ตอนที่แล้วบทที่ 402 - รอยแยกมิติ บทที่ 403 - อุกกาบาตนอกโลก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 406 - เขตน่านน้ำประหลาด บทที่ 407.1 - จระเข้ยักษ์โบราณ

(ฟรี) บทที่ 404 - บาร์บีคิวยามค่ำคืน บทที่ 405 - หอมอร่อย


3/8

บทที่ 404 - บาร์บีคิวยามค่ำคืน

“เนื้อสัตว์ร้ายนี่มัน ... มังกรสายฟ้าในยอดเขาเล่ยเจียว!?”

ดวงตาของฮั่วเฟิงเออร์กะพริบไหว จดจำที่มาของเนื้อชิ้นนี้ได้ทันที

ตอนเธออยู่บนยอดเขาเล่ยเจียว เธอจําได้อย่างชัดเจน ว่าหยางซือเล่ยเป็นคนเอาเนื้อมังกรสายฟ้าไป และทำอาหารให้เธอกินมื้อหนึ่ง

ดังนั้นเมื่อเห็นหยางซือเล่ยเตรียมก่อกองไฟและย่างบาร์บีคิว ฮั่วเฟิงเออร์แสดงสีหน้ามีความสุขทันที

สำหรับทักษะการทำอาหารของหยางซือเล่ย ฮั่วเฟิงเออร์ยอมรับในฝีมือและจดจำรสชาติมันได้เป็นอย่างดี

“หยางซือเล่ย มาข้าจะช่วยเจ้า”

เพื่อที่จะได้ส่วนแบ่งอาหารในภายหลัง ฮั่วเฟิงเออร์วิ่งออกมาอย่างยิ้มแย้ม แสร้งทำเป็นใช้พลังวิญญาณธาตุไฟ ควบคุมไฟในการย่างให้หยางซือเล่ย

และตัวเธอซึ่งอยู่ในฉากหลังของกองไฟ ใบหน้าสะท้อนด้วยแสงและเงา เพิ่มเสี้ยวของความน่ารักเข้าไปอีก ดูไร้เดียงสาและงดงามมาก

“ขอบคุณนะ” หยางซือเล่ยยิ้มมุมปาก มีหรือเขาจะมองไม่ออกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของฮั่วเฟิงเออร์

เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น สาวกจำนวนมากของนิกายชางเฉียง ในดวงตาของพวกเขาต่างสะท้อนให้เห็นถึงความประหลาดใจ

ต้องรู้นะว่า ฮั่วเฟิงเออร์คือนักบุญหญิงของนิกาย มีสถานะเป็นผู้ทรงเกียรติ แต่คาดไม่ถึงว่าเธอจะเต็มใจมายอมก้มหัวจุดไฟให้หยางซือเล่ย นี่มันไร้สาระเกินไปหน่อยกระมัง?

ในส่วนของเรื่องนี้ เหลิงลู่หยานที่อยู่ข้างๆก็ประหลาดใจเช่นกัน เหม่อมองทั้งสองที่ดูเหมือนจะแบ่งหน้าที่กันทำงาน

ต่อมา หยางซือเล่ยหยิบมีดสั้นขึ้น และเริ่มเลาะอะไรบางอย่างจากเนื้อ ลูกเล่นในการใช้มีดฉวัดเฉวียนไปมาดูไม่เป็นระเบียบ

กระนั้น หลังจากไม่กี่ลมหายใจต่อมา เขาเอื้อมมือและดึงอย่างแรง

เห็นเพียงเอ็นที่อยู่ระหว่างชิ้นเนื้อ เส้นสีขาวนับสิบของมันหลุดออกมาหนึ่งกำมือ

เห็นภาพนี้ พวกเยว่หลิงเฟิงหนังตากระตุก ชัดเจนว่าการลงมีดของหยางซือเล่ยไม่ใช่การทำแบบสุ่มสี่สุ่มห้า แต่เป็นการเอาเส้นเอ็นขาวๆที่อยู่บนเนื้อออกมาโดยไม่มีเส้นไหนฉีกขาดจากกัน

การเคลื่อนไหวระดับนี้ มันช่ำชองไม่ต่างจากพ่อครัวที่มีประสบการณ์คนหนึ่งเลย

ทุกคนสับสนเล็กน้อย ทำไมถึงเป็นเช่นนี้? คาดไม่ถึงว่าผู้บำเพ็ญเพียรระดับอัจฉริยะจะมาเปลืองแรงเปลืองพลังงานฝึกเรียนทำอาหาร

เห็นอย่างนี้ สีหน้าของเหลิงลู่หยานก็เริ่มแปลกเข้าไปใหญ่

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหยางซือเล่ยทำอาหาร ชัดเจนว่าก็คาดไม่ถึงเช่นกัน ว่านอกจากความสามารถอันโดดเด่นแล้ว เขาจะมีทักษะการทำอาหารด้วย

หลังจากตัดเส้นเอ็นสีขาวออก หยางซือเล่ยเลาะกระดูกมังกรเพิ่มอีกสองสามชิ้น แล้วเทใส่ลงในหม้อตุ๋น

ตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์จุนฮั่ว วัตถุดิบที่หยางซือเล่ยเลือกในการทำอาหาร มันพิถีพิถันกว่าเดิมมาก

กระทั่งของเหลวที่ใช้ต้มน้ำแกง ก็ไม่ใช่น้ำธรรมดา แต่เป็นน้ำพุวิญญาณ ถ้าใช้เคี่ยวกระดูกมังกร มันจะอร่อยมาก

“เสี่ยวฉุน เจ้าเองก็มาช่วยเร็ว ใช้ไม้เคี่ยวน้ำแกงในหม้อช้าๆ”

หยางซือเล่ยเรียกโจวจิงฉุน

“ดะ ... ได้ๆ”

ได้ยินหยางซือเล่ยต้องการความช่วยเหลือ โจวจิงฉุนรู้สึกเป็นเกียรติมาก ลุกพรวดขึ้นมาทันทีด้วยใบหน้าแดงก่ำ ปฏิบัติตามคำแนะนำของหยางซือเล่ยอย่างเชื่อฟัง

หยางซือเล่ยเป็นเหมือนพ่อครัว ยืนหน้าเตาย่างบาร์บีคิว พลิกเนื้อสัตว์อย่างสม่ำเสมอ คอยควบคุมอุณหภูมิของไฟ เพื่อหลีกเลี่ยงการไหม้

ทั้งหมดก็ประมาณนี้

หลังจากย่างมาหนึ่งเค่อ เนื้อบนตะแกรงก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลทอง

หยดไขมันถูกเผาด้วยเปลวไฟ เมื่อย้อยลงบนถ่านก็ส่งเสียงฉ่า ฉ่า ออกมาในคราเดียว ส่งกลิ่นหอมของเนื้อย่างอบอวล

ขณะเดียวกันน้ำแกงก็ต้มจนได้ที่แล้ว

ใช้เวลาไม่นาน ในที่สุดก็ปรุงอาหารอร่อยสองอย่างได้ในที่สุด

เหล่าสาวกจากนิกายทั้งเจ็ด เมื่อได้กลิ่นหอมนี้ ดวงตาของแต่ละคนเป็นประกาย เผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ

โดยเฉพาะเนื้อย่าง เนื่องจากย่างด้วยไฟ ทำให้ผิวชั้นนอกของมันปริและโค้งงอเล็กน้อย ดูเย้ายวนสุดๆ

แม้แต่เหลิงลู่หยานซึ่งเป็นมังสวิรัติมาโดยตลอด พอได้กลิ่นหอมลอยมาตามอากาศ ก็ยังอดกลืนน้ำลายไม่ได้

แน่นอน เนื่องจากนิสัยใจคอ ทำให้เธอระมัดระวังเรื่องการแสดงออก ปิดซ่อนความรู้สึกที่ต้องการลิ้มรสในใจ ใบหน้ายังคงสงบและเยือกเย็น

4/8

บทที่ 405 - หอมอร่อย

“ลูกพี่ เสร็จรึยัง?”

ส่วนเสี่ยวหยวนที่เฝ้าอยู่ข้างๆตลอดเวลา ยิ่งมายิ่งกระสับกระส่าย

คู่ดวงตาสีแดงเลือด จับจ้องเนื้อบนตะแกรง ท่าทีแทบอดรนทนไม่ไหวคล้ายพร้อมกระโจนเข้าตะครุบกินทุกเมื่อ

“หยางซือเล่ย จากกันแค่ไม่นาน แต่ดูเหมือนทักษะการทำอาหารของเจ้าจะประณีตขึ้นมากนะ!” น้ำเสียงของฮั่วเฟิงเออร์เต็มไปด้วยความตื่นเต้น กล่าวชื่นชมออกมา

เห็นเพียงเนื้อมังกรเหล่านั้น หลังจากถูกย่างเป็นเวลานาน มันไม่เพียงไม่มีเศษดำๆที่เกิดจากการไหม้ ตรงกันข้าม กลับเกิดประกายสีน้ำตาลทองแวววาวแทน

มองเนื้อย่างสีน้ำตาลทองที่หอมกรุ่น ฮั่วเฟิงเออร์เลียริมฝีปากสีแดงของเธอ เห็นได้ชัดว่าเริ่มร้อนใจที่จะรอ

อย่างไรก็ตาม ครั้งก่อนในการย่างเนื้อของหยางซือเล่ย เธอทราบดีว่ายังเหลืออีกหนึ่งกระบวนการขั้นสุดท้ายจึงจะแล้วเสร็จจริงๆ

เป็นไปตามคาด หยางซือเล่ยหยิบซอสรสเผ็ดของเสบียงกรังออกมาจากแหวนมิติ แล้วค่อยๆทามันลงบนเนื้อย่างแต่ละชิ้นอย่างอดทน

ฟุ่มม——!

ในพริบตา ไอร้อนที่กระจายออกจากเนื้อย่างและกลิ่นของมัน ความหอมพลันเข้มข้นขึ้น เพิ่มความอยากอาหาร!

“อืม? กลิ่นหอมแรงจัง~!”

ผู้คนที่มุงดู ดวงตาพลันสว่างไสวในคราเดียว กลิ่นซอสของเนื้อย่างที่ทิ่มแทงจมูก มันทำให้พวกเขาอยากชิมแทบจะขาดใจ

อย่างไรก็ตาม หยางซือเล่ยไม่สนใจพวกเขา

ที่เขาเลือกปรุงอาหารกินเองในครั้งนี้ ก็เพราะว่าตั้งแต่เข้าสู่เขตแดนลับบรรพกาล เขาไม่มีเวลาว่างเว้นหรือจังหวะดีๆเลย สำหรับโอสถวิญญาณ หยางซือเล่ยไม่สนใจที่จะกินมัน

ดังนั้นเมื่อมีโอกาสพักผ่อนในค่ำคืนนี้ เขาจึงต้องการใช้มันอย่างคุ้มค่า ย่างเนื้อกินให้อิ่มท้อง

ส่วนเรื่องที่ว่าแบ่งปันให้คนอื่น ที่นี่มีสาวกนิกายมากกว่าสองพันคน ต่อให้หยางซือเล่ยใจกว้างแค่ไหน ก็คงไม่อาจตอบสนองให้ทุกคนพอใจได้

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า คงจะดีกว่าหากเมินเฉยต่อพวกเขา

“เสร็จแล้ว กินกันได้เลย”

หยางซือเล่ยยิ้มบาง มองเหลิงลู่หยานข้างๆเขา “ถึงเจ้าจะไม่หิว แต่ถ้าแค่ลองชิมดูว่ารสชาติเป็นยังไงก็ไม่น่ามีปัญหานะ”

สำหรับนิสัยของผู้หญิงคนนี้ หยางซือเล่ยเข้าใจเธอเป็นอย่างดี ดังนั้นเอ่ยคำเชื้อเชิญที่คิดว่าเธอจะรับได้

ขณะเดียวกัน เขาหยิบส้อมเหล็กออกมา จิ้มเนื้อชิ้นใหญ่ที่สุด แล้วมอบให้เหลิงลู่หยาน

สำหรับเสี่ยวหยวน ฮั่วเฟิงเออร์ และโจวจิงฉุนที่อยู่ด้านข้าง พวกเธอไม่รอให้เขาหยิบเนื้อให้ เริ่มจัดการด้วยตัวเองและแทะกินมัน ระหว่างเคี้ยวปากบ่นพึมพำคำ ‘อร่อย’ อย่างต่อเนื่อง

“ขอบคุณ” เหลิงลู่หยานยิ้มและพยักหน้า เอื้อมมือไปหยิบมา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอสัมผัสนิ้วของหยางซือเล่ย หัวใจเธอกลับสั่นไหวเล็กน้อย ให้ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าช็อต เกิดอาการเสียวแปลบแปลกๆ

แทบจะในเวลาเดียวกัน หยางซือเล่ยก็เกิดแรงกระเพื่อมบางอย่างในใจ จ้องมองการเคลื่อนไหวที่สง่างามและมีเสน่ห์ของเหลิงลู่หยาน แววตาเหม่อลอยไปชั่วขณะ

ยังไงก็ตาม เนื่องจากทั้งสองเป็นยอดฝีมือนักบู๊ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์อันแปลกประหลาดนี้ ภายใต้การควบคุมโดยพลังวิญญาณ จึงสามารถเก็บอาการได้เป็นอย่างดี

เหลิงลู่หยานค่อยๆกัดเข้าไปในเนื้อย่างเบาๆ เพียงเพิ่งเข้าปาก ก็สัมผัสได้ถึงรสชาติเผ็ดร้อนรุนแรงกระจายไปทั่วทันที

“อือ~ กลิ่นหอมจัง”

ดวงตาที่ชุ่มชื้นงดงามของเหลิงลู่หยานสว่างขึ้นทันที เผลอครางออกมาโดยไม่รู้ตัว

รสชาติของพริกไทย ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นไปทั้งตัว สบายอย่างบอกไม่ถูก

อร่อย!

มันอร่อยมาก!

ทำไมถึงอร่อยได้ขนาดนี้!

ดวงตาของเหลิงลู่หยานเป็นประกาย รู้สึกเหมือนช่วงเวลานี้ ท้องของเธอมันราวกับเกิดอาการหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ไม่รอช้า เหลิงลู่หยานไม่สำรวมตัวเฉกเช่นปกติอีกต่อไป รีบแทะเนื้อย่างในมือ  ความเร็วในการเคี้ยวและกลืน ไม่ด้อยไปกว่าฮั่วเฟิงเออร์และโจวจิงฉุนเลย

แม้ว่าเนื้อย่างที่หยางซือเล่ยทำจะมีไม่มากนัก แต่ก็เพียงพอให้สี่คนและหนึ่งสัตว์อสูรอิ่มท้อง

หลังจากที่พวกเขาทานอาหารเสร็จ หยางซือเล่ยเปิดฝาหม้อน้ำแกง

ห้วงเวลาราวกับหยุดนิ่ง กลิ่นหอมฟุ้งกระจายอบอวลในอากาศ

เนื่องจากสาวๆเป็นกุลสตรี ดังนั้นต้องรักษามารยาท รอให้หยางซือเล่ยตักน้ำแกงพูนชามอย่างเชื่อฟัง

ยังไงก็ตาม เสี่ยวหยวนมีความอยากอาหารสูงมาก มันยกหม้อเหล็กขึ้น แล้วกระดกน้ำแกง อึก อึกเข้าปากโดยตรง ทุกคนมองมันอย่างตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนนึกขึ้นได้ว่า

ก่อนหน้านี้เสี่ยวหยวนถูกจับและขังไว้ในกรงเหล็กของนิกายฝู มันหิวโหยมาเป็นเวลาหลายวันแล้ว ดังนั้นเลยตะกละกว่าปกติ

เหลิงลู่หยานถือชาม ก้มหัวลงแล้วเป่าลมร้อน แล้วค่อยๆจิบมัน

รสชาติเข้มข้นและหอมอร่อย!

นี่คือการประเมินในสัมผัสแรกของเหลิงลู่หยาน

เธอเงยหน้าขึ้นและมองหยางซือเล่ย ก่อนหน้านี้กินเนื้อย่างเยอะไปจนเริ่มรู้สึกเลี่ยน แต่พอได้น้ำแกง มันช่วยให้สดชื่นขึ้นมาก เป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบจริงๆ

“ลืมมันเถอะ พวกเราคงไม่มีโอกาสได้เพลิดเพลินไปกับอาหารของประมุขหยาง”

เห็นเนื้อย่างน่ากินประกอบกับน้ำแกงเข้มข้น เยว่หลิงเฟิงและคนอื่นที่อยู่รอบๆ ต่างลอบส่ายหัวด้วยความเสียดาย