ตอนที่ 4 เก้ากระบวนท่ามังกรหลง
ในที่สุดเขาก็แก้แค้นได้แล้ว!
ถังฮวนหัวเราะชอบใจ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ถังหงและอีกสองคนก็วิ่งเร็วยิ่งกว่าเดิม จากนั้นไม่นานพวกเขาก็หายลับตาไป
บทเรียนนี้จะเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่ลืมไปชั่วชีวิต
แต่หลังจากหัวเราะแล้วใบหน้าของถังฮวนก็กลับมาสุขุมขึ้น เขาไม่สนใจว่าสามคนนั้นจะกลับไปที่ตระกูลถังเพื่อทำอะไรต่อ เพราะเขาคิดว่ามันจะเกิดขึ้นในอนาคตอยู่แล้ว
ถังหงและถังจุนเจี้ยอับอายเช่นนี้ พวกเขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปได้อย่างไร?
พวกเขาจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่ ไม่ว่าจะหนึ่งวันหรือสองวันเป็นอย่างเร็ว หรือสี่วันห้าวันเป็นอย่างช้า ถังฮวนก็คิดไว้แล้วว่ามันจะต้องเกิดขึ้นเมื่อทำให้พวกเขาอับอาย
และเขาเองก็ไม่ได้กังวลมากนัก
ก่อนที่นักตีอาวุธเฒ่าจะออกจากเมืองคลื่นคลั่ง เขาทิ้งบางอย่างไว้ให้เขา ตามที่นักตีอาวุธเฒ่าบอก ตราบเท่าที่เขาไม่เจอกับคนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก สิ่งนี้จะช่วยให้เขาผ่านสถานการณ์เลวร้ายได้ ถังฮวนเชื่อว่านักตีอาวุธเฒ่าไม่เคยล้อเล่นกับเรื่องเช่นนี้
เขาคิดถึงทางออก ถ้าหากเขาอยู่ในเมืองคลื่นคลั่งไม่ได้อีกต่อไป เขาจะต้องไปที่เมืองช่างสวรรค์
มีสามอาณาจักรในดินแดนรุ่งโรจน์ นั่นคืออาณาจักรถัง อาณาจักรม่อหยุน และอาณาจักรชาหลง เมืองคลื่นคลั่งนั้นตั้งอยู่ที่ชายแดนชายฝั่งบูรพาของอาณาจักรถัง หลายพันลี้ทางตะวันตกของเมืองคลื่นคลั่งคือเมืองช่างสวรรค์ซึ่งตั้งอยู่ที่ชายแดนของสามอาณาจักร เมืองช่างสวรรค์นั้นเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในดินแดนรุ่งโรจน์ สถานะของพวกเขานั้นสุดยอดและไม่ขึ้นตรงกับสามอาณาจักรเลย
ตระกูลถังเป็นตระกูลใหญ่ในเมืองคลื่นคลั่งแต่ก็ไม่กล้าที่จะลงมือกับใครที่นั่น
ตามที่ถังฮวนคิด เจาน่าจะฆ่าถังหงและอีกสองคนที่รังแกเขามานานหลายปี อย่างน้อยก็ทำให้พวกเขาพิการไปก็ยังดี
เหตุผลที่เขาไม่ฆ่าก็เพราะว่าเขาไม่อยากจะต่อสู้ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายกับตระกูลถังโดยเร็ว แต่วันหนึ่งเขาจะต้องทำให้ทุกคนที่รังแกทำให้เขาทุกข์ทรมานโดยเฉพาะหญิงชั่วจากตระกูลถัง เขาจะต้องทำให้นางคุกเข่าต่อหน้าหลุมศพของแม่เขาและโค้งคำนับกับความผิดพลาดที่ทำลงไป
ถังฮวนทำใจให้สงบอย่างรวดเร็วและนำดาบยาวสามเล่มออกมาพร้อมกับปิดร้าน
ร้านตีอาวุธนั้นตั้งอยู่ในส่วนเหนือของเมืองคลื่นคลั่ง มันอยู่ในตำแหน่งที่นับว่ารกร้างห่างไกลจากบ้านที่ใกล้ที่สุดหลายร้อยเมตร มันทำให้เขาต้องเดินสิบห้านาทีไปยังร้านอาวุธที่อยู่ใกล้ที่สุด
นั่นเท่ากับว่าเขาต้องเดินไปกลับครึ่งชั่วโมง
สุดท้ายถังฮวนก็มาถึงร้านของเขาในตอนกลางคืน
หลังจากต่อรองกันอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ขายดาบทั้งสามเล่มในราคาสามเหรียญทอง เขากินมื้อค่ำได้อย่างหนำใจ เขาซื้อข้าวมาหนึ่งถุงและผักที่เก็บได้หลายวันในราคาหนึ่งเหรียญทอง
ที่หลังร้านจะมีสวนขนาดเล็กที่มีห้องพักสองห้องด้านข้าง ห้องหนึ่งเป็นของช่างตีอาวุธเฒ่าส่วนอีกห้องเป็นของเขา
สิ่งแรกที่ถังฮวนทำหลังจากเข้าห้องก็คือจุดเทียนและหยิบแผ่นหยกจากชั้นวางเล็ก ๆ ที่หัวเตียงมาดู มันมีสีแดงกว้างราวสามนิ้วมือและยาวสามนิ้ว ทั้งสองด้านของแผ่นหยกนั้นสลักไว้ด้วยลวดลายงดงาม
ที่หน้าแผ่นหยกนั้นมีมีคำที่เขียนว่า “สำนัก” และรอบคำว่าสำนักก็มีลวดลายกุหลาบเหลืองประดับเอาไว้
ลวดลายที่ด้านหลังนั้นซับซ้อนกว่าเล็กน้อย มันดูเหมือนกับกระบี่ มีด ค้อนที่ซ้อนทับกัน ใต้มีด กระบี่ และค้อนนั้นคือเปลวไฟที่โชติช่วง
แผ่นหยกนี้ถูกนักตีอาวุธเฒ่าทิ้งเอาไว้
ตามที่เฒ่านักตีอาวุธบอก เมื่อเขาตกอยู่ในอันตราย ให้เขากดคำว่า “สำนัก” ลงไปแล้วจะเกิดปาฏิหาริย์ขึ้นมา
ในอดีต เด็กหนุ่มไม่ได้คิดอะไรมากนัก แต่ตอนนี้ถังฮวนรู้สึกว่าตัวตนของเฒ่านักดีอาวุธนั้นไม่ได้ธรรมดาเหมือนอย่างที่ตาเห็น
ตามความทรงจำของถังฮวน เฒ่านักตีอาวุธนั้นจะออกจากเมืองคลื่นคลั่งอยู่เป็นระยะ ๆ เสมอ ระยะเวลานั้นแตกต่างหลากหลาย บ้างครั้งก็สิบวันหรือหลายเดือน เด็กหนุ่มเองก็ถามเรื่องการเดินทางของเขา แต่สุดท้ายเฒ่านักตีอาวุธก็มักจะเปลี่ยนเรื่อง
ด้วยเบาะแสที่เป็นปริศนา แต่นั่นก็คือหนึ่งในเบาะแส
ต่อมาคือแผ่นหยกประหลาด ถ้าหากเขาเป็นช่างตีอาวุธระดับต่ำทั่วไป มันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะบอกถังฮวนได้อย่างมั่นใจว่าแผ่นหยกนี้จะช่วยเขาให้ผ่านความยากลำบากเมื่อตกอยู่ในอันตรายไปได้
“ไม่ว่าจะเป็นอะไร ข้าก็คงต้องบ่มเพาะพลังไปก่อน”
ถังฮวนพึมพำ เขาเก็บแผ่นหยกไว้ที่อกและสงบใจก่อนจะเริ่มบ่มเพาะ “วิชาจิตเสริมเส้นปราณ”
ชัยชนะที่เขาได้มาเมื่อตอนเย็นนั้นทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นมาก ที่สำคัญที่สุดก็คือการทำให้เส้นปราณทั้งสองไปถึงเส้นปราณที่สาม
หลังจากนั้นเขาจะบ่มเพาะวิชาต่อสู้เพื่อเพิ่มพลัง
ถังฮวนสับสนเป็นอย่างมาก เมื่อเขาตื่นจากการบ่มเพาะพลังก็ถึงเวลารุ่งสางแล้ว หลังจากหนึ่งวันนี้เส้นปราณทั้งสามนั้นยังกว้างเท่าเดิม
“ในตอนที่เปิดเส้นปราณที่สอง ข้าใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงในการทำให้มันกว้างเท่าเส้นปราณแรก หลังจากเปิดเส้นปราณที่สามแล้วข้าต้องใช้เวลาทั้งคืนขยายสองเส้นปราณแรก ดูเหมือนว่าต่อไปข้าต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการขยายเส้นปราณ ถ้าหากมีเส้นปราณที่เก้าเมื่อไหร่อาจจะต้องใช้เวลาเกินสิบหรือหลายสิบวันในการทำให้มันมีขนาดเท่ากับแปดเส้นแรก”
ถังฮวนครุ่นคิด
นี่เป็นเรื่องธรรมดา เพราะความยากในการขยายเส้นปราณนั้นจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
จากความทรงจำของเด็กถังฮวนคนนี้ บางคนอาจจะขยายเส้นปราณทั้งแปดหลังจากเปิดเส้นปราณที่เก้าในเวลาครึ่งปี
หลายสิบวันนี้ถือว่าเร็วพอแล้ว
“แล้วถ้าข้าฝึกวิชาแรก มันจะทรงพลังแค่ไหนกัน?”
เมื่อรู้สึกว่าเส้นปราณทั้งสามเต็มไปด้วยปราณแท้ ถังฮวนก็พร้อมที่จะฝึกฝน เขาพูดกับตัวเองและกระโดดลงจากเตียงวิ่งออกไปที่สวนด้วยความตื่นเต้น
“เก้ากระบวนท่ามังกรหลง”
คำเหล่านี้อยู่ในใจของถังฮวน ความทรงจำที่เกี่ยวข้องเองก็ผุดขึ้นมาเป็นลำดับ
“เก้ากระบวนท่ามังกรหลง” นี้เหมือนกับ “ค้อนดาวตก” ที่ถังหงใช้เมื่อวาน มันเป็นวิชาต่อสู้ระดับต่ำที่เฒ่านักตีอาวุธสอนให้เขาเมื่อหลายปีก่อน ในหลายปีที่ผ่านมาเด็กหนุ่มถังฮวนได้ฝึกวิชานี้แทบทุกวัน เนื้อหาของวิชานี้ถูกฝังลึกในดวงวิญญาณเขาไปแล้ว
โชคร้ายที่ตอนนั้นเขาเชื่อมต่อเส้นปราณไม่ได้ ถ้าหากไม่มีปราณแท้ ไม่ว่าเขาจะเก่งในวิชามากเพียงใด เขาก้ไม่สามารถปลดปล่อยพลังของวิชาต่อสู้ออกมาได้ อย่างมากเขาก็ทำได้แค่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น
“กระบวนท่าแรก มังกรหลงขยายร่าง!”
ถังฮวนขยับตัวและใช้กระบวนท่าแรกของ “เก้ากระบวนท่ามังกรหลง” มันเหมือนกับมังกรที่ขดตัวหลับใหลได้ตื่นขึ้นเหยียดตัวและขยับกล้ามเนื้อ
“เอ๋?”
ในเสี่ยววินาที ถังฮวนอุทานเบา ๆ ด้วยความตกใจ
ในตอนที่เขาขยับ “เตาหลอมเทพเก้าหยาง” ในใจเขาเริ่มหมุนอย่างรวดเร็ว จากนั้นปราณแท้ในร่างกายก็ทำงานและมันก็ไหลมากับวิชาหมัด เมื่อเขาใช้ “มังกรหลงขยายร่าง” พลังในหมัดของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในทันที
เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน
“เก้ากระบวนท่ามังกรหลง” นั้นเป็นวิชาต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้แม้ว่าเด็กหนุ่มถังฮวนจะใช้มันได้อย่างคล่องแคล่วกับวิชาหมัด เส้นปราณของเขาก็ยังไม่ได้เชื่อมต่อกัน ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ตั้งท่าไม่ใช่ใช้พลังปราณ แต่กระบวนท่าเมื่อครู่นั้นมีทั้งท่าทางและพลังปราณ
“ถ้ามีปราณแท้แล้วมันก็ต่างจริง ๆ”
ถังฮวนคืนสติกลับมาและตื่นเต้น เขาใช้กระบวนท่าที่สอง “คลื่นมังกร” ตามด้วยกระบวนท่าที่สาม “มังกรแล่นทะเล” กระบวนท่าที่สี่ “มังกรแหวกวารี” …จนกระทั่งถึงกระบวนท่าที่เก้า “มังกรทะยานฟ้า” ร่างกายของถังฮวนเหมือนกับมังกรที่โลดแล่นในวารี การเคลื่อนไหวของเขาต่อเนื่องเหมือนกับน้ำไหล
เก้ากระบวนท่ามังกรหลงนั้นถูกใช้อย่างเต็มที่ด้วยมือของถังฮวน
โดยเฉพาะเมื่อกระบวนท่าสุดท้าย “มังกรทะยานฟ้า” ถูกแสดงออกมา ถังฮวนเหมือนกับมังกรที่แหวกว่ายในอากาศ ทั้งร่างกายของเขาเหมือนกับขี่เมฆาและทำให้เขาย้ายตัวเองบนอากาศเกินสิบเมตรจนกระทั่งลงมาที่พื้นดิน ในขณะเดียวกัน เขาก็ปล่อยหมัดไปใส่หินก้อนใหญ่ที่มุมสวน
“ปั้ง!”
หินสั่นสะเทือน ส่วนถังฮวนก็กำหมัดและหายใจหอบไม่หยุด
แม้เขาจะใช้ปราณแท้ออกมา มันก็ทำให้หมัดขวาของเขาเจ็บปวดและชามือ แต่เมื่อเขาเหลือบเห็นรอยแตกยาวบนก้อนหินเขาก็หุบยิ้มไม่ได้ เขาลืมความเจ็บปวดไปจนสิ้น ถ้าหากเขาเชื่อมต่อเส้นปราณได้อีก เขาจะต้องซัดก้อนหินให้แตกออกจากกันได้ในหมัดเดียวแน่
“เตาหลอมเทพเก้าหยางนี่วิเศษไปเลย!”
เขาละสายตาและกำหมัดถอนหายใจเบา ๆ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก ถ้าหากไม่ใช่เพราะการชี้นำของ “เตาหลอมเทพเก้าหยาง” ต่อให้เด็กหนุ่มถังฮวนฝึกเก้ากระบวนท่ามังกรหลงมาหมดแล้ว เขาก็ไม่มีทางที่จะเข้าถึงความลึกล้ำของวิชาได้รวดเร็วเช่นนี้
แล้วถ้าหากบ่มเพาะวิชาอื่น มันจะให้ผลแบบเดียวกันไหม?
โชคร้ายที่เฒ่านักตีอาวุธเห็นว่าพรสวรรค์ของเด็กหนุ่มนั้นไม่ดีนัก หลังจากสอน “วิชาจิตเสริมเส้นปราณ” และ “เก้ากระบวนท่ามังกรหลง” แล้วเขาก้ไม่ได้สอนวิชาต่อสู้อื่นอีก
มิเช่นนั้นเขาคงจะได้ลองวิชาเหล่านั้น
ในพริบตาเดียวถังฮวนก็สงบใจลงและฝึก “เก้ากระบวนท่ามังกรหลง” อีกสามคตรั้งก่อนจะหยุด เทียบกับครั้งแรกแล้ว เขาคุ้นชินกับมันอย่างมาก
“ไม่สิ วิชานี้น่าจะเข้ากันกับกระบี่มากกว่า”
ถังฮวนหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ
ในอดีต เมื่อเขาไม่มีปราณแท้ ถังฮวนไม่ได้รู้สึกอะไรมาก แต่ในตอนนี้ที่เขาเชื่อมต่อเส้นปราณสามเส้นได้แล้วและใช้วิชาหมัด ปราณแท้ในร่างกายเขาทำให้เขารู้สึกแปลก ราวกับว่าทุกกระบวนท่านั้นยังไม่ทำให้เขาพอใจ และยิ่งเขาฝึกมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งทำให้ความรู้สึกเข้มข้นขึ้น
“หรือว่ามันไม่ใช่วิชาหมัด แต่เป็นวิชากระบี่? เขาเห็นว่าข้าไม่เหมาะกับการบ่มเพาะพลังก็เลยสอนวิชากระบี่เป็นวิชาหมัดและใช้แค่ให้ข้าฝึกร่างกาย?”
ในพริบตาเดียวถังฮวนก็ไปหยิบเอากระบี่ยาวมา
“มังกรหลงขยายร่าง!”
กระบี่ยาวในมือถังฮวนสั่นเล็กน้อย และมันก็ค่อย ๆ ทะลวงออกไปอย่างอัศจรรย์
ปราณแท้ไหลผ่านแขนเขาไปที่คมกระบี่ ทันใดนั้นมันก็สร้างความรู้สึกแปลกราวกับมีมังกรตัวใหญ่ตื่นจากการหลับใหลและเหยียดกายออกมาอย่างเกียจคร้าน แต่มังกรก็ยังคงเป็นมังกร ต่อให้เกียจคร้านแต่ก็ยังมีจิตสังหารซ่อนเอาไว้ ซึ่งมันตรงกันกับแนวคิดของกระบวนท่าแรก
“นี่มันวิชากระบี่จริง ๆ ด้วย!”
ถังฮวนดีใจมาก พลังกระบี่ของเขาเปลี่ยนไปทันที และเมื่อเขาใช้ไปทีละกระบวนท่า “คลื่นมังกรหลง” “มังกรหลงแหวกทะเล” “มังกรแหลงแหวกวารี” …“มังกรทะยานฟ้า”
หลังจากใช้วิชากระบี่จนหมดแล้ว ถังฮวนรู้สึกเหนื่อยอย่างมาก เขาไม่รู้สึกอยากจะใช้พลังต่ออีกแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากใช้วิชาหมัดมาเป็นวิชากระบี่ พลังของเก้ากระบวนท่ามังกรหลงได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ถังฮวนเชื่อว่าด้วยวิชานี้ ต่อให้มีถังหงสามคน เขาก็มีโอกาสสูงที่จะชนะ
ถังฮวนตื่นเต้น และฝึกเก้ากระบวนท่ามังกรหลงอีกครั้ง
“แกร๊ง!”
หลังจากนั้นกระบวนท่าสุดท้ายก็ปล่อยออกมาจากกระบี่ของถังฮวน ที่ปลายกระบี่เหมือนกับลูกธนูที่ออกจากธนูและทะลวงเข้าไปในหินก้อนใหญ่ในสวน แต่ต่อมาก็เกิดเสียงดัง ปั้ง ออกมา และจากนั้นกระบี่ก็ทิ้งรูไว้ในหิน ส่วนตัวกระบี่นั้นก็หักเป็นสองท่อน
“คุณภาพมัน…แย่ไปหน่อย”
ดูจากส่วนของกระบี่ที่หัก ถังฮวนส่ายหน้า
แต่ทันใดนั้นถังฮวนก็คิดในใจ
“ข้ากลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งและมีปราณแท้แล้ว ถ้าผสานมันกับเพลิงแท้ ข้าก็จะไม่ใช่ช่างตีอาวุธทั่วไปแต่เป็นช่างตีอาวุธที่แท้จริงแล้ว ในตอนนั้นก็จะตีอาวุธระดับต่ำของตัวเองขึ้นมาได้”
เมื่อเขาคิดจะตีอาวุธ ทุกอณูในร่างกายก็เริ่มสั่นไหว เมื่อเขาอยู่บนโลก เหตุผลที่เขาเป็นหนึ่งในช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกตั้งแต่อายุยังน้อยไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม แต่เป็นเพราะความทุ่มเทและความสนใจในการตีดาบ
ครอบครัวของถังฮวนนั้นมีประวัติยาวนาน พ่อของเขาเป็นช่างตีดาบ และหลังจากที่เขาจบจากโรงเรียนมัธยมปลาย พ่อแม่ของเขาก็เสียชีวิตจากไป มันทำให้เขายิ่งหมกมุ่นกับวิชาตีดาบ เพราะความสนใจของเขา เขาจึงแทบจะไม่มีเวลาหรือพลังจะไปตกหลุมรัก แต่งงานหาภรรยาหรือมีลูก จนกระทั่งเขาตายที่อายุสามสิบปีทั้งที่ยังโสด
บนโลกใบนี้ ความสนใจของถังฮวนไม่ได้น้อยลงแม้แต่น้อย
แต่ในสถานที่ที่แตกต่างกับชีวิตเดิมอย่างมากนั้น ชีวิตก่อนหน้านี้บนโลก คนธรรมดาสามารถตีดาบและทำให้กลเยป็นอาวุธล้ำค่าได้ แต่ในดินแดนรุ่งโรจน์แห่งนี้ จำเป็นต้องเป็นผู้ฝึกยุทธที่มีปราณแท้เพื่อเป็นนักตีอาวุธและสร้างอาวุธที่ล้ำค่าจริง ๆ ขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าหากอยากจะเป็นช่างตีอาวุธ การเชื่อมต่อเส้นปราณและปราณแท้ยังไม่พอ มันจำเป็นต้องผสานเป็นเพลิงแท้ด้วย