บทที่ 120 เบื้องหลังเหตุการณ์ (อ่านฟรี)
บทที่ 120 เบื้องหลังเหตุการณ์
"วูบ!"
ลูกบอลสีน้ำเงินสองลูกพุ่งขึ้นไปในอากาศในขณะที่หมุนไปรอบๆ และสามารถมองเห็นพวกมันรวมกันจนมีขนาดใหญ่ที่ราวกับว่ามันจะรุนแรงยิ่งกว่าท่าไม้ตายของโกสต์วอล์คเกอร์เสียอีก
อัศวินขนนกแดงชูดาบขึ้นเหนือหัว และเสี้ยววินาทีต่อมามันก็เหวี่ยงดาบลงมาด้วยแรงอันเหลือเชื่อ จนเกิดคลื่นกระแทกที่แหลมคม ดาบและคลื่นที่ห่อหุ้มดาบได้ผ่าเข้าที่กลางลูกระเบิดมานาขนาดมหึมานั้นและแยกมันออกเป็นสองส่วนอย่างสมบูรณ์แบบ
ในไม่ช้าแต่ละส่วนก็ลอยผ่านเขาไป
ท่าไม้ตายของรอยจะไม่ทำร้ายเขาหรือแม้แต่ทำให้เขาขยับออกจากที่สักหนึ่งนิ้วก็ทำไม่ได้ ดูเหมือนอัศวินตนนี้จะแข็งแกร่งมาก
แต่... รอยกลับคิดตรงกันข้าม
รอยยิ้มที่ซุกซนและชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้าของเขา บอกว่าถึงเวลาแล้วที่อัศวินผู้หยิ่งยโสจะต้องทนทุกข์ทรมานแล้ว
"ตูม!"
ขณะที่พวกมันเคลื่อนไปทางซ้ายและขวา พวกมันสั่นไหวรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนระเบิดออกมา
เขาถูกระเบิดโจมตีที่ด้านข้างอย่างไม่ทันตั้งตัว
คลื่นกระแทกรุนแรงมากจนทุกคนในห้องเกิดแผ่นดินไหว นอกจากนี้ แม้แต่รอยยังต้องเหวี่ยงดาบลงอย่างแรงเพื่อลดคลื่นกระแทกบางส่วนที่พุ่งเข้ามาหาเขาเพื่อหลีกเลี่ยงการบาดเจ็บ
"หวืด!"
ฝุ่นยังก่อตัวขึ้น ณ จุดที่มีการระเบิด
รอยไม่สามารถมองทะลุไปได้
ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าอัศวินขนนกจะรอดหรือไม่
เขาไม่ต้องรอนาน เพียงแค่โบกมือ อัศวินขนนกสีแดงก็ทำลายเมฆฝุ่นให้กระจายออกไป
เมื่อเขาปรากฏตัวออกมาอย่างชัดเจน และสิ่งที่รอยเห็นทำให้สีหน้าของเขาตกตะลึงราวกับคนกระโดดบันจี้จัมป์ครั้งแรกในชีวิต
อัศวินไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่นิดเดียว อย่างไรก็ตามมีรอยแตกขนาดใหญ่บนชุดเกราะของเขา แต่นั่นมันเป็นเพียงความเสียหายเดียวที่ท่าไม้ตายของรอยทำกับเขาได้ บัดซบเอ้ย!
ผู้ใต้บังคับบัญชาของอัศวินทั้งสองสามารถเห็นการต่อสู้ของพวกเขาอยู่ด้านหลัง
โดยไม่สนใจว่าเกิดอะไรขึ้นรอบๆ พวกเขาสบตากันอย่างนิ่งงัน
และแล้ว… อัศวินขนนกแดงก็โค้งคำนับรอยอย่างน่าประหลาดใจ!!!
รอยตกใจมากกับสิ่งนั้น
“บทแรกของบทเพลงที่สามของนินัม และตอนนี้คือความสามารถในการควบแน่นมานาเป็นอาวุธเพื่อสร้างรอยบุบในชุดเกราะของข้าได้พิสูจน์แล้วว่าข้อสงสัยของข้านั้นถูกต้อง… ท่านคือลอร์ดของข้าจริงๆ!” อัศวินขนนกแดงกล่าวอย่างมีอารมณ์
"หือ? ทำไมข้าจำไม่ได้ว่ามีอัศวินอย่างเจ้าคอยรับใช้ข้า?" รอยมองเขาอย่างสงสัย
ถ้าคนที่มีพลังอำนาจเหนือกว่าคุณหันมาโค้งคำนับให้คุณและอ้างว่าคุณเป็นเจ้านายของเขา คุณจะไว้ใจเขาหรือไม่?
รอยอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าเขาจะถูกจัดการในวินาทีสุดท้ายที่เขาลดการ์ดลงหรือไม่
ดังนั้นเขาจึงยังคงระแวดระวังและถอยห่างจากอัศวินขนนกแดง
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อัศวินก็ยืดหลังตรงและกระพริบตาอย่างสับสน “ท่านจำไม่ได้เหรอ?”
“ข้าลืมอะไรไปงั้นหรือ” รอยถาม
อัศวินส่ายหัวด้วยความผิดหวังและหันกลับมา เห็นเขาเดินกลับไปบัลลังก์พร้อมดีดนิ้วมือของเขา การ์กอยล์ที่ต่อสู้กับเดไลลาห์และตัวที่ไล่ตามจูเลียนก็บินกลับไปที่จุดเดิมทันที ต่างก็มาหยุดอยู่คนละฟากบัลลังก์ ดูเหมือยพวกเขาจะไม่เคลื่อนไหวเว้นแต่จะได้รับคำสั่ง
ส่วนอัศวินนั้นประทับนั่งบนบัลลังก์และเอาขาไขว่ห้างด้วย
เขาเพียงตอบว่า "คำตอบนี้ ท่านค้นหาด้วยตัวเอง"
รอย: "…" ผู้ชายคนนี้มีรูที่หัวหรือเปล่า? ฉันจะไปค้นหาได้ที่ไหนล่ะ!!!
เดไลลาห์และจูเลียนวิ่งเยาะๆมาหาเขา พวกเขาสงสัยว่าอะไรที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันเช่นนี้ แต่ก็ยังน่ายินดีในสถานการณ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ของพวกเขา
“ตั้งแต่ท่านมาที่นี่ ข้าเชื่อว่าท่านมาเพื่อเอามันคืนไป” อัศวินกล่าวหลังจากนั้นครู่หนึ่ง
"ถ้างั้น "มัน" ที่เจ้าหมายถึงคือขลุ่ยแห่งความโกลาหลหรือไม่” รอยถาม
อัศวินพยักหน้าเห็นด้วย "อันที่จริง มันเป็นของท่านโดยชอบธรรมตั้งแต่แรก ข้าปกป้องมันมานานเกินไป มันสร้างปัญหาให้ข้าโดยไม่จำเป็น มีเหล่าแมลงเข้ามาในวังของข้าหลายครั้งเกินกว่าที่ข้าจะนับได้ พวกมันรบกวนข้าจากการหลับใหล ตอนนี้สิ่งนี้จะตกอยู่ในความรับผิดชอบของท่าน ท่านจะต้องปกป้องมันจากวิญญาณชั่วร้าย นายท่าน!" เขาดึงสิ่งของออกมาและโยนขึ้นไปในอากาศ
รอยกระโดดขี้นและรับมันไว้
เมื่อเปิดฝ่ามือออก เขาเห็นว่าวัตถุนี่มันดูเหมือนเป็นชิ้นส่วนหนึ่งของขลุ่ย
แต่เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกชั่วร้ายจากมัน
ทันใดนั้นเขาก็รับรู้ได้ว่ามันเป็นชิ้นส่วนที่ 4 ของขลุ่ยก่อความโกลาหล
รอยรู้สึกเหมือนกำลังถืออาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงอยู่ในมือ และสายลับจะมารับตัวเขาไปเพราะครอบครองสิ่งที่อาจทำให้ชีวิตนับล้านตกอยู่ในความเสี่ยง
“ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้… ข้ายังไม่พร้อมสำหรับมัน”
เขาต้องการที่จะคืนมัน
เพราะนี่คือสิ่งที่เคออสกำลังมองหา
ถ้ามันรู้ว่าสิ่งนี้อยู่กับเขา มันจะต้องส่งผู้ติดตามหลายร้อยหรืออาจถึงพันคนที่ทรงพลังจริงๆ ตามล่าชีวิตน้อยๆ ของเขาเพื่อเอามันมาไป!
รอยต้องการที่จะอยู่ในเงามืดและขัดขวางแผนการของพวกมันในขณะที่เพิ่มความแข็งแกร่งของตัวเองขึ้นไปด้วย
แต่... สิ่งนี้จะนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
"ไม่มีใครเกิดมาพร้อมทุกอย่าง ท่านต้องเรียนรู้ที่จะเผชิญหน้ากับศัตรู สิ่งนี้จะดึงดูดแมลงเข้ามาหาท่าน แต่ท่านจะเติบโตขึ้นหลังจากทุบพวกมันลงไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม - นั้นคือนรก! โชคดีนายท่าน!" หลังจากพูดจบ ไอ้ขนแดงก็ไม่เปิดโอกาสให้รอยปฏิเสธในขณะที่เขาเปิดประตูมิติใต้เท้ารอยและเท้าของอีกสองคน พวกเขาถูกดูดเข้าไปข้างในและหายไปจากห้องบัลลังก์
"เอี๊ยด!"
วินาทีต่อมา กำแพงด้านหลังบัลลังก์ก็เปิดออก เผยให้เห็นแถวของอัศวินมากมาย รูปปั้นของชายครึ่งเอลฟ์ที่หล่อเหลาจนตาพร่า และนักล่ามากมายที่ยืนอยู่ใต้เงาก็ปรากฏให้เห็นเช่นกัน
มีจิ้งจอกสวยแต่งตัวล่อแหลมเดินออกมาจากใต้เงานั้นแล้วกระซิบข้างหูอัศวินว่า "เขากลับมาแล้ว จะทำอย่างไรต่อดี?"
"เขาจำอะไรไม่ได้เลย วันที่บัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งรัตติกาลจะได้พบเจ้านายของมันแล้ว มันจะเป็นวันที่พวกเราจะได้กลับไปยังฟาร์เวสต์ เตรียมพร้อม... สำหรับวันแห่งโชคชะตานั้น ปลุกเหล่ามนุษย์ ให้พวกเขาปราบปรามกลุ่มใกล้เคียง และให้พวกเขาบังคับผู้ที่ไม่เห็นด้วยและเหล่าสัตว์อสูรให้ยอมจำนน เราต้องการกองทัพเพื่อทำให้เจ้านายของเราพอใจ "
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ จิ้งจอกก็เดินกลับไปยังสถานที่ที่เธอเพิ่งออกมา และทำลายวงเวทย์ที่อยู่ติดกับรูปปั้นให้แตกเป็นชิ้นๆ
“การรอคอยหลายร้อยปี… ในที่สุดก็จะสิ้นสุดลงในศตวรรษนี้”
ขณะที่เธอพูดนั้น นัยน์ตาของอัศวินหลายร้อยคนก็เปล่งประกายราวกับว่าพวกเขาฟื้นคืนชีพหลังจากหลับใหลมาหลายยุคหลายสมัย
นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากรอยออกมา!
และ… รอยยังไม่รู้ตัวเลย