บทที่ 119: ข้าขอโทษ
หลังจากที่เหล่าภูตได้ยินคำพูดของหูเจียวเจียว ทุกคนก็พยักหน้าตอบรับโดยที่ไม่มีใครออกมาคัดค้านคำพูดของเธอเลย
จิ้งจอกสาวที่เห็นเช่นนี้จึงไม่เกรงใจพวกเขาอีก
เมื่อเธอประเมินปริมาณของวัสดุให้ถี่ถ้วนแล้ว เธอก็กล่าวว่า
“ท่านผู้เฒ่า ข้าต้องการหินชนิดนี้เป็นแผ่นขนาดใหญ่ 300 ชิ้น ขนาดเล็ก 300 ชิ้น แล้วก็หินบดกับดินเหนียว 50 ถัง”
ยกเว้นหินบลูสโตน วัสดุอื่น ๆ จะถูกบรรจุลงในถัง
เพียงแต่ว่าถังชนิดนี้ไม่ใช่แบบเดียวกับถังขนาดเล็กที่หูเจียวเจียวเคยใส่ปลา แต่มันเป็นถังหินขนาดใหญ่เท่าอ่างอาบน้ำที่มีความสูงเกินเอวของผู้ใหญ่ จากการคาดคะเน เธอคิดว่าถังหนึ่งสามารถจุปลาได้หลายร้อยตัว
แม้ว่าถังเหล่านี้จะหนักสำหรับมนุษย์ แต่มันก็เป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับภูตชายที่สามารถแบกมันและวิ่งกลับมาจากป่า
“ไม่มีปัญหา” ชายสูงวัยพยักหน้าเห็นด้วย
สำหรับภูตที่จะมาช่วยหูเจียวเจียวรับผิดชอบงานพวกนี้ หัวหน้าเผ่าจะเป็นคนช่วยเลือกมาเอง
เนื่องจากจิ้งจอกสาวจะสอนวิธีสร้างบ้านหินให้เฉพาะพวกภูตที่มาช่วยงานเท่านั้น ผู้นำสูงสุดจะเลือกภูตที่เชี่ยวชาญมาช่วยอย่างแน่นอน เพื่อที่ในอนาคตพวกเขาจะได้มาช่วยเผ่าสร้างบ้านหินมากขึ้น
พอปรึกษาหารือกันเสร็จแล้ว หูเจียวเจียวก็ตัดสินใจว่าจะเป็นคนวางแผนทั้งหมด
ในขณะนี้ เธอประเมินว่าจะต้องใช้เวลา 5 วันในการขนวัสดุก่อสร้าง และหลังจากนั้นการก่อสร้างบ้านหินจะเริ่มขึ้น
เนื่องจากภูตมีร่างกายที่แข็งแกร่ง หญิงสาวประมาณการว่าบ้านหินจะสร้างเสร็จภายในเวลาไม่ถึงเดือนและอย่างน้อยเธอก็จะได้อาศัยอยู่ในบ้านหินหลังใหญ่ที่อบอุ่นในฤดูหนาว
ณ ตอนนี้ยังมีเวลาอีก 1 เดือนก่อนฤดูหนาว และภูตยังสามารถสร้างบ้านหินของตัวเองได้ แม้ว่าจะสร้างบ้านหินได้ไม่ครบทุกครัวเรือน แต่บ้านที่สร้างเสร็จก็เพียงพอให้ผู้หญิงอาศัยอยู่
เนื่องจากภูตชายมีความอดทนต่ออากาศหนาวเย็นได้ดี ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอาศัยอยู่ในถ้ำได้และจะไม่สายเกินไปที่จะสร้างบ้านหินในปีหน้า
ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันออกเดินทาง หูเจียวเจียวขอให้เหล่าภูตช่วยขนย้ายวัสดุไปที่นอกลานบ้านก่อน
เพราะเธอทนไม่ได้ที่จะต้องใช้ชีวิตอยู่กับของที่วางระเกะระกะในบริเวณบ้าน
ตอนนั้นพวกภูตต่างก็พากันขอโทษโดยบอกว่าพวกตนไม่ทันได้คิดให้ดีเสียก่อนและช่วยกันรีบขนย้ายสิ่งของพวกนี้ออกจากลานบ้านไป
หลังจากที่ทุกคนขนของออกไปหมด ลานบ้านก็กลับมาสะอาดดังเดิม
ยามนี้จิ้งจอกสาวกำลังคิดถึงเรื่องของหลงโม่และกำลังจะไปคุยกับเขา แต่พอได้เห็นชายร่างสูงที่ชอบทำท่าเฉยเมยเดินกลับมาตอนที่พระอาทิตย์ตกดิน เงาที่ทอดยาวของอีกฝ่ายก็แสดงถึงความเหงาหงอยเล็กน้อย
เธอสังเกตเห็นว่ามือข้างหนึ่งของมังกรหนุ่มถือถังหินอยู่ ส่วนอีกข้างถือปลาที่ถูกห้อยด้วยเถาวัลย์พวงหนึ่ง
ทว่ามันต่างไปจากเดิมตรงที่ตอนนี้ปลาอยู่ในสภาพที่เกล็ดและอวัยวะภายในถูกควักออกไปหมด อีกทั้งปลาทุกตัวก็สะอาดหมดจดพร้อมนำไปประกอบอาหารแล้ว
หูเจียวเจียวที่ได้เห็นเช่นนั้นผงะไปครู่หนึ่ง แท้จริงแล้วเขา... ไปที่แม่น้ำเพื่อฆ่าปลามาหรือ?
ต่อมา เธอวิ่งเหยาะ ๆ มาหยุดอยู่ข้างหน้าชายหนุ่ม ทำให้ภาพที่ปรากฏกลายเป็นเงา 2 เงา โดยที่เงาหนึ่งสูงและอีกเงาหนึ่งต่ำกำลังซ้อนทับกัน
เมื่อหญิงสาวมองตรงไปข้างหน้า เธอก็เห็นเพียงหน้าอกแกร่งสีข้าวสาลีของหลงโม่ที่ปกคลุมไปด้วยเม็ดเหงื่อ เธอจึงมองไปทางอื่นทันทีและก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด
“หลงโม่ ขอบคุณที่ช่วยหาวัสดุมาสร้างบ้านหินนะ”
บัดนี้หูเจียวเจียวมองต่ำลงไปที่นิ้วเท้าของตัวเอง
ทางด้านมังกรหนุ่มพยายามก้มศีรษะลงมองดูผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าตน เธอเปรียบดั่งดอกไม้บอบบางที่พร้อมจะเหี่ยวเฉาหากถูกสัมผัสเพียงเล็กน้อย นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากจะทะนุถนอมมันเอาไว้
ความรู้สึกแปลกประหลาดที่วนเวียนอยู่ท่ามกลางบรรยากาศรอบตัวทำให้จู่ ๆ เขาก็ลืมตอบอีกฝ่ายไปชั่วครู่หนึ่ง
“เอาปลาพวกนั้นมาให้ข้า วันนี้เจ้าทำงานมามากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
ขณะที่หูเจียวเจียวกำลังคิด เธอก็เอื้อมมือไปหมายจะหยิบถังหินและปลาในมือของร่างสูงมาถือเอง
เป็นเพราะหญิงสาวรู้สึกละอายใจตัวเองเมื่อคิดว่าหลงโม่ออกไปค้นหาวัสดุเหล่านั้นมาให้ เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อน ที่ผ่านมาเธอคิดเสมอว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงวายร้ายที่สามารถฆ่าคนได้ในพริบตา
ผู้ชายคนนี้อาจจะปากเสียไปบ้าง แต่สำหรับการหาอาหารและเครื่องนุ่งห่มมาให้ครอบครัว รวมทั้งงานที่ควรทำก็ไม่ขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่สิ่งเดียว
เธอเป็นแค่คนนอกที่เข้ามาอยู่ในร่างของเจ้าของร่างเดิมกลางคัน แล้วมีเหตุผลอะไรที่ต้องไปโกรธเขาด้วย?
ทว่าก่อนที่มือเรียวจะทันได้แตะถังหิน หลงโม่ก็ชักมือหลบไปเสียก่อน
พอหูเจียวเจียวเห็นดังนั้นก็ยิ่งลดศีรษะให้ต่ำลง แน่นอนว่าเขายังคงเกลียดตัวเองมากโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
จากนั้นเธอเงยหน้าขึ้นอย่างเศร้าสร้อยเมื่อเธอได้ยินเสียงต่ำและแหบแห้งเหนือหัวของตน
“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำงานพวกนี้”
จิ้งจอกสาวชะงักไปชั่วครู่ และก่อนที่เธอจะเข้าใจว่ามังกรหนุ่มหมายถึงอะไร เธอก็ได้ยินเขาพูดต่อว่า
“นอกจากนี้... เสื้อผ้าที่เจ้าทำสวยมาก ข้าไม่ควรพูดจาน่ารังเกียจแบบนั้น ข้าขอโทษ” เสียงทุ้มต่ำฟังดูไพเราะกรอกเข้าไปในหูของหูเจียวเจียวราวกับมนตร์สะกดที่ทำให้เธอตัวแข็งทื่อ
!!!
นี่เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?
เจ้าจอมวายร้ายขอโทษเธอ!!
“ข้าเห็นว่าอิงหยวนสวมเสื้อผ้าแบบเดียวกัน ข้าคิดว่าเจ้าทำมันให้เขา ข้าก็เลยพูดออกไปด้วยความโกรธ หากเจ้ายังโกรธอยู่ ข้า... จะออกไปอยู่นอกเผ่าเหมือนเดิมก็ได้” ขณะที่หลงโม่เห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ายังนิ่งเฉย เขาก็คิดว่าเธอยังไม่หายโกรธจึงอธิบายต่อไป
พอหูเจียวเจียวได้ยินเช่นนี้ก็รีบเงยหน้าขึ้น “ไม่ เจ้าห้ามออกจากเผ่าเด็ดขาด!”
เธอเป็นคนดึงมังกรหนุ่มกลับมา และหากเธอปล่อยเขาออกไปอีกครั้ง ความพยายามทั้งหมดก่อนหน้านี้จะไร้ผล!
หลังจากที่จิ้งจอกสาวพูดจบ เธอสังเกตเห็นว่าชายร่างสูงกำลังมองเธอด้วยสายตาลึกล้ำ ก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีไปอย่างรู้สึกผิดและพูดว่า
“ข้าไม่โกรธแล้ว เจ้าอยู่บ้านนี่แหละ… ตอนนี้เราจะต้องสร้างบ้านหิน ข้าจะทำยังไงถ้าไม่มีเจ้า”
หลงโม่ที่ได้ฟังคำพูดของหูเจียวเจียวเม้มริมฝีปากบางเฉียบแน่น และในที่สุดเขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ประโยคสุดท้ายของเธอก้องอยู่ในใจเขา แล้วริมฝีปากหยักได้รูปนั้นก็ยกยิ้มโดยไม่ได้ตั้งใจ
ส่วนหูเจียวเจียวยังคงเอียงศีรษะมองที่เงาบนพื้น พร้อมความรู้สึกประหนึ่งว่ามีคนมารัวตีกลองอยู่ในใจของตัวเอง
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพ่อหนุ่มตัวร้ายไม่ได้เกลียดตนเลย
กลับ...กลับกลายเป็นว่าเขาเพียงแค่หึงหวงเท่านั้น
ไม่สิ! นี่มันไม่เป็นไปตามที่เคยบรรยายไว้ในหนังสือเลย!
หูเจียวเจียวส่ายหัวไล่จินตนาการที่เป็นไปไม่ได้เหล่านี้ออกไปอย่างรวดเร็ว
ต้องเป็นเพราะหลงโม่หล่อมากจนเธอมีอาการประสาทหลอนแน่ ๆ
แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่เกลียดเธออีกต่อไป แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหึงเธออยู่ดี!
อย่าหลงตัวเองเกินไปสิ!
ถ้าคนอื่นรู้เข้าล่ะก็ หญิงสาวเกรงว่าจะถูกคนพวกนั้นหัวเราะเยาะเอา
“เอ่อ รอเดี๋ยวนะ” จู่ ๆ หูเจียวเจียวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หูของเธอจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง จากนั้นเธอก็วิ่งหนีหายไปจากสายตาของคนตัวสูง
หลงโม่ที่เห็นเช่นนั้นก็แสดงสีหน้าสงสัย ก่อนจะกลับไปที่ลานบ้านพร้อมกับถังหิน
เวลาผ่านไปไม่นาน เขาเห็นจิ้งจอกสาวรีบวิ่งมาหาตนอีกครั้ง
ทันทีที่เขาสังเกตเห็นของที่อยู่ในมือของเธอ ดวงตาของเขาก็แข็งค้างไปชั่วขณะ พร้อมกับใบหน้าเคร่งขรึมที่แสดงความประหลาดใจเล็กน้อย
“เจ้า...ไม่ได้โยนมันทิ้งไปแล้วหรือ?”
สิ่งที่หูเจียวเจียวถืออยู่ในมือคือเสื้อผ้าหนังสัตว์ที่อีกฝ่ายตั้งใจมอบให้เขาเมื่อวาน
ก่อนหน้านี้มังกรหนุ่มเพิ่งค้นหาไปทั่วบ้านทั้ง 2 หลัง แต่เขาก็ไม่พบเสื้อตัวนั้น ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันถูกจิ้งจอกสาวโยนทิ้งไปเสียแล้ว
ปรากฎว่าเธอเก็บมันไว้ในบ้านตลอดเวลา...
“ข้าจะทิ้งเสื้อผ้าที่ข้าพยายามตัดเย็บเองหลายวันได้ยังไง? ถึงเจ้าจะไม่ต้องการมัน แต่อนาคตก็ไม่แน่นอนสักหน่อย”
หูเจียวเจียวพึมพำเบา ๆ พลางส่งเสื้อผ้าให้อีกฝ่าย ในขณะที่เธอไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่มเลยแม้เสี้ยววินาที
ไม่นานเสียงที่คมชัดหวานราวกับเสียงนกร้องเอ่ยถามขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“ในเมื่อเจ้าไม่คิดว่ามันน่าเกลียด เจ้าอยากได้เสื้อผ้ามากกว่านี้หรือไม่ ถ้าไม่ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าอีก”
ในตอนนั้นเองหลงโม่มองหูเจียวเจียวด้วยดวงตาสุกสกาว หลังจากที่เธอพูดจบ เขาก็ไม่รอช้าและเอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าตัวใหม่มาทันที เขาถือมันไว้ในมืออย่างระมัดระวังราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า โดยกลัวว่าหญิงสาวจะเอามันคืนกลับไป
ตามด้วยเสียงทุ้มอันแสนมีเสน่ห์ตอบอย่างไม่ลังเล
“อืม ข้าต้องการมันเพิ่มอีก”