ตอนที่แล้วบทที่ 33 พิธีบูชาซาตาน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 35 หอประมูลเกรทวีด

บทที่ 34 ลัทธิเฟืองสังหาร


บทที่ 34 ลัทธิเฟืองสังหาร

“พิธีบูชาซาตานคืออะไร?” ฟลินน์ถามด้วยความสงสัยเมื่อเขาได้ยินคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“พิธีบูชาซาตานคือเวทมนตร์ด้านมืดดำมักใช้เลือดของมนุษย์ในการบูชายัญและเป็นสิ่งต้องห้าม” ลินดี้จ้องไปที่ยันต์หกเหลี่ยมและพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก

“เวทมนตร์ด้านมืด?” ฟลินน์ได้ยินคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

แปลว่าตอนนี้เขาจะเป็นผู้วิเศษวงแหวนที่สองแต่ความรู้ของเขาเกี่ยวกับโลกลึกลับนั้นแทบจะเป็นศูนย์

มันทำให้ฟลินน์รู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องไปห้องสมุดให้มากขึ้นเพื่อยืมหนังสือที่เกี่ยวข้องกับสิ่งลี้ลับ

“คุณน่าจะเคยได้ยินเรื่องลัทธิใช่ไหม” ลินดี้ถามโดยไม่ตอบฟลินน์

“ผมรู้แค่ว่าอาณาจักรไม่อนุญาตให้เกิดความเชื่อทางศาสนาหรือลัทธิใดๆ หากอาณาจักรรู้เข้าลัทธิเหล่านั้นจะถูกกวาดล้างทันที” ฟลินน์บอกสิ่งที่เขารู้

“แม้ว่าอาณาจักรจะมีคำสั่งห้ามอย่างชัดเจนแต่ก็ยังมีผู้ที่ศรัทธาในลัทธิต่างๆ และเราเรียกพวกเขาว่า ‘พวกนอกรีต’ คนพวกนั้นเชี่ยวชาญเรื่องการใช้เวทมนตร์แน่นอนว่าแนวทางของมันแตกต่างจากศาสตร์ลึกลับ”ลินดี้กล่าว

“วิธีการฝึกฝนแตกต่างจากศาสตร์ลึกลับ?” ฟลินน์แปลกใจ เขาไม่คาดคิดว่าจะมีแนวทางการฝึกฝนอื่นนอกจากศาสตร์ลึกลับ

“ถูกต้อง แนวทางการฝึกฝนของมันแตกต่างจากศาสตร์ลึกลับ” ลินดี้พยักหน้าเธอสบตากับฟลินน์และพูดอย่างจริงจัง

“เพราะการได้มาและแนวทางการฝึกฝนเวทมนตร์นั้นชั่วร้ายและนองไปด้วยเลือดรวมถึงมีข้อเสียมากมายทั้งผลกระทบทางจิตใจหลังการฝึกฝน ดังนั้นอาณาจักรจึงไม่อนุญาตให้ฝึกการใช้เวทมนตร์”

“ในอนาคตต่อให้ได้เวทมนตร์มาก็อย่าฝึกมัน เมื่อฝึกไปแล้วจะย้อนกลับไม่ได้และคุณจะถูกอาณาจักรตามล่าตลอดชีวิต”

“ผมเข้าใจแล้ว” ฟลินน์พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม เพียงแค่ความบกพร่องทางจิตใจก็ทำให้เขาไม่สนใจที่จะฝึกฝนเวทมนตร์

เขาสามารถฝึกฝนสาดลึกลับใดๆ ตามที่ใจปรารถนาด้วยการ ‘ช่วยเหลือ’ ของระบบ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานจากผลกระทบจากการฝึกเวทมนตร์ที่เป็นข้อห้ามของอาณาจักร

“กาเบรียล ซอโต้อาจเป็นพวกนอกรีตและสาเหตุที่เขาขโมยศพจากกระทรวงความมั่นคงฯ ก็อาจเป็นเพราะเวทมนตร์ที่เขาต้องฝึกจำเป็นต้องใช้ศพเป็นตัวแปร” ลินดี้มองดูยันต์หกแฉกสีเลือดอีกครั้ง

“จะส่งคนไปจับเขาไหม” ฟลินน์ถาม

“ก่อนมาฉันส่งคนไปแล้ว” ลินดี้พยักหน้า

กึก กึก กึก!

เสียงฝีเท้าดังขึ้น มีคนกำลังเดินบันไดลงมา

ฟลินน์และลินดี้มองไปรอบๆ ด้วยแสงสว่างจากคบไฟมีคนสามคนเดินลงบันไดหิน

หนึ่งในนั้นมีผมสีบลอนด์และมีดวงตากลมโตนั่นคือ จูลี่ เคท

อีกสองคนเป็นผู้ชาย

หนึ่งในนั้นเป็นผู้ชายผมสั้นส่วนอีกคนเป็นชายผมสีน้ำตาล

แม้ว่าฟลินน์จะไม่รู้จักชื่อพวกเขาแต่ก็สามารถจำทั้งคู่ได้พวกเขาเคยพบกันที่ร้านอาหารของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

“มาแล้วเหรอ” ลินดี้พยักหน้าให้ทั้งสามคนแล้วพูด

“คุณซอร์ค ฉันขอแนะนำคุณให้รู้จักกับ…” เธอชี้ไปที่ชายผมสั้น

“แบรนดอน เบดดิ้ง” เธอชี้ไปที่ชายผมสีน้ำตาลอีกครั้ง

“นี่คือ เคลวิน ลองค์”

“ยินดีที่รู้จัก ผมฟลินน์ ซอร์ค” ฟลินน์ทักทายอย่างสุภาพ เขายังเป็นสมาชิกใหม่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรและวันข้างหน้ายังอีกยาวไกลดังนั้นเขาจึงดูสุภาพมาก

“สวัสดี คุณซอร์คเป็นไรไหมถ้าพวกเราเรียกคุณว่าฟลินน์”

แบรนดอน เบดดิ้งและเคลวิน ลองค์ทักทายฟลินน์อย่างอบอุ่น

พวกเขาทุกคนรู้ว่าฟลินน์เป็นคนที่สร้างศาสตร์ลึกลับจากแหวนวงที่หนึ่งไปสู่วงที่สองในเวลาเพียงหนึ่งเดือนและยังรู้ว่าผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรให้ความสำคัญกับชายหนุ่มมาก

แม้ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฟลินน์ไม่ได้ดีไปกว่าพวกเขาแต่อีกไม่นานจะต้องเหนือกว่าพวกเขาทั้งหมดอย่างแน่นอนอาจกล่าวได้ว่าอนาคตสดใสไร้ขีดจำกัด

สำหรับอัจฉริยะเช่นนี้พวกเขายินดีมากที่จะทำความรู้จัก บางทีในอนาคตพวกเขาอาจต้องพึ่งพาฟลินน์ก็ได้

“แน่นอน ผมไม่รังเกียจ” ฟลินน์ส่ายศีรษะ เขารู้ถึงความคิดของคนทั้งคู่ในการผูกมิตรและเป็นสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน

หลังทำความรู้จักกับแบรนดอน เบดดิ้งและเคลวิน ลองค์แล้วชายหนุ่มก็มองไปที่จูลี่

“คุณจูลี่”

“ขอแสดงความยินดีกับความก้าวหน้าในครั้งนี้คุณจะต้องได้รับผลตอบแทนที่ดีในภายหลังอย่างแน่นอน” จูลี่พยักหน้าเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าทั้งสองฝ่ายทักทายกันแล้วลินดี้จึงหันมาพูดกับจูลี่

“คุณรู้ไหมว่าพิธีกรรมของพ่อมดคนนี้คืออะไร” จูลี่ซึ่งมีพรสวรรค์ในการจดจำภาพหรือข้อมูลต่างๆ ได้ราวกับสารานุกรมเคลื่อนที่และเป็นเหตุผลที่ลินดี้เรียกเธอมาในวันนี้

“ขอดิฉันดูหน่อย” จูลี่ถือตะเกียงน้ำมันอดทนต่อกลิ่นคาวของเลือดเดินไปที่ยันต์หกแฉกตรวจสอบมันอย่างละเอียด หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“นี่เป็นเวทมนตร์ด้านมืดที่ไม่ได้ระบุไว้ในตำราลึกลับ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาความคล้ายคลึงกันแล้วมันเหมือนกับพิธีกรรมของลัทธิเฟืองสังขาร”

“ลัทธินี้สามารถฟื้นคืนชีพศพได้ไหม?” เมื่อได้ยินชื่อนี้ท่าทางลินดี้ แบรนดอน เบดดิ้งและเคลวิน ลองค์ก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนไปเล็กน้อย

“จูลี่ เธอแน่ใจเหรอ” ลินดี้ถามเสียงด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด

“อืม แนวทางของยันต์หกแฉกนี้คล้ายคลึงกับแนวทางของลัทธิเฟืองสังหารมาก” จูลี่พยักหน้า

“นอกจากนี้ตามข้อมูลที่ฟลินน์ส่งกลับมา พิธีกรรมนี้น่าจะใช้ซากศพเพื่อสร้างสัตว์ประหลาดและควบคุมมันแบบนี้ยังเป็นสิ่งลัทธิเฟืองสังหารถนัด” บรรยากาศเคร่งเครียดขึ้นทันทีหลังจากชื่อลัทธิเฟืองสังหารหลุดจากปากของจูลี่

ฟลินน์หันไปถามเคลวิน ลองค์ซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุด

“ไม่ว่าจะเป็นลัทธิหรือองค์กรลึกลับเช่นพวกเราก็จะมีหน่วยงานย่อยแบ่งไปในสาขาต่างๆ ลัทธิเฟืองสังหารก็เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นจุดสูงสุดของโลกแห่งความลึกลับนับ 10 ปี

แต่ไม่กี่ปีมานี้พวกเขาถูกกวาดล้างจากการร่วมมือกันระหว่างสำนักงานความมั่นคงฯ สมาคมทองคำ วิหารศักดิ์สิทธิ์และดาบเงิน แต่ต่อให้สำเร็จก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาลในสงครามครั้งนั้นและผมไม่คิดว่ามันจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง” ในที่สุดฟลินน์ก็เข้าใจความร้ายแรงของเรื่องนี้

ลัทธิเฟืองสังหารเป็นองค์กรขนาดใหญ่ระดับเดียวกับสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

แม้ว่าจะถูกกวาดล้างจากองค์กรขนาดใหญ่สี่แห่งรวมถึงสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ถูกทำลาย

“รองผู้อำนวยการ ลัทธิเฟืองสังหารปรากฏขึ้นอีกครั้งเราต้องแจ้งไปยังผู้อำนวยการ” จูลี่พูดกับลินดี้ด้วยสีหน้าจริงจัง

“ฉันรู้” ลินดี้ดูจริงจังไม่แพ้กัน

มันเป็นสถานการณ์ที่ร้ายแรงมากหากองค์กรขนาดใหญ่ที่ถูกทำลายได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง

จะต้องรายงานทันทีไปยังสำนักงานใหญ่ของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรในเมืองฟอร์ตโคแนนต์เมืองหลวงของราชอาณาจักรเพื่อที่สำนักงานใหญ่จะจัดการอย่างระมัดระวังตั้งแต่เนิ่นๆ โดยไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น

เธอมองไปที่ฟลินน์ด้วยสีหน้าเหนื่อยล้าเล็กน้อย

“คุณซอร์ค ถ้าครั้งนี้คุณทำได้ดีมาก หลังกลับมาจากการพักผ่อนแล้วฉันจะมอบรางวัลให้กับคุณ”

“นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ” ฟลินน์พูดอย่างถ่อมตัว

แม้เรื่องวันนี้จะน่าตื่นเต้นไปหน่อยแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับคุ้มค่ายิ่งนัก

“โอ้ เกือบลืมไป” จู่ๆ ลินดี้ก็อุทานออกมา

“ถ้าหากคุณมีเวลาควรไปที่หอประมูลเกรทวีดสักหน่อย ต่อไปตัวตนปลอมของคุณจะได้ไม่ถูกจับได้ง่ายๆ”

“ตกลง พรุ่งนี้ผมจะไป” ฟลินน์รับปาก

การไปที่หอประมูลเกรทวีทจะเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งมิฉะนั้นมันอาจเกิดขึ้นอีกในงานเลี้ยงครั้งถัดไป

ครั้งที่แล้วมีลินดี้คอยช่วย แต่ครั้งหน้าอาจไม่มี

...

ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง!

ในกลางดึกคืนนั้นชายสวมหมวกปีกกว้างสั้นใบหน้าส่วนใหญ่เอาไว้เคาะประตูบ้านพักหรูหราหลังหนึ่ง

“ใคร” เสียงเข้มดังมาจากหลังประตู

“ผมเอง ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปพบนายท่าน” คนที่เคาะประตูกระซิบ

เอี๊ยด!

ประตูถูกเปิดออก ชายในชุดสีน้ำตาลปรากฏตัวหลังประตูเขามองไปข้างหลังและรอบๆ ชายที่เคาะประตู

หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีคนอื่นที่อยู่ข้างหลังและรอบๆ ชายที่เคาะประตู เขาก็ถอยออกไปและปล่อยให้คนที่เคาะประตูเข้ามา

ทันทีที่ชายผู้เคาะประตูเข้ามา ประตูก็ปิดลงทันที

ชายในชุดสีน้ำตาลนำคนที่เคาะประตูผ่านทางเดินต่างๆ มาถึงประตูห้องที่มีแสงไฟเล็ดลอดออกมาก่อนจะเคาะประตูเบาๆ แล้วพูดว่า

“นายท่าน กาเบรียลมาแล้ว”

“ให้เขาเข้ามา” เสียงนุ่มทุ้มของชายหนุ่มดังมาจากในห้อง

เมื่อได้รับอนุญาต ชายที่เคาะประตูก็เปิดประตูเดินเข้าไปเขาถอดหมวกออก เผยให้เห็นใบหน้าใต้หมวกปีกกว้าง

เขามีใบหน้าธรรมดาแต่มีผ้าปิดตาสีดำคาดที่ตาซ้าย ชายผู้มาคือกาเบรียล ซอโต้

ในห้องมีชายรูปงามสวมชุดลำลองหรูหราที่สั่งทำพิเศษนั่งอยู่ เมื่อเห็นชายคนนี้กาเบรียล ซอโต้พูดด้วยความกังวลใจ

“นายท่าน ตัวตนของผมอาจถูกเปิดโปง”

“เกิดอะไรขึ้น” ชายรูปงามถามด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่พอใจ

“บ่ายวันนี้ ผมลักลอบนำศพที่เธอต้องการไปยังโกดังหมายเลขที่ 3 ตามคำสั่งของลอร์ดมิเนอร์วัล แต่ไม่นานหลังจากที่ผมออกไป ผมสัมผัสได้ว่าคนไร้ตาทั้งห้าที่เฝ้าโกดังอยู่ถูกฆ่าตายทีละคน ผมไม่กล้าคาดเดาและไม่กล้ากลับบ้านจึงได้แต่มารายงานนายท่านทันทีที่ตกดึก” เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาของชายผู้มั่งคั่ง กาเบรียล ซอโต้รีบก้มหน้าลงและพูดด้วยความหวาดกลัว

“คนไร้ประโยชน์ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้แล้วจะมีคนโง่เขลาแบบคุณไว้ทำไม” ชายผู้มั่งคั่งและหล่อเหลาขมวดคิ้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ทันทีที่ผมสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผมจะรีบจัดการกับมันทันที”

กาเบรียล ซอโต้กล่าวอย่างรวดเร็ว

“ท่านลอร์ด ผมสงสัยว่าสำนักงานความมั่นคงฯ กำลังไล่ล่าผมในไม่ช้านี้แต่พวกเขาต้องไม่กล้าค้นบ้านของท่านอย่างแน่นอน ได้โปรดให้ผมซ่อนตัวอยู่ที่นี่สัก 2-3 วัน”

“ไม่ ผมมีการจัดการที่ดีกว่านี้” ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งและหล่อเหลาพูดอย่างเย็นชาในตาของเขาเหยียบเย็นลงเรื่อยๆ

“ดีกว่า ... การจัดการ?”

กาเบรียล ซอโต้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาตรงหน้าแต่ก็พบกับดวงตาที่เย็นชาคู่หนึ่ง

“ไม่มีที่ว่างสำหรับความล้มเหลว ปัจจัยใดๆ ที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวของแผนการจะต้องถูกกำจัด”

“ดังนั้นมีเพียงคนตายที่จะเก็บความลับไว้ได้ตลอดกาล” ชายหนุ่มผู้มั่งคั่งหล่อเหลายังคงกล่าวอย่างเย็นชา

“ไม่ ท่านจะทำอย่างนี้ไม่ได้ ผมทำเพื่อลัทธิมามาก…” กาเบรียล ซอโต้รู้สึกหวาดกลัวและอยากจะวิ่งหนีออกจากประตู

แต่ก่อนที่เขาจะหนีออกไปที่ประตู เสื้อผ้าของชายคนนั้นก็กางออกหนวดขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากร่างของชายคนนั้น

พรึ่บ!

หนวดขนาดใหญ่เจาะร่างของกาเบรียล ซอโต้และกระชากร่างของเขาขึ้นไปในอากาศ

“นายท่านช่างอำมหิตนัก....” กาเบรียล ซอโต้กระอักเลือดออกมาสองสามคำ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจก่อนที่ร่างกายจะอ่อนยวบลง

หนวดขนาดใหญ่หดกลับและหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงรูขาดบนเสื้อผ้าหรูหราของชายผู้มั่งคั่งหล่อเหลาเท่านั้นเท่านั้นที่เป็นหลักฐานว่ามีหนวดงอกออกจากร่างของเขาจริงๆ

(จบบทนี้)

5 1 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด