคโนโลยีที่คล้ายกันปรากฏขึ้น
ดังนั้นตอนนี้อย่างมากก็มีแค่เทคโนโลยีสามมิติเท่านั้น แต่ถ้าต้องการนำเสนอภาพสามมิติในรูปแบบของม่านแสงนั้น มันเป็นไปไม่ได้เลย และสิ่งที่จี้เฟิงจะทำในตอนนี้คือส่วนที่สำคัญที่สุด มันเรียกว่า ทริกเกอร์! (สิ่งกระตุ้น)
...............
เช้าวันรุ่งขึ้น จี้เฟิงและคนอื่นๆในวิลล่ากำลังรับประทานอาหารเช้า
“จี้เฟิง สองวันมานี้นายเป็นยังไงบ้าง?” เซียวหยูซวนถามด้วยความเป็นห่วง “อย่านอนดึกนักสิ เมื่อวานก็ตื่นสาย เมื่อคืนก็ยุ่งจนดึกดื่น...”
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “ฉันกำลังค้นคว้าบางอย่าง แต่ใกล้จะเสร็จแล้วล่ะ!”
“นายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า” เซียวอยู่อดไม่ได้ที่จะถาม เพราะทันทีที่จี้เฟิงกลับมาจากพบปะกับจี้เส้าฮง เขาก็เข้าไปในพื้นที่ฝึกฝนทันที ดังนั้นเซียวหยูซวนและคนอื่นๆจึงไม่รู้ว่าจี้เส้าฮงมาที่เจียงโจว และไม่รู้ว่าจี้เฟิงกำลังเผชิญกับปัญหาอะไร
“นิดหน่อย.. อันที่จริงก็ไม่นิดหน่อย ลูกพี่ลูกน้องของฉันไปเจอปัญหาที่จีนตอนเหนือ...” จี้เฟิงอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างคร่าวๆ
เซียวหยูซวนขมวดคิ้วเล็กน้อยและพูดด้วยความหงุดหงิด “คนพวกนี้เป็นบ้าอะไรนักหนา? สร้างความเดือดร้อนให้กับโรงงานผลิตยาของเราในเจียงโจวไม่พอ นี่ยังไปสร้างความเดือดร้อนที่จีนตอนเหนืออีก? ถ้าไม่สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นจะอยู่ไม่เป็นสุขหรือยังไง?!”
“พวกนั้นไม่หยุดหรอก การต่อสู้เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากที่เข้าสู่แวดวงธุรกิจเต็มตัวแล้วเราจะพบว่าเมื่อเราทำได้ดี คนอื่นก็จะอิจฉา แต่ถ้าทำได้ไม่ดี คนอื่นๆก็พร้อมจะโจมตียึดครอง และถ้าคู่ต่อสู้มีเงินและอำนาจที่มากกว่า นั่นแหละปัญหาใหญ่ของจริง!”
จี้เฟิงส่ายหัวและหัวเราะ “เป็นไปไม่ได้เลยที่จะพัฒนาโดยไม่มีอุปสรรคหรือศัตรู!”
“ถ้าคนพวกนั้นล้ำเส้นกันมากเกินไป ก็แค่กำจัดพวกเขาไปให้สิ้นซาก จะได้ไม่เป็นการเปิดโอกาสให้พวกเขากลับมาสร้างปัญหาได้อีก!” เสียงเล็กๆที่จริงจังของถงเล่ยพูดขึ้น
คนอื่นๆพากันตกตะลึง ในขณะที่จี้เฟิงถึงกับหัวเราะพรวดออกมา เขายกนิ้วให้และกล่าวว่า “สุดยอด! เล่ยเล่ย เธอพูดถูกที่สุด!”
“เล่ยเล่ย... เธอเป็นคนหัวรุนแรงแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เซียวหยูซวนถามด้วยความประหลาดใจ
“มันไม่ใช่ความรุนแรง เพียงแต่สถานการณ์บีบบังคับ การจะก้าวขึ้นสู่อำนาจใดๆ หากเหยียบคนอื่นขึ้นไปได้ เราก็ต้องทำ!” ถงเล่ยยิ้มจางๆ “พี่หยูซวน พี่ก็ต้องสู้ๆนะ ไม่แน่อีกสักสามสี่ปี เราอาจจะได้เห็นนักธุรกิจหญิงผู้มีอำนาจและอิทธิล้นมือก็เป็นได้!”
“ยัยตัวแสบนี่...” เซียวหยูซวนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เดี๋ยวนี้หัดล้อพี่สาวแล้วหรือ?!”
“พี่หยูซวน ฉันไม่ได้ล้อสักหน่อย ฉันพูดความจริงต่างหาก!” ถงเล่ยเม้มริมฝีปากและหัวเราะเบาๆ
ในความเป็นจริง ถงเล่ยเป็นเด็กสาวที่เติบโตมาในครอบครัวใหญ่ เคยชินกับการต่อสู้ชิงดีชิงเด่นมาตั้งแต่เธอยังเด็ก เว้นเสียแต่ว่าคุณไม่คิดจะทำอะไรเลย และหลีกหนีไปอยู่ในดินแดนที่ห่างไกล ไม่เช่นนั้นหากต้องการใช้ชีวิตในสังคม การต่อสู้ดิ้นรนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
“แทนที่เราจะเป็นคนอ่อนแอคอยแต่ถูกรังแก จะดีกว่าหากเราเป็นคนที่เข้มแข็งและทำให้คนอื่นต้องเกรงกลัว แต่เราจะไม่รังแกคนอื่น!” ถงเล่ยกล่าว
“มีเหตุผล!” เซียวหยูซวนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “แต่จะว่าไป ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่”
“ฉันก็พูดไปงั้นเหมือนกัน!” ถงเล่ยหัวเราะเบาๆ
จี้เฟิงยิ้มและพูดว่า “แม้ว่าคำพูดเหล่านี้จะฟังดูโหดร้ายไปหน่อย แต่มันก็เป็นความจริง หากคุณต้องการจะพัฒนาและเติบโต มันก็จะมีคู่แข่งมาคอยต่อต้านขัดขวาง หากคุณไม่สามารถฝ่าด่านเหล่านี้ได้ คุณก็ไม่สามารถพัฒนาได้!”
ในความเป็นจริง การเคลื่อนไหวของตระกูลอู๋นั้นมากกว่าการต่อต้าน ด้วยความเกลียดชังของพวกเขาที่มีต่อตระกูลจี้ เกรงว่ามันจะเป็นการทำลายล้างตระกูลจี้เสียมากกว่า!
และถ้าเป็นกรณีนี้ ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต่อสู้กลับ!
...............
ในตอนเช้า จี้เฟิงขับรถไปที่บริษัทเครือข่ายเถิงเฟย
สำหรับการทำทริกเกอร์ของม่านแสงสามมิติเสมือนจริง จี้เฟิงได้ทำฮาร์ดแวร์ทั้งหมดเสร็จแล้ว สิ่งที่ขาดในตอนนี้คือซอฟต์แวร์เช่นโปรแกรมกระตุ้นและโปรแกรมป้องกัน
โปรแกรมกระตุ้นเป็นส่วนสำคัญของทริกเกอร์ หน้าที่คือ เปลี่ยนพลังงานไฟฟ้าเป็นพลังงานแสง หลังจากการแปลงบางอย่างแล้วมันจะสร้างม่านแสง หากไม่มีโปรแกรมนี้ อย่างดีที่สุดทีวีก็จะเปล่งแสงออกมา แต่จะไม่ก่อตัวเป็นม่านแสง
โปรแกรมป้องกันทริกเกอร์ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการป้องกันตนเอง
ประเทศจีน ประเทศซึ่งเต็มไปด้วยของลอกเลียนแบบ หากไม่มีการป้องกันตัวเอง จี้เฟิงสามารถรับประกันได้เลยว่าภายในหนึ่งเดือน โลกใบนี้จะเต็มไปด้วยม่านแสงสามมิติเสมือนจริง!
คุณต้องรู้ว่าเทคโนโลยีของยาลดน้ำหนักคังหยวนนั้นล้ำหน้ามาก และเมื่อไม่สามารถเลียนแบบได้ในทางเทคนิค ผู้คนจึงพยายามอย่างมากที่จะหาวิธีลอกเลียนแบบในทางอื่นๆอย่างการเลียนแบบชื่อ ดังนั้นหากมีการเปิดตัวเทคโนโลยีม่านแสงสามมิติเสมือนจริงขึ้น คนเหล่านั้นจะไม่บ้าคลั่งและทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมาหรอกหรือ?
ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องติดตั้งโปรแกรมป้องกันตนเองในทริกเกอร์
แม้ว่าจี้เฟิงจะเรียนหลักสูตรด้านเทคโนโลยีเครือข่ายและการสื่อสารมาแล้ว แต่ส่วนใหญ่เขาศึกษาเทคโนโลยีการสื่อสาร ดังนั้นการเขียนโปรแกรมที่ใช้ในธุรกิจจึงควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญจะดีกว่า
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หวังซินและหยางหยูคือผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าอย่างแน่นอน และพวกเขาก็เป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะทำหน้าที่นี้
“บอส!”
เมื่อเห็นการมาถึงของจี้เฟิง หวังซินก็รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
หยางหยูรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว “บอส! คุณมาที่นี่เพื่อตรวจสอบเบราว์เซอร์ที่พัฒนาขึ้นใหม่ของเราใช่มั้ย?”
“เรื่องเบราว์เซอร์ไว้ค่อยว่ากัน พวกคุณสองคนตามฉันมา” จี้เฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันมีงานสำคัญกว่าให้พวกคุณทำ”
หยางหยูและหวังซินมองหน้ากันด้วยความดีใจ
เป็นเวลานานแล้วที่จี้เฟิงไม่ได้มอบหมายงานใดๆให้กับพวกเขา ซึ่งมันทำให้พวกเขาเป็นกังวลเล็กน้อย พวกเขากลัวว่าพวกเขาอาจไม่มีความสามารถที่จะช่วยอะไรจี้เฟิงได้ และเพราะความคิดนี้เองพวกเขาจึงเริ่มพัฒนาเบราว์เซอร์
แต่ตอนนี้จี้เฟิงมีงานมาให้พวกเขาทำโดยเฉพาะ จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้สึกดีใจและมีความสุขมาก
เมื่อมาถึงสำนักงาน จี้เฟิงหยิบทริกเกอร์ออกมาจากกระเป๋าที่พกติดตัวเป็นประจำและส่งให้พวกเขา
“นี่คืออะไรเหรอคะบอส?” หวังซินถามอย่างสงสัย ส่วนหยางหยูที่เป็นคนมึนๆอยู่แล้วไม่ได้พูดอะไรและมองไปที่จี้เฟิงด้วยความสงสัยเช่นกัน
“นี่คือทริกเกอร์ ที่ฉันมาหาพวกคุณวันนี้ก็เพราะอยากให้พวกคุณเขียนโปรแกรม...”
กับหวังซินและหยางหยู จี้เฟิงไม่ได้ปิดบังอะไรพวกเขา และอธิบายถึงหน้าที่และหลักการทำงานของทริกเกอร์ให้พวกเขาฟังโดยตรง “ฉันต้องการโปรแกรมกระตุ้นเพื่อเปิดใช้งานและโปรแกรมการป้องกันตนเองเพื่อปิดเป็นความลับ พวกคุณติดปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“ไม่!” ทั้งสองคนพูดเสียงดังพร้อมกัน
“เบาๆหน่อย...” จี้เฟิงยิ้มและโบกมือ “อยากให้คนทั้งโลกรู้เหรอ?”
หยางหยูและหวังซินได้แต่หัวเราะเบาๆ
“บอส ตามพารามิเตอร์และพื้นฐานทางทฤษฎีที่คุณให้ไว้ การเขียนโปรแกรมเปิดใช้งานไม่ใช่ปัญหา แต่โปรแกรมการป้องกันตนเองนี่บอสต้องการระดับไหน?” หวังซินถาม
“อืม... ยิ่งสูงยิ่งดี ตัวอย่างเช่น ถ้ามีคนต้องการถอดรหัสโปรแกรม ก็ให้โปรแกรมที่เป็นความลับถูกทำลายโดยอัตโนมัติไปเลย... แบบนี้ดีที่สุด!” จี้เฟิงพูด “แน่นอนว่าถ้ามันติดปัญหา จะเป็นระดับที่ต่ำกว่านั้นก็ไม่เป็นไร ขอแค่เป็นโปรแกรมที่รักษาความปลอดภัย ไม่ให้ความลับรั่วไหลออกไปได้ก็พอ นี่จะเป็นธุรกิจแรกของบริษัทเครือข่ายเถิงเฟย!”
หยางหยูและหวังซินมองหน้ากัน และพูดออกมาพร้อมกันว่า “บอสจะต้องไม่ผิดหวัง!”
จี้เฟิงยิ้มเล็กน้อย โปรแกรมในการรักษาความลับนี้ ต้องฝากความหวังไว้กับพวกเขาแล้ว!
แต่ในขณะเดียวกันจี้เฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันอยู่ในใจ ‘หรงเผิงกรุ๊ปต้องการจะทำลายโรงงานเด็กซ์ซิงงั้นหรือ? แต่ฉันเกรงว่าครั้งนี้พวกแกคงต้องผิดหวัง!’
‘เมื่อใดที่ม่านแสงสามมิติเสมือนจริงถือกำเนิดขึ้น ฉันจะคอยดูว่าพวกแกจะใช้อะไรมาต่อกร!’
....จบบทที่ 970 ~