บทที่ 115: แม่กวางเฒ่าล้มลงไปกลิ้งกับพื้น
ขณะนี้หลงโม่พุ่งเข้ามาในลานบ้าน แต่เขาก็พบว่าไม่มีใครอยู่บ้านสักคนจึงรีบเข้าไปในบ้านไม้เพื่อไปดูเตียงที่ลูก ๆ นอน
“มันอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรือ?”
เขาพลิกเตียงกลับด้านแต่ก็ยังไม่พบเสื้อผ้าหนังสัตว์เลยสักชุด
นั่นทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เขาจำได้ว่าหูเจียวเจียวพูดเมื่อวานนี้ว่าชุดที่ทำจากหนังสัตว์ผืนใหม่จะให้เขาเอาไปใช้รองนอน เป็นไปได้ไหมว่ามันจะอยู่ในกระท่อมไม้ของนาง?
พอคิดได้เช่นนี้ ร่างสูงก็ไปด้อม ๆ มอง ๆ ในกระท่อมของจิ้งจอกสาวอีกครั้ง แต่เขาก็ไม่เห็นชุดหนังสัตว์แม้แต่ชุดเดียว เขาเห็นเพียงเข็มกระดูกจำนวนหนึ่งถูกวางกองไว้บนพื้น
จังหวะนั้น ฝีเท้าที่กำลังจะก้าวไปข้างหน้าของหลงโม่ชะงักไป ของพวกนี้มันคมมาก นางใช้พวกมันเย็บเสื้อผ้าหรือ?
ครู่ถัดมา แสงสีดำที่อธิบายไม่ได้ก็ฉายวาบในดวงตาสีทองของเขา ก่อนที่เขาจะหยิบเข็มกระดูกขึ้นมาแทงเข้าไปในนิ้วของตัวเอง
ตรงบริเวณที่ถูกแทงมีความเจ็บปวดแล่นเข้ามา ทว่าใบหน้าของมังกรหนุ่มยังคงเฉยเมยไม่เปลี่ยนไป หลังจากที่เขาดึงเข็มกระดูกออกมาแล้วก็มีเลือดขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองปรากฏขึ้นที่นิ้วหยาบกร้านทันที พอเขาคิดว่าจิ้งจอกสาวจะต้องรู้สึกแบบนี้เช่นกันในยามที่ใช้เข็มกระดูกตัดเย็บเสื้อผ้า เขาก็รู้สึกสะเทือนใจ
ชายร่างสูงกำมือแน่นพลางปล่อยให้เลือดไหลหยดลงพื้นทีละหยด ในขณะที่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันหลังเดินออกจากกระท่อมไปอย่างรวดเร็ว
...
ในเวลานี้ หูเจียวเจียวมาที่แม่น้ำพร้อมกับถังหินเปล่า
แม้ว่าจะมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านไม่ไกลจากบ้านของเธอ แต่ในแม่น้ำสายนี้ไม่ค่อยมีปลาให้จับ ขณะที่แม่น้ำอีกสายหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปมีปลามากกว่า
หลังจากที่หญิงสาวใช้เวลาเดินทางประมาณ 20 นาที ในที่สุดเธอก็มาถึงบริเวณสายนทีดังกล่าว จากนั้นเธอจัดการวางถังหินลงบนพื้น ก่อนจะเริ่มมองหาสถานที่เหมาะแก่การตกปลา
ตรงริมฝั่งแม่น้ำมีต้นหลิวอยู่ 2-3 ต้น กิ่งก้านของมันยาวมากจนห้อยลงมาถึงพื้น แต่ด้านบนกลับเกลี้ยงเกลาเพราะตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงก่อนที่จะเข้าฤดูหนาวแล้ว ใบไม้จึงเริ่มผลัดใบ
เนื่องด้วยแม่น้ำสายนี้ไม่ได้ลึกมาก แม้ว่าหูเจียวเจียวจะเดินไปถึงตรงกลางแล้ว แต่น้ำก็สูงถึงเข่าของเธอเท่านั้น
เดิมทีน้ำในสายธารแห่งนี้ใสสะอาดมาก แต่พอจิ้งจอกสาวก้าวลงไปในน้ำ มันก็ถูกกวนจนขุ่น ทว่ามันก็ไม่ได้มีผลกับการจับปลาของเธอมากนัก เพราะสายตาของภูตนั้นดีเยี่ยม เธอจึงสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของปลาในน้ำขุ่นได้อย่างชัดเจน
ถัดมา หูเจียวเจียวคว้าอาหารปลาจำนวนหนึ่งออกมาจากมิติแล้วโปรยไปรอบ ๆ บริเวณที่ตัวเองยืนอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน ปลาที่ไม่เคยสัมผัสกับ ‘จิตใจที่ชั่วร้ายของมนุษย์’ ก็ได้กลิ่นอาหาร พวกมันจึงว่ายเข้ามาติดกับดักทีละตัว
ในโลกของแดนปีศาจมหัศจรรย์ นอกจากภูตที่ชอบปลาอย่างภูตแมวแล้วก็แทบจะไม่มีภูตคนไหนกินปลาเลย ดังนั้นปลาพวกนี้จึงไม่รู้ว่าเหล่าภูตก็เป็นศัตรูตามธรรมชาติของพวกมันเช่นกัน
ตามปกติแล้วปลาในแม่น้ำจะกลัวการถูกจับมากที่สุด เธอคิดถึงยามที่ตัวเองอาศัยอยู่ในชนบทตอนเด็ก ๆ ปลาพวกนั้นฉลาดมาก พวกมันไม่ตกหลุมพรางของใครง่าย ๆ และทุกตัวจะว่ายหนีไปทันทีที่พบเห็นสิ่งผิดปกติ
จังหวะนั้น หูเจียวเจียวเลิกแขนเสื้อตัวเองขึ้น แล้วค่อย ๆ ก้มลงสัมผัสตัวปลา
ทว่า...
การคิดนั้นง่ายกว่าการลงมือทำมาก
เนื่องจากจิ้งจอกสาวไม่มีประสบการณ์ในการล่าสัตว์ แม้ว่าปลาที่อยู่ที่นี่จะไม่ได้ระแวดระวังตัว แต่พวกมันก็ไม่ได้โง่ ทุกครั้งที่เธอเริ่มแตะตัวของปลาตัวใดตัวหนึ่ง มันก็จะว่ายหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
หรือบางครั้งเธอก็สามารถจับปลาเหล่านี้ขึ้นมาจากน้ำได้ แต่ในระหว่างที่กำลังดีใจ เธอก็ถูกหางปลาฟาดเข้าหน้าจนหลุดมือไป ทำให้เธอจับปลาตัวนั้นไม่ได้อีกเลย...
หลังจากที่หญิงสาวพยายามอยู่นาน ในที่สุดเธอก็เริ่มรู้สึกปวดหลัง แต่ตอนนี้ในถังมีแค่ปลาอยู่ตัวเดียวซึ่งมีขนาดเล็กกว่าที่ลูก ๆ จับได้เมื่อวานนี้เสียอีก
อันที่จริงปลาตัวนี้ยาวเท่า...นิ้วก้อยเท่านั้น
บัดนี้หูเจียวเจียวยืนอยู่กลางแม่น้ำด้วยความรู้สึกหดหู่
“ฉันไม่คิดเลยว่าทักษะการจับปลาของฉันจะแย่กว่าเด็ก ๆ อีก...”
เวลาผ่านไปไม่นาน เธอก็พูดปลอบใจตัวเอง “ช่างเถอะ ๆ การจับปลาคงจะไม่เหมาะกับฉัน”
จากนั้นจิ้งจอกสาวก็ปล่อยปลาตัวเล็กตัวนั้นไปให้มันได้เติบโตอยู่ในธรรมชาติ หลังจากกลับขึ้นมาบนฝั่ง เธอก็มองไปรอบ ๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีคนอยู่แถวนี้หรือไม่ พอไม่เห็นใคร เธอจึงหยิบปลาตัวใหญ่ 7 ตัวที่มีน้ำหนักมากกว่า 10 กิโลกรัมออกมาจากในมิติแล้วใส่ลงไปในถังหินก่อนจะปรบมือด้วยความพึงพอใจ
“ว้าว วันนี้ฉันจับปลาได้เยอะเลย”
ถ้าจะบอกว่าเธอ ‘จับ’ มันได้ คงจะไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม?
ต่อมา หูเจียวเจียวหยิบถังหินขึ้นมาเตรียมจะมุ่งหน้ากลับ เธอคิดเอาไว้ในใจว่าจะไปที่แม่น้ำใกล้บ้านเพื่อล้างปลา เพราะกลัวว่าปลาในแม่น้ำนี้จะตื่นตัวกันไปหมด แล้วในอนาคตเด็กทั้ง 5 จะมาจับปลาที่นี่ไม่ได้อีก
ทว่าทันทีที่เธอหันกลับมา เธอเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังตน
นางคือ ‘ลู่มู่’ แม่ของลู่หลี
เมื่อจิ้งจอกสาวเห็นคนที่ยืนอยู่ชัดเจน เธอก็ไม่สนใจนาง แล้วเดินอ้อมไปอีกทางพร้อมกับถังหินที่เต็มไปด้วยปลาในมือ
“หูเจียวเจียว เจ้าจับปลาได้เยอะขนาดนี้เลยหรือ? ปลาพวกนี้ดูอ้วนจัง...” แม่กวางก้าวเข้ามาขวางหน้าเธอ พลางจ้องมองปลาในถังด้วยดวงตาเป็นประกาย
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ลู่หลีผู้เป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของนางร้องจะกินปลาโดยบอกว่าปลาที่หูเจียวเจียวทำให้ไอ้พวกตัวเล็กกินนั้นอร่อยมาก นางจึงถามว่าพวกเขาจับปลาได้ที่ไหน เลยคิดว่าจะมาดูสักหน่อย
แล้วนางก็บังเอิญเจอเข้าจริง ๆ
เดิมทีหญิงชราคิดว่าปลาในแม่น้ำมีเนื้อเพียงไม่กี่กิโลฯ แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าปลาที่จิ้งจอกสาวจับได้จะใหญ่ขนาดนี้ มันมีขนาดเทียบเท่ากับเหยื่อตัวเล็ก ๆ เลยทีเดียว!
ทันใดนั้นลู่มู่ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาทันที และนางก็พูดขณะที่เอื้อมมือไปแตะปลาในถังหิน
“หูเจียวเจียว เจ้ามีปลาตั้งมากมาย พวกมันต้องหนักมากเลยใช่ไหม ปกติพวกเจ้ากินกัน 2-3 ตัวก็พอแล้ว เจ้าไม่ต้องขอบคุณข้าหรอกนะ แค่แบ่งปลามาให้ข้าครึ่งหนึ่งเป็นการชดใช้ก็พอ แล้วข้าจะยกโทษให้เจ้าสำหรับสิ่งที่ทำกับลู่หลีก่อนหน้านี้”
แม่กวางเฒ่าตระกูลลู่เป็นคนชอบเอาเปรียบคนอื่นมากที่สุด เมื่อนางเห็นปลาตัวอวบอ้วนเข้า นางก็ลืมไปว่าอีกฝ่ายโหดเหี้ยมเพียงใดในตอนที่เธอจัดการกับลูกชายก่อนหน้านี้ และจำได้เพียงว่าจิ้งจอกสาวเป็นคนขี้ขลาด
จังหวะนั้นเอง...
เพี้ยะ!
หูเจียวเจียวยกมือขึ้นฟาดหลังมือที่กำลังจะยื่นมาแตะปลาในถังหินของตนอย่างแรง
“โอ๊ย ฟู่ ๆ!” ลู่มู่ชักมือออกแล้วยกมือไปจ่อที่ปากเพื่อเป่าบรรเทาความเจ็บปวด ก่อนจะเห็นว่าหลังมือสีซีดของตัวเองเปลี่ยนเป็นสีแดง
หูเจียวเจียวปล่อยลู่หลีไปก็จริงอยู่ แต่เธอไม่ลืมครั้งล่าสุดที่ลู่หลีพาหลิงเอ๋อไปทิ้งให้งูกัดในถ้ำ อีกทั้งแม่ของเขายังมาทำตัวไร้เหตุผลใส่อีก เธอจึงตีมือของนางด้วยแรงทั้งหมดที่มีจนมือของแม่กวางนั้นบวมแดง
อืม... ข้อดีของภูตก็คือมีพละกำลังมหาศาล แรงพวกนี้มีมากพอที่จะคว่ำคนอื่นได้สบาย ๆ เลย
“อย่ามายุ่งกับข้า ข้าจัดการเองได้ สำหรับเรื่องราวระหว่างลู่หลีกับหลิงเอ๋อ ข้ายังจำได้ดีแม้ว่าเจ้าจะลืมมันไปแล้ว แต่ข้าไม่มีวันลืม!” หญิงสาวโต้กลับอย่างเย็นชา
“นี่เจ้า! อีสารเลว เจ้ากล้าตีข้างั้นรึ!”
ลู่มู่เบิกตากว้าง ใบหน้าของนางเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความโกรธหรือความเจ็บกันแน่
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง เจ้าจงส่งปลาพวกนี้ไปที่บ้านของข้า มิฉะนั้น ข้าจะบอกหัวหน้าเผ่าว่าเจ้าทำร้ายข้า! บอกให้หัวหน้าเผ่าขับไล่เจ้าออกจากเผ่า!” หญิงชราพูดข่มขู่โดยหน้าที่มีเลือดฝาดดูดุร้ายและโลภมาก
นางจำได้เพียงว่าลู่ซุยซุยถูกไล่ออกจากเผ่าเพราะเคยทำร้ายผู้คนมาก่อน ดังนั้นนางจึงมั่นใจมากว่าตัวเองจะเอาชนะอีกฝ่ายได้
หูเจียวเจียวยักไหล่อย่างไม่แยแส ใบหน้าที่สวยงามของเธอดูไร้เดียงสา “ใครตีเจ้ากัน ข้าไม่ได้ตีเจ้าสักหน่อย เป็นเจ้าต่างหากที่จะมาขโมยปลาของข้าเลยถูกปลาฟาดไปทีหนึ่ง เจ้าจะมาโทษข้าได้ยังไง ข้าทำอะไรงั้นหรือ?”
“อีตอแหล เจ้ามันโกหกหน้าด้าน ๆ...” แม่กวางโกรธจนแทบกระอักเลือด เพราะนางเป็นคนเดียวที่โกงผู้อื่นมาตลอด และนางไม่เคยถูกผู้อื่นเล่นอุบายกลับมาก่อน
หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นพลางพูดว่า “ใครจะพิสูจน์ได้ว่าข้าโกหก ข้ายังบอกด้วยว่าเจ้าขโมยปลาของข้า!”
หลังจากที่ลู่มู่ได้ยินคำพูดเหล่านั้น นางก็หันหน้ามองไปรอบ ๆ แต่พอไม่เห็นใครจึงคิดได้ว่าหัวหน้าเผ่าเข้าข้างหูเจียวเจียว นางเลยไม่กล้าส่งเสียงดัง
ตอนนี้จิ้งจอกสาวไม่มีอารมณ์มาทะเลาะกับนาง ดังนั้นเธอจึงเดินกลับบ้านต่อไป เพราะวันนี้เธอมีภารกิจที่ต้องไปทำกับข้าวแสนอร่อยให้กับลูก ๆ!
แต่ใครจะไปคาดคิดว่าจู่ ๆ แม่กวางเฒ่าที่เห็นร่างของภูตคนหนึ่งเดินผ่านมาในระยะไกล ทันใดนั้นนางก็ล้มลงต่อหน้าหญิงสาวพร้อมกับร้องโหยหวนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนพื้น
“โอ๊ย ช่วยด้วย! หูเจียวเจียวขโมยปลาที่ข้าพยายามจับมาทั้งวัน นางกำลังจะฆ่าข้าแล้ว...”
“ทุกคนมาดูเร็วเข้า หูเจียวเจียวทำร้ายลูกข้าจนลุกอออกไปไหนไม่ได้เป็นเดือน แถมยังจะตีข้าจนตาย จะปล่อยให้ผู้หญิงใจร้ายแบบนี้อยู่ในเผ่าเราได้ยังไง!”