บทที่ 129: มิติที่ดลบันดาลให้เธอทุกสิ่ง
ลู่มู่หวาดกลัวสายตาคมดั่งกริชของหูเจียวเจียวมากจนถอยห่างออกไป ในขณะที่นางรู้สึกชาวาบไปทั่วร่างกาย
นังสารเลวคนนี้หน้าด้านมาก นางกล้าคุกคามคนอื่นต่อหน้าทุกคนได้อย่างไร!?
คนคนนี้คือหูเจียวเจียวจริง ๆ หรือ?
“นี่เจ้า! เจ้ามันนางมารชั่ว!”
แม่กวางเฒ่าชี้หน้าจิ้งจอกสาวด้วยความอับอายปนโกรธ และหันไปมองชาวบ้านที่อยู่รายรอบ
“พวกเจ้าได้ยินไหม ผู้หญิงสารเลวคนนี้กำลังจะขับไล่ข้าออกจากเผ่า นางคือดาวหายนะ!”
“พอแล้ว!” หัวหน้าเผ่าตะโกนพลางระงับโทสะของตัวเอง
ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกหวั่นเกรงขึ้นมา เพราะหัวหน้าเผ่าก็คือหัวหน้าเผ่า แม้ว่าเขาจะแก่แล้ว แต่ความสง่าและมีอำนาจของเขาก็ยังคงอยู่เสมอไม่เคยเปลี่ยน
ตามปกติ ท่านผู้เฒ่ามักจะแสดงสีหน้าใจดี แต่มีเพียงคนที่รู้จักเขาจริง ๆ เท่านั้นจึงจะรู้ว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือตอนที่ชายคนนี้โกรธ
“หากเจ้ามาสร้างปัญหาที่นี่อีก เจ้าจะเป็นเหมือนลู่ซุยซุยที่ถูกไล่ออกจากเผ่า!” ยามนี้ผู้นำสูงสุดของเผ่ากำลังโกรธมาก
เขาเป็นคนคุยง่ายและอารมณ์ดีเสมอ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะใจดีกับใครก็ตามที่ทำให้เผ่าเดือดร้อน
แม่กวางเฒ่ามักจะเอาเปรียบภูตคนอื่น ดังนั้นการที่เขาเมินเฉยต่อการกระทำของนางมาตลอดไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้อะไร แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับอนาคตของเผ่าล่ะก็ เขาจะไม่ยอมใจอ่อนเด็ดขาด
เมื่อลู่มู่ได้ยินเช่นนั้นก็ใจหายวาบทันที
นางหันขวับไปจ้องมองหูเจียวเจียวด้วยสายตาไม่พอใจ ก่อนจะหดคอกลับไปยังที่ที่ตนเคยอยู่
ทำไมไม่มีใครปฏิเสธตอนที่หวงเยว่พูดเลย พอถึงคราวนางเอ่ยปากพูดบ้าง แม้แต่ท่านผู้เฒ่าก็ว่านางหรือ?
หญิงชราคิดไม่ออกว่าปัญหาคืออะไร
“ป้าลู่ ในเมื่อท่านไม่เชื่อว่าดอกเกลือมีอยู่จริง ถ้าเราได้ดอกเกลือกลับมา ท่านจะไม่กินเกลือที่เกี่ยวข้องกับดาวหายนะอย่างข้าใช่หรือไม่?” หูเจียวเจียวก้าวไปมองแม่กวางด้วยสายตาเย็นชา
“แน่นอน! ข้าจะไม่กินอะไรจากเจ้า คนที่นำหายนะมาสู่เผ่า!” ลู่มู่เชิดหน้าพูดแบบเย่อหยิ่ง
หญิงสาวที่ได้ยินดังนั้นยิ้มเยาะและกล่าวอย่างมีความสุข
“ก็ดี ข้ากลัวว่าถ้าท่านกินดอกเกลือแล้วเป็นโรค ท่านจะมาหาว่าข้าเป็นต้นเหตุอีก เรื่องนั้นข้าคงรับผิดชอบไม่ไหว”
เวลาต่อมา เธอกวาดตามองหน้าชาวบ้านทุกคน
“ไหน ๆ ป้าลู่ก็พูดเรื่องนี้ขึ้นมาแล้ว ข้าขอบอกให้ทุกคนเข้าใจตรงนี้เลยว่าข้าไม่ได้บังคับให้พวกเจ้ากินเกลือ ข้าแค่บอกวิธีการตามหา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นระหว่างการเดินทางหรือว่าเจ้ากินเกลือเข้าไปแล้วป่วย มันเป็นความสมัครใจของทุกคนเองทั้งหมดใช่ไหม?”
“ถ้ามีใครมาโทษว่ามันเป็นความผิดของข้า หากมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต ข้าจะไม่บอกวิธีแก้ปัญหากับท่านผู้เฒ่าอีก”
พอเหล่าภูตที่ตอนแรกมีความสงสัยอยู่บ้างได้ยินหูเจียวเจียวพูดดักทางเอาไว้แบบนี้ พวกเขาก็พูดพร้อมโบกมือระรัว
“ไม่ ๆ เราทุกคนสมัครใจ”
“ถูกต้องแล้ว ในเมื่อเจ้าหาทางได้ ทุกคนจะต้องขอบคุณเจ้ามากต่างหาก!”
“อย่าคิดอย่างนั้น เราทุกคนเชื่อในตัวเจ้า”
ใครอยากนอนรอความตายเฉย ๆ บ้าง?
ใครบ้างจะไม่อยากมีชีวิตอยู่กับคู่ของตน?
แม่กวางเฒ่าคงจะอิ่มท้องมากแล้วกระมัง นางจึงมาสร้างปัญหาให้กับจิ้งจอกสาว นี่มันไม่ต่างจากการที่นางพยายามจะฆ่าพวกเขาไปด้วยหรอกหรือ!
ชั่วขณะหนึ่ง ชาวบ้านก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจลู่มู่มากขึ้นไปอีก
ในเวลาเดียวกัน หูเจียวเจียวจ้องเขม็งไปที่หวงเยว่ซึ่งอยู่ห่างจากฝูงชนไปไม่ไกล ขณะที่ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัย
เป็นเรื่องบังเอิญไหมที่นางมักจะสามารถกระตุ้นปัญหาด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ?
หรือว่านางทำไปเพราะตั้งใจ?
และถ้านางจงใจ ทำไมนางถึงทำแบบนั้น?
...
เมื่อยามบ่ายมาถึง ท่านผู้เฒ่ามอบหมายให้ภูต 8 คนมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตกเพื่อตามหาดอกเกลือ
ในบรรดาพวกเขา มีพ่อหูเฉียงกับพี่ใหญ่หูชิงซานด้วย หูเจียวเจียวกับหูหมินจึงออกไปส่งทั้งคู่ด้วยกัน
ก่อนที่แม่และลูกสาวจะทันได้พูดอะไร พ่อและลูกชายก็เริ่มคร่ำครวญเสียก่อน
“เจียวเจียว เจ้ากับแม่ของเจ้าอดทนรอพ่อนำเกลือกลับมาที่เผ่าก่อนนะ พ่อจะเอาเกลือกลับมาให้ได้…”
“น้องเล็ก หากเจ้าถูกรังแกก็ไปหาพี่รอง พี่สามและพี่สี่ของเจ้านะ แม้ว่าเจ้าพวกนั้นจะไร้ประโยชน์ไปสักหน่อย แต่อย่างน้อยพวกเขาก็สามารถช่วยเจ้าระบายความโกรธได้บ้าง”
เวลานี้หูเจียวเจียวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่เธอก็พยักหน้ารับและตอบกลับว่า
“ท่านพ่อกับพี่ใหญ่ดูแลตัวเองด้วยนะ ข้าจะรอพวกท่านเอาเกลือกลับมา”
ในทางกลับกัน หูหมินกลับทำสีหน้าเบื่อหน่ายพร้อมกับดึงทั้งคู่ออกจากมือลูกสาว “ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะไม่กลับมาสักหน่อย เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกัน จะไปก็รีบไป คนอื่นรออยู่! รู้ไหมว่ามันน่าอาย…”
ระหว่างที่เดินไปข้างหน้า หูเฉียงกับหูชิงซานก็หันกลับมามองข้างหลังถึง 3 ครั้ง ก่อนที่จะไปรวมตัวกับภูตคนอื่นอย่างไม่เต็มใจ
ส่วนจิ้งจอกสาวที่ยืนอยู่นอกเผ่าโบกมือให้พ่อกับพี่ชายจนกระทั่งร่างของพวกเขาหายเข้าไปในป่า
แม้ว่าหญิงสาวจะเป็นกังวล แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ในฐานะสมาชิกของเผ่า พ่อและพี่ใหญ่ต้องมีส่วนร่วมในภารกิจครั้งนี้ด้วย ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้คนอื่นทำสิ่งที่อันตรายแทนตัวเองทั้งหมด
“เจียวเจียว เจ้าไม่ต้องกังวล แม้ว่าพ่อของเจ้ากับชิงซานจะไม่มีความสามารถมากนัก แต่พวกเขาก็มีความชำนาญในการหลบหนี” แม่จิ้งจอกเปลี่ยนสีหน้าที่รู้สึกรังเกียจเมื่อครู่ และปลอบโยนลูกสาวด้วยความอ่อนโยน
เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินคำอธิบายของหูหมินก็หัวเราะออกมา
หลังจากส่งทั้ง 2 คนออกไปแล้ว เธอก็คุยเล่นอยู่กับผู้เป็นแม่สักพักหนึ่ง จากนั้นเธอก็กลับไปเตรียมตัวสำหรับขั้นตอนการเผาถ่าน
แม้จะเคยเห็นการเผาถ่านที่บ้านคุณปู่ แต่เธอยังไม่เคยลงมือทำด้วยตัวเองเลยสักครั้ง จึงไม่รู้ว่ามันจะได้ผลหรือเปล่า เพราะฉะนั้นเธอเลยต้องไปเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด
“คงจะดีถ้าฉันมีโทรศัพท์มือถือที่สามารถค้นหาข้อมูลจากไป่ตู้ได้…” หูเจียวเจียวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
หญิงสาวไม่รู้ว่าต้องลองกี่ครั้งถึงจะสำเร็จ ถ้าเธอสามารถเข้าไป่ตู้เพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณวัตถุดิบที่ต้องใช้ได้ อย่างน้อยเธอก็จะมีความมั่นใจมากขึ้น และโอกาสในการทำสำเร็จก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในอนาคตไม่ได้มีเพียงแค่การเผาถ่านเท่านั้น แต่เธอยังสามารถพัฒนาสิ่งที่มีประโยชน์อื่น ๆ ได้อีก ถ้าเธอรู้ว่าตัวเองจะต้องเดินทางข้ามมิติมา เธอคงจะหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เสริมไว้ล่วงหน้า
“เฮ้อ~” จิ้งจอกสาวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อหูเจียวเจียวกลับถึงบ้าน เด็ก ๆ ทั้ง 5 คนก็ไปเล่นที่ไหนสักแห่งแล้ว เธอจึงตรงเข้าไปในมิติเพื่อมองหาปากกากับกระดาษมาวาดรูปร่างของเตาดินเผาถ่านก่อน
หลังจากที่เธอไม่ได้เข้ามาในมิติเป็นเวลานาน เธอพบว่ามีสิ่งของอยู่บนชั้นวางมากขึ้น
“นี่คืออะไร? มันไม่ใช่ของกินของใช้สักหน่อย…”
ผู้เป็นเจ้าของมิติเดินไปตรวจสอบด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะพบว่ามีช่องเล็ก ๆ เพียงช่องเดียวสำหรับใส่ของบนชั้นวางขนาดใหญ่นี้
มันเป็นกล่องสี่เหลี่ยมที่มีอักษรสลักด้วยสีดำ
“ถ่าน?”
หูเจียวเจียวเปิดกล่องอย่างสงสัยแล้วเจอม้วนหนังสือที่ทำจากหนังแกะอยู่ข้างใน เมื่อเธอคลี่มันออก เธอก็รู้ว่านี่คือบันทึกวิธีการเผาถ่านหลายประเภทไว้
จิ้งจอกสาวกะพริบตาพลางตกอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ จากนั้นแววตาแห่งความสุขก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเธอก็ฉีกยิ้มกว้างพร้อมม้วนหนังแกะกลับเข้าที่เดิม
“เป็นไปได้ไหมที่มิติแห่งนี้ได้ยินเสียงเรียกร้องภายในใจของฉัน? ตอนนี้ฉันกำลังต้องการมันอยู่พอดี!”
หูเจียวเจียวอดที่จะหัวเราะเหมือนคนเสียสติไม่ได้
เมื่อหญิงสาวคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็รีบหลับตาและพึมพำกับตัวเองว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันต้องการทรัพยากรบางอย่างที่มีอยู่ในโลกภูต เพื่อที่ฉันจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกค้นพบทุกครั้งที่ฉันหยิบบางอย่างออกจากมิติ”
เวลาผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ลืมตาขึ้นอย่างมีความหวัง
แต่ชั้นวางตรงหน้าก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
“...”
ถ้าเป็นในการ์ตูนคงจะมีกา 2-3 ตัวบินอยู่เหนือศีรษะของหญิงสาวอยู่
แน่นอนว่าเธอคิดมากไปเอง…
แต่แค่มีม้วนหนังสือที่อธิบายเกี่ยวกับวิธีการเผาถ่านก็เป็นเรื่องที่ดีมากอยู่แล้ว เธอรู้สึกพอใจกับมันมาก!
ครู่ต่อมา หูเจียวเจียวเปิดม้วนหนังแกะอีกครั้งเพื่อศึกษามันอย่างจริงจัง พร้อมทั้งจดจำวิธีการรวมถึงขั้นตอนทั้งหมดไว้ในใจ
…
ในเวลาเดียวกัน
หลงจงกับหลงเซียวเดินโซเซไปที่ริมแม่น้ำพร้อมกับถังหินใบเล็ก
วันนี้พวกเขายังคงออกมาจับ ‘ปลา’
ราวกับนัดหมายกันไว้ ไม่นานนัก ร่างภูตหลายคนก็ปรากฏขึ้นที่ริมแม่น้ำ
ลู่หลีและพรรคพวกมักจะติดตามพวกเขามาที่นี่
ขณะนี้กวางหนุ่มวางมือไว้บนหลังศีรษะพลางเดินเข้ามาหาเด็กหนุ่มทั้งคู่อย่างเย่อหยิ่ง เมื่อเห็นว่าวันนี้มีเด็กตระกูลหลงเพียง 2 คน เขาก็กลั้นเสียงหัวเราะเหยียดหยามเอาไว้ไม่ได้
“โอ้? ทำไมวันนี้ถึงมีแค่พวกเจ้า 2 คนล่ะ คนหนึ่งก็ตาบอด ส่วนอีกคนก็เป็นไอ้ตัวอัปลักษณ์ แถมยังอยากจะมาจับปลาที่แม่น้ำอีกด้วย?”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: จะบ้าตาย เจอมารผจญกันทั้งแม่ทั้งลูกเลย