ตอนที่ 147: เซเลสเชียลมูน
ตอนที่ 147: เซเลสเชียลมูน
กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วและใน 25 นาทีต่อมา เซี่ยเฟยกับอันธก็ช่วยกันคัดรายชื่อที่มีค่ามากที่สุดได้ 57 รายการจากในบรรดารายการทั้งหมดที่มีจำนวนหลายพัน
เย่จิ่งชานคาดการณ์ได้อย่างถูกต้องแล้วว่าเซี่ยเฟยไม่รู้จักอุปกรณ์ระดับสูงเหล่านี้ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าชายหนุ่มมีวิญญาณนักฆ่าคอยให้คำปรึกษาอยู่ข้างกาย
“ชุดต่อสู้ฮัวซิง 90 นี้ดีมาก ถึงแม้ว่าในแง่ของความเร็วมันจะช้ากว่าชุดวินด์ชาโดว์แต่มันก็เป็นชุดต่อสู้ที่มีพลังป้องกันอันแข็งแกร่ง ฉันคงไม่ต้องอธิบายนะว่าทำไมนายถึงต้องการชุดมาคอยป้องกัน” อันธกล่าวแนะนำ
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับคำแนะนำของอันธ เพราะถ้าหากว่าวัดกันในแง่ของการลอบสังหารชุดวินด์ชาโดว์ย่อมมีภาษีที่ดีกว่าอย่างแน่นอน แต่ถ้าหากวัดกันในแง่การต่อสู้ที่ยากลำบากโดยเฉพาะการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ประสิทธิภาพในการป้องกันของชุดต่อสู้ก็จะยิ่งมีความสำคัญอย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ชายหนุ่มได้มองเห็นความสำคัญของการป้องกันของชุดต่อสู้บนดาวมรดกแล้ว และนักสู้ระดับสูงทุก ๆ คนจะไม่ได้มีชุดต่อสู้อยู่เพียงแค่ชุดเดียวแต่จะมีชุดต่อสู้อยู่อย่างน้อย 3 ชุดเพื่อเอาไว้เปลี่ยนใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน แน่นอนว่าเขาก็ต้องการอาวุธเอาไว้เปลี่ยนใช้ในสถานการณ์ที่แตกต่างกันด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ไม่ได้มีคะแนนมากพอที่จะทำการแลกเปลี่ยนอุปกรณ์ทั้งหมดที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นจะต้องเลือกสิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับเขาในช่วงเวลานี้เสียก่อน และทางเลือกในตอนนี้ก็เหลือเพียงการเลือกระหว่างการเพิ่มความเร็วกับการเพิ่มพลังในการป้องกัน
“ในกรณีที่นายเลือกชุดฮัวซิง 90 นายสามารถเพิ่มความเร็วได้ด้วยแหวนภูติลม ฉันว่าการเลือกอุปกรณ์ทั้งสองชิ้นนี้เป็นการแก้ไขปัญหาที่ดี เพราะนายจะได้รับทั้งความเร็วและพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง”
“จากนั้นนายก็ทำการแลกออโรร่าที่มีระดับสูงกว่าเชสซิ่งไลท์มาใช้เป็นอาวุธ ถึงยังไงนายก็คุ้นชินกับรูปแบบการต่อสู้ที่ซ่อนมีดเอาไว้ใต้แขนเสื้ออยู่แล้ว นอกจากนี้นายยังสามารถเพิ่มกงล้อนิรนามมาเป็นตัวเลือกเพิ่มเติมเอาไว้ใช้ในการต่อสู้ระยะไกลได้ด้วย”
“ถ้าฉันเป็นนายฉันจะเลือกอุปกรณ์ทั้งสี่ชิ้นนี้และราคาของพวกมันก็อยู่ที่ 98,000 แต้ม ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่นายสามารถจ่ายได้” อันธอธิบายข้อดีของอุปกรณ์แต่ละชิ้นอย่างชัดเจน
การวิเคราะห์ของอันธมีความสมเหตุสมผลมาก เพราะเมื่อพิจารณาจากปัจจัยทั้งหมดแล้วถึงแม้นักฆ่าคนนี้จะไม่ประสบความสำเร็จในสาขาอาชีพของตัวเอง แต่เขาก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่หาตัวจับได้ยากในแง่ของการปรุงยาและการประเมินอุปกรณ์
การได้รับคะแนนพิเศษ 100,000 คะแนนอาจจะดูเหมือนเป็นคะแนนที่เยอะมาก แต่เมื่อมันมีอุปกรณ์ระดับสูงให้ทำการเลือกสรรอย่างมากมาย มันกลับกลายเป็นเซี่ยเฟยมีคะแนนพิเศษอยู่น้อยมากไปเลย
ท้ายที่สุดอุปกรณ์ระดับสูงก็จำเป็นจะต้องใช้คะแนนแลกที่สูงตาม ซึ่งการมีคะแนนเพียงแค่ 100,000 คะแนนจึงสามารถแลกอุปกรณ์ระดับปานกลางได้เพียงแค่ไม่กี่ชิ้นหรือสามารถแลกอุปกรณ์ระดับสูงได้เพียงแค่ชิ้นเดียว
เซี่ยเฟยกำลังคิดพิจารณาภายในใจอย่างรวดเร็ว แต่สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังอาวุธประหลาดที่อยู่ทางด้านล่างของหน้าจอ
ชื่อของอุปกรณ์ประหลาดชิ้นนี้คือเซเลสเชียลมูน ซึ่งมันเป็นอาวุธผสมที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ โดยรูปร่างภายนอกของมันดูคล้ายกับหางของนกฟินิกซ์ในตำนานที่ประกอบไปด้วยใบมีดกลม ๆ 18 เล่มเชื่อมติดกันเป็นเส้นยาว
วัตถุดิบที่ใช้ทำเซเลสเชียลมูนเป็นโลหะผสมพิเศษทำให้ใบมีดมีความบางเหมือนกระดาษ แต่มีความแข็งและมีความคมอย่างไม่น่าเชื่อ นอกจากนี้ใบมีดกลม ๆ แต่ละใบได้มีการเชื่อมต่อกันด้วยกลไกที่ซับซ้อน ทำให้ในช่วงเวลาปกติมันมีรูปร่างเหมือนกับจานร่อนที่ผูกติดอยู่กับแขนคล้ายกับเชสซิ่งไลท์
เมื่อเปิดใช้งานผู้ใช้สามารถกำหนดกลไกเพื่อเลือกความยาวของอาวุธชิ้นนี้ได้ โดยใบมีดแต่ละใบมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 15 เซนติเมตรและมีรูปร่างเหมือนกับแผ่นดิสก์
หากผู้ใช้กำหนดกลไกให้ใบมีดถูกปล่อยยาวออกไป 3 ใบ มันก็จะกลายเป็นอาวุธที่มีความยาว 45 เซนติเมตร หรือหากผู้ใช้ได้กำหนดกลไกให้ใบมีดปล่อยออกไป 10 ใบมันก็จะเป็นอาวุธที่มีความยาว 150 เซนติเมตร แต่เมื่อไหร่ที่ผู้ใช้กำหนดกลไกให้ใบมีดปล่อยออกไปทั้ง 18 ใบ มันก็จะกลายเป็นอาวุธที่มีความยาวเกือบ 300 เซนติเมตร!!
การปรับเปลี่ยนความยาวเป็นเพียงแค่หนึ่งในกลไกที่น่าอัศจรรย์ของอาวุธชิ้นนี้เท่านั้น เพราะผู้ใช้สามารถกำหนดระบบกลไกได้อย่างอิสระทำให้ใบมีดทั้ง 18 ใบสามารถเชื่อมต่อกันในรูปแบบไหนก็ได้ตามที่ผู้ใช้สามารถจะคิดออก
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถนำอาวุธออกไปเหวี่ยงโจมตีได้เหมือนแส้และสามารถเอาใบมีดทั้งหมดมารวมตัวกันเป็นวงกลมจนกลายเป็นโล่ ตราบใดก็ตามที่ผู้ใช้มีจินตนาการที่ไร้ขีดจำกัด อาวุธชิ้นนี้มันก็จะกลายเป็นสุดยอดอาวุธที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบในการโจมตีได้ตลอดเวลา!!
สิ่งที่น่าตกใจมากยิ่งกว่าคือเซเลสเชียลมูนไม่เพียงแต่จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบของอาวุธได้เท่านั้น แต่มันยังสามารถกระจายการโจมตีได้อีกด้วย!
ผู้ใช้สามารถกำหนดกลไกให้ใบมีดทั้ง 18 ใบกระจายกันเป็นมีดขว้างได้ 18 เล่ม ทำให้การใช้อาวุธชนิดนี้ในการโจมตีสามารถพลิกแพลงได้จากทุกทิศทาง และทำให้ศัตรูหลบการจู่โจมได้อย่างยากลำบากมากยิ่งขึ้น
การออกแบบอาวุธชิ้นนี้ได้มาถึงจุดสุดยอดของประวัติศาสตร์ในการออกแบบอาวุธของมนุษย์แล้ว และมันก็คงจะมีเพียงแต่อัจฉริยะผู้บ้าคลั่งเท่านั้นที่สามารถออกแบบอาวุธที่ซับซ้อนและแปลกประหลาดแบบนี้ได้
ที่สำคัญที่สุดคือถึงแม้ว่ากลไกของเซเลสเชียลมูนจะมีความซับซ้อนอย่างเหลือเชื่อ แต่โครงสร้างกลไกของมันกลับมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากราวกับว่ามันเป็นอาวุธชั้นยอดที่มีกลไกซุกซ่อนอยู่ด้านใน!
“ทำไมนายถึงไม่ปล่อยวางอาวุธชิ้นนั้นไปสักที” อันธมองตามสายตาของเซี่ยเฟยพร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันคิดว่าอาวุธชิ้นนี้เหมาะกับฉันมากเหมือนกับมันถูกออกแบบมาให้ฉันเลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ถึงแม้ว่าเซเลสเชียลมูนจะเป็นอาวุธที่ดี แต่ถ้าหากนายเลือกอาวุธชิ้นนี้นายจะไม่เหลือคะแนนไปแลกอุปกรณ์ชิ้นอื่นเลยนะ” อันธกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
เซี่ยเฟยไม่ตอบกลับอะไรกลับไปเพราะเขาต้องใช้สมองในการคิดตัดสินใจเลือกอย่างจริงจัง
คำว่า ‘เลือก’ อาจจะฟังดูเป็นคำง่าย ๆ แต่มันก็เป็นคำที่ซ่อนความลำบากใจเอาไว้อยู่เสมอ ท้ายที่สุดเบื้องหลังของคำว่าเลือกคือการทิ้งสิ่งหนึ่งไปเพื่อให้ได้รับสิ่งหนึ่งมา มันจึงทำให้การเลือกไม่เคยเป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
หลังจากใช้เวลาคิดพิจารณาอยู่สักพักชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย
“ฉันตัดสินใจแล้วฉันจะเลือกเซเลสเชียลมูนชิ้นนี้” เซี่ยเฟยพูดขึ้นมาเบา ๆ
“ฉันอุตส่าห์คิดวางแผนให้นายตั้งนาน แต่สุดท้ายนายก็ยังเลือกเซเลสเชียลมูนอยู่ดี ไม่ว่ายังไงนายก็ยังเดินทางด้วยวิธีสุดโต่งอยู่เสมอเลยนะ แม้กระทั่งการเลือกอุปกรณ์แบบนี้ก็ไม่เว้น”
“นายเข้าใจใช่ไหมว่าถ้าหากนายเลือกเซเลสเชียลมูน แม้มันจะทำให้นายได้รับการโจมตีที่แข็งแกร่งแต่นายก็จะสูญเสียการป้องกันไปในเวลาเดียวกัน ดังนั้นประสิทธิภาพโดยรวมของอาวุธชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียวจึงน้อยกว่าอุปกรณ์ทั้งสี่ชิ้นที่ฉันได้เลือกให้”
“ปกตินายเป็นคนที่ขี้งกมาก ทำไมวันนี้นายถึงยอมใช้คะแนนทั้งหมดแลกอาวุธเพียงแค่ชิ้นเดียว แทนที่จะแลกอุปกรณ์ทั้งสี่ชุดที่ด้อยกว่าลงมาเพียงแค่เล็กน้อย” อันธกล่าวอย่างไม่เข้าใจ
“ฉันไม่ได้เป็นคนขี้งก แค่บางครั้งฉันคิดว่าเงินที่ต้องจ่ายเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น แต่ฉันไม่เคยรู้สึกเสียดายถ้าต้องจ่ายเงินทั้งหมดเพื่อซื้อสิ่งสำคัญ แม้ว่าการเลือกเซเลสเชียลมูนจะทำให้ฉันพลาดอุปกรณ์ในส่วนอื่นไป แต่การจะหาอาวุธที่ดีกว่าอาวุธชิ้นนี้ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างแน่นอน ในเมื่อฉันต้องการจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของจักรวาลแล้วฉันจะพลาดอาวุธระดับสูงสุดแบบนี้ได้ยังไง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
อันธถอนหายใจให้กับความดื้อรั้นของเซี่ยเฟยและในเมื่อชายหนุ่มคนนี้ตัดสินใจเลือกเซเลสเชียลมูนแล้ว มันก็ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องพูดจาโน้มน้าวต่อไป เขาจึงจบบทสนทนาแล้วหายตัวเข้าไปภายในสร้อย
เมื่อครบเวลาเย่จิ่งชานก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าอันจริงจัง แต่เมื่อเขาได้เห็นอุปกรณ์ที่เซี่ยเฟยได้เลือกไว้บนหน้าจอมันก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง
‘เขาสามารถคัดอุปกรณ์ที่มีค่าทั้งหมดออกมาได้ยังไง!’
‘เขาเลือกอุปกรณ์ชิ้นไหนกันแน่?!’ เย่จิ่งชานคิดกับตัวเองด้วยความสงสัย ก่อนที่เขาจะกลับไปนั่งยังที่นั่งของตัวเอง
“คุณเลือกอุปกรณ์ได้แล้วหรือยัง?” เย่จิ่งชานถาม
“เลือกได้แล้วครับ ผมต้องการแลกเซเลสเชียลมูนชิ้นนี้” เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับใช้นิ้วชี้ไปยังชื่อเซเลสเชียลมูนบนหน้าจอ
“คุณแน่ใจนะว่าต้องการแลกคะแนน 105,000 คะแนนกับเซเลสเชียลมูนเพียงชิ้นเดียว” เย่จิ่งชานถามขึ้นมาพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างจริงจัง
“ใช่ครับ แต่ตอนนี้ผมมีคะแนนอยู่เพียงแค่ 100,000 คะแนน ผมสามารถจ่ายส่วนต่างที่เหลืออีก 5,000 คะแนนเป็นเงินได้หรือเปล่าครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยเฟยมีคะแนนไม่เพียงพอมันก็ทำให้เย่จิ่งชานรู้สึกโล่งใจ
เซเลสเชียลมูนเป็นหนึ่งในอาวุธระดับอีเทอนิตี้เพียงไม่กี่ชิ้นในศูนย์แลกเปลี่ยนระดับ B ซึ่งในอดีตมันเคยเป็นอาวุธของผู้อำนวยการสมาพันธ์จัสทิสสาขาภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่คนก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนมาเป็นโรเบิร์ตนั่นเอง
หลังจากที่เขาได้เสียชีวิตพินัยกรรมของเขาก็ระบุว่าเขาได้ทำการมอบอาวุธชิ้นนี้ให้กับทางสมาพันธ์ แต่เนื่องจากมันไม่มีใครสามารถใช้อาวุธชิ้นนี้ได้มันจึงนอนอยู่ในโกดังของสมาพันธ์มาเป็นเวลาหลายปี และมูลค่าของอาวุธชิ้นนี้ก็ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินได้อย่างแน่นอน
“คุณจะเอาเงินมาแลกกับคะแนนพิเศษของสมาพันธ์ได้ยังไง คุณควรเปลี่ยนใจไปแลกของอย่างอื่นที่คุณมีคะแนนมากพอ” เย่จิ่งชานกล่าว
“ถ้าอย่างนั้นผมขออนุญาตโทรไปยืมคะแนนจากคุณตาฉินหมางได้ไหมครับ? เขาน่าจะมีคะแนนพิเศษอยู่บ้างหลังจากทำงานในค่ายฝึกมาหลายปี” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากพยายามคิดหาวิธีแก้ไขปัญหา
ทันใดนั้นเองท่าทีของเย่จิ่งชานก็เปลี่ยนไปอย่างร้อนรน ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็ยังไม่รู้ว่าฉินหมางคืออาจารย์ของเขา และถ้าหากว่าอาจารย์ของเขารู้เรื่องนี้ขึ้นมาเขาจะต้องถูกตำหนิอย่างแน่นอน
“เดี๋ยวก่อน! ฉันจะให้คุณยืมคะแนน 5,000 คะแนนนี้เอง แล้วคุณค่อยเอาคะแนนมาจ่ายคืนทีหลัง” เย่จิ่งชานกัดฟันพูดขึ้นมา
“ขอบคุณมากครับผู้บัญชาการเย่ คุณช่างเป็นคนดีจริง ๆ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสุข
หลังจากไล่เซี่ยเฟยออกไปแล้ว เย่จิ่งชานก็แอบทำการโอนคะแนน 5,000 คะแนนไปยังบัญชีของสมาพันธ์พร้อมกับส่ายหัวให้ตัวเองอย่างแรง
“อาจารย์ทำไมคุณถึงต้องรับลูกศิษย์เจ้าเล่ห์แบบนี้มาด้วย!!”
—
หลังจากเซี่ยเฟยทำการแลกเปลี่ยนเซเลสเชียลมูนได้เป็นที่เรียบร้อย เขาก็กลับไปที่ห้องสมุดอย่างอารมณ์ดีและทันทีที่เขาเปิดประตูเข้าไป เขาก็เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฉินหมางฟังด้วยความตื่นเต้น
“อะไรนะนายเลือกเซเลสเชียลมูนงั้นหรอ? ถ้าฉันจำไม่ผิดอาวุธชิ้นนี้มันไม่ใช่อาวุธสำหรับผู้มีพลังสายความเร็ว แต่มันเป็นอาวุธที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้พลังจิตโดยเฉพาะ อย่างมากที่สุดฉันก็คิดว่านายคงจะใช้ประสิทธิภาพของอาวุธชิ้นนั้นได้ไม่เกิน 40%” ฉินหมางกล่าวพร้อมกับหรี่ตาลงเล็กน้อย
แม้ว่าเซเลสเชียลมูนจะเป็นอาวุธที่ยืดหยุ่น แต่ตัวโลหะชนิดพิเศษที่ใช้สร้างอาวุธชิ้นนี้ขึ้นมาก็เป็นโลหะที่มีคลื่นความถี่ที่เหมาะสมสำหรับการตอบสนองต่อการสั่งการด้วยพลังจิต
นักสู้ผู้ใช้พลังจิตย่อมสามารถใช้อาวุธชิ้นนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านักสู้ผู้ใช้ความเร็ว เพราะท้ายที่สุดการใช้อาวุธชิ้นนี้ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพคือการแยกใบมีดทั้ง 18 เล่มออกไปกระจายการโจมตี และการจะใช้วิธีการโจมตีแบบนี้ก็จำเป็นจะต้องพึ่งพาการควบคุมจากพลังจิต
ในทางกลับกันผู้ใช้พลังสายความเร็วสามารถใช้ประโยชน์จากอาวุธได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงรูปร่างของเซเลสเชียลมูนเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกับการใช้อาวุธโดยผู้มีพลังจิตแล้ววิธีการใช้อาวุธที่ดีที่สุดในรูปแบบหนึ่งก็ขาดหายไปโดยสิ้นเชิง
“สำหรับผู้ใช้ความเร็วการโจมตีที่ยืดหยุ่นก็สามารถช่วยเพิ่มพลังการรบของพวกเราได้เป็นอย่างดีครับ ถึงแม้ว่าเซเลสเชียลมูนในมือของผมจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่ากับเซเลสเชียลมูนในมือของผู้ใช้พลังจิต แต่อาวุธชิ้นนี้มันก็ช่วยเพิ่มความหลากหลายในการโจมตีของผมได้อย่างไม่รู้จบ” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็อธิบายเสริมว่า
“นอกจากนี้ผมยังคิดว่าเซเลสเชียลมูนเป็นอาวุธในระดับที่หาได้ยากมาก ผมจึงสามารถเอามันไปแลกเปลี่ยนกับอาวุธที่ผมต้องการที่อยู่ในมือของคนอื่นได้ และผมก็จะมีอำนาจในการต่อรองที่มากกว่าด้วย”
ฉินหมางพยักหน้ารับหลังจากที่ได้ยินคำอธิบายของชายหนุ่มตรงหน้า
สิ่งที่เซี่ยเฟยอธิบายออกมาเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เพราะถ้าหากวันหนึ่งเซี่ยเฟยได้พบกับอาวุธที่มีความเหมาะสมกับเขาจริง ๆ เขาย่อมสามารถนำเซเลสเชียลมูนไปทำการแลกเปลี่ยนกับอาวุธชิ้นนั้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งในระหว่างนั้นการใช้เซเลสเชียลมูนเป็นอาวุธก็ถือว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี
เซี่ยเฟยได้แสดงความฉลาดและไหวพริบของเขาออกมาเสมอ ดังนั้นฉินหมางจึงไม่เคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการคิดวิเคราะห์ของชายหนุ่มคนนี้
ต่อมาชายชราก็ทำการหยิบจดหมายพร้อมลายเซ็น 2 ฉบับและชิพเก็บข้อมูลออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งมอบให้กับเซี่ยเฟย
“เอานี่ไปด้วย จดหมายฉบับนี้ฝากให้เพื่อนเก่าของฉันที่อาศัยอยู่ในกลุ่มดาวนครหลวง ส่วนจดหมายอีกฉบับส่งให้ลูกศิษย์ของฉันที่ทำงานอยู่ในภูมิภาคดาวมฤตยู”
“ส่วนในชิพเก็บข้อมูลนี้มีข้อมูลหนังสือที่ฉันเตรียมเอาไว้ให้นายอ่านในระหว่างการเดินทาง ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้น่าจะกินระยะเวลามากกว่า 1 ปี ถึงแม้การฝึกฝนการต่อสู้จะเป็นเรื่องที่จำเป็นแต่ความรู้สำหรับนักสู้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมากพอ ๆ กัน”
“สำหรับเรื่องบัตรผ่านเข้ากลุ่มดาวนครหลวงฉันก็จัดการให้ไปแล้ว คาดว่าในอีก 2 วันบัตรผ่านน่าจะถูกส่งเข้าไปในกล่องจดหมายของนายเอง ภายในช่วงระยะเวลา 1 ปีนี้นายสามารถเข้าไปในกลุ่มดาวนครหลวงได้ตามต้องการ แต่นายสามารถอยู่ภายในกลุ่มดาวนั้นได้เป็นเวลาแค่ 72 ชั่วโมง นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันสามารถทำให้ได้แล้ว” ฉินหมางอธิบายอย่างจริงจังราวกับว่าเขาเตรียมการทุกอย่างเอาไว้ให้ชายหนุ่มเป็นอย่างดี
เซี่ยเฟยทำการเก็บจดหมายทั้งสองฉบับเข้าไปภายในแหวนก่อนจะเสียบชิพเก็บข้อมูลลงในไมโครคอมพิวเตอร์ของเขา และเมื่อเขาทำการเรียกดูข้อมูลขึ้นมามันก็ทำให้เขารู้สึกตกตะลึง
เนื่องจากชื่อในบรรทัดแรกของข้อมูลหนังสือที่ปรากฏนั่นก็คือชื่อ ‘การเข้ารหัสหุ่นยนต์เบื้องต้น’
“คุณตานี่มัน…”
เซี่ยเฟยรู้สึกตกใจมาก เพราะเขาไม่คิดเลยว่าฉินหมางจะส่งข้อมูลของหนังสือเล่มนี้ให้กับเขาด้วย
อย่าลืมว่าข้อมูลในหนังสือคือข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นยนต์ในอารยธรรมโบราณ ซึ่งมันเป็นข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพันธมิตรมนุษย์!!
ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะเอ่ยคำถาม ฉินหมางก็ยื่นมือออกมาหยุดเขาเอาไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องพูดแล้ว ตั้งใจฟังให้ดี ๆ”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับด้วยสีหน้าอันจริงจัง
“มัน! ไม่! มี! อะ! ไร!” ฉินหมางพูดเน้นทุกคำด้วยแววตาอันเจ้าเล่ห์
“ขอบคุณครับ” เซี่ยเฟยพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มที่รู้กัน
ฉินหมางหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่มพร้อมกับใช้มือลูบเหล่าเฮยในอ้อมแขน
“เก็บจดหมายเอาไว้ให้ดี ๆ หลังจากที่พวกนั้นได้เห็นลายเซ็นของฉันแล้วพวกเขาจะคอยช่วยเหลือนายเอง ส่วนเรื่องหนังสือพวกนั้นนายค่อยหยิบขึ้นมา ‘อ่าน’ ในเวลาที่ไม่รู้จะทำอะไร”
ฉินหมางจงใจพูดเน้นคำว่า ‘อ่าน’ โดยหวังว่าเซี่ยเฟยจะได้เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้ารหัสหุ่นยนต์
ขณะเดียวกันเซี่ยเฟยก็เริ่มเห็นถึงความลึกลับของฉินหมางมากขึ้นกว่าเดิม เพราะท้ายที่สุดการเข้าไปยังกลุ่มดาวนครหลวงของพันธมิตรมนุษย์ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่ฉินหมางสามารถจัดการเรื่องนี้ให้กับเขาได้ในเวลาเพียงแค่ครู่เดียว
“ทำไมผมถึงรู้สึกว่าคุณตาเริ่มเป็นคนลึกลับมากขึ้นเรื่อย ๆ” เซี่ยเฟยพูดล้อเล่นในขณะที่เขาดื่มชา
“นี่ไอ้หนู! ไม่ว่าใครมันก็มีความลับด้วยกันทั้งนั้นแหละแม้แต่นายก็เหมือนกัน” ฉินหมางจิบน้ำชาพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
***************
มีใครชอบนิสัยศิษย์กลัวอาจารย์ของผู้บัญชาการเย่จิ่งชานบ้าง? กลัวจนยอมทุกอย่างเลยจริง ๆ 5555