ตอนที่ 18 สังหารในฝ่ามือเดียว!
“ในที่สุดข้าก็ได้ตรานี่มา”
เมื่อถังฮวนเดินออกมาจากหออาวุธเทพ ใบหน้าเขามีรอยยิ้มสบายใจ ในตอนนี้เขามีตราหยกดำขนาดเล็กในมือแล้ว
ตราหยกนี้หมายความว่าเขาได้รับการยอมรับและความคุ้มครองจากหออาวุธเทพแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นแค่ข้อดีเดียวเท่านั้น
ประการต่อมาคือเขาได้เพิ่มพลังเพลิงแท้ของตัวเอง ถ้าหากเมล็ดเพลิงของเพลิงแท้เป็นรากฐาน การเก็บเกี่ยวในห้องอาวุธลับนั้นก็เทียบเท่ากับการทำให้รากฐานของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเป็นสิบเท่า
ถ้าหากเขาไม่ได้รับแก่นแท้เพลิงหยางลึกล้ำมาเป็นจำนวนมาก เขาจะไม่รู้เลยว่าอีกนานเท่าใดกว่าที่เพลิงแท้ของเขาจะแข็งแกร่งในระดับนี้
ถังฮวนดีใจมาก เขารีบเดินลงบันไดมาที่หน้าหออาวุธเทพ
“ถังฮวน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวมาซักที!”
เสียงเย็นชาดังเข้าหูของเขา
ถังฮวนตื่นจากภวังค์และมองรอบด้าน จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีคนหนึ่งปรากฏตัวอย่างเงียบเชียบที่ด้านหลังของเขาแล้ว คนตรงหน้าเขาคือชายวัยกลางคนที่มีร่างกายขนาดกลางและสวมชุดสีน้ำเงิน สวนชายข้างหลังคือชายวัยกลางคนเช่นเดียวกันแต่เขามีใบหน้าเรียวยาวเหมือนกับม้า งั้นหรือ?
ถังฮวนเคยเจอสองคนนี้มาบ้างและรู้ว่าพวกเขาคือคนตระกูลถัง คนที่สวมชุดน้ำเงินคือถังเทียนหรง ส่วนชายวัยกลางคนหน้าม้าคือถังเทียนห่าว พวกเขาเป็นจอมยุทธขั้นสี่
พวกเขามาที่นี่ก็เพราะถังหงและถังเฉา สีหน้าของพวกเขาไม่น่าดูอย่างมาก
“เป็นเจ้าสองคนสินะ ถังเฉากับถังหงยังไม่ตายรึไง?”
ถังฮวนหัวเราะและยิ้มออกมา
“พวกเขายังไม่ตาย แต่เจ้าคงไม่รอดต่อไปได้แน่”
ใบหน้าเหมือนม้าของถังเถียนห่าวยิ้มอย่างชั่วร้าย
“ไอ้เด็กเมื่อวานซืน เจ้าคิดรึว่าพวกข้าจะจำเจ้าเพราะโกนหัวไม่ได้? แต่ถ้าเจ้าคิดถึงสถานที่ดี ๆ และมาที่หออาวุธเทพแล้วคิดว่าจะได้รับการคุ้มครองแค่เพราะอยู่ที่หออาวุธเทพแล้วล่ะก็ เจ้าฝันไปเถอะ”
ถังเทียนหรงสายตาเย็นชา เขาพูดเสียงต่ำ
“เทียนห่าว อย่าไปเสียเวลากับมัน พามันกลับไปที่ตระกูลแล้วให้ท่านเจ้าตระกูลตัดสินใจ”
“ใช่แล้ว เราเสียเวลากับไอ้เด็กเมื่อวานซืนมามากพอแล้ว”
ถังเทียนห่าวถอนหายใจอย่างเย็นชาและยื่นมือจับถังฮวน
“ช้าก่อน ช้าก่อน ข้าผสานกับเพลิงแท้มาเมื่อเช้านี้ และตอนนี้ข้าก็ผ่านการประเมินของหออาวุธเทพและกลายเป็นช่างตีอาวุธระดับต่ำแล้ว”
ถังฮวนรีบถอยและตะโกน
แต่ในตอนที่ถังฮวนพูด ดวงตาของเขาก็แสดงความไม่มั่นใจ เขาพูด
“ถ้าไม่เชื่อข้าก็ดูนี่ซะ!”
พูดแล้วถังฮวนก็หยิบตราหยกดำในมือออกมา
“ทำร้ายข้าก็หมายถึงดูหมิ่นต่อหออาวุธเทพ คิดดี ๆ ไม่ดีกว่ารึ?”
หลังจากกระดิกตราหยกในมือไไม่กี่ครั้ง ถังฮวนก็มองรอบ ๆ
“ช่างตีอาวุธระดับต่ำรึ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังฮวน ถังเทียนห่าวก็นิ่งเป็นน้ำแข็ง มือของเขาเย็นยะเยือกนิ่งไป
หลังจากตกใจได้ไม่นาน ถังเทียนหรงก็พูดเยาะเย้ย
“ผสานกับเพลิงแท้เมื่อเช้าและผ่านการทดสอบช่างตีอาวุธระดับต่ำในยามบ่าย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะนักตีอาวุธรึ? ก็แค่ตราหยกพัง ๆ ที่เจ้าหยิบมาจากที่ไหนไม่รู้ เจ้าจะบอกว่ามันเป็นตราของหออาวุธเทพ ถังฮวน เจ้าคิดจะเป็นช่างตีอาวุธจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?”
“บัดซบ เจ้ากล้าหลอกข้าเรอะ?”
เมื่อได้ยินดังนั้นถังเทียนห่าวก็ได้สติและดูจากสีหน้าไม่ชอบมาพากลของถังฮวน เขายืนยันคำพูดของถังเทียนหรงได้ในทันที ในเสี้ยววินาทีนั้นเขาอับอายเหมือนกับถูกแทงก้น ใบหน้าเขาแดงด้วยความแค้น
“ไอ้เด็กเวร คุกเข่าซะ!”
เขาขยับฝีเท้าและถังเทียนห่าวก็วิ่งเข้าใส่ถังฮวนราวกับสาวฟ้า ฝ่ามือของเขาหนักเหมือนกับหินโม่และซัดใส่ไหล่ของถังฮวน
“โอ๊ย!”
ทันใดนั้นถังฮวนก็กรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและร่างของเขาก็กระเด็นลอยไปกระแทกกับบันไดหน้าหออาวุธเทพ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าเขาบาดเจ็บสาหัส
เมื่อเห็นเช่นนั้น ถังเทียนห่าวก็ตกใจและดูฝ่ามือตัวเองด้วยความสับสน
เขาแทบจะไม่ได้สัมผัสไหล่ของถังฮวนแม้แต่น้อยในตอนที่ถังฮวนกระเด็นออกไป ยิ่งไปกว่านั้น ฝ่ามือของเขายังซัดลงมาจากข้างบน ต่อให้ถังฮวนจะล้มลง เขาก็ควรจะล้มลงอยู่กับที่และไม่ได้กระเด็นไปเช่นนั้น
เขาทำบ้าอะไรกัน?
ถังเทียนห่าวและถังเทียนหรงอดมองหน้ากันไม่ได้ แต่พวกเขาก็ขมวดคิ้วแน่นด้วยความระแวง
“ไอ้เด็กบ้า เจ้าคิดรึว่าทำตัวน่าสงสารแล้วเจ้าจะได้รับความช่วยเหลือจากหออาวุธเทพน่ะ?”
จากนั้นไม่นานถังเทียนห่าวก็ได้รู้ตัวเหมือนกับว่าเขาเข้าใจความตั้งใจของถังฮวน เขาหัวเราะอย่างชั่วร้ายและก้าวเข้าไปและเตะเขาอย่างดุเดือด
“เจ้ากล้าดียังไง! เจ้ากล้าทำร้ายนักตีอาวุธของหออาวุธเทพของเรารึ?”
เสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดระเบิดมาจากด้านบน
ทันใดนั้นร่างเตี้ยที่ผอมก็ปรากฏหน้าหอ ในพริบตาร่างนั้นก็มาอยู่หน้าถังเทียนห่างและถังฮวน เขาตบไปหนึ่งครั้ง ถังเทียนห่าวไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นและกระเด็นลอยไป
“ปั้ง!”
หลังจากกระเด็นไปไกลเกินสิบเมตร ร่างกายของถังเทียนห่าวก็กระแทกพื้นอย่างรุนแรงและไถลพื้นไปอีกไกล สุดท้ายเขาก็หยุดนิ่งไม่ไหวติง ไม่ใช่แค่หน้าเขาที่บวมแดง แม้แต่เนื้อในสมองของเขาก็ปรากฏขึ้นมาเล็กน้อยบนหัวของเขา
เมื่อเห็นดังนั้น ถังฮวนก็ตกใจจนลูกตาแทบหลุดจากเบ้า จอมยุทธขั้นสี่ที่เก่งกาจอย่างเขาถูกสังหารไปอย่างนั้น ใต้เท้ามู่คุยแข็งแกร่งเพียงใดกัน?
“เทียนห่าว?”
ถังเทียนหรงนิ่งเป็นท่อนไม้ เขามองไปที่ร่างของถังเทียนห่าวและชายชราผอมเตี้ยในชุดดำหน้าถังฮวน
ถังเทียนหรงรู้จักชายคนนี้อย่างเห็นได้ชัด
เขาเป็นคนดังจากหออาวุธเทพและมีนามว่ามู่คุย ไม่เพียงแต่จะเป็นนักตีอาวุธระดับสูง พลังของเขายังสูงไร้เทียมทานอีกด้วย
“แค่ก แค่ก ขอบคุณที่ใต้เท้ามู่คุยช่วยเหลือช้า”
ถังฮวนกลับมาสู่ความเป็นจริงและฝืนลุกขึ้นนั่งด้วยความขอบคุณ
“ใต้เท้ามู่คุยไว้ชีวิตข้าด้วย ขะ…ข้าไม่รู้ว่าถังฮวนสอบหออาวุธเทพผ่านแล้ว”
ถังเทียนหรงตกใจและผวากับเสียงของถังฮวน เขาคุกเข่าลงเสียงดังและก้มหัว ใบหน้าเขาซีดขาวและสั่นไปทั้งตัว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าถังเทียนห่าวถูกถังฮวนหลอก เขาตั้งใจล่อให้พวกเขาโดนสังหารด้วยมือคนอื่นจากคำพูดและการแสดงของเขา…
“ใต้เท้ามู่คุย เขาโกหก! ข้าแสดงตราหออาวุธเทพให้เขาดูแล้ว แต่พวกเขาก็ไม่เชื่อข้า”
ถังฮวนตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวและดูอ่อนแอเป็นอย่างมาก
“เห็นแก่ที่เจ้าไม่ทำอะไร ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า เอาเจ้านั่นไปแล้วไสหัวไปได้แล้ว!”
ชายชรานามมู่คุยในชุดดำจ้องมองถังฮวนอย่างเกรี้ยวกราด จากนั้นเขาก็มองถังเทียนหรงและตะโกนอย่างเยือกเย็น
“ขอรับ ขอรับ ขอบคุณใต้เท้ามู่คุยที่ไว้ชีวิตข้า”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นถังเทียนหรงก็เหมือนกับผู้ที่ได้อภัยโทษจากจักรพรรดิ เขาคลานจากพื้นอย่างบ้าคลั่งและรีบไปหาถังเทียนห่าวและแบกศพของเขาไว้บนไหล่และวิ่งหนีสุดชีวิต ถ้าหากเขามีปีกเขาก็คงจะหายไปจากสายตาของมู่คุยทันที
“ใต้เท้ามู่คุย ขอบคุณท่านยิ่งนัก ถ้าท่านมาช้ากว่านี้ ข้าคงจะไม่รอดไปแล้ว”
ถังฮวนพูดด้วยความขอบคุณเป็นอันมาก
“เอาเถอะ เจ้าลุกขึ้นมาได้แล้ว เขาไปแล้ว ทำไมต้องแกล้งทำตัวน่าสงสารด้วย?”
มู่คุยจ้องถังฮวนอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านเขาขึ้นบันได เมื่อเขาเดินไปเขาก็ตำหนิ
“ไอ้เด็กเวร เจ้าเองก็ไสหัวไปได้แล้ว”
หลังจากเดินได้ไม่กี่ก้าวเขาก็พูดต่อโดยไม่หันหลังกลับ
“ในอีกสองเดือนจะมีการแข่งขันตีอาวุธสำหรับช่างตีอาวุธระดับต่ำในเมืองคลื่นคลั่ง เจ้าต้องเตรียมตัวให้ดี ในตอนนั้นจะได้ไม่ขายหน้า”
“ย่อมได้ ข้าจะเตรียมตัวให้ดี”
ถังฮวนหัวเราะอย่างกระอักกระอ่วนและลุกขึ้นมาปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าและมองมู่คุยทีเ่ดินหายไปก่อนจะมุ่งหน้าไปยังที่พักของเขาที่ตอนเหนือของเมือง