บทที่ 3 อสูรกายประเภท ไวเวิร์น
“แกจะต้องชดใช้ อิซาเบลล์!” เลดี้เอนิวส์คำรามด้วยความโกรธและบ้าคลั่ง ดวงตาแดงก่ำ และมานาสีน้ำเงินที่พลุ่งพล่านเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม
“น-นี้มัน…!”
อิซาเบลล์ถอยไปหลายก้าวด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เมื่อพบกับภาพที่เห็น และตะลึงกับมานาสีเลือด
“บรรณารักษ์เอนิวส์ มันเป็นอุบัติ—”
บูม!
แม่มดฝึกหัดกระเด็นออกจากห้องสมุดด้วยการระเบิดของมานาสีแดงอันทรงพลังโดยทันที
ร่างของเธอทะลุกำแพงสำนักงานและห้องสมุดก่อนจะออกไปอยู่ในลานโล่ง พร้อมกับกระดูกที่หักและร่างที่เปื้อนเลือด สภาพปางตาย
แม่มดที่กำลังฝึกอยู่ใกล้ๆต่างกรีดร้องอย่างน่าสยดสยองต่อสภาพของอิซาเบลล์ แจ้งเตือนให้แม่มดสาวคนอื่นๆในบริเวณนั้นตื่นตัว
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่? มีการโจมตีของอสูรงั้นหรือ!” แม่มดอาวุโสหลายคนคนรีบตรงไปยังที่มาของความโกลาหลพร้อมถามออกมา
“นี่คือ…” แม่มดอาวุโสคนหนึ่งเห็นอิซาเบลล์ที่โชกเลือดอยู่กลางฝูงชนก่อนจะเร่ง “รีบรักษาเธอเร็วกวีน่า! เวทย์มนตร์ฟื้นฟูของเธอดีที่สุดในหมู่พวกเรา”
“เอเลน ฉันจะทำให้ดีที่สุด!” กวีน่าพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม แต่เกิดความไม่แน่ใจว่าจะรักษาบาดแผลฉกรรจ์เช่นนี้จะสำเร็จหรือไม่
เมื่อเห็นว่าอิซาเบลล์ที่ยังรู้สึกตัวอยู่ เอเลนจึงรีบถามทันที “เกิดอะไรขึ้น”
หลังจากกระอักเลือดออกจากปาก อิซาเบลล์พยายามตอบคำถาม “บรรณารักษ์เอนิวส์… เธอ… เธอ…”
“เธอเป็นอะไร!” เอเลนซักถามอย่างกระวนกระวายใจ
บูม!
จู่ๆ ห้องสมุดก็ระเบิดด้วยเศษหินและหนังสือความรู้ล้ำค่าปลิวว่อนไปทั่ว ก่อให้เกิดกลุ่มฝุ่นขนาดใหญ่พร้อมกับอสูรกายที่มีกล้ามเนื้อหนังสูงตระหง่านโผล่ออกมาจากเพดานที่ขาดหายไปของห้องสมุด
“โอ้ พระเจ้า!”
“อสูรกาย!”
แม่มดสาวหลายคนร้องออกมา ขณะที่เอเลนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก
“อัญเชิญบาเรียต่อต้านอสูร! นักปราชญ์เอนิวส์คลั่งไปแล้ว!” เอเลนคำรามออกมาโดยทันที
ภายในชั่วพริบตา แม่มดอาวุโสหลายคนร่ายเวทรวมกัน ก่อให้เกิดวงแหวนเวทมนตร์ขนาดใหญ่ห้าวง ก่อนที่มันจะโอบล้อมก้อนเนื้อสัตว์ประหลาดสูงตระหง่านที่มีแขนขาจำนวนนับไม่ถ้วน ดักจับมันไว้ในบริเวณห้องสมุดจากทุกด้าน
โฮก!
อสูรกายแสดงพลังอันยิ่งใหญ่ด้วยความโกรธในทันที ขัดสมาธิของแม่มดอาวุโสทั้งหมดก่อนที่จะพังกำแพงเวทย์มนตร์
หลังจากนั้นไม่นาน อสูรกายก็ขยายปีกเนื้อกว้างออกตามตัวและการกลายร่างเป็นสัตว์คล้ายไวเวิร์นที่ทำจากเนื้อ ก่อนที่จะกระพือปีกบินจากไป
“บ้าจริง! นี่ไม่ดีเลย!”
เอเลนกัดริมฝีปากของเธอในขณะที่ตาของเธอจ้องไปยังร่างที่หลบหนีไปในท้องฟ้า
“แม่มดอาวุโสที่สูญเสียการควบคุมการไหลเวียนมานาของเธอ และเปลี่ยนแปลงกลายร่างเป็นอสูรกาย ภัยคุกคามระดับ B เป็นอย่างน้อย!” เอเลนขมวดคิ้ว
“ใช่เลย! เป็นจังหวะที่แย่จริง เมื่ออาจารย์ใหญ่แอสโทเรียไม่อยู่ หากไม่มีเธอก็ไม่มีแม่มดระดับสูง คนใดในเมืองจันทราทมิฬที่จะจัดการกับภัยคุกคามระดับ B นี้ได้ และอสูรกายยังจะเป็นประเภท ไวเวิร์นอีก!” แม่มดอาวุโสอีกคนกล่าว
“ถึงอย่างนั้น เราจำเป็นต้องแจ้งเตือนเมืองหลวงและเมืองรอบๆ เพื่อลดความเสียหายและการล้มตายที่อาจเกิดขึ้นให้เหลือน้อยที่สุด”
ไม่นานหลังจากมองดูห้องสมุดที่พังยับเยิน เอเลนก็หันไปหาแม่มดฝึกหัดสองสามคนและสั่งว่า “ฉันอยากรู้ว่าทำไมนักปราชญ์เอนิวถึงคลั่ง! ไปหาเบาะแสในห้องสมุด!”
“ได้ค่ะ ผู้อาวุโสเอเลน!”
“ค่ะ อาจารย์เอเลน!”
กลุ่มแม่มดฝึกหัดตอบอย่างรวดเร็ว และมุ่งตรงไปที่ซากปรักหักพังของห้องสมุด ก่อนที่ เอเลนจะหันกลับมามองแม่มดสาวในสภาพปางตาย
“เป็นยังไงบ้าง กวีน่า? เธอจะรอดไหม”
“บอกตามตรงว่าฉันไม่แน่ใจ แม่มดมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง แต่กระดูกของเธอหักทั้งหมด และอวัยวะของเธอก็ไม่เหลือชิ้นดี มันเหมือนกับการพยายามชุบชีวิตคนตาย คนธรรมดาจะต้องตายไปแล้ว ณ จุดนี้ด้วยอาการบาดเจ็บระดับนั้น”
“เข้าใจล่ะ…”
เอเลนพยักหน้าอย่างใจเย็นก่อนจะจ้องใส่แม่มดสาว “บอกฉันทีว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องสมุด ทำไมเอนิวส์ถึงคลั่ง?”
“ร… เราไม่รู้… เราแค่อ่านหนังสืออยู่ดีๆ บรรณารักษ์เอนิวส์ก็จู่โจมฉันในสภาพก่อนแปลงร่าง มันอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับคนใช้ของเธอ!” อิซาเบลล์ตัวสั่นด้วยความกลัวว่าความจริงจะเปิดเผย
ถึงอย่างนั้น สายตาของเอเลนเปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างรวดเร็ว เมื่อเข้าใจว่าแม่มดสาวกำลังโกหก
“มีเพียง พวกแม่มดฝึกหัดเท่านั้นที่เสี่ยงต่อการคลั่งกลายร่างระหว่างการเลื่อนขั้นเป็นแม่มด แม่มดจริงๆ ไม่น่ามีความเสี่ยงเช่นนั้นเว้นแต่พวกเขาจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์และมานา”
“และเธอกำลังบอกฉันว่า นักปราชญ์เอนิวส์ แม่มดอาวุโส สูญเสียการควบคุมโดยไม่ทราบสาเหตุ? เธอมองว่าฉันเป็นคนโง่รึไง”
ภายใต้สายตาเย็นชาของเอเลน อิซาเบลล์ไม่สามารถทนต่อแรงกดดันได้ และกระอักเลือดอีกครั้งหนึ่ง
“เอเลน ให้เธอหายดีก่อนค่อยสอบสวน เธอจะตายในระดับนี้ก่อนที่เราจะได้รับความจริง” กวีน่าพูดจบแล้วก็วางมือของเธออยู่เหนือวงแหวนเวทมนตร์ จากนั้นนำประกายสีเขียวที่มีคุณสมบัติในการฟื้นฟูใส่ร่างที่บาดเจ็บของอิซาเบลล์
หลังจากนั้นไม่นาน แม่มดฝึกหัดหลายคนก็กลับมาพอดี จากซากห้องสมุดพร้อมกับการค้นพบใหม่
“ผู้อาวุโสเอเลน เราพบข้ารับใช้สองคนในซากปรักหักพังของห้องสมุด ฉันเชื่อว่าคนหนึ่งเป็นข้ารับใช้ของอิซาเบลล์ และอีกคนเป็นข้ารับใช้ของบรรณารักษ์เอนิวส์” แม่มดฝึกหัดรายงาน
สายตาของเอเลนจ้องไปที่ข้ารับใช้ร่างกำยำที่ชื่อว่าลูวก์ ก่อนที่จะมองไปยังร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนของวาน
เมื่อเห็นบาดแผลที่หน้าอกของวาน เอเลนก็ขมวดคิ้วอย่างเข้าใจก่อนจะสั่ง “กำจัดร่างกายของเขา เราไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว”
“ได้ค่ะ ผู้อาวุโสเอเลน!” แม่มดฝึกหัดสาวสองคนทำตามทันที และดึงร่างของวานออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน สายตาของเอเลนก็จ้องไปที่ข้ารับใช้ลูวก์ ก่อนที่เธอจะซักถาม “พูดมา! เกิดอะไรขึ้นในห้องสมุด?”
“ผม…” ข้ารับใช้ลูวก์ตัวสั่นและหันไปหาอิซาเบลล์ทันทีเพื่อรับคำแนะนำ โดยมีสัญญาณชัดเจนว่าเตรียมที่จะโกหกหากเขาต้องทำ
สีหน้าของเอเลนเย็นชาขึ้นก่อนที่เธอจะตะคอก “ไม่ต้องอธิบายแล้ว ฉันจะหาความจริงเอง!”
เอเลนเสกคาถาสอบสวนใส่จิตใจของข้ารับใช้ลูวก์ ด้วยการสะกิดเพียงนิดเดียว ทำให้เขาพูดความจริงราวกับหุ่นเชิดที่ถูกล้างสมอง
หลังจากที่แม่มดอาวุโสที่อยู่รายรอบและแม่มดฝึกหัดรุ่นเยาว์ ได้ฟังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากปากของ ข้ารับใช้ลูวก์
สีหน้าของเอเลนก็มืดลงอย่างไม่น่าเชื่อ
“บัดซบ! เราสูญเสียแม่มดอาวุโสไปเพราะการทะเลาะระหว่างข้ารับใช้สองคน? นี่มันบ้าไปแล้ว!” เอเลนกระทืบเท้าด้วยความโกรธ กระแทกพื้นด้วยพลังมานาที่ปล่อยออกมาจากร่างกายของเธอ