ตอนที่แล้วบทที่ 467-468
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 471-472

บทที่ 469-470


บทที่ 469

ยัยโง่

ก่อนที่ถังจิ้งชือจะหันกลับมา เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ก็เข้าไปกระซิบที่ข้างหูว่า

“หนูว่า พี่สาวควรพูดเบา ๆ นะคะ อย่าทำตัวไม่มีมารยาทต่อหน้าคนอื่นในเครื่องบินเลยค่ะ”

คำพูดของเด็กหญิงคนนี้ดังเข้าไปในหูของถังจิ้งชืออย่างชัดเจน แต่ยังดีที่เป็นแค่เสียงกระซิบ ไม่อย่างนั้นผู้โดยสารคนอื่นคงได้ยินไปแล้ว

แต่เมื่อได้ยินเด็กพูดแบบนี้ มีหรือถังจิ้งชือจะนิ่งเฉย เธอระเบิดความโกรธออกมาทันที รีบลุกขึ้นยืนแล้วชี้หน้าพลางตะคอกเสียงดังใส่เด็กหญิง

“คิดว่าตัวเองใหญ่โตมาจากไหนกัน? กล้ามากนะที่พูดจากับฉันแบบนี้ มาหาว่าฉันเป็นคนไม่มีมารยาทได้ยังไง?!”

ผู้โดยสารด้านหลังต่างตกตะลึง หลังจากนั้นเสียงนินทาก็ดังขึ้น

“การศึกษาของหญิงสาวคนนี้ต่ำเกินไปรึเปล่า? หรือว่าครอบครัวเธอเป็นเจ้าของเครื่องบินลำนี้? ถึงเป็นอย่างนั้นจริงก็ไม่ควรทำแบบนี้นะ ทำไมถึงได้ทำตัวไม่มีมารยาทอย่างนี้?”

“สังคมตกต่ำจริง ๆ ที่มีคนแบบนี้มานั่งเครื่องบิน เป็นโชคไม่ดีของเราแล้วล่ะที่ต้องมาเจอเพื่อนร่วมทางประเภทนี้”

“ทำตัวได้ไร้ยางอายที่สุด... ฉันหลับไปได้ไม่นานเอง ต้องมาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงดังหนวกหูของเธอ ถ้าฉันไม่เกรงใจแอร์โฮสเตสบนเครื่องบินนะ ฉันเข้าไปตบล้างนิสัยเสียเข้าให้แล้ว”

...

เด็กหญิงตัวเล็กตกใจมากเมื่อได้ยินเสียงตะคอกของถังจิ้งชือ ก่อนจะขมวดคิ้วแล้วร้องไห้ “ฮือๆ” เสียงดัง

พ่อแม่ของเด็กโกรธมากเมื่อเห็นอย่างนั้น ทุกคนในเครื่องทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่ถังจิ้งชือ

น่าเสียดายที่เจ้าตัวไม่ใส่ใจ ทั้งยังคงตะคอกต่อไปว่า

“อายุแค่เท่าไหร่เอง? หลังลงจากเครื่องบินอย่าให้ฉันเห็นหน้าเธออีกนะ!”

อี้เวยวานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เห็นลูกสาวตะโกนเสียงดังก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไร ได้แต่มองเฉย ๆ อย่างเกียจคร้านพลางขดตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม แล้วหันกลับไปนอนหลับต่ออย่างสบายใจ

เธอคิดแค่ว่าถังจิ้งชือทำไปเพราะจำเป็น จึงไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก

เด็กหญิงตัวเล็กไม่ได้โกรธอะไร เธอพยักหน้าแล้วพูดว่า

“ที่แท้พี่สาวก็เป็นลูกสาวของเศรษฐีในเมือง F นี่เอง คนเดียวกับที่เคยเป็นที่โจษจันกันในแวดวงสาธารณชน ตอนแรกที่หนูเห็นพี่สาวเดินเข้าประตูมา หนูนึกว่าพี่สาวเป็นคนแก่วัยทองซะอีก

ไม่น่าเชื่อว่าพี่สาวยังอายุน้อยอยู่เลย แต่กลับไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเองเมื่ออยู่ต่อหน้าคนหมู่มาก แถมยังแสดงนิสัยแย่ ๆ ของตัวเองต่อหน้าคนอื่น”

หลังจากที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูดจบ เธอก็เห็นว่าถังจิ้งชือแสดงสีหน้าบูดบึ้งจนน่าเกลียด จากนั้นเธอก็ไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหันหน้าหนีไป

“ฉันจะจัดการเธอเดี๋ยวนี้! ฉันจะตีเธอให้ตายเลยยัยเด็กโง่!”

ถังจิ้งชือเงื้อมือขึ้นเตรียมตบเด็กหญิง อี้เวยวานเองก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเด็กหญิงร้องไห้จ้า จึงลุกขึ้นนั่งตัวตรงแล้วดุด่าเด็กหญิงทันที

ผู้โดยสารที่อยู่รอบ ๆ ต่างได้ยินสิ่งที่เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พูด ทันใดนั้นพวกเขาก็รับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของถังจิ้งชือกับผู้เป็นแม่ จึงส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามไปที่พวกเธอ

ทันใดนั้นชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า

“ฉันได้ยินว่าเธอจะตีน้องสาวของฉันเหรอ?”

ถังจิ้งชือหันหน้ากลับไปมอง ก่อนสังเกตเห็นชายร่างกำยำยืนอยู่ต่อหน้าเธอ

ถังจิ้งชือพยายามระงับความกลัว ก่อนเงยหน้าขึ้นมอง แล้วกลืนน้ำลายดัง “อึก” พร้อมกับแสดงสีหน้าสำนึกผิด

เธอเห็นว่าชายคนนี้ตัวใหญ่ กล้ามแขนเป็นมัด ร่างกายกำยำ แค่เขายืนอยู่คนเดียวก็เต็มทางเดินแล้ว บวกกับสีหน้าและแววตาที่น่ากลัว ดูเหมือนเสือตัวใหญ่ท่าทางดุร้าย

เขาจ้องเขม็งไปที่ถังจิ้งชือด้วยความหงุดหงิด พ่นลมหายใจออกมาเสียงดัง ลมหายใจฟืดฟาดของเขาเสียงดังมากจนทุกคนรอบ ๆ ได้ยินอย่างชัดเจน

ถังจิ้งชือยืนตัวแข็งทื่อไปชั่วขณะ สองขาของเธอสั่นเทาอย่างไม่อาจควบคุม ก่อนจะเสียหลักทรุดตัวลงบนที่นั่งของตัวเอง

“เธอว่ายังไงนะ เธอว่าใครเป็นยัยเด็กโง่?! กล้าดียังไงถึงมาขู่น้องสาวของฉัน?! พวกเราเสียเงินซื้อตั๋วเพื่อเดินทางอย่างสบายใจ คิดเหรอว่าพวกเราต้องการมานั่งฟังเสียงเห่าหอนของเธอ?”

ขณะเดียวกัน แอร์โฮสเตสและกัปตันรีบเดินมาดูเหตุการณ์ เดิมทีพวกเขาต้องการมาตักเตือนถังจิ้งชือ แต่เมื่อพวกเขาเห็นชายคนนี้ก็หยุดชะงักในทันที

ถังจิ้งชือกลืนน้ำลายอย่างสิ้นหวัง เธอไม่กล้าส่งเสียงหรือแม้แต่จะนั่งตัวตรงได้เลย

บทที่ 470

สองแม่ลูกขโมยสูตรลับไป

อี้เวยวานที่กำลังตกใจรีบเรียกแอร์โฮสเตสด้วยความร้อนรนว่า

“พวกคุณตาบอดกันรึยังไง? ผู้ชายคนนี้มารังแกลูกสาวของฉันนะ รีบไล่เขาไปเดี๋ยวนี้!”

แอร์โฮสเตสและกัปตันหันไปมองเธอ ด้วยสายตาไม่พอใจและเบื่อหน่าย พวกเขาทำเป็นไม่สนใจ แล้วฟังชายร่างใหญ่ตำหนิถังจิ้งชือต่อไป

ชายร่างใหญ่หันหน้ากลับมาอย่างรวดเร็ว เขาจ้องเขม็งไปที่อี้เวยวานด้วยความโกรธ เธอเห็นแบบนั้นก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรต่อ

ชายร่างใหญ่จึงตำหนิเธอขึ้นมาว่า

“คุณเป็นแม่ของยัยปากร้ายนี่สินะ? ไม่แปลกใจเลยที่มีลูกสาวนิสัยเสียแบบนี้! คนอย่างพวกคุณสมควรถูกแบนไม่ให้ขึ้นเครื่องบินตลอดชีวิต! อยากวางตัวกร่างมากนักใช่ไหม? ถ้ารวยมากนักก็ไปซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวสิ! ในเมื่อมีเงินก็ซื้อเลย จะได้ไม่ต้องมาลำบากคนอื่น!

นั่นสิ ฉันเกือบลืม ทรัพย์สินของตระกูลถังมีไม่ถึงหนึ่งร้อยล้านเองนี่? เพราะมีเงินแค่น้อยนิดเลยซื้อเครื่องบินส่วนตัวไม่ได้ ก็เลยมาทำตัวอวดรวยต่อหน้าคนอื่น ทำนิสัยเอาแต่ใจเหมือนอยู่บ้านตัวเอง!”

เมื่อผู้โดยสารรอบ ๆ ได้ฟังเขาพูดจบ พวกเขาก็อดใจรอไม่ไหวที่จะปรบมือพร้อมกัน

เวลานี้ เด็กหญิงตัวเล็กพูดขึ้นมาจากด้านหลังว่า

“พี่คะ พี่กลับมาแล้ว ไปนานแบบนี้พ่อจะดุเอานะ”

ใบหน้าของชายร่างใหญ่ที่เคยดุร้ายเปลี่ยนไปทันที เขาแสดงสีหน้าอ่อนโยน ก่อนหันกลับไปพูดกับน้องสาวอย่างน่ารัก พร้อมกับโอบกอดเธอไว้

“โอเค โอเค พี่จะไม่ไปไหนนานอีกแล้ว น้องสาวก็ช่วยบอกพ่อให้พี่ด้วยนะ”

“หืม...”

ผู้โดยสารบางคนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

ต่อหน้าคนอื่นกับต่อหน้าน้องสาวช่างต่างกันจากหน้ามือเป็นหลังมือ... มีอะไรน่าตกใจไปกว่านี้ไหมเนี่ย?

แอร์โฮสเตสที่ถูกถังจิ้งชือตะคอกเมื่อก่อนหน้านี้หันไปมองชายร่างใหญ่ด้วยสีหน้าเขินอาย

หล่อ... หล่อไม่เบาเลย!

ถึงหน้าตาจะดูดุร้ายไปหน่อยก็เถอะ แต่นิสัยที่แท้จริงของเขาทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น

เธอรีบเดินไปห้องเตรียมอาหารด้านหลัง ก่อนเตรียมเครื่องดื่มแล้วนำมายื่นให้ชายร่างใหญ่อย่างอาย ๆ

ชายร่างใหญ่รู้สึกปลาบปลื้ม ก่อนจะยื่นมือไปรับเครื่องดื่มด้วยสีหน้าเขินอายเช่นกัน

ส่วนกัปตันเครื่องบินเดินเข้ามาบอกอี้เวยวานและถังจิ้งชือว่า

“คุณผู้หญิง ถ้าพวกคุณยังก่อเรื่องบนเครื่องบินแบบนี้อีก เราคงต้องลงจอดแล้วเชิญให้พวกคุณลงจากเครื่องบินไปเสีย”

อะไรนะ?

ถังจิ้งชือแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

อี้เวยวานกำลังจะอ้าปากเพื่อโต้แย้ง แต่เมื่อเธอนึกถึงท่าทางดุร้ายของชายร่างใหญ่ ก็หยุดพูดทันที

หลังจากเรื่องวุ่นวายนี้จบลง แม่ลูกคู่นี้ก็นั่งนิ่งเงียบสนิทตลอดทาง ไม่กล้าขยับตัวหรือพูดอะไรเลย

เมืองหลวง คอนโดระดับไฮเอนด์

“คุณคะ คุณเคยให้สูตรอาหารของตระกูลถังกับนังสองแม่ลูกคู่นั้นใช่ไหม?”

อี้เวยวานนั่งบนโซฟา กอดอกแล้วถามเสียงดัง

ถังปู้ฝานรีบปฏิเสธทันที

“ผมไม่ทำแบบนั้นแน่นอน”

อี้เวยวานตอบกลับว่า

“นั่นหมายความว่าพวกเขาขโมยสูตรอาหารของตระกูลถังไปสินะ?”

“อืม...”

ถังปู้ฝานเกาศีรษะ ไม่น่าใช่ สมัยก่อนพวกเธอไม่เคยแตะต้องสูตรอาหารของตระกูลถังเลย แถมตอนนั้นมู่ซูเสียนก็เพิ่งหัดทำอาหารใหม่ ๆ ด้วย แล้วพวกเธอจะขโมยสูตรอาหารจากเขาไปได้ยังไง?

แต่ว่า ถ้าพวกเธอขโมยสูตรลับไปจริง ๆ ทำไมร้านบะหมี่นั่นถึงได้เปิดวันเดียวกับเราล่ะ? พวกเธอควรเปิดร้านตั้งแต่วันที่เขาไปดูสถานที่เป็นครั้งแรกแล้วด้วยซ้ำ

ถังปู้ฝานครุ่นคิดเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

อี้เวยวานขึ้นเสียงอีกครั้ง

“ตกลงคุณเคยให้สูตรลับกับคนพวกนั้นใช่ไหม?”

ยังไม่ทันที่ถังปู้ฝานจะได้อธิบาย อี้เวยวานก็กำหมัดแล้วทุบโซฟาพร้อมพูดว่า

“โธ่เอ๊ย ทำไมชีวิตของฉันถึงได้รันทดแบบนี้! ฉันอยู่กับคุณมาตั้งแต่อายุสิบเก้า หลายปีมานี้ฉันยอมเป็นเมียคุณโดยที่ไม่ได้รับชื่อเสียงหรือตำแหน่งอย่างออกหน้าออกตา ฉันอุตส่าห์คลอดลูกสาวให้คุณตั้งแต่อายุยังน้อย พออายุสามสิบหกยังต้องเสี่ยงตายคลอดลูกชายให้คุณอีก!

คุณเอาเปรียบฉันมากเกินไปแล้วนะ! ตอนนี้สูตรอาหารของตระกูลถังยังตกไปอยู่ในมือคนอื่นอีก แบบนี้เราจะอยู่รอดต่อไปได้ยังไง? คุณไม่อยากให้ครอบครัวของเราอยู่ดีกินดีอย่างสุขสบายแล้วหรือ?”

ขณะที่พูดแบบนั้น อี้เวยวานก็ดึงทึ้งเส้นผมของตัวเองจนยุ่งเหยิงเหมือนคนบ้า