บทที่ 6 กลายเป็นนักผจญภัย (2)
บทที่ 6 กลายเป็นนักผจญภัย (2)
ทันทีที่ฉันได้ยินเสียงนกหวีด ฉันรีบพุ่งเข้าไปหาผู้ฝึกสอนโดยใช้เทคนิคก้าวย่างอสรพิษของฉัน ซึ่งเหลือเพียงภาพติดตาของฉันที่วิ่งไปด้านซ้ายและขวาเหมือนการเคลื่อนไหวของอสรพิษขณะที่ฉันเคลื่อนไปหาเขา
และทันทีที่เขาอยู่ในระยะการโจมตีของฉัน ฉันก็กระโดดขึ้นไปในอากาศและใช้ทักษะดาบทันที พระจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงินตกลงมายังตำแหน่งที่ครูฝึกยืนอยู่
ฉันไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น และใช้ทักษะของฉันอย่างต่อเนื่องสองสามครั้งอีกครั้ง พระจันทร์เสี้ยวสีน้ำเงินโจมตีครูฝึกจากทุกทิศทุกทาง
ครูฝึกดูค่อนข้างตกใจกับความเร็วในการโจมตีของฉันที่โจมตีเขาจากทุกทิศทุกทาง เขาใช้ดาบปัดป้องพวกมันอย่างกดดันเล็กน้อย…
ควันลอยขึ้นจากจุดที่เขาอยู่ และพื้นดินก็ถูกทำลาย ทิ้งรอยดาบไว้บนพื้นมากมาย
ครูฝึกออกมาจากควัน ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีของฉัน แต่ฉันรู้ดีกว่าการโจมตีของฉันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
หากดูใกล้ๆ ข้อมือที่เขาถือดาบมีเลือดออกเล็กน้อย
เมื่อเห็นอย่างนั้น รอยยิ้มบางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉันโดยไม่รู้ตัว..,
สีหน้าของผู้ฝึกไม่มีการเปลี่ยนแปลง และเขาพุ่งตรงเข้ามาหาฉันและเหวี่ยงดาบเข้าหาฉันอย่างรวดเร็ว
ฉันหลบการโจมตีของเขาด้วยการถอยหลังหนึ่งก้าว เมื่อเห็นฉันหลบการโจมตีของเขาอย่างง่ายดาย เขาก็โจมตีฉันต่อ เขาเหวี่ยงดาบไปทางซ้าย ขวา และรอบตัวฉัน
ฉันหลบทุกการโจมตีของเขาที่เคลื่อนไปทางซ้ายและขวาพร้อมกับปัดป้องการโจมตีของเขาด้วยดาบ และเมื่อดาบของเราปะทะกันอย่างรุนแรง ก็มีเพียงประกายไฟเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าของคนปกติ เช่น พนักงานต้อนรับคนนั้น…
ผ่านไปไม่กี่นาทีที่พวกเราต่อสู้กันอย่างรวดเร็วนั้น และส่วนใหญ่ฉันเป็นฝ่ายตั้งรับเนื่องจากพลังของเราต่างกันเกินไป…
แต่ฉันยังสามารถหลบและปัดป้องการโจมตีทั้งหมดของเขาได้ และฉันไม่เสียเปรียบใดๆ
การโจมตีของเขานั้นถือว่าเชื่องช้าเล็กน้อย เพราะฉันเคยเผชิญกับการโจมตีที่เร็วกว่าเขามากในขณะที่ฝึกซ้อมกับมิกะผู้เป็นอาจารย์
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉันในขณะที่ป้องกันและหลบหลีกการโจมตีของเขา เพราะฉันสามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้ความสัมพันธ์ธาตุของฉัน ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นนักผจญภัยระดับ A และการต่อสู้กับเขาโดยไม่เสียเปรียบถือเป็นความสำเร็จที่ดีสำหรับฉันตอนนี้ ..
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของเขาไม่ได้ผลกับฉัน เขาจึงใช้ธาตุลมของเขาโจมตีใส่ฉัน
ฉันรู้สึกประหลาดใจแต่ฉันก็พยายามหลบแต่มันก็สายไปเสียแล้ว การโจมตีกระทบกับแก้มขวาของฉัน จนเลือดก็เริ่มไหลซึมออกมา
ขณะที่ฉันกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งต่อไป ฉันก็รู้สึกถึงหนาวเหน็บที่กระจายออกมาจากด้านหลังของฉัน
ฉันค่อยๆ หันหน้าไปดูที่มาของมัน ดวงตาของฉันเบิกกว้างด้วยความตกใจ พร้อมกับปากก็อ้ากว้าง
ที่นั่นฉันเห็นผมของมิกะลอยอยู่กลางอากาศ ดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง และทั้งห้องฝึกก็สั่นสะเทือนจากเจตนาฆ่าของเธอที่เหมืนอจะพยายามทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า…
หัวหน้ากิลด์ที่ยืนอยู่ใกล้เธอเริ่มกระอักเลือดออกมา พนักงานต้อนรับที่อยู่ไม่ไกลจากพวกเขาก็หมดสติไป จากนั้นฉันก็หันไปหาครูฝึกที่ยืนอยู่ตรงข้าม
ครูฝึกนั่งคุกเข่ามีเลือดไหลซึมไปทั่วร่างกาย ดวงตาแดงก่ำ และเลือดไหลออกจากหู จมูก และปาก...ดูเหมือนเขาจะหมดสติไปในขณะที่นั่งคุกเข่าสองข้าง
มีเพียงฉันเท่านั้นที่ดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบ
"...."
ไม่ใช่ว่าฉันสามารถหลบหนีออกมาจากเจตนาฆ่าขนาดนั้นได้โดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ว่าเจตนาฆ่าของเธอไม่ได้มุ่งเป้ามาที่ฉันเท่านั้น…
นี่หมายความว่าเธอสามารถควบคุมเจตนาฆ่าตามรูปแบบของเธอได้อย่างง่ายดาย…
มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถสร้างรูปแบบเจตน่าฆ่าเช่นนี้ได้ ซึ่งพวกเขาจะทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับพลังที่อยู่เหนือกว่าขอบเขตมนุษย์เท่านั้น…
และผู้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้เหนือขอบเขตมนุษย์…
มีเพียงไม่กี่คนในโลกนี้และเราสามารถนับพวกเขาได้ด้วยนิ้วมือข้างเดียว…
ฉันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่ามิกะเองก็อยู่ในระดับเหนือมนุษย์…
"...."
********
ไม่นานฉันก็กลับมามีสติและรีบเข้าไปหามิกะ จับไหล่ทั้งสองข้างของเธอเขย่าอย่างแรงและตะโกนชื่อเธอให้ดังที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เธอหยุด แต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล
จากนั้นฉันก็ดึงแขนเธอเต็มแรงและจูบเธอที่แก้มและกอดเธอแน่นในขณะที่แขนโอบรอบเอวของเธอและฝังศีรษะของฉันไว้ที่ท้องของเธอ…
มันค่อนข้างน่าอาย แต่บางครั้งเธอก็บังคับให้ฉันทำแบบนี้...และนั่นไม่ใช่สิ่งที่แย่ที่สุด บางครั้งเธอต้องการให้ฉันนอนค้างกับเธอและเอจิสในวันหยุดสุดสัปดาห์..."
ฉันอยู่ท่านั้นเพียงนาทีเดียว และไม่นานฉันก็สังเกตเห็นเจตนาฆ่าของเธอลดลงเรื่อยๆ และหลังจากนั้นอีกไม่กี่วินาที มันก็สลายไปจนหมดสิ้น…
เธอกลับมามีสติสัมปชัญญะและเอามือลูบผมของฉัน จากนั้นก็ลูบแก้มขวาของฉันที่มีเลือดไหลเล็กน้อยอย่างเบามือ แล้วหยิบยารักษาระดับสูงออกมาให้ฉันดื่ม.....
ช่างเป็นยาระดับสูงที่สูญเปล่าจริงๆ ฉันคิดกับตัวเอง…
ยารักษาอาการบาดเจ็บระดับสูงเป็นเหมือนชีวิตที่สองสำหรับนักผจญภัย ซึ่งสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บสาหัส อวัยวะที่เสียหาย และแม้กระทั่งส่วนของร่างกายที่ถูกตัดขาด.....เช่นนั้นมันจึงถูกเรียกว่าชีวิตที่สอง เมื่อมันสามารถรักษาบาดเจ็บทุกอย่างให้หายได้ทันทีราวกับเกิดใหม่ และทำให้นักผจญภัยสามารถบุกทะลวงป่าเขาที่แสนโหดร้ายได้อีกครั้ง
คุณไม่สามารถซื้อยารักษาระดับสูงได้แม้ว่าคุณจะมีเงินจำนวนมาก ดังนั้นมันจึงเป็นที่ต้องการของนักผจญภัยทุกคนทั่วโลก…
เอจิสเป็นคนบอกฉันเกี่ยวกับยาวิเศษนี่ และเธอเป็นคนทำมันและส่งยาเหล่านี้ให้มิกะ…
เอจิสไม่ใช่แค่ผู้รักษาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักปรุงยาด้วย ด้วยเหตุนี้เธอจึงเป็นที่ต้องการตัวของทุกอาณาจักร
เธอเปลี่ยนตัวตนของเธอเป็นประจำเมื่อไปเยือนอาณาจักรอื่น เพราะการที่เธอปรากฏตัวมันจะทำให้เธอตายจากการทำงานหนักเกินไป…แน่นอนสถานที่ใดบ้างที่ไม่มีคนที่ได้รับบาดเจ็บหรือเจ็บไข้ได้ป่วยล่ะ
มิกะเป็นคนอุปการะเธอตอนที่เธอยังเป็นมือใหม่ในอาชีพของเธอ และจากนั้นพวกเธอก็กลายเป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว…
นั่นคือสิ่งที่เอจิสบอกฉัน ฉันค่อนข้างสนิทสนมกับเธอตอนนี้ เธอมักจะอยู่บ้านเพื่ออ่านการ์ตูนหรือดูอนิเมะ ดังนั้นฉันจึงไปเยี่ยมเธอเป็นประจำหลังการฝึกเพื่อฆ่าเวลา และบางครั้งมิกะก็เข้าร่วมด้วย…
เอจิสนั้นอยู่ที่ชั้นหนึ่งของคฤหาสน์ของมิกะ อามามิ..
*************
ท้ายที่สุดแล้วทุกอย่างก็สิ้นสุดลงเช่นนั้นเพราะมิกะ เรากลับไปที่ห้องรับแขกวีไอพีและจิบชา ราวกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่นาทีก่อนนั้นเป็นเพียงความฝัน…
หลังจากได้สติและรักษาตัวเองแล้ว หัวหน้ากิลด์สาขาก็มาถึงห้อง VIP ที่ฉันกับมิกะกำลังดื่มชาด้วยกันอยู่…
เขามีสีหน้าหวาดกลัวและรู้สึกผิดในขณะที่มิกะกำลังจับจ้องมาที่เขาราวกับมีรังสีที่สัมผัสไม่ได้กำลังทะลวงร่างเขาจนเป็นรู…
มิกะอธิบายให้ฉันฟังว่าทำไมเธอถึงสูญเสียการควบคุมอารมณ์ เธอบอกว่าครูฝึกไม่ควรใช้ความสัมพันธ์ธาตุและทักษะเหล่านี้ในขณะที่ดวลดาบกับนักผจญภัย…
พวกเขาแค่ต้องใช้ฝีมือดาบเพื่อทดสอบและตัดสินอันดับของนักผจญภัยเท่านั้น…
ส่วนในกรณีของนักผจญภัยที่ใช้พลังธาตุ พวกเขาสามารถใช้พลังธาตุได้ในระดับพื้นฐานเพื่อโจมตีและป้องกันตัวเองได้
ในกรณีของฉัน ผู้ฝึกสอนที่ต่อสู้กับฉันกลับใช้ธาตุลมของเขาในระหว่างการต่อสู้ของเราซึ่งมันผิดกฎ
สิ่งที่ทำให้เธอโกรธเพราะพวกเขาทำผิดกฏไม่ใช่เพราะฉันบาดเจ็บหรือเลือดออกตรงแก้ม....ไม่ใช่แน่ๆ
ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอพูดคำนั้นซ้ำสองครั้ง.." "
จากนั้นฉันก็มุ่งความสนใจไปที่หัวหน้ากิลด์สาขาที่กำลังโค้งคำนับและขอโทษอย่างนับครั้งไม่ถ้วน เขาสัญญาว่าจะชดเชยให้ฉันอย่างงามด้วย…
จากนั้นมิกะก็พาเขาไปที่ไหนสักแห่งเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัว ไม่กี่นาทีต่อมา ทั้งคู่ก็กลับมา ฉันสังเกตเห็นว่ามิกะยิ้มให้ฉันอย่างไร้เดียงสา
ในขณะที่ใบหน้าของหัวหน้ากิลด์สาขาดูซีดเซียวและเขาเหงื่อออกทั้งตัวและ... ตัวสั่นงั้นหรือ?
"…."
จากนั้นหัวหน้ากิลด์ก็รีบออกไปอย่างเร่งรีบ ทิ้งฉันกับมิกะไว้ในห้อง VIP ทั้งอย่างนั้ย..
ฉันเห็นมิกะจากมุมหางตาของฉันและเห็นว่าเธอยังคงยิ้มอย่างไร้เดียงสาโดยที่ดวงตาของเธอจับจ้องมาที่ฉัน…
เธอไม่พูดอะไรอีกและนั่งข้างๆฉันในขณะที่กอดฉันจากด้านข้างและหนีบฉันให้อยู่ใต้แขนของเธอ
ฉันได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้น.."ตุบ" "ตุบ"
และเธอก็พึมพำบางอย่างด้วยเสียงต่ำว่า..."ของมีค่าของฉัน" "ของมีค่าของฉัน"?
จู่ๆร่างกายฉันก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว…
*********
แต่ไม่นานหัวหน้ากิลด์สาขาก็กลับมาพร้อมยื่นของในมือให้มิกะด้วยมือที่สั่นเทา…
มิกะตรวจสอบการ์ดและสังเกตมันสักครู่แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะส่งมันให้ฉัน
ฉันหยิบการ์ดที่มิกะมอบให้ฉันแล้วตรวจสอบดู และดวงตาของฉันก็เบิกกว้างเมื่อเห็นเนื้อหาในนั้น.." "
ฉันมองไปที่มิกะเพื่อขอคำอธิบาย แต่เธอกลับยิ้มให้ฉันอย่างไร้เดียงสา
มันคือบัตรแพลตตินัมที่เขียนข้อมูลและอันดับนักผจญภัยของฉันไว้
นักผจญภัยระดับ A
อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์
อายุ ~ 15
ความสามารถพิเศษ ~ ทักษะดาบ
ผู้สนับสนุน ~ มิกะ อามามิ ผู้มีฉายาว่า "จักรพรรดินีแห่งดาบ"
ชื่อของมิกะถูกจารึกไว้ด้วยการฝังเพชรหรือบางทีมันอาจแค่ดูเหมือน....หรือมันคือของจริง?
"เดี๋ยวก่อน!! นักผจญภัยแรงค์ A งั้นหรือ???"
**********