ตอนที่ 89 : อิจฉา
จ้าวฉิงรู้สึกประหลาดใจมาก
เมื่อก่อนเธอมักจะเห็นว่ามีคนถูกรางวัลใหญ่อยู่บ่อยครั้ง แต่นั่นก็เป็นข่าวในอินเทอร์เน็ตทั้งหมด ตั้งแต่ยังเด็ก ไม่เคยมีคนใกล้ตัวเธอเลยที่เคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้ แต่ตอนนี้กลับมีแล้วหนึ่งคน และเขากำลังยืนอยู่ด้านหน้าของเธอด้วย
"ฉันแค่โชคดีน่ะ" ฉินหยุนยิ้มและเอ่ยออกมาโดยไม่ได้ปฏิเสธ
"เธอมาซื้อของที่นี่งั้นเหรอ?" เขาเอ่ยถามอย่างเป็นกันเอง
"ใช่" จ้าวฉิงพยักหน้า มองรถใหม่เอี่ยมที่จอดอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาอิจฉา
"นี่คือถังซินถิง เพื่อนร่วมชั้นมอปลายของฉัน"
จากนั้นเธอก็แนะนำหญิงสาวที่สวมกางเกงขาสั้นที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ
ฉินหยุนยิ้มและพยักหน้าไปทางถังซินถิง หลังจากที่พูดคุยกันสองสามคำ ฉินหยุนก็กล่าวว่า "จ้าวฉิง ฉันมีบางอย่างที่ต้องทำ เพราะงั้นไว้เจอกันนะ"
จากนั้นเขากับจ้าวเทียนเฉียงซึ่งกำลังยืนอยู่ด้านข้างก็พากันเข้าไปในรถทันที กลุ่มคนที่มุงอยู่ก็แยกออกเป็นสองทาง แล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างช้าๆ
จ้าวฉิงเฝ้ามองรถขับออกไป
นอกจากจ้าวฉิงแล้ว ถังซินถิงก็กำลังมองดูอยู่เช่นกัน เธออดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า "เสี่ยวฉิง ฉินหยุนคนนี้คือเพื่อนร่วมคณะของเธองั้นเหรอ?"
จากการจ้องมองดูรถค่อยๆขับออกไป เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกสนใจฉินหยุนมาก
ฉินหยุนดูสดใสและหล่อเหลา แถมตอนนี้เขายังจับรางวัลได้รถยนต์ไปคันหนึ่งอีก ถ้าเธอมีแฟนที่ขับรถพาเธอไปรอบๆมหาลัย หลายๆคนจะต้องอิจฉาเธออย่างแน่นอน
"อืม เขาเป็นเพื่อนในคณะของฉันเอง" จ้าวฉิงพยักหน้าพลางเอ่ยตอบ
เมื่อเธอสังเกตเห็นความรู้สึกสนใจในแววตาของถังซินถิง จ้าวฉิงก็ส่ายหัวอยู่ภายในใจ
ถังซินถิงนั้นหน้าตาดีเช่นกัน แต่กล่าวตามตรง แม้แต่หลินเมิ่งเมิ่งก็ยังสวยกว่าเธอ ไม่ต้องพูดถึงเซียวหลานเพื่อนร่วมชั้นมอปลายของฉินหยุนเลย
ในเวลานี้เธอยังคงมองไปที่เงาของรถที่กำลังหายลับไป แต่สายตาที่อิจฉาของเธอยังคงเด่นชัดอยู่
"ทำไมฉินหยุนถึงโชคดีจัง?"
รถคันนั้นมีมูลค่ามากถึง 150,000 หยวน เท่ากับว่าฉินหยุนจับได้รางวัลใหญ่มูลค่า 150,000 หยวนโดยตรง!
...
"บอสฉินครับ ก่อนหน้านี้เรามีแผนจะซื้อรถกัน แต่ตอนนี้ในเมื่อเราได้รถคันนี้มาแล้ว เราก็ประหยัดเงินในการซื้อรถไปได้เยอะเลย" ขณะที่จ้าวเทียนเฉียงกำลังขับรถ เขาก็กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ไม่ เราจะทำตามแผนเดิม"
ฉินหยุนกล่าวต่อ "ของที่ควรซื้อก็ต้องซื้อ รถคันนี้ใช้ได้ก็จริง แต่มันยังไม่เหมาะ คุณลองหารถที่ราคาประมาณหนึ่งล้านดู ซื้อในนามของร้านค้าแบบผ่อนจ่ายนะ"
หนึ่งล้านหยวน แม้ว่าตอนนี้จะเป็นไปไม่ได้ที่ฉินหยุนจะนำเงินจำนวนนี้ออกมาทั้งหมดในคราวเดียว แต่เขาสามารถทำได้ด้วยการผ่อนจ่าย
"รถราคาหนึ่งล้าน?" จ้าวเทียนเฉียงผงะทันทีเมื่อเขาได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน เขารู้สึกกังวลเล็กน้อยจึงกล่าวว่า "บอสฉินครับ ผมว่ามันแพงมากเกินไป"
ตอนนี้ร้านค้ามีเงินทุนเพียงพอก็จริง แต่ก็มีอีกหลายที่ที่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น แค่ร้านเสื้อผ้าสามสาขาที่เตรียมจะเปิดขึ้นในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ร้านใหญ่สุดก็มีพื้นที่ถึง 230 ตารางเมตรแล้ว ซึ่งค่าเช่าตกปีละ 400,000 กว่าหยวนเลยทีเดียว!
เมื่อที่ตั้งร้านค้าทั้งสามแห่งนี้ถูกดำเนินการจนเสร็จสิ้น เงินทุนมากกว่าครึ่งในร้านจะถูกใช้ไปจนหมดทันที
แม้ว่าเงินทุนในร้านจะยังมีอยู่มาก แต่เมื่อถึงต้นเดือน ค่าจ้างของพนักงานหลายสิบคนก็เป็นอีกหนึ่งรายจ่ายก้อนโตที่ต้องจัดการ
จ้าวเทียนเฉียงรู้สึกว่าการขยายตัวของฉินหยุนนั้นเร็วเกินไป อันที่จริงแล้วในเรื่องอื่นๆฉินหยุนแทบจะไม่ได้เข้ามายุ่งเลย ทุกเรื่องภายในร้านส่วนใหญ่แล้วเขาจะปล่อยให้จ้าวเทียนเฉียงเป็นคนจัดการทั้งหมด แต่การขยายสาขาร้านค้านั้นเป็นเรื่องที่ฉินหยุนตัดสินใจอย่างเด็ดขาด และเขาจะไม่ฟังคำแนะนำของใคร ซึ่งจ้าวเทียนเฉียงก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งของฉินหยุนเท่านั้น
"มันไม่แพงหรอก จัดการตามที่ผมบอกนี่แหละ" ฉินหยุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เมื่อค่ายกลรวบรวมโชคลาภของเขายังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เทียนหยุนก็จะขยายตัวอย่างรวดเร็วไปเรื่อยๆเช่นกัน ในฐานะผู้จัดการของเทียนหยุน จะเป็นไปได้อย่างไรที่จ้าวเทียนเฉียงจะขับรถราคาแค่แสนกว่าหยวนหรือสองแสนไปเจรจาธุรกิจ?
ถึงแม้ว่าจะใช้ขับได้ แต่สำหรับบริษัทแล้วรถยนต์ถือเป็นหน้าเป็นตาของบริษัทเลยก็ว่าได้ การขับรถแพงๆจะทำให้คุณมีความมั่นใจในการเจรจาทางธุรกิจมากขึ้น
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหลายๆบริษัท ที่มีขนาดธรรมดา ไม่ได้มีมูลค่าสูงมากนัก แต่ก็ยังขับรถราคาแพง
เมื่อเห็นว่าฉินหยุนได้ตัดสินใจไปแล้ว จ้าวเทียนเฉียงก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก
ภายในรถ หลังจากที่ฉินหยุนกดส่งข้อความเสร็จ รถก็มาจอดที่หน้าร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนพอดี
ระยะทางระหว่างร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนและร้านเสื้อผ้าจวินชิงอยู่ใกล้กันเกินไป พวกเขาจึงสามารถมาถึงได้ในเวลาอันสั้น
จ้าวเทียนเฉียงลงจากรถและเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้าเพื่อจัดการกับสิ่งต่างๆต่อ ส่วนฉินหยุน เขาขับรถไปที่แห่งหนึ่ง ใช้เวลาเดินทางไปที่นั่นเพียงหนึ่งนาที จากนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาหา เมื่อมองจากระยะใกล้มันคือใบหน้าของฉินเสี่ยวเทานั่นเอง
"บอสฉิน" เมื่อเห็นฉินหยุน ฉินเสี่ยวเทารีบเอ่ยทักทาย
"พี่เสี่ยวเทา ถ้าไม่มีคนอื่น พี่ก็เรียกผมว่าเสี่ยวหยุนเหมือนเดิมก็ได้ ไม่ต้องเรียกเป็นทางการหรอก" ฉินหยุนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เมื่อเขาได้ยินฉินเสี่ยวเทาเอ่ยทักทาย
ฉินเสี่ยวเทาเกาหัวของเขาพลางหัวเราะฮิฮิ เขาพยักหน้าเป็นเชิงว่าตกลง แม้ว่าฉินหยุนจะกล่าวเช่นนั้น แต่ก็ยังเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะทำตัวผ่อนคลายออกมาจริงๆ เมื่อตอนที่อยู่กับฉินหยุน
เขารู้เกี่ยวกับกิจการในปัจจุบันของฉินหยุนเป็นอย่างดี ลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้เปิดร้านเสื้อผ้าเทียนหยุนในจินหลิงไปแล้ว 3 ร้าน และที่เขตชิงอู๋ก็มีร้านเสื้อผ้าอีก 2 ร้าน ร้านรองเท้า 2 ร้าน และแม้แต่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่มีพื้นที่มากกว่า 2,000 ตารางเมตร รวมถึงโรงงานผลิตรองเท้าขนาด 1,000 ตารางเมตรอีกแห่งด้วย
เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำได้แบบฉินหยุน
ก่อนหน้านี้เขาเคยทำงานในหลายๆสถานที่ แต่บอสในสถานที่เหล่านั้น เทียบกับลูกพี่ลูกน้องของเขาแล้วด้อยกว่าอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขากับฉินหยุนจะเติบโตมาไล่ๆกัน แต่ด้วยกิจการเหล่านี้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปฏิบัติต่อฉินหยุนอย่างที่เขาเคยทำ
"เสี่ยวหยุน ทำไมนายส่งข้อความให้ฉันมาหาที่นี่ล่ะ?" ฉินเสี่ยวเทาเอ่ยถาม
ก่อนหน้านี้ฉินหยุนส่งข้อความมาบอกว่าให้เขามาเจอที่นี่
"เพราะรถคันนี้ไง" ฉินหยุนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาชี้ไปที่รถโฟล์คสวาเกนที่จอดอยู่ข้างๆเขา
"เสี่ยวหยุน นายซื้อรถแล้วงั้นเหรอ?" ฉินเสี่ยวเทาก็ถามด้วยความสงสัย
ในใจของเขา เขาไม่แปลกใจเท่าไร ด้วยเงินที่ฉินหยุนได้รับจากธุรกิจของเขา แน่นอนว่าการซื้อรถสักคันมันเป็นเรื่องกล้วยๆ
เมื่อคิดว่าฉินหยุนซื้อรถได้ตั้งแต่ตอนอายุ 18 ปี ฉินเสี่ยวเทาก็อิจฉามาก
เขาเรียนขับรถตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่ในวิทยาลัย แต่เขาไม่มีเงินที่จะซื้อมันได้
ฉินหยุนมองไปที่ฉินเสี่ยวเทา โดยไม่เกริ่นให้เสียเวลา เขากล่าวต่อทันที "พี่เสี่ยวเทา ต่อไปนี้รถคันนี้จะเป็นของพี่"
เมื่อได้ยินคำกล่าวของฉินหยุน ฉินเสี่ยวเทาก็ผงะไปครู่หนึ่ง ราวกับเขากำลังคิดว่าเขาได้ยินผิด
อย่างไรก็ตามเขาก็ตอบสนองอย่างรวดเร็ว เขาส่ายหัวทันทีพลางกล่าวปฏิเสธ "ไม่ เสี่ยวหยุน ฉันขับรถคันนี้ไม่ได้ ตอนนี้ผู้จัดการจ้าวยังไม่มีรถให้ขับเลย ฉันจะไปขับได้อย่างไร"
เขารู้ว่าจ้าวเทียนเฉียงเดินทางไปที่ต่างๆด้วยรถแท็กซี่ และบางครั้งก็ถึงกับขึ้นรถประจำทางเลยด้วย
เขากำลังเรียนรู้งานจากจ้าวเทียนเฉียงอยู่ ถ้าจ้าวเทียนเฉียงยังไม่มีรถให้ขับ แล้วเขาจะไปกล้าขับได้ยังไง? หรือเพราะเป็นญาติกัน?
กล่าวตามตรง ฉินเสี่ยวเทาตระหนักถึงความสามารถในตอนนี้ของเขาดี และเขาก็พอใจกับสถานการณ์ปัจจุบันมากแล้ว
"ผมได้เตรียมรถไว้ให้ผู้จัดการจ้าวแล้ว เราใช้เงินของร้านซื้อมา"
ฉินหยุนอธิบาย "พี่เสี่ยวเทา ตอนนี้พี่ต้องอยู่ข้างนอกบ่อยๆ ถ้ามีรถไว้มันก็เดินทางสะดวกกว่ามาก"
เมื่อเทียบกับจ้าวเทียนเฉียงแล้ว อันที่จริงฉินเสี่ยวเทาต้องวิ่งออกไปข้างนอกทุกวันมากกว่า
ร้านขายเสื้อผ้าในเมืองจินหลิงกำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจริงๆแล้วภายในสิ้นปีนี้ ฉินหยุนไม่ได้วางแผนที่จะเปิดร้านค้าเป็นจำนวนมากแค่เฉพาะที่จินหลิงเท่านั้น แต่ร้านขายเสื้อผ้าของเขาจะขยายไปยังทุกเขตเมืองรอบๆเมืองจินหลิงอีกด้วย!
ด้วยตลาดขนาดใหญ่อย่างมณฑลเจียงซูทั้งหมดนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะโฟกัสไปแค่ที่เล็กๆอย่างเมืองจินหลิง
หลังจากได้รับรถคันนี้มา ความคิดแรกของเขาคือการยกรถให้ฉินเสี่ยวเทา
"เอาล่ะ เอาตามที่ผมบอกแล้วกัน" เมื่อเห็นว่าฉินเสี่ยวเทาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง ฉินหยุนก็ตัดสินใจทันที
(จบตอน)
——————————————————————————-
มณฑลเจียงซู = ซูโจว
เมืองจินหลิง = หนานจิง
ลืมบอกไว้ตั้งแต่ตอนแรกๆ แหะๆ ผมอาจจะใช้สลับกันบ้างนะครับ บางทีผู้แต่งเค้าก็ใช้ชื่อเก่าสลับกับชื่อใหม่ เป็นงงๆเลย