ตอนที่ 1051 แต่สิ่งที่ฉัน ..คิดไม่ถึงเลยก็คือ มันกลับเป็นเพื่อนที่ดีคนนี้.. ที่ได้ทําลายฉัน
อู๋ ต๋า ได้ปฏิเสธข้อตกลงที่ จิน จิ่วฟู่ เสนอ และเขาได้หันหลังกลับ และเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง เขาได้เดินกะโผลกกะเผลก ทั้งแผ่นหลังของเขาก็ดูโดดเดี่ยว ดูเศร้ามาก แต่ย่างก้าวของเขานั้นมันกลับดูมั่นคงมาก เช่นเดียวกับความมุ่งมั่นของเขาที่ได้แสดงมันออกมา
มาตอนนี้เขาได้เดินอยู่ภายใต้แสงไฟถนน ..ที่มืดสลัวๆ
จู่ๆ ทันใดนั้น อู๋ ต๋า ก็ได้หยุดเดิน เพราะเขาสังเกตเห็นมีการเคลื่อนไหวอยู่ข้างหลังเขา และดูเหมือนว่ามีคนได้ตามเขามาแล้ว เขาเองได้คิดไปว่าเป็น หลินฟาน และเว่ย เยว่เอ๋อร์ ที่ตามเข้ามา เลยได้ตั้งใจจะหันกลับไปทักทาย
แต่พอเขาหันหลังกลับไป เขาก็ได้เห็นชายในชุดสูทคนหนึ่ง ที่ได้เดินตามมา ชายในชุดสูท เมื่อได้เห็น อู๋ ต๋า พบเขาแล้วจึงได้หยุดเดิน
อู๋ ต๋า ก็จำได้ทันทีว่า ชายในชุดสูทคนนี้เป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดส่วนตัวของ จิน จิ่วฟู่!
“คุณต้องการจะทำอะไร?” อู๋ ต๋า พูดออกไปด้วยความตกใจ
มุมปากของ ชายในชุดสูทคนนั้น ก็ได้ยกยิ้มขึ้นมาอย่างเย็นชา : “คุณได้ปฏิเสธความปรารถนาของ คุณจิน และไม่ว่า คุณจิน ขอให้คุณทำอะไร คุณก็ควรที่จะต้องตอบตกลง!”
อู๋ ต๋า ได้พูดด้วยรอยยิ้มที่ดูเย็นชาออกไปว่า : “แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น หากฉันไม่ตอบตกลง เขาได้สั่งให้คุณมา แล้วนี่คุณ.. ต้องการที่จะทำอะไร?”
ชายในชุดสูท กล่าวว่า : “ไม่มีอะไรไปมากกว่า การชี้ชัดถึงเส้นทางที่คุณเลือก.. เดิมที หากคุณตอบตกลงไปอย่างเชื่อฟัง มันก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น.. และสิ่งที่ คุณจิน หมายถึงก็คือ คุณแค่ลาออกจากทีมหยุนเฉิง ก็เท่านั้น คุณเองก็แค่ยอมถอยออกมา แต่คุณกลับไม่ยอมถอย นั้นในเมื่อคุณไม่เต็มใจ ฉันเองก็จะช่วยทำให้คุณเต็มใจให้เอง!”
อู๋ ต๋า ได้ตกใจ และพูดออกไปว่า : “หรือนี่ จิน จิ่วฟู่ ต้องการให้คุณมาฆ่าฉัน?”
ชายในชุดสูท ได้ยิ้ม แล้วพูดไปว่า : “ไม่ ไม่.. คุณจิน จะไปคิดทำแบบนั้นได้อย่างไร.. และการฆ่าคนมันก็จะต้องชดใช้ด้วยชีวิต คุณจิน แค่ต้องการจะเตือนคุณว่าให้เดินระวังๆ หน่อย ขาข้างหนึ่งของคุณก็พิการไปแล้ว และต้องระวังขาอีกข้างที่มันอาจจะเก็บรักษาเอาไว้ไม่ได้!”
อู๋ ต๋า พูดว่า : “คุณมาที่นี่เพื่อต้องการจะหักขาอีกข้างของฉัน?”
ชายในชุดสูท ได้พูดว่า : “มันจะเป็นไปได้อย่างไร ฉันแค่มาเตือนคุณเท่านั้น และจะให้เวลาคุณคิด สามวินาที..”
อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “แล้วถ้าหากฉันไม่ตกลง?”
ชายในชุดสูท พูดว่า : “ถ้าอย่างนั้น ก็ขอโทษที ฉันเกรงว่าคุณจะรักษาขาอีกข้างของคุณเอาไว้ไม่ได้แล้ว และก็อย่าได้มาพูดว่า.. ฉัน ไม่ให้โอกาสคุณ ฉันจะนับถึงสาม หนึ่ง!”
อู๋ ต๋า มองไปรอบๆ เขาเองต้องการจะหนี แต่เขาเดินขากะเผลก และมันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะวิ่งหนีชายในชุดสูทคนนี้ได้ เขาอยากจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่มันก็ไม่มีใครอยู่โดยรอบข้าง เช่นนี้.. มันก็แน่นอนว่า ..ไม่มีใครมาช่วยเขาได้แล้ว
แต่ถ้าให้เขายอมรับคําขอของ จิน จิ่วฟู่ และถอนตัวออกจากทีมหยุนเฉิง เขาก็ย่อมไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด
งั้นก็ตายเป็นตาย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อาจรักษาขาอีกข้างเอาไว้ได้ ก็ตาม!
“สอง!”
ชายในชุดสูท ได้พูดออกไปพร้อมกับใบหน้าที่ดูยิ้มแย้ม เขาเองได้คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า อู๋ ต๋า คงจะไม่ยอมตอบตกลงง่ายๆ ดังนั้นเขาจึงได้ก้าวขึ้นไปข้างหน้าเพื่อกดดัน อู๋ ต๋า
ในสายตาของเขา อู๋ ต๋า ไม่นับว่าเป็นอะไรได้เลย อีกฝ่ายดูเหมือนจะมีแต่จะปล่อยให้เขาทรมานเท่านั้น!
อู๋ ต๋า เองก็ได้ถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัว ทั้งใบหน้าของเขา ในตอนนี้ก็ได้แสดงความตื่นตระหนกออกมา…
เมื่อเห็นชายในชุดสูท เดินก้าวขึ้นมาข้างหน้า ในตอนนั้นเอง
“สาม!”
ทันทีที่เสียงนับสามได้ดังขึ้น
แต่.. เพียงในชั่วพริบตาเดียว!
ร่างของ ชายในชุดสูท ก็ได้เอียงตัว และล้มลงไปกับพื้น คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะถูกตบเข้าที่ศีรษะจากด้านหลัง และทิ้งตัวล้มลงไปโดยตรง
นอกจากนี้คนที่เพิ่งจะตะโกนออกไปนับสามเมื่อครู่นี้ กลับเป็นตัวของ ชายในชุดสูท เอง แต่กลับเป็น ชายในชุดสูท เอง ที่ได้ล้มลงไป…
พอ ชายในชุดสูท ได้ล้มลงไป คนข้างหลังก็ได้ปรากฏตัวขึ้น และก็คือ หลินฟาน และเว่ย เยว่เอ๋อร์ แน่นอนคนที่ลงมือโจมตี ชายในชุดสูท ก็ย่อมต้องเป็น หลินฟาน
อู๋ ต๋า ที่ได้เห็นพวกเขา ก็ได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ต้องบอกว่า คุณหลิน นั้นน่าทึ่งมากจริงๆ เขาตบออกไปเพียงแค่ครั้งเดียวก็สามารถล้ม ชายในชุดสูท คนนี้ลงได้ และชายในชุดสูทคนนี้ ที่เขาเฝ้าดูก็แข็งแกร่งราวกับวัว แต่เขาก็กลับดูเปราะบางราวกับกระดาษ.. เมื่ออยู่ต่อหน้า คุณหลิน
เขาตอนนี้เห็นเพียงชายในชุดสูทที่ได้ล้มลงนอนหงายกับพื้น และได้แน่นิ่งไป ทั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็น หรือตาย.. หรือแค่.. เป็นลมหมดสติไป
“ลุงต๋า ผมคงไม่ได้ทําให้คุณกลัวใช่ไหม?” หลินฟาน ได้พูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
อู๋ ต๋า กล่าวว่า : “พูดตามตรง ฉันกลัวมาก ขอบคุณ เจ้านาย มากๆ”
หลินฟาน กล่าวว่า : “พวกเขาคงไม่เคยคิดฝันเลยว่า ..ผมจะตามคุณมา”
อู๋ ต๋า ได้รู้สึกซาบซึ้งใจมาก ถ้าคืนนี้ไม่ใช่ หลินฟาน ที่ได้ตามมาช่วยเขา.. ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีชะตา.. เป็นอย่างไร ขาอีกข้างหนึ่งของเขาก็คงจะต้องหักไปโดยไม่ต้องสงสัยแน่ๆ
“ลุงต๋า จิน จิ่วฟู่ คนนั้น มีความแค้นอะไรกับคุณ และก็คาดไม่ถึงเลยว่าเขาคิดจะทำร้ายคุณแบบนี้?” เว่ย เยว่เอ๋อร์ ได้ถาม
หลินฟาน กล่าวว่า : “ช่างเถอะ เยว่เอ๋อร์ อย่าไปถาม ลุงต๋า เลย ลุงต๋า เองก็ไม่เต็มใจที่จะพูดถึงอดีต ดังนั้นเราก็อย่าได้ไปถาม…”
อู๋ต๋า ได้รู้สึกซาบซึ้งใจมากจริงๆ หลินฟาน ก็เป็นเจ้านายที่ใจดีจริงๆ เขาเองไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลยด้วยซ้ำ ได้แค่รู้สึกซาบซึ้งใจ เท่านั้น
“ไม่ เจ้านาย เรื่องนี้ในไม่ช้าก็เร็วฉันเองก็ต้องพูดออกไป และฉันคงจะต้องพูดบอกกับพวกคุณในคืนนี้” อู๋ ต๋า ได้กล่าวออกมา
หลินฟาน ดูดีใจมาก แน่นอนว่าเขาเองก็อยากที่จะรู้เรื่องในอดีตของ อู๋ ต๋า อยู่แล้ว และเขาก็หวังที่จะเข้าใจ อู๋ ต๋า คนนี้ อย่างถ่องแท้
“ลุงต๋า ผมว่าเราไปหาร้านอาหารเพื่อนั่งคุยกันดีกว่า ผมเอง กับเยว่เอ๋อร์ ยังไม่ได้กินอะไรเลย” หลินฟาน ได้กล่าว
อู๋ ต๋า ได้พยักหน้า และเห็นด้วยในทันที
ทั้งสามคนจึงได้ออกไปจากที่นี่ เหลือเพียงชายในชุดสูทที่ยังคงนอนอยู่บนพื้นเหมือนกับสุนัขที่ตาย
“เจ้านาย ผู้ชายคนนี้…” อู๋ ต๋า ดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจชีวิต และความตายของ ชายในชุดสูทคนนี้ แต่เพราะเขากลัวว่า หลินฟาน จะมีปัญหา
หลินฟาน ยิ้ม แล้วพูดว่า : “ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับ ผมไม่ได้ฆ่าเขา และคงอีกสักพักเขาคงจะตื่นขึ้นมา”
และเป็นไปตามที่คาดไว้ ครึ่งชั่วโมงให้หลัง หลังจากที่พวกเขาได้เดินจากไป ชายในชุดสูทคนนี้ ก็ได้ตื่นขึ้นมา เขารู้สึกว่าหัวของเขามันกําลังจะระเบิด และเขาก็ได้รู้สึกเวียนหัวจนไม่มีแรงที่จะลุกขึ้นยืน
พอได้มองไปรอบๆ ตอนนี้ อู๋ ต๋า ก็ได้หายตัวไปแล้ว
ในใจเขาตอนนี้ ก็ตกใจมาก แต่จู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ เหมือนตัวเขาเองได้ถูกคนลอบโจมตีจากด้านหลัง แต่ใครที่เป็นคนโจมตีเขานั้น เขาเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นใคร!
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ คนที่โจมตีเขาคนนี้นั้นต้องเก่งกาจมากๆ เพราะเขาสามารถเข้าใกล้เขาได้ โดยที่เขาไม่รู้สึกตัว แน่นอนว่าคนๆ นี้ต้องก็ไม่ใช่ คนธรรมดา!
ครู่หนึ่งเขาก็ได้รู้สึกหดหู่แทบตาย โดนอีกฝ่ายทุบตีเข้าใส่อย่างรุนแรง แต่กลับไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เรื่องนี้.. นี่มันก็ได้ทำให้เขาโกรธมากๆ จริงๆ!
อย่างไรก็ตาม อู๋ ต๋า ได้มีคนช่วยเหลือไปแล้ว ภารกิจของเขาก็ถือได้ว่าล้มเหลว ดังนั้นเขาทำได้แค่จากไปอย่างกระวนกระวายใจ หากกลับไปรายงาน คุณจิน แน่นอนว่าคราวนี้ เขาจะต้องถูกดุด่าเป็นแน่
เมื่อได้มาถึงร้านอาหาร หลินฟาน, เว่ย เยว่เอ๋อร์ และอู๋ ต๋า ก็ได้พบโต๊ะที่ว่างอย่างรวดเร็ว และพวกเขาก็ได้นั่งลง จากนั้นก็ได้สั่งอาหารกินกันในทันที
“ลุงต๋า ตอนนี้คุณก็สามารถพูดออกมาได้แล้วครับ” หลินฟาน ได้กล่าว
อู๋ ต๋า ได้เงียบไปครู่หนึ่ง และเขาก็ได้พูดว่า : “ตอนนั้นฉันอายุเพียง 17 ปี และถูกเรียกว่าเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ ฉันกับ จิน จิ่วฟู่ ได้เล่นให้กับสโมสรที่เดียวกัน ตอนนั้น จิน จิ่วฟู่ อายุ 19 ปี แก่กว่าฉัน 2 ปี พรสวรรค์ก็ดีมาก ในตอนนั้นเราก็ได้ถูกเลือกในเวลาเดียวกัน เพราะอายุใกล้เคียงกัน หลังจากได้เข้าร่วมสโมสร เราจึงได้กลายมาเป็นเพื่อนที่ดีโดยธรรมชาติ.. และมันก็เป็นไปอย่างที่เขาพูด เราฝึกด้วยกัน อยู่ด้วยกัน และมักจะออกมาหาข้าวกินด้วยกัน พวกเราเองก็เป็นเหมือนดั่งพี่น้องกัน และในช่วงเวลานั้น.. มันก็อาจเป็นช่วงวันเวลาที่ฉัน.. มีความสุขที่สุด”
อู๋ ต๋า เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัว เพราะเขามีพรสวรรค์ในการเล่นฟุตบอล แต่ครอบครัวของเขากลับไม่สามารถส่งเขาไปเข้าเรียนโรงเรียนกีฬาได้ ต่อมาก็ได้มีการเปิดค่ายเยาวชน และด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม เขาเองจึงได้รับเลือกให้เข้าสู่สโมสรหยุนเฉิง เมื่อครั้งอายุเพียง 17 ปี และได้กลายเป็นนักเตะเยาวชน เมื่อนั้นเขาก็ได้พบกับ จิน จิ่วฟู่ และมันก็เหมือนได้ชดเชยความเป็นพี่น้อง ที่เขา ..ได้ขาดหายไป
“ฉันได้คิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉัน แต่สิ่งที่ฉัน ..คิดไม่ถึงเลยก็คือ มันกลับเป็นเพื่อนที่ดีคนนี้.. ที่ได้ทําลายฉัน นั่นก็เพราะผลงานของฉันในทีมดีกว่าเขา ฉันจึงได้เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาก่อน และได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมชาติ ปีนั้นฉันเองใกล้จะได้เข้าร่วมกับทีมชาติแล้ว แต่จู่ๆ ก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น ในคืนที่ฉันประสบอุบัติเหตุ มันก็คือคืนที่ได้ออกไปกินข้าวรอบดึกกับ จิน จิ่วฟู่ และในค่ำคืนนั้น ฉันเองก็ไม่มีวันลืม…”
อู๋ ต๋า ได้ตกไปอยู่ในความทรงจำของคืนนั้น ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็ได้ฉายแววความเจ็บปวดที่เด่นชัดออกมา…