บทที่ 19 ซาลาแมนเดอร์พสุธา
หลังจากที่วานแสดงความขอบคุณแม่มดสาวเลดี้ลิเลีย กลุ่มคุ้มกันก็รวมตัวกันพร้อมที่จะออกเดินทาง
ด้วยการโบกมือของเลดี้ลิเนตต์ เต็นท์คุณภาพสูงที่อยู่ไกลออกไปก็บินมาและพับเป็นกล่องเล็กๆก่อนที่เธอจะส่งต่อให้น้องสาวเพื่อเก็บไว้ในถุงผ้าไหมของพวกเธอ
“จงออกมา สะมาฮัดลีร์”
ไม่นานหลังจากเลดี้ลิเนตต์พูด วงแหวนเวทมนตร์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นบนพื้นที่ว่างเปล่าข้างหน้าก่อนที่แผ่นดินจะสั่นสะเทือน และซาลาแมนเดอร์พสุธาขนาดใหญ่ก็โผล่ขึ้นมา
‘สัตว์อัญเชิญ!’ ดวงตาของวานส่องประกายด้วยความสนใจ
ไม่ใช่แม่มดทุกคนที่สามารถทำสัญญากับสิ่งมีชีวิตอื่นๆและใช้พวกมันเป็นสัตว์อัญเชิญได้ แต่แม่มดที่สามารถทำได้ฐานะของพวกเธอจะไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
วานครุ่นคิดอย่างเงียบๆแต่เขากลับไม่สามารถนึกข้อมูลใดๆเกี่ยวกับแม่มดที่แท้จริงและซาลาแมนเดอร์พสุธาที่โดดเด่นในภูมิภาคใกล้เคียงได้เลย
‘ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ใช่คนท้องถิ่น’ วานสรุป
เลดี้ลิเลียขึ้นขี่ซาลาแมนเดอร์พสุธาตามหลังพี่สาวของเธอ ก่อนที่เลดี้ลิเนตต์จะกวาดสายตามองร่างที่ผอมบางของวาน
“คุณมานั่งร่วมกับเราได้นะ” เลดี้ลิเนตต์กล่าว
‘เราคงถูกมองว่าเป็นหนุ่มดอกไม้ที่อ่อนแอ ใช่ไหม? แต่ไม่เป็นไร’ วานยิ้มและยอมรับข้อเสนอของแม่มดที่แท้จริง ขณะที่เขากระโดดขึ้นหลังซาลาแมนเดอร์พสุธาตามหลังลิเลีย
เขาไม่ปฏิเสธโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับแม่มดอยู่แล้ว
แม่มดมีความสัมพันธ์กับมานาสูงกว่าและมีความสามารถในการดูดซึมมานาตามธรรมชาติที่เร็วกว่า เพียงแค่อยู่ใกล้พวกเธอ วานก็ได้รับประโยชน์แล้ว ไม่ว่าผลประโยชน์นั้นจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
ทันใดนั้นสายตาที่เหมือนกริชของวานก็มองไปที่ด้านหลังของเขาก่อนที่จะหันกลับไป หลังจากเห็นเหล่านักรบหนุ่มที่อิจฉากำลังจ้องมองมาที่เขา
‘มันเป็นอย่างที่มันเป็น’ วานส่งข้อความเงียบๆด้วยการยักไหล่แบบไม่ใส่ใจ ทำให้ความรู้สึกอิจฉาเพิ่มมากขึ้น
ท้องฟ้ามืดลงอย่างรวดเร็วเมื่อดวงอาทิตย์หายไปจากขอบหน้าผาทางตะวันออก และเสียงหอนก็เริ่มก้องในสายลม
“ระวังตัวไว้เหล่านักรบ หมาป่าโลกันตร์กำลังออกล่า!” กัปตันริสเตือน
กลุ่มคุ้มกันวางตำแหน่งตัวเองรอบซาลาแมนเดอร์พสุธา จากนั้นก็ชักดาบและเดินด้วยท่าทางที่ระแวดระวัง มีเพียงนักรบสองคนเท่านั้นที่ได้รับมอบหมายให้เข็นเกวียนเสบียงที่อยู่ด้านหลัง
ภายในเวลาไม่กี่นาทีของการเดินทาง พวกเขาพบเห็นหมาป่าโลกันตร์ทมิฬระดับ 1 อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบหลาก่อนที่มันจะเพิ่มความเร็วและพุ่งตรงมาที่กลุ่มของพวกเขา
วานรู้สึกถึงซาลาแมนเดอร์พสุธาที่ตัวสั่นก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าทำไมแม่มดถึงต้องการคนคุ้มกัน
‘หืม? สัตว์อัญเชิญนั้นตัวใหญ่และมีประโยชน์มากในฐานะสัตว์ขี่ แต่มันกลับค่อนข้างกลัวหมาป่าโลกันตร์ทมิฬ’ วานรำพึง
นักรบหนุ่มสองคนเดินออกจากขบวน และในอีกไม่กี่อึดใจต่อมา ก็โจมตีหมาป่าโลกันตร์ทมิฬระดับ 1 ด้วยกันภายใต้คำสั่งของกัปตันริส
หมาป่าโลกันตร์ทมิฬไม่สามารถต้านการโจมตีด้วยดาบจากนักรบออร่าระดับ 1 สองคนได้ และถูกฆ่าตายภายในเวลาไม่กี่ลมหายใจ
ซากของมันถูกดูดเลือดอย่างรวดเร็วและนำกลับไปที่กลุ่ม ก่อนที่นักรบหนุ่มจะใส่มันลงในเกวียนเล่มหนึ่ง ซึ่งพบว่ามีซากอีก 5 ศพอยู่ในที่เก็บของพวกเขา
“ได้รับการฝึกฝนที่ดีและมีประสิทธิภาพมากเลย แต่… พวกนายไม่คิดจะกลบกลิ่นเลือดเลยหรอ? กลิ่นรุนแรงขนาดนี้จะดึงดูดกลุ่มหมาป่าโลกันตร์ที่ใหญ่กว่าเดิม นายรู้ใช่ไหม?” วานกล่าวอย่างสบายๆ
กัปตันริสขมวดคิ้วและตอบว่า “ไม่เป็นไร กลุ่มคุ้มกันเหล็กไหลไม่ต้องการเด็กดอกไม้อย่างเจ้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับสิ่งที่เราทำ”
“ด้วยความเร็วปัจจุบันของเรา เลือดที่หลงเหลืออยู่เป็นเพียงเหยื่อล่อให้หมาป่าโลกันตร์ทมิฬออกห่างจากกลุ่มของเรา นี่คือวิธีที่เราหลีกเลี่ยงหมาป่าโลกันตร์ได้ส่วนใหญ่” นักรบหนุ่มกล่าวเสริมด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “ท้ายที่สุด เราเป็นกลุ่มที่มีสถิติสูงที่สุดในการคุ้มกัน และประสบความสำเร็จกว่า 80%”
“…” วานพูดไม่ออกเลย
แม้ว่าเขาจะเข้าใจตรรกะเบื้องหลังวิธีการของกลุ่มคุ้มกันเหล็กไหล แต่วิธีการที่ล้าสมัยเช่นนี้ก็มีข้อบกพร่องในความคิดเห็นของเขา
อย่างไรก็ตาม เขารู้สึกว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะให้เหตุผลกับลิงสมองกล้ามพวกนี้ ด้วยความประทับใจในปัจจุบันของพวกเขาที่มีต่อวาน พวกเขาจะไม่ยอมฟังสิ่งที่เขาพูด
‘ไม่ว่าจะยังไง เราอยู่แค่คืนเดียว’ วานยักไหล่อย่างไม่ไยดี
อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆของเขากระตุ้นความสนใจของเลดี้ลิเลีย ก่อนที่เธอจะถาม “ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่ผิดของพวกเขานะคะ อธิบายได้ไหมว่าทำไม”
“ได้โปรด?” ลิเลียเสริมทันที หลังจากเห็นการไตร่ตรองอย่างเงียบๆของวาน
สำหรับคนที่แสดงความปรารถนาดีต่อเขา ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำของ่ายๆเช่นนี้ ตราบใดที่มีคนเต็มใจฟัง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะอธิบาย
“ผมไม่รังเกียจหรอกครับ แต่เกรงว่าบางคนไม่ยินดีที่ได้ยินสิ่งที่ผมกำลังจะพูด” วานกล่าว
ลิเลียลังเลก่อนจะเหลือบมองพี่สาวเพื่อขอความช่วยเหลือ เธอมีความมั่นใจขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่ลิเนตต์พยักหน้า
“อย่าไปใส่ใจพวกเขาเลยค่ะ พวกเขาไม่กล้าแตะต้องเธอเมื่อพี่สาวของฉันอยู่ใกล้ๆหรอกค่ะ” ลิเลียยืนยันอย่างมั่นใจแต่ไร้เดียงสา
‘แล้วเวลาที่เธอไม่อยู่ล่ะ?’ วานคิดอย่างขบขัน
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอขอบคุณเลดี้ลิเนตต์ที่อนุญาตให้พูดโดยที่ไม่ต้องกังวล” วานพูดอย่างสุภาพก่อนที่จะอธิบายความคิดเห็นที่แตกต่างของเขาต่อไป
“ถึงหมาป่าโลกันตร์ทมิฬเป็นสัตว์อสูร แต่พวกมันยังคงเป็นสิ่งมีชีวิตแทนที่จะเป็นหุ่นเชิด ดังนั้นพวกมันจึงมีความสามารถในการคิดและพัฒนา วิธีการใช้เหยื่อล่อของกลุ่มคุ้มกันเหล็กไหลนั้นใช้ได้เฉพาะกับการเดินทางที่รวดเร็วเท่านั้น”
“หากพวกเขาตัดสินใจชะลอเพื่อการฝึก เช่นนั้น หมาป่าโลกันตร์ทมิฬจะตามมาทันในที่สุดและดักซุ่มโจมตีพวกเขาด้วยจำนวนที่ล้นหลามก่อนที่พวกเขาจะออกจากพื้นที่นี่ได้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหากเธอพบว่าอัลฟ่าเป็นผู้นำฝูงในตอนนั้น”
“ในท้ายที่สุด นี่คือเหตุผลว่าทำไมกลุ่มคุ้มกันเหล็กไหล จึงมีสถิติการคุ้มกันที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเพียง 80% และไม่สูงกว่านั้น พวกเขาไม่คำนึงถึงตัวแปรและทำการปรับปรุง พวกเขาเคร่งครัดเกินไปในเวลาที่ใช้และวิธีการใช้เหยื่อล่อที่ผิด” วานยักไหล่
กัปตันริสและนักรบหนุ่มขมวดคิ้วหลังจากฟังการสนทนาของวาน แต่ละคำพูดของเขาทิ่มแทงความภาคภูมิใจของพวกเขา
“แต่ก็นะ…” วานไม่อยากพูดรุนแรงเกินไปและเสริมว่า “ผมสามารถเข้าใจความคิดของพวกเขาได้ครับ มีวิธีที่ดีกว่าเป็นธรรมดาสำหรับการเดินทางอย่างปลอดภัยในภูมิภาคนี้ แต่มันจะเพิ่มค่าใช้จ่ายของพวกเขา”
“ถึงอย่างนั้น การประหยัดค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและเสียชีวิตของคุณ ฟังดูไม่คุ้มสำหรับผมเลย” วานยักไหล่อีกครั้ง
กลุ่มคุ้มกันเงียบลงทันทีก่อนที่จะทันได้พูดขึ้น พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธคำพูดของวานได้เลย