บทที่ 121: ข้าจะใช้ชีวิตนี้เพื่อปกป้องเจ้าและลูก ๆ
หลังจากที่หูเจียวเจียวได้ยินสิ่งที่หลงโม่พูด เธอก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
เธอไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเล่าอดีตของตัวเองให้ตนฟัง
ในนิยายเล่มนี้ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอดีตของวายร้าย แต่หญิงสาวรู้ดีว่านักเขียนคงจะจัดเตรียมอดีตที่เลวร้ายเอาไว้ให้เขาอย่างแน่นอน เพราะนอกจากลูกรักอย่างอิงหยวนแล้วก็ไม่มีใครมีชีวิตที่ดีเลยสักคน แม้กระทั่งนางเอกของเรื่อง
จิ้งจอกสาวนึกไม่ออกด้วยซ้ำว่าในอดีตมังกรหนุ่มผ่านอะไรมาบ้างเพื่อเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นวายร้ายที่โหดเหี้ยม กระหายเลือด เป็นศัตรูกับคนทั้งโลก และฆ่าคนเป็นผักปลา
การที่เจ้าของร่างเดิมทรยศหลงโม่นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ไปเร่งให้จิตใจของเขาดำมืดเร็วขึ้น การกลายร่างเป็นจอมวายร้ายของเขาถูกกำหนดมาตั้งแต่วินาทีแรกที่เขาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้แล้ว
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ประโยคข้างต้นผุดขึ้นมาในความคิดของหูเจียวเจียว
ทันใดนั้น เธอก็ส่ายหัวขับไล่ความคิดเลวร้ายนี้ออกไป
“ข้าอาจจะ...ไม่แข็งแกร่งนัก แต่ข้าจะใช้ชีวิตนี้เพื่อปกป้องเจ้าและลูก ๆ” มังกรหนุ่มเอ่ยคำสัญญาด้วยสีหน้าจริงจัง
วันนี้เท่านั้นที่หลงโม่รู้สึกว่าเขามีตัวตนในสายตาใครสักคน แล้วเห็นว่าเขาก็เป็นภูตคนหนึ่ง
เขาไม่ใช่ขยะ เขาไม่ใช่คนไร้ประโยชน์ เขาไม่ใช่ศพเดินได้
เมื่อหูเจียวเจียวได้ยินคำสัญญาของชายหนุ่ม เธอก็กะพริบตาถี่พลางรู้สึกแสบที่ปลายจมูกจนน้ำตารื้น
ที่ผ่านมาเธอมักจะกังวลอยู่เสมอว่าจะจัดการกับเจ้าวายร้ายผู้นี้ได้อย่างไร แต่เธอไม่คาดคิดว่ามันจะประสบความสำเร็จโดยการมอบเสื้อผ้าหนังสัตว์ให้อีกฝ่ายเพียงชุดเดียว
แต่ทำไมเธอกลับไม่รู้สึกมีความสุขอย่างที่คิดเอาไว้เลย...
ต่อมา หูเจียวเจียวสูดจมูกก่อนจะเผยรอยยิ้มที่สดใสและอ่อนโยนให้คนตรงหน้า “เจ้าแข็งแกร่งไม่ต่างจากภูตมังกรคนอื่น เจ้าแค่ต้องการเวลาที่จะพัฒนาตัวเอง และในอนาคตเจ้าจะกลายเป็นภูตที่แข็งแกร่งกว่าอิงหยวนอย่างแน่นอน ข้าเชื่อในตัวเจ้า”
คำพูดเหล่านี้กลายเป็นน้ำทิพย์ชโลมให้หัวใจที่ด้านชาของหลงโม่พองโตขึ้น
ในอนาคตเขาจะแข็งแกร่งกว่าอิงหยวนอีกหรือ?
นาง...คิดแบบนั้นจริงหรือ?
“อีกอย่าง เจ้าจะไม่ได้แค่เสื้อผ้าชุดเดียว นับจากนี้ข้าจะทำเสื้อผ้าใหม่ให้เจ้ากับลูก ๆ ทุกปี” พอจิ้งจอกสาวเห็นมังกรหนุ่มยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เธอจึงรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วหันไปทำงานอื่นต่อ
เธอกลัวว่าเขาจะจมอยู่กับความทรงจำเลวร้ายในอดีต
จากนั้นสายตาของหลงโม่ที่มองตามหลังหูเจียวเจียวก็ฉายแววแน่วแน่ และเขาก็ปฏิญาณกับตัวเองในใจว่าเขาจะต้องกลายเป็นภูตที่แข็งแกร่งกว่าอิงหยวนให้ได้
เขาจะไม่ทำให้นางผิดหวัง!
เมื่อถึงเวลาที่ท้องฟ้าเริ่มมืดลง เด็กตระกลูหลงทั้ง 5 คนก็กลับมาที่บ้าน
ทางด้านหูเจียวเจียวเตรียมปลาย่างวางไว้บนโต๊ะกินข้าวแล้ว โชคดีที่โต๊ะอาหารของพวกเธอมีขนาดใหญ่พอที่จะวางปลา 7 ตัวที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัมได้
หลังจากที่เจ้าตัวเล็กทั้งหลายออกไปตะลอนอยู่ข้างนอกทั้งวัน พวกเขาก็หิวกันมากแล้ว พอกลับมาถึง ทุกคนก็ตรงไปล้างมือตัวเองอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะเดินไปนั่งตัวตรงเรียงแถวอยู่หน้าโต๊ะอาหาร
ขณะนี้กลิ่นปลาย่างหอมตลบอบอวลในอากาศ แล้วปลาในจานถูกราดด้วยกระเทียมสับกับข้าวฟ่างปรุงรสเล็กน้อยที่เพิ่งถูกเอาออกจากเตานึ่งร้อน ๆ
นี่คือรสชาติโปรดของเหล่าเด็กน้อย
เมื่อแม่จิ้งจอกเห็นลูกทั้ง 5 คนจ้องปลาตามันวาวแล้วเกือบน้ำลายไหล เธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ทำไมวันนี้พวกเจ้ากลับมาช้าจัง ตอนนี้ข้างนอกมืดแล้ว คราวหน้าพวกเจ้ากลับมาให้เร็วหน่อยล่ะ ไม่งั้นจะไม่ทันกินข้าวเย็นกัน” จิ้งจอกสาวเตือนพวกเขาด้วยท่าทางสบาย ๆ พลางยื่นตะเกียบสำหรับเด็กให้แต่ละคน
“เรื่องนี้ต้องโทษหลิงเอ๋อ…” หลงจงยู่ริมฝีปากและพึมพำด้วยเสียงต่ำ
“อะไรนะ?” หูเจียวเจียวได้ยินไม่ชัดจึงหันไปถามอย่างสงสัย
“ไม่มีอะไรท่านแม่” หลงหลิงเอ๋อตอบแทรกขึ้นมาพร้อมกับรอยยิ้ม “พี่สามเพิ่งบอกว่าท่านแม่เก่งมาก ท่านจับปลาตัวใหญ่มาได้ตั้งเยอะเลย เราที่ออกไปจับทั้งวันยังไม่ได้ปลาเยอะขนาดนี้เลยด้วยซ้ำ!”
แม่จิ้งจอกยิ้มกว้างยามที่ได้ยินคำพูดของลูกสาว ก่อนจะเหลือบมองไปทางลูกชายคนที่ 3 ด้วยแววตาฉงน “จริงหรือ?”
เนื่องจากเธอไม่คิดว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะพูดยกย่องแม่…
“แน่นอน พี่สาม ท่านคิดอย่างนั้นใช่ไหม?” หลงหลิงเอ๋อยิ้มหวานพลางหันไปมองพี่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ
จังหวะนั้นหลงจงรู้สึกเพียงว่าต้นขาของเขาถูกบีบอย่างแรง เขาจึงอ้าปากแล้วก็หุบปากแบบคนที่หายใจไม่ออกทันที
“อึก...อืม!”
หูเจียวเจียวทำสีหน้าประหลาดใจ เธอรู้สึกอยู่เสมอว่าท่าทางของเด็กคนนี้มันแปลก ๆ...
“ท่านแม่ ข้าหิวมาก ท้องของเสี่ยวเหยาแทบจะแบนแล้ว เรามากินข้าวกันเถอะ!” สาวน้อยเอียงศีรษะมองผู้เป็นแม่พร้อมพูดกระตุ้นด้วยรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา
หลงเหยาที่อยู่อีกด้านหนึ่งพยักหน้าระรัว
“อ้าาา~”
กินเนื้อ! กินเนื้อ! พี่สาวของข้าสัญญาว่าจะแบ่งเนื้อให้ข้าด้วย!
ขณะเดียวกัน หลงโม่ที่ช่วยหูเจียวเจียวยกอาหารมาที่โต๊ะเดินมาถึงทันเวลาที่เห็นฉากนี้พอดี จากนั้นสายตาคมก็มองไปทั่วใบหน้าของหลงหลิงเอ๋อ
ทว่าเมื่อเขาเห็นแม่จิ้งจอกดูเหมือนจะอารมณ์ดี เขาก็ทำเหมือนกับว่าไม่เห็นอะไร
ให้เจ้าลูกชายตัวแสบยอมเจ็บตัวสักหน่อยจะเป็นไรไป?
บัดนี้ใบหน้าของหลงจงขุ่นมัว เขากัดฟันกลั้นไม่ให้ปล่อยเสียงกรีดร้องออกมา เขารู้ดีว่าหากสาวน้อยคนนี้โกรธ มันจะไม่เป็นผลดีกับเขาในอนาคต
ทางด้านหลงเซียวผู้เงียบขรึมเผยรอยยิ้มบนใบหน้าที่มักจะเศร้าหมองเพราะเสียงหัวเราะบนโต๊ะอาหารเย็น
ขณะนั้นหลงอวี้จะคอยช่วยหยิบก้างปลาออกให้น้องรองเป็นครั้งคราว เด็กคนนี้เป็นพี่ใหญ่ที่มีมโนธรรมและเป็นคนดีจริง ๆ
หูเจียวเจียวเห็นลูกชายคนโตช่วยหยิบก้างปลาออกให้ลูกชายที่ตาบอดจึงชมเชยอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “อวี้เอ๋อรู้ความจริง ๆ เจ้ารู้วิธีดูแลน้องชายของตัวเองด้วย”
หากเป็นเมื่อก่อน หลงเซียวอาจจะปฏิเสธน้ำใจของพี่ใหญ่ เขารู้สึกว่าพี่น้องคอยช่วยเหลือเขามากเกินไปเพราะพวกเขาคิดว่าตนไร้ประโยชน์
แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มยอมรับมันอย่างง่ายดาย จิ้งจอกสาวมองว่านี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี
เมื่อหลงอวี้ได้ยินคำชมของผู้เป็นแม่ เขาก็เผลอทำตะเกียบในมือหล่น และใบหน้าไร้เดียงสาของเขาก็ตึงเครียดราวกับว่าเขากำลังยอมรับภารกิจอันศักดิ์สิทธิ์บางอย่าง
“ขอโทษ ข้าจะไปล้างเดี๋ยวนี้แหละ” พี่คนโตรีบหยิบตะเกียบขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปที่ถังน้ำอย่างเก้ ๆ กัง ๆ ไม่เป็นธรรมชาติ
ระหว่างนั้นหูเจียวเจียวคอยสังเกตท่าทางของหลงอวี้ เธอกะพริบตาแสดงความสงสัยว่าทำไมวันนี้เขากับหลงจงถึงทำตัวแปลก ๆ?
เป็นเพราะออกไปเล่นกันทั้งวันจนเหนื่อยหรือเปล่า?
ทางด้านหลงโม่ที่อยู่ข้าง ๆ พอได้ยินคำพูดของหญิงสาว ดวงตาของเขาก็มืดลง
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้กินปลา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าปลาก็ยังต้องแคะกระดูกออกเหมือนกัน เขามองดูวิธีแกะกระดูกปลาที่หลงอวี้ทำ จากนั้นเขาก็มองไปยังปลาที่อยู่ตรงหน้าจิ้งจอกสาว ก่อนที่เขาจะขยับตะเกียบยื่นออกไป..
แต่ทว่า...
ปั่ก!
หูเจียวเจียวตีตะเกียบของมังกรหนุ่มด้วยตะเกียบของเธอ และถามอย่างสงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้น? เจ้ากินข้าวไม่อิ่มหรือ เจ้าจะทำอะไรกับปลาของข้า?”
“...”
จากนั้นครอบครัว 7 คนก็กินข้าวเย็นกันอย่างมีความสุข…?
หลังจากที่ทุกคนทานอาหารกันเสร็จแล้ว ลูกทั้ง 5 กับหูเจียวเจียวก็อาบน้ำและพากันเข้านอน ส่วนหลงโม่มองไปทางบ้านไม้ที่ถูกปกคลุมไปด้วยแสงจันทร์ ไม่นานเขาก็ถอนหายใจก่อนจะขึ้นไปนอนบนเตียงส่วนตัวของเขา—ซึ่งนั่นก็คือบนต้นไม้
…
วันถัดมา
จิ้งจอกสาวถูกปลุกให้ตื่นขึ้นด้วยบทสนทนาที่ดูเหมือนว่ากำลังกระวนกระวายใจ
เธอขยี้ตาแล้วมองออกไปนอกบ้าน ตอนนี้เป็นเวลาเช้าแล้ว เธอจึงลุกขึ้นออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากที่หูเจียวเจียวเดินออกมาจากบ้าน เธอก็พบหลงโม่อยู่ในลานบ้าน และมีชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ เขา
หญิงสาวจำได้ว่านั่นคือภูตชายที่มักจะติดตามหัวหน้าเผ่า เมื่อเห็นท่าทางกังวลของเขา เธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันที
“หลงโม่ เกิดอะไรขึ้น?” จิ้งจอกสาวรีบเดินเข้าไปถาม
หลงโม่ที่ได้ยินเสียงของหูเจียวเจียวหันกลับมาเห็นว่าเธอยังคงงัวเงียอยู่ และมีรอยยับสีชมพูเล็กน้อยบนใบหน้ารูปไข่ พอเขารู้ว่าอีกคนเพิ่งตื่นนอน ริมฝีปากที่เม้มแน่นของเขาก็คลายออก และกำลังจะพูดว่าไม่ต้องกังวล
แต่ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างเชื่อใจหญิงสาวมากและโพล่งออกมาก่อน
“เกลือของเผ่าหายไป หัวหน้าเผ่ากำลังร้อนใจ เขาก็เลยขอให้ทุกคนหาทางช่วยกันแก้ไข”
“เกลือหายไปหรือ!?” แล้วหูเจียวเจียวก็ตาสว่างทันที
เนื่องจากภารกิจไปแลกเปลี่ยนเกลือทะเลที่ริมชายหาดครั้งล่าสุดทางเผ่าไม่ได้รับเกลือกลับมาเลย เธอได้ยินจากหัวหน้าเผ่าว่าเกลือที่เหลืออยู่นั้นก็แทบจะไม่พอให้ภูตหญิงอยู่รอดไปตลอดฤดูหนาวนี้ แต่แล้วทำไมจู่ ๆ มันถึงหายไปเสียล่ะ?
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: โอ๊ย ใครเอาเกลือไปอีก ยิ่งมีน้อย ๆ อยู่ T_T