บทที่ 17 การค้นพบระหว่างการเดินทาง
ณ ปราสาทจันทราทมิฬ
ไม่นานหลังจากที่นกพิราบเวทส่งสารบินเข้าไปในห้องบนชั้นบนสุด ทั้งปราสาทก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงภายใต้ความโกรธของแม่มดอาวุโส
ผนังด้านข้างหน้าต่างแตกเป็นเสี่ยงๆ และเศษหินปลิวว่อนออกไปทุกสารทิศ
“อิซาเบลล์! ที่รักของข้า!”
เสียงเศร้าสลดของลอร์ดอิสตาน่าดังกึกก้องไปทั่วห้องทำงาน กระจายความตื่นตระหนกไปยังข้ารับใช้ องครักษ์ และแม่มดประจัญบานทั่วทั้งปราสาท
ครู่ต่อมา แม่มดประจัญบานรีบบุกเข้ามาในห้องพร้อมชักดาบออกมา และตรวจดูห้องที่รกเพื่อหาภัยคุกคาม ก่อนจะจับจ้องไปที่เจ้าเมืองอิสตาน่า
“เป็นอะไรไหม ท่านลอร์ด?! เกิดอะไรขึ้นที่นี่? พวกเราถูกโจมตีงั้นเหรอ?!” แม่มดประจัญบานถามด้วยท่าทางเคร่งขรึม
“ลูกสาวของข้า! ลูกสาวสุดที่รักของข้าถูกฆ่า!”
“อะไรนะ?!” ดวงตาของแม่มดประจัญบานเบิกกว้างในทันทีด้วยความตกใจก่อนที่จะสงสัยออกมาดังๆ “ใครจะกล้าทำอย่างนั้นกัน”
“ข้าไม่รู้! แต่พวกมันจะต้องชดใช้สิบ—ไม่ ร้อยเท่า!” เจ้าเมืองอิสตาน่ากัดฟันอย่างอาฆาตแค้นก่อนจะตะโกนว่า “กระจายคำสั่งของข้า ปิดทั้งเมืองลง! ไม่มีใครสามารถเข้าออกได้จนกว่าจะพบตัวฆาตกร!”
“แน่นอน ท่านลอร์ด!” แม่มดประจัญบานปฏิบัติตาม
ไม่นานหลังจากที่แม่มดประจัญบานออกจากห้องที่รก ลอร์ดอิสตาน่าก็จ้องมองไปทางวิทยาลัย
“อย่ากังวลไปเลย ที่รัก! ใครก็ตามที่ฆ่าเจ้า ข้าจะตามหาและทรมานพวกมันด้วยวิธีการที่โหดร้ายที่สุดก่อนที่จะส่งมันลงไปอยู่เป็นเพื่อนเจ้า!” เจ้าเมืองอิสตาน่าสาบาน
แม้ว่าเธอจะอายุเกือบสามร้อยปี มีน้ำตาไหลออกเป็นสายเลือดอาบแก้ม และผมสีแดงเข้มที่ยุ่งเหยิงปกคลุมใบหน้า เธอยังคงมีรูปลักษณ์ที่สวยงามและอ่อนเยาว์ไม่ด้อยไปกว่าหญิงสาวในวัยแรกรุ่น
เธอเป็นเหมือนดอกกุหลาบสวยงามที่เพิ่งผลิบาน เว้นแต่เธอเป็นกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามเท่านั้น
เมื่อแม่มดปลุกเวทมนตร์เฉพาะทางของตนและกลายเป็นแม่มดที่แท้จริง ร่างกายของพวกเธอจะหยุดความชรา ตราบเท่าที่อายุขัยของจิตวิญญาณยังไม่หมดลง
เมื่อพวกเธอใกล้จะสิ้นอายุขัยเท่านั้นที่จะแก่ลงอย่างมากกลายเป็นหญิงชราที่ก้าวหนึ่งอยู่ในโลงศพแล้ว
หลังจากหยิบเสื้อโค้ทของเธอแล้ว เจ้าเมืองอิสตาน่าก็ออกจากระเบียงของปราสาททันทีเพื่อไปรับศพลูกสาวของเธอจากวิทยาลัย
…
…
…
ณ ภูมิภาคของจันทราทมิฬ
ห่างจากประตูเมืองจันทราทมิฬไปทางตอนเหนือหลายสิบไมล์ วานเดินทางต่อไปทางทิศเหนือเรียบตามลำธารที่ไหลผ่านทั้งหุบเขา
ในรอบที่สองของคืนที่ผ่านมา เขาบังเอิญค้นพบบางอย่างเกี่ยวกับระบบนักล่าแม่มด
'บันทึกของระบบ'
ดิ๊ง!
=====
[บันทึกของระบบ]
…
<ชื่อความสามารถพิเศษได้รับการยืนยันแล้ว>
<คุณได้รับทักษะ เนตรมนตรา>
<คุณได้สำเร็จการล่าแม่มดแบบพิชิตที่ไม่ได้มอบหมาย>
<กำลังคำนวณรางวัล…>
<…>
…
<รางวัลอันดับที่ 1 ถูกเลือก>
<มานากลั่นคุณสมบัติธาตุน้ำถูกใช้เพื่อบ่มเพาะหัวใจของคุณ>
<พรสวรรค์แบบติดตัวได้รับการปลุก>
<คุณได้รับการฟื้นฟู-ระดับพื้นฐาน>
…
=====
หลังจากใช้ทักษะสร้างความเสียวระดับที่สี่กับเป้าหมายที่สองของเขา วานก็รีดเอามานาจากแม่มดที่แท้จริงคนที่สองมากพอ และเรียนรู้ฟังก์ชันพื้นฐานบางอย่างของระบบ
บันทึกของระบบ ตามชื่อของมัน ทำให้เขาสามารถตรวจสอบบันทึกของระบบได้ นอกจากนี้เขายังได้เรียนรู้อีกฟังก์ชันหนึ่ง
‘การล่าแม่มด’
<ไม่มีการล่าแม่มดที่ใช้งานอยู่>
เขาสามารถตรวจสอบได้ว่ามีการล่าแม่มดที่เปิดใช้งานอยู่ และจากเงื่อนงำเล็กๆน้อยๆในคำพูดของระบบ เขาสรุปได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่การล่าแม่มดสามารถเปิดใช้งานได้มากกว่าหนึ่งอย่างในคราวเดียว
“จากการค้นพบของเรา เงื่อนไขเฉพาะที่จำเป็นจะต้องได้เติ่มเต็มก่อนที่ภารกิจการล่าแม่มดจะเกิดขึ้น แต่ถึงแม้จะไม่มีภารกิจ การล่าแม่มดก็ยังสามารถทำได้” วานรำพึง
มีสิ่งหนึ่งที่การล่าแม่มดทั้ง 3 ครั้งที่เขาทำสำเร็จจนถึงตอนนี้มีเหมือนกัน คือความสัมพันธ์ของเขากับแม่มดในคำถาม
หากความเกลียดชังเกิดขึ้นระหว่างเขาและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระบบมักจะสร้างการล่าแม่มดประเภทการกำจัด
อย่างไรก็ตาม หากมีสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความเกลียดชัง การล่าแม่มดประเภทพิชิตจะถูกสร้างขึ้น มันเป็นเงื่อนไขพิเศษที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อโอกาศที่แม่มดจะแสดงความเกลียดชังต่อเขาถูกลบออกไป
และเงื่อนไขสุดท้ายสำหรับการสำเร็จภารกิจคือมานาที่เขารวบรวมจากแม่มด
ระบบนักล่าแม่มดไม่ใช่ระบบที่ยิ่งใหญ่ที่สามารถเรียกอาวุธในตำนานหรือพลังเวทมนตร์มาช่วยเขาจากความว่างเปล่า
หากไม่มีมานาเข้าก็จะไม่มีมานาออก
อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นระบบที่ตอบสนองต่อความต้องการของเขา
แม้ว่าวานจะยังไม่ได้กำจัดความเป็นไปได้ของการตกเป็นทาสของระบบ แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็มีอิสระที่จะเลือกศัตรูของเขา
เมื่อความจริงนั้นชัดเจน วานก็ไม่กังวลเกี่ยวกับการเป็นศัตรูของแม่มดทั้งหมดอีกต่อไป
ขณะที่วานเดินทางไปทางทิศเหนือ เขาสำรวจสภาพแวดล้อมรอบๆเพื่อหาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วยเนตรมนตรา แต่การไม่มีก้อนมานาเป็นการพิสูจน์ว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตอื่นอยู่ใกล้ๆ
‘โชคดีที่ข้อมูลเกี่ยวกับหมาป่าโลกันตร์ทมิฬนั่นถูกต้อง พวกมันเป็นสัตว์กลางคืนที่ออกล่าและดื่มน้ำจากลำธารในเวลากลางคืนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม…’ ดวงตาของวานหรี่ลงในขณะที่เขาเหลือบมองขึ้นไปที่ตำแหน่งของดวงอาทิตย์บนท้องฟ้า
มันใกล้จะถึงขอบหน้าผาทางด้านตะวันตกแล้ว
เนื่องจากภูมิประเทศพิเศษของภูมิภาคจันทราทมิฬ ที่นี้จึงได้รับแสงแดดเพียงหกชั่วโมงต่อวันเท่านั้น
ยิ่งในช่วงฤดูหนาว
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบหน้าผาด้านทิศตะวันตก เขาจะสูญเสียแสงสว่างในเวลากลางวัน และอันตรายของกลางคืนจะมาถึงอย่างรวดเร็ว
เขาต้องไปจากลำธารในบริเวณใกล้เคียงและหาพื้นที่สูงเพื่อตั้งค่ายพักแรมและลบกลิ่นของเขาในคืนก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น
“เฮ้อ~ ถ้าเป็นแบบนี้ การเดินทางหนึ่งวันจะขยายเป็นห้าวันแน่นอน” วานถอนหายใจก่อนจะยักไหล่ “ก็ช่วยไม่ได้ เราไม่มีกลุ่มคุ้มกันที่น่าเชื่อถือและสามารถเดินทางตลอดทั้งคืนได้”
ขณะที่วานบ่นอยู่ จู่ๆเขาก็หยุดเดินก่อนที่จะจ้องมองไปยังระยะไกลด้วยตาที่หรี่ลง ก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นกลุ่มของมานาจำนวนมากที่รวมตัวกันอยู่ในจุดเดียว
เมื่อพิจารณาเพิ่มเติม วานก็รู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามันอาจเป็นอะไร
“กลุ่มนักเดินทาง!” วานอุทานด้วยความยินดี “โชคดีที่เรามาถึงจุดบนสุดของทางลาดชันนี้และค้นพบก่อน ไม่งั้นเราคงพลาดพวกเขาไปแล้ว”
ถ้าเขาพลาดไป ใครจะรู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะไปเจอกับคณะเดินทางอื่นอีก?