บทที่ 489-490
บทที่ 489
เด็กรุ่นใหม่
เอาไงต่อดี?
แล้วศาสตราจารย์หลี่กับพวกของเขาจะตัดสินยังไง?
ถึงแม้เธอจะจ่ายเงินให้พวกเขาไปแล้ว แต่เมื่อสังเกตการแสดงออกของพวกเขา ดูเหมือนว่ามีความลังเลอยู่ไม่น้อย
หรือว่าพวกคุณจะผิดข้อตกลง?
ฝูงชนรอบ ๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางที่ผิดแปลกไปของถังจิ้งชือ เพราะทุกคนต่างมองไปที่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญอย่างร้อนรน
ผลตัดสินคงเป็นเอกฉันท์แล้วสินะ?
รีบประกาศเถอะ พวกเรารอเข้าไปกินบะหมี่ ‘ร้านบะหมี่ซือ’ ไม่ไหวแล้ว
ลูกค้าที่สงสัยถังซือซือในตอนแรกและพูดจาหยาบคายมากมาย ตอนนี้พวกเขาต่างรู้สึกผิดจนแทบอยากมุดหัวหนีไป
เห็นได้ชัดว่าฟังความข้างเดียวย่อมมีผลเสียตามมา
ถังจิ้งชือกระแอมไอ “แค่กแค่ก” ทันใดนั้นศาสตราจารย์ หลี่ที่นั่งถือตะเกียบอย่างเหม่อลอย ก็สะดุ้งจนทำตะเกียบร่วง
เขาเงยหน้าขึ้น จึงสบสายตาอันเย็นชาและโกรธจัดจากถังจิ้งชือเข้าพอดี
จบแล้ว เรื่องนี้จบไม่ง่ายแน่ ๆ
หลังจากชิมบะหมี่เสร็จ พวกเขาไม่สามารถพูดอย่างมั่นใจได้ว่าบะหมี่ชามนั้นเหมือนกับของเชฟหลินทุกอย่าง ในเมื่อผลกลับกลายเป็นตรงข้าม แล้วจะให้เขาพูดโกหกต่อหน้าทุกคนได้ยังไง?
ฉันตัดสินไม่ได้จริง ๆ...
อีกสี่คนที่เหลือเงยหน้าขึ้น พอเห็นสายตาของถังจิ้งชือ พวกเขาทั้งหมดจึงหันหน้าไปมองศาสตราจารย์หลี่
ขอร้องล่ะหัวหน้า รีบพูดอะไรหน่อยสิ...
แต่ก็จริงอยู่ที่วันนี้ตัดสินได้ยากจริง ๆ...
ศาสตราจารย์หลี่กุมขมับด้วยความเครียด ต้องมีทางอื่นสิ หรือเราคืนเงินให้เธอดีไหมนะ?
แต่ถ้าทำแบบนี้ มีหวังถังจิ้งชือได้จ้างคนมาเก็บพวกเราแน่...
เมื่อนึกถึงผลที่ตามมา ศาสตราจารย์หลี่ก็เหงื่อแตกพลั่ก
เป็นเพราะลูกสาวตระกูลถังแท้ ๆ เขาถึงต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้...
ไม่นานเขายกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ ก่อนดื่มน้ำหนึ่งแก้ว แล้วพูดเสียงดังว่า
“ต่อไปนี้ ผมจะประกาศผลว่าทั้งสองใช้สูตรเหมือนกันรึเปล่า...”
ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่เขาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ขณะที่ศาสตราจารย์หลี่มองฝูงชนรอบ ๆ เขาก็รู้สึกเครียดมากขึ้น แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามข้อตกลง
“หลังชิมเสร็จ... แม้ว่า... เอ่อ... บะหมี่เนื้อ...ของทั้งสองร้าน... จะมี... รสชาติ... เหมือนกันจริง ๆ แต่ก็มีความแตกต่างกันอยู่เล็กน้อย...”
เมื่อฟังคำพูดที่ตะกุกตะกักและความลังเลของศาสตราจารย์หลี่ ทุกคนต่างขมวดคิ้วแล้วเริ่มซุบซิบกัน
“ทำไมผู้เชี่ยวชาญคนนี้ถึงดูไม่ค่อยน่าเชื่อถือเลย? แค่พูดความจริงมันจะไปยากอะไร? กินบะหมี่ของร้านหนึ่งจนหมดเกลี้ยง กลับมาพูดตัดสินแบบติดอ่างเนี่ยนะ?”
“ฉันยังบอกความต่างระหว่างบะหมี่สองชามนี้ได้เลย แค่ยืนมองและดมกลิ่นก็รู้แล้ว แถมฉันยังเคยกินบะหมี่จากสองร้านนี้มาแล้วด้วย พวกเขาไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันแน่นอน พวกเขายังกล้าเรียกตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอีกเหรอ? ความน่าเชื่อถือหายไปไหนหมด?”
“ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าทั้งหมดเป็นการสมรู้ร่วมคิดระหว่าง 'ร้านบะหมี่ถัง' กับคนกลุ่มนี้นะ ผลแพ้ชนะและหลักฐานทุกอย่างชัดเจนแบบนี้ แต่ยังตัดสินแพ้ชนะไม่ได้”
...
เหงื่อเย็น ๆ ผุดขึ้นมาบนหน้าผากของศาสตราจารย์ลี่มากขึ้นเรื่อย ๆ
ใบหน้าของถังจิ้งชือก็หงุดหงิดจนบึ้งตึง
ไอ้คนขี้ขลาดน่ารำคาญไม่เอาไหน แกโง่รึไง?
อยากพูดแบบนี้ออกไปจริง ๆ!
ฉันเครียดจะตายอยู่แล้ว!
แต่เธอไม่สามารถผลีผลามอะไรได้ในตอนนี้ ถ้าทำอย่างนั้นสิ่งที่ฉันพยายามไปทั้งหมดก็เปล่าประโยชน์น่ะสิ!
เธอยังคงจ้องเขม็งไปที่เขา เพื่อหวังว่าอีกฝ่ายจะทำตามข้อตกลง
ศาสตราจารย์หลี่สะดุ้งอีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ ทันใดนั้น ก็มีอีกเสียงดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน โดยเป็นเสียงของชายชราคนหนึ่งที่พูดขึ้นว่า
“เด็กรุ่นใหม่นี่ยอดเยี่ยมจริง ๆ แต่สำหรับพวกคุณที่เรียกตัวเองว่าเป็น 'ผู้เชี่ยวชาญ' แล้วละก็ ฉันล่ะรู้สึกอับอายแทนเหลือเกิน”
นั่นใครน่ะ?
ทุกคนหันไปมองที่มาของเสียง ก่อนพบว่าเป็นเห็นชายชราที่มีหนวดเคราสีขาว เดินแหวกออกมาจากฝูงชน
ชายชราเดินเข้ามาช้า ๆ โดยไม่สนใจคนรอบข้าง ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ถังซือซือเพียงคนเดียว โดยที่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม
บทที่ 490
ไร้ยางอาย
นี่คือ…
ไม่มีใครรู้ว่าชายชราคนนี้เป็นใคร แต่ศาสตราจารย์หลี่เห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจก่อนพูดเสียงดังว่า
“คุณไป๋ซีเหนียน!”
เมื่อคนที่นั่งถัดจากเขาได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปทันที หลังจากนั้นพวกเขาต่างลุกขึ้นอย่างรวดเร็วทีละคน ก่อนโค้งคำนับชายชราคนนี้ด้วยความเคารพ
“คนแก่นี่เป็นใครกัน?”
ถังจิ้งชือขมวดคิ้ว ก่อนรู้สึกประหลาดใจเพราะการปรากฏตัวของเขาไม่ได้อยู่ในแผนของเธอ
“เขาคือ... เชฟชื่อดังของเมืองหลวง คุณไป๋ซีเหนียน เชฟอาหารจีนดั้งเดิม! เขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับสูตรอาหารมามากมาย แถมยังได้รับรางวัลอีกหลายรางวัลด้วย รายการอาหารทุกรายการถึงกับต่อคิวเชิญเขาให้ไปเป็นแขกรับเชิญและเป็นที่ปรึกษาด้านอาหารเป็นว่าเล่นเลย!”
บางคนรู้เรื่องของไป๋ซีเหนียน จึงพูดเสียงดังอย่างตื่นเต้น
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่ไป๋ซีเหนียนด้วยความประหลาดใจ
ชายชราผู้เชี่ยวชาญด้านอาหารเป็นอันดับต้น ๆ มีโอกาสไม่มากเลยที่จะได้พบเจอเขาตัวเป็น ๆ นอกจากนี้ เมื่อเขาปรากฏตัวได้ไม่นาน ทุกคนก็ให้ความสนใจเขาไม่น้อย
ถังจิ้งชือและอี้เวยวานรู้สึกใจหายใจคว่ำ จู่ ๆ ใครไม่รู้ก็ปรากฏตัวออกมา นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน?
ไป๋ซีเหนียนเดินเข้าไปหาถังซือซือแล้วพูดว่า
“เมื่อวานฉันได้มาชิมอาหารที่ ‘ร้านบะหมี่ซือ’ ด้วย หลังจากกินบะหมี่ไปชามหนึ่ง ก็รู้สึกทึ่งกับรสชาตินี้มาก
ฉันนึกว่าตัวเองได้กินของอร่อย ๆ จนครบทั่วโลกแล้วซะอีก ไม่คิดเลยว่าจะมีบะหมี่ที่อร่อยมาก ๆ แบบนี้อยู่ในเมืองหลวงด้วย ขนาดฉันอยู่มานานนะเนี่ย ยังไม่เคยกินบะหมี่แบบนี้มาก่อนเลย
ส่วนวันนี้ ฉันมาที่นี่ก็เพราะมีจุดประสงค์เดียว คืออยากรู้ว่าใครเป็นคนคิดบะหมี่สูตรนี้ขึ้นมา ช่างเป็นรสชาติที่มหัศจรรย์มากทีเดียว“
หลังจากไป๋ซีเหนียนพูดจบ เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่หยุด แล้วมองถังซือซือด้วยความชื่นชม
เดิมทีเขาคิดว่าเจ้าของร้านบะหมี่ร้านนี้คงเป็นเชฟชื่อดังที่มีอายุคนหนึ่งแน่ ๆ แต่เขาคาดไม่ถึงว่า เชฟที่คิดค้นสูตรนี้กลับเป็นแค่หญิงสาววัยรุ่นคนหนึ่ง
จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชนและคอยดูการแข่งขันทั้งหมด เขาจึงตระหนักได้ว่าคลื่นลูกใหม่กำลังจะก้าวเข้าสู่วงการอาหารในอีกไม่ช้าแล้ว
ถังซือซือสบสายตากับไป๋ซีเหนียน ก่อนเอื้อมมือไปจับมือกับเขาอย่างสุภาพ
“อาจารย์ไป๋คะ ฉันยังต้องฝึกฝนอีกมาก”
ไป๋ซีเหนียนหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” แล้วตอบว่า
“หาไม่ง่ายเลยนะ ที่คนมีฝีมือทำอาหารที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่อายุยังน้อยแบบหนูน่ะ แถมยังรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนอีกด้วย”
หลังจากนั้นไป๋ซีเหนียนหันกลับมามองกลุ่มคนทั้งห้าที่เรียกตัวเองว่าเป็น ‘กลุ่มผู้เชี่ยวชาญ’ ทันใดนั้นรอยยิ้มก็เลือนหายไป แล้วพูดขึ้นว่า
“คุณทั้งห้าคน กล้ามากนะที่มาดูหมิ่นวัฒนธรรมอาหารของเรา ฉันจำได้ว่าพวกคุณรับเงินสินบนจากเจ้าของร้านอาหารหลายแห่งอย่างไร้ยางอายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตอนนี้สมาคมอาหารได้ลบชื่อของพวกคุณออกไปหมดแล้ว พวกคุณยังไม่รู้จักสำนึกผิดอีกเหรอ?”
ทันทีที่ประโยคนี้ถูกพูดออกมา ใบหน้าของศาสตราจารย์หลี่และพรรคพวกก็ซีดเผือดในทันที พร้อมกันนั้นฝูงชนก็ตะโกนขึ้นมาว่า
“อะไรนะ? เป็นอย่างนี้เองหรอกเหรอ... แปลว่าพวกคุณจงใจมาสร้างความเสื่อมเสียให้กับ 'ร้านบะหมี่ซือ’ สินะ?”
“ทุเรศสิ้นดี... ยังกล้าเรียกตัวเองว่า 'ผู้เชี่ยวชาญ' อยู่ได้ น่าขยะแขยงจริง ๆ ไอ้พวกคนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน ขนาดอยู่ในวงการอาหารมานานยังกล้าทำเรื่องแบบนี้อีกเหรอ?”
“ถ้าถังซือซือไม่ชนะในวันนี้ และถ้าคุณไป๋ซีเหนียนไม่มา พวกคุณคงยุยงปลุกปั่นทุกคนให้โจมตี ‘ร้านบะหมี่ซือ’ จนต้องปิดตัวลงไปแล้ว อยากรู้จริง ๆ ว่าจิตใจทำด้วยอะไร?”
“คุณพูดถูก... ในตอนแรก พวกเราต่างถูกพวกเขารวมหัวกันหลอกลวง เกือบหลงเชื่อคำพูดไร้สาระของคนพวกนี้เข้าซะแล้ว!”
...
ใบหน้าของศาสตราจารย์หลี่และพรรคพวกเปลี่ยนเป็นสีม่วงคล้ำ พวกเขารู้สึกละอายใจจนอยากหายตัวไปจากตรงนี้
เมื่อความจริงถูกเปิดเผย หนำซ้ำยังมีพยานนับร้อยที่รู้ความจริงข้อนี้ นี่ทำให้พวกเขาทั้งรู้สึกอึดอัดและอับอายขายหน้าเอามาก ๆ