ตอนที่ 140: ดาวมรดก
ตอนที่ 140: ดาวมรดก
“พื้นที่สมองส่วนที่ 7 เปิดในอัตรา 100%... ผ่านข้อกำหนดที่ 1!”
“สายเลือดระดับ 4 ดาว... ผ่านข้อกำหนดที่ 2!”
“ฉลาด, มีไหวพริบ, อดทน, ความจำดี ... ผ่านข้อกำหนดที่ 3!”
“ระบบทำการประเมินเสร็จสิ้น เปิดใช้งานการส่งตัวไปยังดาวมรดก”
“ระบบจะเปิดใช้งานภายใน 2 นาที 14 วินาที”
จู่ ๆ มันก็มีเสียงปริศนาดังขึ้นมาในหัวของเซี่ยเฟย ชายหนุ่มจึงรีบกระโดดขึ้นมาจากเตียงและจัดท่าทางเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้
“ใครวะ!” เซี่ยเฟยตะโกนออกมาด้วยเสียงต่ำ
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะมองไปรอบ ๆ แต่เขาก็ไม่เห็นสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่ตัวเดียว แต่เสียงภายในหัวของเขายังคงดังกึกก้องอย่างชัดเจน
“เหลือเวลาอีก 2 นาทีก่อนจะส่งตัวไปยังดาวมรดก โปรดเตรียมตัวให้พร้อม”
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะพยายามใช้คลื่นความคิดค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ในตัวของเขา
“มันคือลูกบอลทองคำ! หลังจากที่มันถูกเปิดใช้งานมันก็ได้เชื่อมต่อเข้ากับพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนาย!!” เกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่เซี่ยเฟยสังเกตเห็นสิ่งแปลกปลอม อันธก็ตะโกนบอกคำตอบออกมา
เนื่องจากว่าจิตสำนึกของพวกเขาได้เชื่อมโยงกัน ด้วยเหตุนี้เสียงที่เซี่ยเฟยได้ยินจึงไม่พ้นหูของอันธ
“ขอฉันลองอะไรหน่อย” อันธกล่าวพร้อมกับพุ่งตรงไปยังสมองของชายหนุ่ม
ท้ายที่สุดสำหรับวิญญาณนักฆ่าคนนี้ร่างกายของเซี่ยเฟยก็เปรียบเสมือนกับร่างกายของเขาเอง ดังนั้นเขาจึงสามารถเคลื่อนที่เล็ดลอดเข้าออกร่างกายของชายหนุ่มได้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นจะต้องขอความยินยอม
ไม่กี่วินาทีต่อมาอันธก็โผล่หน้ามาให้เซี่ยเฟยเห็นอีกครั้งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“คลื่นพลังนั้นมันผูกติดเข้ากับพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของนายอย่างสมบูรณ์แล้ว ฉันไม่สามารถตัดการเชื่อมต่อของมันกับสมองของนายได้” อันธกล่าว
“แล้วพวกเราจะต้องทำยังไง?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับเก็บใบดาบเชสซิ่งไลท์
“เดี๋ยวก่อน…ฟังนั้น!” อันธกล่าวด้วยเสียงกระซิบ
“กระบวนการส่งตัวไปยังดาวมรดกเริ่มนับถอยหลัง 100 วินาที”
“99 วินาที”
“98 วินาที”
“97 วินาที”
…
หากดูจากสถานการณ์แล้วชายหนุ่มไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องรอ เพราะท้ายที่สุดลูกบอลทองคำปริศนาลูกนี้ได้ควบคุมพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ และสถานการณ์นี้ก็ถือได้ว่าเป็นสถานการณ์ขั้นวิกฤตอย่างรุนแรงครั้งแรกในชีวิตของเขา
สำหรับเซี่ยเฟยแล้วสถานการณ์ขั้นวิกฤตไม่ใช่สถานการณ์ที่เขาได้ตกอยู่ในอันตราย แต่มันเป็นสถานการณ์ที่ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม
ระหว่างรอเวลาเซี่ยเฟยไม่รู้จะทำอะไร ชายหนุ่มจึงหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบแก้เครียด
ขณะเดียวกันอันธก็ไม่พูดอะไรออกมาเพิ่มเติม โดยเขาได้ยืนอยู่ข้าง ๆ เซี่ยเฟยด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“นับถอยหลัง 50 วินาที”
…
“10 วินาที”
…
“3”
“2”
“1”
“เริ่มกระบวนการส่งตัวไปยังดาวมรดก”
ทันใดนั้นร่างของเซี่ยเฟยก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีขาวพร้อมกับความเข้มแสงที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ผู้คนไม่สามารถลืมตาสู้แสงได้
ตูม!
เมื่อแสงสว่างเพิ่มความเข้มจนถึงจุดสูงสุดมันก็ระเบิดออกมาทันที!
ในเวลาต่อมามันก็มีจุดแสงสีขาวเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับพื้นที่บริเวณนี้มีหิมะตกหนัก
ห้องลับทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะแสงและทำให้วิสัยทัศน์ในห้องลับเหลือน้อยกว่าครึ่งเมตร
หลังจากนั้นไม่นานจุดแสงที่ลอยอยู่ในอากาศก็หายไปพร้อมกับคุกที่เคยขังเซี่ยเฟยไว้ได้หลงเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่า
—
ในเวลาเดียวกันมันก็มีคลื่นแปลก ๆ อันทรงพลังพุ่งออกจากห้องลับไปยังทะเลดวงดาวอันกว้างใหญ่อย่างรวดเร็ว
คลื่นแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นมานี้ไม่เพียงแต่จะสามารถเดินทางได้อย่างรวดเร็ว แต่มันยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังคล้ายกับมันจะสามารถพุ่งไปได้จนถึงสุดขอบของจักรวาล
การพยายามดักจับคลื่นชนิดนี้เป็นเพียงความพยายามที่ไร้ผล เพราะการมีอยู่ของมันได้เกินขีดจำกัดของมนุษย์ในปัจจุบันทำให้ไม่มีเรดาร์หรือเครื่องสื่อสารใด ๆ สามารถตรวจจับการมีอยู่ของมันได้
ชีวิตก็เหมือนกับแสงเลเซอร์ที่ยิงไปในจักรวาล เพราะเมื่อมันได้ยิงออกไปแล้วมันก็ไม่มีวันย้อนกลับมาที่เดิมได้
การใช้ชีวิตในจักรวาลเป็นเรื่องที่เปราะบางมาก เพราะพวกเขาอาจจะเสียชีวิตจากอุกกาบาตพุ่งชนหรือถูกดูดโดยหลุมดำที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งจักรวาล
บางชีวิตก็แข็งแกร่งมากจนสามารถทำลายล้างศัตรูที่บังอาจมาขวางหน้าได้ แต่วันใดที่พลังของแสงเลเซอร์ได้หมดลงชีวิตที่เคยแข็งแกร่งนั้นก็จะแตกสลายไปอยู่ดี
ชีวิตที่เหมือนกับแสงเลเซอร์ของเซี่ยเฟยเป็นชีวิตที่แปลกประหลาดมาก เพราะในตอนแรกมันเป็นเพียงแค่ลำแสงที่อ่อนแอ แต่หลังจากที่ลำแสงได้พุ่งออกไปมันกลับมีพลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และเริ่มฉีกกระชากทุกสิ่งที่ขวางหน้า
แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าลำแสงนี้จะพุ่งตัวไปได้อีกไกล ลำแสงของเซี่ยเฟยกลับค่อย ๆ หายไปราวกับว่าเขาได้หายตัวไปในจักรวาล
—
ณ ยานเดสทรอยเยอร์ของค่ายฝึกจัสทิสลีกบนดาว YZZ-7526
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยหายตัวไปเครื่องมือทั้งหมดบนยานก็เริ่มบ้าคลั่งจนทำให้มันมีไฟแสดงสถานะส่องแสงสว่างขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” โบซิงวาเดินเข้าไปในห้องคนขับของยานพร้อมกับถามนักบินทั้งสองคนด้วยความเคร่งเครียด
“สถานการณ์ยังไม่ชัดเจนครับ เหมือนกับว่าจู่ ๆ เครื่องมือทั้งหมดก็ไม่สามารถควบคุมได้ ผมคิดว่ามันน่าจะมีคลื่นพลังงานอันทรงพลังพุ่งมารบกวนการทำงานของยาน” นักบินผมหยิกรายงานขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
นักบินทั้งสองพยายามกดนิ้วลงบนแผงควบคุมอย่างรวดเร็วเพื่อให้เสียงแจ้งเตือนทั้งหมดเงียบเสียงลง แต่ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามหนักแค่ไหนแต่เครื่องมือทั้งหมดก็ไม่รับฟังคำสั่งจากพวกเขาเลย
โชคดีที่สถานการณ์อันยุ่งเหยิงนี้มีอยู่ไม่นานนัก ซึ่งหลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไป 1 นาทีทั่วทั้งยานรบก็ได้กลับสู่สภาวะปกติ
นักบินทั้งสองคนทำการตรวจสอบยานรบทั้งลำอย่างเร่งรีบ แต่น่าแปลกที่อุปกรณ์ทั้งหมดยังคงอยู่ดีราวกับว่ามันไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น?” เย่เสี่ยวหานและครูฝึกอีก 2-3 คนเดินเข้ามาในห้องคนขับด้วยความสงสัย
“กำลังทำการตรวจสอบอยู่… พวกคุณตรวจสอบได้หรือยังว่าพลังงานเมื่อกี้มันมาจากไหน?” โบซิงวากล่าว
“คาดว่าน่าจะมาจากเมือง 02 ครับ” นักบินรายงานกลับมาหลังจากที่เขาทำการตรวจสอบเป็นเวลานาน
“นั่นมันตำแหน่งของเซี่ยเฟย!” เย่เสี่ยวหานอุทานพร้อมกับผงะเล็กน้อย
นักเรียนทุกคนอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังของศูนย์ควบคุม ซึ่งในบรรดานักเรียนทั้งหมดมีเซี่ยเฟยเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เดินทางไปยังเมือง 02
“เซี่ยเฟยหรอ?” โบซิงวาอุทานขึ้นมาด้วยความสงสัย
ถึงแม้ว่าครูฝึกทุกคนจะมีอำนาจในการตรวจสอบตำแหน่งและสถานะของนักเรียน แต่โดยปกติครูฝึกจะไม่ทำการตรวจสอบข้อมูลพวกนี้เว้นแต่ว่าจะมีเหตุการณ์ที่จำเป็น ดังนั้นการที่เย่เสี่ยวหานแอบตรวจสอบตำแหน่งของเซี่ยเฟยจึงถือว่าเป็นการละเมิดกฎของทางค่ายฝึก
ใบหน้าของเย่เสี่ยวหานเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะกล่าวออกมาว่า
“ก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยอยู่ในเมือง 02 มันมีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นกับเขาหรือเปล่า?”
“เธอรู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ในเมือง 02?” โบซิงวาถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉัน… ฉันตรวจสอบที่อยู่ของเขาเมื่อวานนี้” เย่เสี่ยวหานกลืนน้ำลายพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกัก
โบซิงวาเลือกที่จะยังไม่ตำหนิเย่เสี่ยวหานเรื่องการทำผิดกฎ เพราะสิ่งแรกที่จำเป็นจะต้องทำในตอนนี้คือการหาสาเหตุของปัญหาแล้วค่อยจัดการเรื่องอื่นในภายหลัง
“ไปที่ห้องบัญชาการ” โบซิงวากล่าวพร้อมกับเดินไปที่ห้องบัญชาการ
ห้องบัญชาการเป็นเหมือนกับศูนย์กลางของยานอวกาศและข้อมูลของนักเรียนทุกคนก็ถูกรวบรวมเอาไว้ภายในห้องนั้น
แม้ว่านักบินจะสังกัดค่ายฝึกจัสทิสลีกแต่พวกเขาก็ยังมีสถานะที่แตกต่างจากครูฝึก พวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะสอบถามข้อมูลของนักเรียน โดยเฉพาะนักเรียนกลุ่มนี้ที่เป็นนักเรียนในค่ายชั้นใน
โบซิงวาเป็นคนแรกที่เดินเข้ามาในห้องบัญชาการ โดยใบหน้าของเขาประดับเอาไว้ด้วยความกังวลเล็กน้อย
เขาเป็นหัวหน้าทีมสำรวจในครั้งนี้ เขาจึงมีหน้าที่รับผิดชอบเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ความสัมพันธ์ส่วนตัวระหว่างเขากับเซี่ยเฟยก็ค่อนข้างดี เนื่องจากเซี่ยเฟยไม่ได้เซ็นสัญญากับสมาพันธ์เขาจึงกลายเป็นตัวประหลาดในค่ายชั้นในไปโดยปริยาย
ขณะเดียวกันเนื่องมาจากโบซิงวาได้กลายมาเป็นรองผู้อำนวยการค่ายชั้นในหลังจากที่สมาชิกภายในทีม 13 อีกสองคนได้หายตัวไป มันจึงมีคนหลาย ๆ คนแอบพูดจาว่าร้ายเขาลับหลัง ด้วยเหตุนี้โบซิงวาจึงคิดว่าเขากับเซี่ยเฟยได้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกันเพราะพวกเขากำลัง กลายเป็นจำเลยของสังคม
หลังจากเรียกระบบบันทึกข้อมูลของนักเรียนครูฝึกทั้งสี่คนก็จ้องมองไปยังหน้าจอ
บนหน้าจอได้แสดงแผนภาพพื้นระนาบของดาวทั้งดวงโดยมีจุดแสงแต่ละจุดแสดงตำแหน่งของนักเรียนแต่ละคน
หลังจากที่ข้อมูลได้ปรากฏขึ้นโบซิงวาก็อ้าปากค้าง ขณะที่เย่เสี่ยวหานใช้มือปิดปากตัวเองเอาไว้โดยพยายามไม่ให้ตัวเองส่งเสียง
จากนักเรียนที่เดินทางมาทั้งหมด 46 คนมีนักเรียน 45 คนยังคงสถานะมีชีวิตอยู่ ขณะที่ชื่อของเซี่ยเฟยแสดงสถานะขาดการติดต่อ
“ขาดการติดต่อ!” โบซิงวาพูดกับตัวเอง
อุปกรณ์สื่อสารที่สมาพันธ์ให้นักเรียนทุกคนเอาไว้เป็นผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีชั้นยอดที่มีความสามารถในการสื่อสารอันทรงพลัง ดังนั้นถึงแม้ว่านักเรียนจะเดินทางไปจนถึงแกนกลางของดาวเคราะดวงนี้ แต่สถานะของเครื่องสื่อสารก็จะไม่แสดงขึ้นมาว่าขาดการติดต่อ
“บินไปที่เมือง 02 เดี๋ยวนี้! และเปิดระบบการสื่อสารเชื่อมต่อไปที่สำนักงานใหญ่ของค่ายฝึก” โบซิงวาสั่งการด้วยเสียงเข้ม
ยานอวกาศค่อย ๆ ยกตัวขึ้นจากพื้นและมุ่งหน้าตรงไปยังซากปรักหักพังของเมือง 02 ทันที
ขณะเดียวกันโบซิงวาก็ขอให้ครูฝึกอีกสามคนออกไปจากห้องบัญชาการก่อน เขาจึงอยู่ภายในห้องที่กำลังติดต่อไปยังเย่จิ่งชานเพียงคนเดียว
“เมื่อไม่กี่นาทีก่อนพวกเราถูกโจมตีด้วยคลื่นพลังงานที่อธิบายไม่ได้ทำให้ระบบของยานอวกาศรวนไปประมาณ 1 นาที และมีนักเรียนคนหนึ่งหายตัวไปครับ” โบซิงวารายงานสถานการณ์
“ใคร?” เย่จิ่งชานถามออกมาด้วยลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
“เซี่ยเฟยครับ” โบซิงวาตอบ
“เซี่ยเฟย!! เซี่ยเฟยอีกแล้ว!!!”
***************
หายไปไหน???
ปล.เรื่องนี้มี E-Book แล้วน๊า สามารถซื้อสะสมหรืออ่านกันได้ทางแอพปิ่นโตและ meb ได้เลยนะคะและขอบคุณที่ติดตามผลงานกันน๊า
ตอนนี้กำลังจัดเต็ม เล่มแรกฟรี เล่มที่ 2 ลด 20% ไปเล้ยยยย
meb https://bit.ly/3NZ3Qca ปิ่นโต https://bit.ly/3M9vXUI