บทที่ 8 หลบหนีจากวิทยาลัย
หลังนั้นมานาที่หาอย่างยากลำบากของอิสซาเบล ก็ถูกดูดซับและก่อพื้นที่ของ—ไม่สิมานาของอิสซาเบล ไม่ได้สร้างพื้นที่กลืนสวรรค์ภายในจิตของวาน
พื้นที่กลืนสวรรค์นั้นมีมาแต่แรกแล้ว
สิ่งที่มานาของอิสซาเบล ทำคือทิ้งร่องรอยไว้หลังจากถูกดูดกลืนโดยพื้นที่กลืนสวรรค์ ทำให้วานได้รับรู้ถึงการดำรงอยู่ของมัน
และด้วยการรับรู้ถึงพื้นที่นั้น วานยังได้รับความสามารถในการควบคุมและตรวจดูมันด้วย
“พื้นที่ที่ไม่สิ้นสุดในจิต งั้นหรอ?” วานพึมพำเบาๆทันทีที่จะสังเกตเห็น“ไม่ พื้นที่นั้นใหญ่แน่นอน แต่ยังไม่สิ้นสุด—อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้”
ผลที่ตามมาคือพื้นที่กลืนสวรรค์มีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อย
“ขนาดเท่าเมืองเล็กๆเลย? ดูเหมือนว่าเราจะไม่ต้องกังวลเรื่องกระเป๋าเดินทางแล้ว” วานยิ้มด้วยความสุขก่อนจะขมวดคิ้วทันที “อย่างไรก็ตาม…”
ด้วยพื้นที่ที่ใหญ่อย่างน่าประหลาดใจนี้ จึงไม่มีปัญหาเกี่ยวกับพื้นที่จัดเก็บที่จำกัด ถึงอย่างนั้น ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือความโลภมานาที่ไม่รู้จบของพื้นที่กลืนสวรรค์
หากพื้นที่กลืนสวรรค์ขโมยมานาทั้งหมด ก็จะไม่เหลือมานาให้กับร่างกายของเขาเอง
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เขาจะไม่สามารถปลุกออร่าและเริ่มต้นเส้นทางของผู้เชี่ยวชาญออร่าได้ ซึ่งเป็นผู้ที่สามารถต่อกรกับแม่มดได้
ไม่ ช้าก่อน!
ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น เทียบได้กับนักรบออร่าระดับ 1
แม้ว่าวานจะยังไม่แน่ใจว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ตราบใดที่เขาสามารถเข้าใจมันได้ หนทางที่เขาจะเติบโตแข็งแกร่งขึ้นก็ยังมีอยู่—!
“เออ นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้ เราต้องออกจากวิทยาลัยแม่มดจันทราทมิฬอย่างด่วนเลย ก่อนที่ใครจะรู้เรื่องการตายของอิซาเบลล์และปิดตายที่นี้”
วานได้ 'ตาย' ไปแล้วในสายตาของแม่มดในสถาบัน
หากพบเห็นเดินไปมาทั้งที่ยังมีชีวิตและสบายดี เขาจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรมลูกสาวของเจ้าเมืองได้ง่ายๆ—แต่มันก็แค่นั้น
แม่มดในสถาบันไม่น่าจะเชื่อว่าลูกหลานแม่มดที่อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์จะสามารถฆ่าแม่มดได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแม่มดฝึกหัดก็ตาม
‘การถูกสงสัยไม่ใช่ปัญหา ปัญหาคือถ้าพ่อแม่ขออิสซาเบลรู้ว่าเรายังมีชีวิตอยู่ พวกเขาจะแก้แค้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าเราจะเป็นคนร้ายหรือไม่ก็ตาม…’ วานครุ่นคิดเงียบๆ ขณะหลบหนีออกจากสถานพยาบาล
เขาต้องการตัวตนและใบหน้าใหม่—หรืออย่างน้อยที่สุด ต้องอยู่ห่างจากผู้คนที่จำใบหน้าของเขาได้
ในขณะที่ทำการหลบหนีครั้งใหญ่บนดาดฟ้าของอาคารสถานศึกษา จู่ๆวานก็นึกบางอย่างออกก่อนที่จะกลับไปที่ลานทิ้งขยะ
ในเมื่อเขามีพื้นที่กลืนสวรรค์ จะทิ้งกองสมบัติขนาดใหญ่ที่มีกำหนดการกำจัดวางทิ้งไว้ได้อย่างไรกัน?
หลังจากกลับมาที่ลานทิ้งขยะ สถานที่ก็ยังไร้ผู้คนอย่างที่วานคาดไว้ ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่ละสายตาจากการตรวจสอบสถานที่
‘วัสดุที่ใช้แล้วและของเหลือเหล่านี้จะถูกกำจัดอยู่ดี ดังนั้นเราจะช่วยเหลือวิทยาลัยและกำจัดมันทั้งหมดให้เอง’
เมื่อคิดเช่นนั้น วานก็เพ่งจิตก่อนที่พื้นที่หน้าหน้าผากของเขาจะเริ่มบิดเบี้ยว
ฟึบ~!
พื้นที่กลืนสวรรค์เปิดออก และแรงดูดที่มหาศาลดึงสิ่งของทั้งหมดเข้าไปข้างในทันที
ภายในไม่กี่อึดใจ ลานทิ้งขยะก็ไม่เหลื่ออะไรเลย
มันสะอาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา — มากจนวาน สงสัยว่าแม่มดฝึกหัดจะสงสัยซะด้วยซ้ำว่าพวกเขามาทิ้งของใช้แล้วผิดที่ เมื่อจบบทเรียนในวันพรุ่งนี้
‘นี่คือพื้นที่กลืนสวรรค์? ช่างสะดวกเสียจริง’ วานคิดขณะยืนอยู่กลางลานร้างว่างเปล่า
ไม่กี่ลมหายใจต่อมา วานก็หายเข้าไปในความมืดมิด
…
ภายใต้ม่านของท้องฟ้ายามค่ำคืน ไม่สงสัยเลยว่าการรักษาความปลอดภัยภายในพื้นที่ของ วิทยาลัยแม่มดจันทราทมิฬ นั้นหละหลวมอย่างมากเนื่องจากนักเรียนและอาจารย์ผู้สอนต่างแยกย้ายกันไปนอนแล้ว
วานสามารถเดินออกไปนอกกำแพงวิทยาลัยโดยไม่มีปัญหา ก่อนที่จะมองย้อนกลับไปยังสถานที่นั้นด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน
“เราไม่ได้คาดว่าจะได้ออกจากสถาบันเมื่อตื่นขึ้นมาในวันนี้ แต่ว่าชีวิตก็เต็มไปด้วยเรื่องให้ประหลาดใจอยู่เสมอ…” วานส่ายหัวด้วยรอยยิ้มบางๆ และพึมพำ “อย่างไรก็ตาม เราก็ได้เรียนรู้ทุกอย่างแล้วแม้ว่าจะไม่ได้ผ่านการเรียนอย่างเป็นทางการก็ตาม”
“ใช่เลย เนื่องจากไม่มีอะไรทำให้เราต้องอยู่ที่นี่แล้ว ดังนั้นคงได้เวลาที่ต้องจากลา โลกทั้งใบรอเราอยู่นอกกำแพงเมือง”
พูดจบวานก็จากไปโดยไม่หันกลับมามองสถาบันเป็นครั้งที่สอง และแอบเข้าไปในตรอกมืดที่ใกล้ที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาที่จะมองมาของเมืองในยามราตรี
จุดหมายต่อไปได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
ภายในอาณาจักรแห่งกุหลาบดำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดอาณาจักรแม่มดที่เป็นของสมาคมแม่มด วิทยาลัยแม่มดจันทราทมิฬแห่งเมืองจันทราทมิฬ ถือเป็นเพียงสถาบันเวทมนตร์ระดับต่ำเท่านั้น
“ถ้าเราต้องการเพิ่มพูนความรู้ด้านเวทมนตร์และด้านอื่นๆ ที่ไม่สามารถเข้าถึงได้ในสถาบันเวทมนตร์ระดับต่ำ เป็นธรรมดาที่เราควรจะมุ่งหน้าไปยังสถาบันเวทมนตร์ระดับสูงเพื่อศึกษาและวิจัยให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เมืองหลวงของอาณาจักรกุหลาบดำมีวิทยาลัยเวทมนตร์อยู่แห่งหนึ่ง”
“แต่ถ้าเราต้องการไปที่นั่น มันคงเป็นไปไม่ได้กับการเตรียมตัวในตอนนี้ที่ ต้องรีบล่ะ การเตรียมตัวควรมีมากกว่านี้หากเราต้องการเอาชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์อสูรนอกกำแพงเมืองและไปยังเมืองหลวงให้ได้”
เนื่องจากอันตรายทางบก แม้แต่นักรบออร่าขั้น 1 ยังไม่กล้าเดินทางคนเดียว นับประสาอะไรกับคนธรรมดา
วานไม่ได้หยิ่งถึงขนาดที่จะเชื่อว่าเขาสามารถไปถึงเมืองหลวงได้—เพียงเพราะเขาแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อยและได้รับระบบมา
จำเป็นต้องมีการเตรียมการและความช่วยเหลือที่เพียงพอ
“ต้องไป 'ที่นั่น' เพื่อเคารพอาจารย์ซึ่งผู้ช่วยชีวิตของเรา อีกทั้งยังเป็นผู้ที่สอนเราถึงวิธีการเอาตัวรอดในเมืองนี้ ด้วยความสัมพันธ์ของเรา บุคคลนั้นควรจัดหาห้องชั่วคราวให้เพื่อเตรียมพร้อมได้”
แม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร แต่ยังมีเวลาก่อนที่ข่าวของลูกสาวเจ้าเมืองจะแพร่ไปทั่วเมือง
เขาควรจะจากไปแล้วเมื่อถึงตอนนั้น