บทที่ 10 อาจารย์คนที่สองของฉัน เฮเลน่า ปาร์คเกอร์
บทที่ 10 อาจารย์คนที่สองของฉัน เฮเลน่า ปาร์คเกอร์
อาเรสอยู่ในห้องโถงฝึกฝนของคฤหาสน์ของมิกะ อามามิ และเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกกับเฮเลน่า
ใช่ เป็นเวลากว่าครึ่งเดือนแล้วที่เฮเลน่ากลายเป็นอาจารย์ของอาเรสเพื่อช่วยเขาในการเรียนรู้ธาตุ 'กระแสไฟฟ้า'
*************
มุมมองอาเรส~
ฉันนั่งจิบเครื่องดื่มบนม้านั่งในห้องฝึกซ้อม และไม่นานฉันก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้ ฉันจึงเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อมองไปทางพวกเธอ แต่ไม่นานฉันก็พบเฮเลน่ามายืนอยู่ตรงหน้าฉัน
ความเร็วของเธอยังรวดเร็วเหมือนเดิม ข้าคิดในใจ…
"มีอะไร เฮเลน่า" ฉันถามเธอขณะที่มองเข้าไปในดวงตาของเธอ…
"ข้าไม่เคยคิดเลยว่าจะเจอใครที่มีความสัมพันธ์ธาตุแบบเดียวกับข้า ตอนที่ข้าอ่านข้อมูลของเจ้าที่องค์กรของข้าให้มา มันบอกว่าเจ้าไร้มานาแต่เจ้ามีพรสวรรค์ในการใช้ดาบ"
"ถ้าข้ารู้ว่าตอนนั้นเจ้าใช้ไฟฟ้าได้ ข้าจะรีบไปหาเจ้าให้เร็วที่สุดก่อนที่มิกะจะเจอเจ้าเสียอีก" ...เธอถอนหายใจโดยทำหน้าเสียใจ
"ยังดีที่คนที่ให้ข้อมูลนี้ถูกมิกะฆ่าไปแล้ว ไม่งั้นข้าจะเป็นคนฆ่าเขาเอง"..เฮเลน่าพูดขณะคาบบุหรี่ไว้ในปากแล้วจุดมันด้วยการดีดนิ้วเข้าไปใกล้หัวบุหรี่
เมื่อมองดูเธอพ่นบุหรี่แล้วจึงพูดว่า
“แต่ข้อมูลนั้นถูกต้อง ข้ามีร่างกายที่ไม่มีมานา”
เมื่อได้ยินฉันพูดอย่างนั้น เฮเลน่าหยุดพ่นบุหรี่พร้อมกับขมวดคิ้ว แล้วถามฉัน…
“ห่ะ เจ้าว่าอะไรนะ”
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ฉันหัวเราะเบาๆ และอธิบายให้เธอฟังเกี่ยวกับ 'แก่นพลังวิญญาณ' แน่นอน ฉันไม่ได้เล่าข้อมูลเกี่ยวกับโลกที่แล้วหรือการที่ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร...,
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉันเกี่ยวกับพลังวิญญาณ เฮเลน่าก็พูดไม่ออก หลังจากสรุปข้อมูลทั้งหมดที่เธอพูดอีกครั้ง
“พูดง่ายๆ ก็คือเจ้าใช้แก่นพลังวิญญาณเป็นแหล่งกักเก็บมานาแทนร่างกายงั้นเหรอ?”
ฉันพยักหน้าเป็นการยืนยัน
เฮเลน่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งขณะพ่นบุหรี่ ฉันไม่รบกวนเธอและปล่อยให้เธอได้คิด…
หลังจากนั้นไม่กี่นาที เฮเลน่าก็ออกมาจากความคิดของเธอและพูดว่า…
"นั่นสมเหตุสมผลแล้ว และมีเพียงผู้ที่มีร่างกายที่ไม่มีมานาเท่านั้นที่สามารถใช้วิญญาณของพวกเขาเป็นแหล่งกักเก็บมานาได้"
"ถ้ามีคนใช้เทคนิคนี้ของเจ้า พวกเขาจะตายเพราะมานาในร่างมากเกินไปหรือได้รับมานาเกินขอบเขตที่รับได้"
เธอพยักหน้าหลายครั้งเพื่อเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานของตัวเอง..,
“เจ้าเป็นอัจฉริยะที่คิดเทคนิคนั้นขึ้นมาได้ เจ้าไม่ยอมแพ้แม้ว่าเจ้าจะมีร่างกายที่ไร้มานะก็ตาม” เธอมองมาที่ฉันด้วยสายตาชื่นชมและนับถืออย่างบริสุทธิ์ใจ
ฉันอยากจะกรีดร้องว่าทุกคนในภพก่อนของฉันเกิดมาพร้อมกับพลังวิญญาณเหมือนกับที่ทุกคนในโลกนี้มีร่างกายที่เหมาะสมกับมานา…
แต่ฉันปล่อยให้มันเป็นไปและไม่ทำลายข้อสันนิษฐานของเฮเลน่า…
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ฉันก็ไอและถามเฮเลน่าเกี่ยวกับอาวุธของเธอเพื่อเปลี่ยนหัวข้อ
"ข้าใช้ธาตุไฟฟ้าเป็นส่วนใหญ่ในระหว่างการต่อสู้ ข้ามีมานาจำนวนมากอย่างที่เจ้าเห็น แต่ในบางครั้งข้าก็ใช้กริชเป็นอาวุธรอง" เฮเลน่าอธิบาย
"ข้าไม่คิดว่าจะมีอุปกรณ์ตรวจสอบทะเลมานาของเจ้าได้ แต่อย่างที่ทราบกันดีว่ามีอุปกรณ์ตรวจสอบปริมาณมานาที่ร่างกายสามารถเก็บได้ ซึ่งเรียกอีกอย่างว่าอุปกรณ์ตรวจสอบทะเลมานา"
“เนื่องจากที่กักเก็บมานาของเจ้าแตกต่างกัน เราจึงไม่รู้ว่าแก่นวิญญาณของเจ้าเก็บได้มากแค่ไหน” เฮเลน่าส่ายหัวอย่างเสียดายและพูดว่า
“แต่ข้าคิดว่าอย่างน้อยเจ้าก็มีมานาพอที่จะถือว่าเป็นจอมเวทย์ที่เก่งกาจได้” เฮเลน่าพูดในขณะที่ยังพ่นควันบุหรี่ออกมา
'ใช่ ฉันเป็นจอมเวทย์แรงค์ B ในโลกที่แล้ว แม้ว่ามันจะไม่แข็งแกร่งพอ แต่ฉันค่อนข้างภูมิใจกับตัวเองในเรื่องนี้ ฉันคิดในใจและตรวจสอบหน้าจอสถานะของตัวเอง
*****สถานะ*****
ชื่อ: อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์ (อาเรส)
เชื้อชาติ: มนุษย์
อายุ: 15
พรสวรรค์: นักดาบเวทย์มนตร์ระดับกลาง
ความสัมพันธ์ทางธาตุ : กระแสไฟฟ้า,....????....
ทักษะ: 1. ดาบวงเดือน ( ความชำนาญ 2%) ( ระดับกลาง )
( ข้อมูล: ทักษะดาบประเภทการชาร์จดาบระดับสูงที่ส่งการโจมตีลงด้านล่างและครอบคลุมระยะ 1 เมตรใน 0.8 วินาที )
2. ก้างย่างอสรพิษ ( ความชำนาญ 7%) ( ระดับกลาง )
( ข้อมูล: เทคนิคช่วยให้ผู้ใช้เคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับงู โดยช่วยเพิ่มระยะผู้ใช้ให้ครอบคลุมระยะ 5 เมตร ใน 0.5 วินาที )
3. การจัดการกระแสไฟฟ้า ( ความชำนาญ 17%) ( ระดับกลาง )
( ข้อมูล: อนุญาตให้ผู้ใช้จัดการไฟฟ้าบนหรือใกล้ร่างกายของเขา )
ความสามารถ: 1. หน่วยความจำภาพถ่าย
(ข้อมูล: อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกคืนภาพหรือข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงหลังจากดูเพียงครั้งเดียว)
2. ....?????....
************************
เมื่อเห็นหน้าจอสเตตัสของตัวเอง รอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉัน หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไปในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา
การเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อย่างแรกคือพรสวรรค์ของฉัน ซึ่งเปลี่ยนจากนักดาบระดับกลางเป็นนักดาบเวทย์ระดับกลาง
การเปลี่ยนแปลงอย่างที่สองคือระดับความชำนาญของทักษะของฉัน พวกมสันทั้งหมดเปลี่ยนจากระดับเริ่มต้นเป็นระดับกลาง
และความเชี่ยวชาญด้านธาตุของฉันก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเช่นกัน เนื่องจากฉันคุ้นเคยกับการใช้มันในโลกที่แล้ว และฉันได้รับการรับความรู้ใหม่เกี่ยวกับการใช้ไฟฟ้าของฉันในขณะที่ฝึกฝนกับเฮเลน่า
ต่างจากมิกะที่ไม่ต้องการเห็นฉันเจ็บปวดแม้ในระหว่างการฝึกของเรา เฮเลน่าค่อนข้างตรงกันข้ามกับมิกะ.. เธอฝึกจนฉันเกือบตายและเกือบจะพลั้งมือฆ่าฉันหลายครั้ง
เธอสามารถฝึกฉันอย่างหนำใจเธอได้เพราะมิกะไม่ได้อยู่ที่นี่ ถ้ามิกะรู้เรื่องกระบวนการฝึกของเฮเลนา มีแต่พระเจ้าที่จะรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเฮเลนา ฉันคิดกับตัวเองและมองไปที่เฮเลน่าอย่างสมเพช
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองอย่างสมเพชของฉันที่มีต่อเธอ เฮเลน่าหรี่ตาแล้วถามว่า
"อะไร?"
ฉันสลัดความคิดออกและถามเธอเกี่ยวกับองค์กรของเธอ เหมือนกับต้องการจะเปลี่ยนเรื่อง
"ทำไมท่านถึงเข้าร่วมองค์กรชั่วร้ายนั่นเฮเลน่า"
ฉันถามในขณะที่จ้องมองเธอ ฉันค่อนข้างสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลังจากใช้เวลาส่วนใหญ่กับเธอในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา เธอดูเหมือนจะไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น....ยกเว้นระหว่างการฝึก แต่อย่างน้อยเธอจะพาฉันไปหาเอจิสและขอให้เธอรักษาฉัน …
หลังจากได้ยินฉันถามอย่างนั้น เฮเลน่าหยุดพ่นบุหรี่และพึมพำเสียงต่ำ
"ชั่วร้ายงั้นหรือ?"
เธอสบัดบุหรี่ทิ้งแล้วมองฉันด้วยสีหน้าจริงจังก่อนที่จะพูดอย่างเคร่งขรึมว่า
“ฟังข้าให้ดีๆ อาเรส โลกนี้ไม่มีความดีความชั่ว ความดีเป็นมุมมองที่เปลี่ยนไปตามสังคมและยุคสมัย มันถูกกำหนดโดยผู้ที่มีอำนาจสูงสุดโดยปริยาย” ผู้มีอำนาจที่เป็นผู้ชนะจะกำหนดว่าอะไรดีอะไรชั่ว ความดีจะไม่ถูกมองเห็นถ้าปราศจากความชั่ว ดีและชั่วเป็นเหมือนพี่น้องที่เกื้อกูลกัน...แค่มันอยู่กันคนละฝั่งเท่านั้นเอง…. ถ้าไม่มีวายร้าย ก็จะไม่มีฮีโร่"
"สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาสมดุลระหว่างความดีและความชั่วที่เกิดขึ้นและหายไปอยู่ตลอดเวลา หากเจ้าเอนเอียงไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป การรักษาความเป็นกลางที่แท้จริงจะกลายเป็นเรื่องยาก"
หลังจากพูดมันแล้ว นักปราชญ์เฮเลน่า ไม่ใช่สิ อาจารย์เฮเลน่าก็เริ่มพ่นบุหรี่ของเธออีกครั้ง ก่อนที่จะหันมามองหน้าที่งุนงงของฉันสองสามวินาทีแล้วค่อยๆเดินออกจากห้องฝึกซ้อมไป
""""
ฉันอึ้งกับคำพูดของเฮเลน่าจนพูดไม่ออก แต่น่าแปลกที่ฉันรู้สึกเหมือนได้รู้แจ้งอะไรบางอย่าง…
ฉันส่ายหัวเพื่อสลัดความคิดออกไป และไม่นานก็ตัดสินใจเดินออกไปเช่นกัน ขณะที่ฉันกำลังจะเดินออกไปฉันก็ได้รับข้อความ ฉันจึงตรวจสอบโทรศัพท์และเห็นว่าเป็นข้อความของมิกะ ฉันหยุดเดินและอ่านเนื้อหาในนั้นแต่มันก็ไม่มีอะไรมาก พูดง่ายๆคือมิกะคงกลับมาไม่ได้อีกสักพักหนึ่งเพราะมีบางอย่างยุ่งยากและเธอต้องอยู่ที่นั่นอีกสักพัก ข้อความค่อนข้างยาวแต่ส่วนใหญ่มีแต่ข้อความที่แสดงความเป็นห่วง หลังจากอ่านส่วนอื่นอย่างคร่าวๆ และหาข้อความที่มีประโยชน์ไม่เจอ
ฉันจึงเก็บโทรศัพท์กลับเข้ากระเป๋าและออกจากห้องฝึกซ้อมไป
เหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้วสำหรับพิธีปฐมนิเทศของสถาบันการศึกษา ฉันคาดหวังในใจแล้วหัวเราะในใจอย่างกับคนบ้า…
“ฮึๆ คงจะสนุกดีพิลึก” ฉันพึมพำในขณะที่เดินไปที่ห้องของฉัน
*************