ตอนที่แล้วตอนที่ 141: ชายผู้โชคร้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 143: กลับมา

ตอนที่ 142: 1 ปีต่อมา


ตอนที่ 142: 1 ปีต่อมา

หลังจากได้ข้อสรุปโบซิงวาและโฮ่วไป๋ชานก็ประกาศการหายตัวไปของเซี่ยเฟยต่อหน้านักเรียนทุกคน และมันก็เป็นไปอย่างที่พวกเขาได้คาดการณ์เอาไว้ว่าข่าวการหายตัวไปในครั้งนี้ไม่ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายเลยสักนิด

เซี่ยเฟยใช้ชีวิตในค่ายชั้นในอย่างแปลกประหลาด เพราะเขาจะเข้าไปใช้ศูนย์ฝึกหมิงเหอเพียงแค่วันละ 3 ชั่วโมง นอกจากนี้เขายังไม่ค่อยเข้าร่วมกับหลักสูตรฝึกอบรมของค่ายชั้นใน ดังนั้นอาจารย์และครูฝึกส่วนใหญ่จึงรู้จักเพียงแต่ชื่อของเขา แต่ไม่เคยได้มีโอกาสทำความรู้จักชายคนนี้เลย

ในความคิดของพวกเขาเซี่ยเฟยเป็นเพียงแค่บรรณารักษ์ที่บังเอิญได้เข้าร่วมกับค่ายชั้นใน และตัวตนของชายคนนี้ก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่พวกเขาจะต้องให้ความสนใจด้วยซ้ำ

คนที่ไร้ตัวตนจะอยู่หรือไปก็ไม่ใช่เรื่องที่มีความหมาย เพราะตอนที่เซี่ยเฟยยังมีชีวิตอยู่เขาก็เป็นเพียงแค่คนที่ไร้ตัวตนในค่ายชั้นในอยู่แล้ว

เย่เสี่ยวหานก้มหน้าลงโดยที่ใบหน้าของเธอยังคงแสดงความเย็นชาออกมาเหมือนเดิม แต่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าในเวลานี้หัวใจของเธอกำลังเต้นแรงอย่างที่เธอไม่สามารถจะควบคุมได้

เธอได้รับการฝึกอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่เด็ก เธอจึงไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเธอจึงแสดงปฏิกิริยาออกมาแบบนี้ สิ่งเดียวที่เธอกำลังรู้สึกคือหัวใจของเธอกำลังเจ็บปวดราวกับว่ามันมีเข็มนับพันเล่มกำลังทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเธอ

ทันใดนั้นเย่เสี่ยวหานก็ใช้พลังสายความเร็วหนีไปอย่างรวดเร็ว เพราะท้ายสุดทุกครั้งที่เธอไม่รู้ว่าจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองยังไงเธอก็มักที่จะเลือกวิ่งหนีไปเรื่อย ๆ

ส่วนในบรรดาเด็กนักเรียนใบหน้าของเยว่เกอกับเฉินตงก็เปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด โดยเฉพาะเยว่เกอที่กำลังจ้องมองไปยังนักเรียนทุกคนอย่างเย็นชา และเฉินตงก็รู้ว่านี่เป็นสัญญาณที่หญิงสาวใกล้ที่จะระเบิดอารมณ์ออกมาแล้ว

ในความเป็นจริงถึงแม้ว่าเยว่เกอจะชอบทำตัวก้าวร้าว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกโกรธจริง ๆ เพียงแต่เธอชอบใช้ความรุนแรงในการแก้ไขปัญหา

หากใครคิดว่าหญิงสาวเป็นคนใจดีเพราะรูปร่างหน้าตาของเธอ คนพวกนั้นก็ถือว่าคิดผิดมากอย่างมหันต์ เพราะสำหรับพวกเฉินตงที่รู้จักเธอคนนี้ดีแล้วเธอสมควรที่จะได้รับฉายาว่านางมารร้าย

“นี่คือสิ่งที่พวกนายสมควรทำหลังจากที่มีเพื่อนหายตัวไปหรอ! พวกนายมีความสุขมากไหมที่จู่ ๆ เซี่ยเฟยได้หายตัวไป!!” เยว่เกอกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา โดยที่มือทั้งสองข้างกำลังกำแน่นและมีเส้นเลือดปรากฏให้เห็นบนหน้าผาก

เสียงโวยวายของเยว่เกอกลายเป็นเหมือนกับเสียงนกเสียงกา เพราะนักเรียนคนอื่น ๆ ยังคงพูดคุยและหัวเราะออกมาเช่นเดิม โดยพวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าอันตรายกำลังใกล้มาเยือนพวกเขาแล้ว

เมื่อได้เห็นท่าทางของเยว่เกอ ไป๋เย่ก็รีบถอยหลังไป 2-3 ก้าวพร้อมกับเอามือขวามาจับแขนซ้ายของเขาไว้

ทันทีที่เขาได้เข้าไปในซากปรักหักพัง เฉินตงก็เริ่มสั่งสอนเขาอย่างรุนแรงทำให้แม้เวลาจะได้ผ่านพ้นมาจนถึงตอนนี้แต่แขนซ้ายของเขาก็ยังคงได้รับบาดเจ็บอยู่

“ไม่สนใจฉันใช่ไหม… ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันจะทำให้พวกนายได้รู้จักกับนรก!!” เยว่เกอกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสยองขวัญ

ทันทีที่พูดจบภาพตรงหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน โดยเยว่เกอได้ใช้พลังพิเศษภาพลวงตาของเธอออกมาอย่างเต็มกำลังทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนกับตกลงไปในฝูงสัตว์อสูร

สัตว์อสูรเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาโจมตีนักเรียนทุกคนทั่วทิศทางพร้อมกับเริ่มทำการโจมตีอย่างบ้าระห่ำ!

สัตว์อสูรพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากภาพลวงตาของหญิงสาว และถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่ใช่ของจริงแต่ความสมจริงที่เกิดขึ้นนั้นก็ไม่ต่างไปจากสัตว์อสูรตัวเป็น ๆ

ฝูงชนเริ่มตกอยู่ในความโกลาหลในทันที โดยเฉพาะเหล่านักเรียนที่ไม่ได้เตรียมตัวล่วงหน้าเหล่านี้ที่ไม่สามารถดึงสติให้หลุดออกมาจากภาพลวงตาได้

เมื่อนักเรียนเริ่มทำการจู่โจมเข้าใส่สัตว์อสูรภาพลวงตา การจู่โจมของพวกเขาก็ไปสัมผัสโดนเพื่อนนักเรียนคนข้าง ๆ ทำให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าสัตว์อสูรพวกนี้มีตัวตนอยู่จริง ๆ

หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มนักเรียนกว่า 40 คนก็เริ่มทำการตะลุมบอนจู่โจมเข้าใส่กันเอง

นี่คือความเฉลียวฉลาดในการใช้ภาพลวงตา เพราะเยว่เกอได้เปลี่ยนให้นักเรียนที่ยืนอยู่รอบตัวกลายเป็นสัตว์อสูรที่จู่โจมเข้าใส่ทุกคน!

โฮ่วไป๋ชานขมวดคิ้วให้กับเหตุการณ์ตรงหน้าและต้องการจะเข้าไปหยุดทุกคนเอาไว้ แต่โบซิงวากลับดึงแขนเสื้อของเขาเอาไว้เบา ๆ พร้อมกับกล่าวว่า

“อย่าลืมว่าที่นี่ไม่ใช่ค่ายฝึกนะครับ การที่พวกเขาต่อสู้กันไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดกฎ”

โฮ่วไป๋ชานไม่ใช่คนโง่ เขาจึงสามารถทำความเข้าใจได้ในทันทีว่าโบซิงวากำลังสื่อถึงอะไร

ปฏิกิริยาของนักเรียนพวกนั้นน่าจะสร้างความไม่พอใจให้โบซิงวาไม่น้อย เขาจึงต้องการให้เยว่เกอทำการสั่งสอนบทเรียนให้กับทุกคน

นอกจากนี้การได้เผชิญหน้ากับภาพลวงตาก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีของนักเรียนทุกคนด้วยเช่นกัน ซึ่งหลังจากผ่านเหตุการณ์ในวันนี้ไปนักเรียนทุกคนก็คงจะระมัดระวังภาพลวงตามากยิ่งขึ้น

ทั้งสองมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจก้าวเท้าเดินออกมา

เมื่อครูฝึกคนอื่นได้เห็นว่าโฮ่วไป๋ชานและโบซิงวาไม่ได้เข้าไปห้ามปรามเด็กนักเรียน พวกเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเข้าไปแทรกแซง พวกเขาจึงรีบเดินออกจากที่นี่ด้วยความรวดเร็ว

“เฉินตง!” เยว่เกอตะโกนสุดเสียง

“มีอะไร?”

“ฟาดพวกมันซะ! เอาให้พวกมันกลับไปหยอดน้ำเกลือ!!”

“จะให้ฟาดคนไหน?”

“ทุกคน!”

3 เดือนต่อมา

เหตุการณ์ที่เซี่ยเฟยหายตัวไปคล้ายกับการโยนหินลงไปในทะเล เพราะมันไม่ก่อให้เกิดคลื่นใด ๆ และจมหายไปในมหาสมุทรอย่างเงียบงัน

ในวันนี้มีผู้มาเยือนดาวเคราะห์ YZZ-7526 อีกครั้งและกองยานก็ลงจอดไม่ไกลจากซากปรักหักพังของเมือง 02 มากนัก

ต่อมาทหารติดอาวุธหลายพันคนก็รีบลงมาจากยานอวกาศอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกเขาจะเริ่มพุ่งเข้าไปกวาดล้างพวกเซิร์กที่อาศัยอยู่ในซากปรักหักพัง

การเคลื่อนไหวของพวกเขาทำให้พวกแมลงต้องเจอกับความทุกข์ทรมาน ยิ่งไปกว่านั้นพวกทหารยังทำการจัดการกับพวกแมลงอย่างไร้ความปรานีราวกับว่าพวกเขาต้องการจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์แมลงพวกนี้เลย

หลังจากนั้นไม่นานกลิ่นเลือดอันเป็นเอกลักษณ์ของพวกเซิร์กก็ลอยฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งอากาศทำให้ทั่วทั้งซากปรักหักพังถูกห้อมล้อมไปด้วยกลิ่นของเลือด

ยานบัญชาการของกองยานนี้คือยานเฮลแองเจิลสีทองลำใหญ่ที่มีปืนเลเซอร์ขนาดใหญ่ยื่นออกมาจากข้างตัวยาน 8 กระบอกและมีปืนใหญ่สีดำติดอยู่ทางด้านหน้าอีกสองกระบอก

เมื่อทหารเก็บกวาดพวกแมลงในซากปรักหักพังจนหมดแล้ว ประตูของยานบัญชาการก็ค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ พร้อมกับบันไดอัตโนมัติที่ยื่นออกมาจากยานรบนำพาหญิงสาวคนหนึ่งลงมาจากยานอวกาศ

หากเซี่ยเฟยอยู่ที่นี่ในเวลานี้เขาก็จะสามารถจดจำหญิงสาวที่ลงมาจากยานได้ในทันที เพราะเธอไม่ใช่ใครอื่นใดเลยนอกเสียจากแอวริลที่เซี่ยเฟยคุยวิดีโอคอลอยู่ด้วยเป็นประจำ

แน่นอนว่าชายหนุ่มย่อมไม่เคยคิดมาก่อนว่าภูมิหลังของแอวริลจะเป็นตระกูลที่ไม่ธรรมดาถึงขนาดที่มีกองยานอันยิ่งใหญ่มาคอยคุ้มกันเธอ

ความเป็นจริงนอกเหนือจากกองยานที่ร่อนลงบนดาวดวงนี้แล้ว มันยังมีกองยานสนับสนุนอีกหนึ่งกองที่คอยบินวนลาดตระเวนอยู่นอกวงโคจรของดาวและมีหน่วยสอดแนมขนาดเล็กที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 10,000 ปีแสง

หญิงสาวคนนี้ยังคงสวยงามเช่นเดิม ผิวที่บอบบางของเธอก็นุ่มนวลราวกับทารกแรกเกิด แต่ใบหน้าของเธอกลับซีดเซียวเล็กน้อยและภายในแววตาก็ขาดความสดใสทำให้ผู้ที่มองมาอดที่จะรู้สึกสงสารหญิงสาวขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

ต่อมารถสุดหรูที่ได้รับการดัดแปลงเป็นพิเศษก็ได้เคลื่อนที่มารับหญิงสาวคนนี้ โดยตัวรถได้ถูกออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบายโดยเฉพาะทำให้ในระหว่างการวิ่งผู้โดยสารจะแทบไม่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนเลย

นายทหารหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูให้หญิงสาวเดินขึ้นรถไป ก่อนที่พ่อบ้านผางซึ่งเป็นพ่อบ้านเก่าแก่ประจำตระกูลจะเดินขึ้นเบาะหลังไปด้วยเช่นกัน ส่วนทางเบาะข้างคนขับก็เป็นที่นั่งของเจนเซ่นผู้บัญชาการกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด

ไม่กี่นาทีต่อมารถหรูคันนี้ก็ขับเข้าไปในอุโมงค์ที่เซี่ยเฟยได้หายตัวไป โดยสองข้างทางของอุโมงค์เต็มไปด้วยทหารติดอาวุธหนักที่กำลังสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยสีหน้าอันจริงจัง

ในที่สุดรถคันหรูก็ได้มาจอดตรงหน้าสถาบันวิจัยใต้ดินก่อนที่แอวริลจะลงจากรถโดยไม่พูดอะไร ขณะเดียวกันพ่อบ้านผางก็หยิบช่อดอกลิลลี่สีขาวออกมาจากรถและมอบให้กับแอวริล

“คุณหนูให้ผมจัดการธุระเรื่องนี้แทนดีไหมครับ บรรยากาศทางด้านในไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่” เจนเซ่นกล่าวอย่างเอาใจพร้อมกับก้มหัวลง

อย่างไรก็ตามแอวริลไม่ได้สนใจนายทหารคนนี้เลยแม้แต่น้อย ก่อนที่เธอจะยกกระโปรงยาวสีขาวและเดินไปด้านในสถาบันวิจัยด้วยตัวเอง

หากใครก็ตามที่รู้จักหญิงสาวคนนี้พวกเขาจะรู้ดีว่าแอวริลชอบสีชมพูในระดับที่เรียกว่าคลั่ง ดังนั้นทุกสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับเธอจะล้วนแล้วแต่เป็นสีชมพูทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ตกแต่งห้องไปจนถึงกระทั่งเสื้อผ้า แต่ในวันนี้เธอกลับเลือกใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์ด้วยตัวเองซึ่งมันเป็นภาพที่หาได้ยากมาก

พ่อบ้านผางมองไปที่เจนเซ่นด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตำหนิ ก่อนที่เขาจะรีบเดินตามหลังแอวริลไปติด ๆ

เวลาได้ผ่านพ้นมากกว่า 3 เดือนแล้วนับตั้งแต่ที่เซี่ยเฟยได้หายตัวไป ซึ่งในช่วงเวลานี้แอวริลกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน โดยเธอพูดน้อยลงและยิ้มน้อยลงในทุก ๆ วัน นอกจากนี้น้ำหนักตัวของเธอยังลดลงไปเรื่อย ๆ

สิ่งที่หญิงสาวทำไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษมากนัก นอกจากที่เธอจะเดินนำช่อดอกลิลลี่ไปวางไว้ในห้องขังที่เซี่ยเฟยได้อยู่เป็นครั้งสุดท้าย

“ไอ้คนชั่ว! ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่านายจะตายแบบนี้ ถ้านายยังไม่รีบกลับมา ฉันจะ... ฉันจะ…”

ประโยคต่อไปไม่มีใครรู้ว่าเธอต้องการจะพูดอะไรนอกจากตัวเอง หลังจากนั้นหญิงสาวก็เดินกลับไปยังยานบัญชาการและมุ่งหน้ากลับไปในจักรวาล

แท้ที่จริงเธอได้เดินทางมาหลายพันปีแสงเพื่อมอบช่อดอกไม้และพูดกับเซี่ยเฟยเพียงแค่ 2-3 ประโยค?!

กาลเวลาผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วและในที่สุดมันก็เป็นเวลาครบ 1 ปีแล้วหลังจากเหตุการณ์ที่เซี่ยเฟยได้หายตัวไปจนทำให้ผู้คนได้ลืมเลือนการมีอยู่ของเขา

ณ สถานที่ที่ไม่รู้จักในจักรวาล

ชายหนุ่มผู้มีอายุ 19 ปีได้ยืนอยู่บนยอดภูเขาที่ด้านล่างถูกปกคลุมไปด้วยป่าและถูกประดับเอาไว้ด้วยเมฆหมอก

ในบางครั้งมันจะมีเสียงของสัตว์อสูรเล็ดลอดขึ้นมาจากด้านล่างของหุบเขา และเมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงไม่ว่าใครก็สามารถจินตนาการได้อย่างง่ายดายว่าสถานที่แห่งนี้มันไม่ใช่สวรรค์แต่สมควรจะถูกเรียกว่านรก

ชายหนุ่มก้มตัวลงเล็กน้อยด้วยท่าทางอันเหนื่อยล้า ผมยาวยุ่ง ๆ ของเขาห้อยลงมาจนถึงบ่าและหนวดเคราของเขาก็ยาวออกมาคล้ายกับเขาไม่ได้โกนหนวดมาเป็นเวลานาน

ที่แขนขวาของเขายังคงมีใบดาบสีน้ำเงินติดเอาไว้ แต่ทั่วทั้งใบดาบประดับด้วยรอยบิ่นรอยร้าวเต็มไปหมดเห็นได้ชัดว่าการต่อสู้ที่เขาได้พบเจอเป็นสิ่งที่เหนือกว่าจินตนาการของคนธรรมดา ไม่อย่างนั้นอาวุธระดับลีเจนด์คงจะไม่ได้มีสภาพอย่างในปัจจุบันนี้

ชายหนุ่มจุดบุหรี่สูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ พร้อมกับพ่นควันออกมา จากนั้นเขาก็ได้มองไปยังแดนสังหารใต้ฝ่าเท้าเป็นครั้งสุดท้ายพร้อมกับพูดกับตัวเองว่า

“ได้เวลากลับไปแล้วสินะ”

***************

หายไปไหนมาาาาาา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด