ตอนที่ 135: ลึกเข้าไปในถ้ำ
ตอนที่ 135: ลึกเข้าไปในถ้ำ
เมื่อพิจารณาจากการแบ่งส่วนซากของอาคารเหล่านี้ เซี่ยเฟยก็คิดว่าพวกมันสมควรจะเป็นอาคารสำคัญ เช่น ศูนย์ควบคุมงานมาก่อน
โดยบริเวณด้านบนของอาคารมีลานดาดฟ้าขนาดใหญ่ ชายหนุ่มจึงได้ใช้ลานพวกนี้ในการยืนมองสำรวจด้านล่าง
บริเวณด้านล่างของอาคารมีถ้ำที่ถูกขุดขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนและความสูงของถ้ำแต่ละแห่งก็มากเพียงพอที่จะให้ผู้ใหญ่หนึ่งคนเดินผ่านเข้าไปได้
ขณะเดียวกันภายในถ้ำก็ได้มีออร่าอันรุนแรงถูกปลดปล่อยออกมา เซี่ยเฟยจึงคาดการณ์ว่าถ้ำพวกนี้น่าจะเชื่อมต่อกันและมีแมลงอาศัยอยู่ด้านใน
ชายหนุ่มพยายามสังเกตสภาพแวดล้อมบริเวณรอบ ๆ อาคารขนาดใหญ่แห่งนี้ และเขาก็ได้พบว่าทั่วทั้งอาคารไม่มีแมลงอาศัยอยู่สักตัว ซึ่งมันก็อาจจะเป็นเพราะบริเวณใกล้ ๆ มีแมลงระดับสูงอยู่ มันจึงทำให้แมลงระดับต่ำไม่กล้าอยู่ใกล้กับมัน
ขณะเดียวกันแมลงตัวนี้อาจจะไม่ได้เพียงแค่มีระดับสูงกว่าแมลงที่อาศัยอยู่ด้านนอกเท่านั้น แต่ว่ามันอาจจะเป็นแมลงจ่าฝูงของเมือง 02 ก็ได้
เซี่ยเฟยเดินลงบันไดไปที่ชั้น 1 และซ่อนตัวอยู่ด้านหลังซากโต๊ะ จากนั้นเขาก็สังเกตบริเวณด้านหน้าอย่างระมัดระวังโดยหวังว่าแมลงจ่าฝูงจะปรากฏตัว
เวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไปจากหลักนาทีเป็นชั่วโมง แต่แมลงที่เซี่ยเฟยเฝ้ารอก็ยังไม่ออกมา
2 ชั่วโมงผ่านไปยังไม่มีการเคลื่อนไหว
3 ชั่วโมงต่อมาออร่าที่เคยรุนแรงค่อย ๆ อ่อนกำลังลงช้า ๆ ซึ่งเขาก็ประเมินว่าแมลงตัวนั้นอาจจะกำลังพักผ่อน
ชายหนุ่มทำการตัดสินใจอย่างรวดเร็วโดยใช้โอกาสที่มันกำลังพักผ่อนนี้ในการแอบเข้าไปภายในถ้ำและทำการสังหารมันซะ
แต่ในขณะที่เซี่ยเฟยกำลังจะเคลื่อนที่เข้าไปในถ้ำนั่นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหลายชุดดังขึ้นมาจากด้านนอกของอาคารราวกับว่ามันกำลังมีแมลง 2-3 ตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มนั่งลงกับพื้นอีกครั้งพร้อมกับจ้องมองไปด้านหน้าด้วยสายตาอันเฉียบคม
หลังจากนั้นไม่นานแมลงหลากสี 4 ตัวก็เคลื่อนที่เข้ามาจากด้านนอกพร้อมกับลากซากแมลงมาพร้อมกับพวกมันด้วย
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะศพของแมลงที่ถูกลากมานั้นคือแมลงตัวที่ถูกเขากำจัดและผ่าเอาคริสตัลของมันเข้ามาเก็บไว้ในแหวนมิติ
แมลงเหล่านี้ทำการลากศพเข้าไปภายในถ้ำ ซึ่งระหว่างทางพวกมันก็ไม่ทันได้สังเกตการมีอยู่ของเขาเลย
‘หรือว่าพวกมันกำลังขนอาหารไปให้แมลงภายในถ้ำ?’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
ในบรรดาพวกเซิร์กมีเซิร์กบางประเภทที่มีสติปัญญาสูงทำให้พวกมันสามารถคิดและทำงานเหมือนกับมนุษย์ได้ นอกจากนี้มันยังมีภาษาและลักษณะเฉพาะของตัวเองทำให้พวกมันสามารถควบคุมเผ่าพันธุ์เดียวกันที่มีสติปัญญาต่ำทำงานแทนพวกมันได้
“หรือว่าแมลงในถ้ำจะเป็นเซิร์กที่มีสติปัญญาสูง?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความสับสนมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เซิร์กที่มีสติปัญญาสูงเป็นเซิร์กที่มีระดับ 4 ขึ้นไป แต่โบซิงวาเคยบอกบนยานว่าบนดาวดวงนี้มีเพียงแค่เซิร์กระดับ 1 กับระดับ 2 อยู่เพียงแค่เท่านั้น
เซี่ยเฟยใช้วิชาพรางจิตพร้อมกับแอบตามแมลงพวกนั้นเข้าไปในถ้ำอย่างเงียบ ๆ
แมลงพวกนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นภัยคุกคามชายหนุ่มเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนอยู่นอกเมืองเขาได้ สังหารพวกมันไปไม่ต่ำกว่า 100 ตัว สิ่งที่ชายหนุ่มคิดว่าเป็นภัยคุกคามของเขาจริง ๆ คือแมลงที่เขาไม่รู้จักภายในถ้ำต่างหาก
การพรางตัวของเซี่ยเฟยสมบูรณ์แบบทำให้พวกแมลงไม่ทันได้สังเกตว่ามีมนุษย์ตามหลังพวกมันอยู่ นอกจากนี้เขายังรักษาระยะห่างจากพวกมันประมาณ 200 เมตรและค่อย ๆ ติดตามพวกมันไปตลอดทาง
ภายในถ้ำมีอากาศเย็นชื้นและมีกลิ่นเหม็นราวกับว่าด้านในเต็มไปด้วยกองปลาเน่า
เซี่ยเฟยเปิดระบบมองกลางคืนของชุดวินด์ชาโดว์และเก็บเครื่องตรวจจับรังสีเข้าไปไว้ในแหวน
สภาพแวดล้อมของดาวดวงนี้แย่มาก เขาจึงจำเป็นที่จะต้องเปิดเครื่องตรวจจับรังสีตลอดเวลาเพื่อป้องกันการเข้าไปในสภาพแวดล้อมที่อันตราย และถ้าหากเครื่องตรวจสอบพบเจอพื้นที่ที่อันตรายเครื่องก็จะส่งเสียงเตือนออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในสถานการณ์นี้เสียงเตือนจากเครื่องอาจจะทำให้เขาไปพบกับอันตรายมากกว่าสารกัมมันตภาพรังสีก็ได้
โชคดีที่ชุดวินด์ชาโดว์มาร์คโฟร์เป็นชุดต่อสู้ระดับลีเจนด์ มันจึงทำให้การป้องกันของชุดสามารถป้องกันสารอันตรายต่าง ๆ ได้ในระดับหนึ่ง เซี่ยเฟยจึงไม่ได้รู้สึกกังวลกับสภาพแวดล้อมมากนัก
ถ้ำแห่งนี้มีความลึกกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้ในตอนแรก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะได้เดินเข้ามาภายในถ้ำมากกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่เขาก็ยังไปไม่ถึงจุดหมายสักที
เซี่ยเฟยคิดว่าตอนนี้เขาน่าจะอยู่ลึกลงมาใต้ดินมากกว่า 2 กิโลเมตรแล้ว และการที่พวกแมลงสามารถขุดถ้ำลึกและซับซ้อนขนาดนี้ได้ก็แสดงว่าพวกมันได้เรียนรู้วิธีการขุดหลุมมาเป็นอย่างดี
ออร่าที่รุนแรงเริ่มสัมผัสได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่ามันมีออร่าเหล่านี้กระจัดกระจายอยู่ทุกซอกทุกมุมของถ้ำ
หลังจากหักเลี้ยวตรงบริเวณหัวมุมอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ได้พบกับถ้ำเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่มารวมในเส้นทางนี้ ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่ารังของจ่าฝูงแมลงคงจะอยู่ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกล
ทันทีที่เซี่ยเฟยเดินเข้าไปชายหนุ่มก็พบว่าพื้นที่บริเวณนี้มีความเย็นกว่าถ้ำที่เขาเดินผ่านมา มันมีแม้กระทั่งหยดน้ำที่กลายเป็นน้ำแข็งเกาะอยู่ตามผนังหิน
ทางเดินในถ้ำบริเวณนี้ลื่นมาก ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องกดปุ่มบนรองเท้าเพื่อเรียกหนามขนาดเล็กออกมาเพื่อยึดติดกับพื้นที่เป็นน้ำแข็ง
หลังจากเดินทางต่อไปประมาณ 500 เมตร ทางเดินข้างหน้าก็ค่อย ๆ กว้างออกราวกับพื้นที่ด้านหน้าเป็นถ้ำขนาดใหญ่
เซี่ยเฟยเรียกใช้ระบบหนามบนชุดต่อสู้ปีนขึ้นไปบนกำแพงราวกับว่าเขาได้กลายเป็นแมงมุม
ไม่กี่นาทีต่อมาชายหนุ่มก็ได้ปีนขึ้นไปอยู่ด้านบนของถ้ำกว้างที่มีแมลงตัวสีแดงเข้มตัวหนึ่งนอนนิ่งอยู่บนพื้น
แมลงที่ขนศพเข้ามาดูมีทีท่าหวาดกลัวแมลงตัวนี้มาก พวกมันจึงรีบวางศพไว้บนพื้นอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับวางกอหญ้าสีเขียวไว้ข้าง ๆ แล้วรีบถอยห่างจากแมลงตัวสีแดงอย่างรวดเร็ว
ในที่สุดภายในถ้ำก็เหลือเพียงแค่เซี่ยเฟยและแมลงตัวสีแดงเท่านั้น ซึ่งแมลงชนิดนี้ไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก โดยมันมีความยาวประมาณ 1.5 เมตรและมีความสูงน้อยกว่าชายหนุ่มอยู่เล็กน้อย
ลักษณะของแมลงคล้ายกับแตงโมขนาดใหญ่ที่มีลำตัวแคบและยาว, ด้านบนลำตัวของมันถูกปกคลุมไปด้วยเปลือกแข็งและมีขาเล็ก ๆ อยู่ใต้ท้องเป็นจำนวนมาก แต่ที่น่าแปลกคือทั้งหัวและหางต่างก็มีตาสีแดงเลือดทั้งสองข้างทำให้เซี่ยเฟยแยกไม่ออกว่าทิศทางไหนเป็นหัวทิศทางไหนเป็นหางของแมลงตัวนี้กันแน่
ภาพภายนอกเหมือนกับแมลงตัวนี้ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรเลย แต่ออร่าอันรุนแรงที่เซี่ยเฟยสัมผัสได้ก็ถูกปลดปล่อยออกมาจากมัน
ชายหนุ่มเกาะอยู่บนกำแพงแน่นพร้อมกับหยิบเครื่องสื่อสารออกมาชี้ไปที่แมลงด้านหน้า โดยหวังว่าเครื่องสื่อสารจะมีข้อมูลว่ามันเป็นแมลงชนิดไหน, อยู่ระดับใดและมีลักษณะนิสัยยังไง
เครื่องสื่อสารคือไมโครคอมพิวเตอร์ประเภทหนึ่งเพียงแต่มันมีหน้าที่หลักในการสื่อสาร แต่ที่จริงมันยังมีฟังก์ชั่นที่สามารถให้เลือกใช้งานได้อีกมากมาย
เทคโนโลยีของมนุษย์ในปัจจุบันเกือบทั้งหมดใช้คอมพิวเตอร์เป็นแกนหลัก เช่น ไมโครคอมพิวเตอร์ของเขาที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตเวิร์กเป็นงานหลัก ขณะที่เครื่องสื่อสารเครื่องนี้มีระบบหลักเป็นการติดต่อสื่อสารนั่นเอง
ข้อมูลถูกป้อนเข้าไปในเครื่องสื่อสารอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เซี่ยเฟยจะได้รับผลลัพธ์กลับมาในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที
ผลลัพธ์ปรากฎออกมาว่าไม่มีแมลงชนิดนี้ในฐานข้อมูล หรือมันอาจจะตีความได้ว่าแมลงตรงหน้าเป็นแมลงที่มนุษย์ไม่เคยเก็บข้อมูลมาก่อน
เซี่ยเฟยเก็บเครื่องสื่อสารเข้าไปในแหวนและทำการสังเกตแมลงตัวนี้ต่อไป โดยหวังว่าเขาจะได้สังเกตเห็นความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมัน
ระยะเวลาพักผ่อนของแมลงตัวสีแดงสั้นกว่าที่เซี่ยเฟยได้คาดการณ์เอาไว้มาก เพราะหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ 10 นาทีแมลงตัวนี้ก็ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหล
แมลงตัวสีแดงค่อย ๆ ยืดตัวออกและเดินไปกินอาหารที่อยู่ด้านข้างอย่างเอร็ดอร่อย
ทุกครั้งที่มันกินอาหารเข้าไปมันจะเคี้ยวช้า ๆ ประมาณ 3 นาที โดยมันกินซากแมลง 2-3 คำก่อนที่มันจะหันไปกินกอหญ้าสีเขียวเป็นกับแกล้ม
แมลงตัวนี้รู้จักวิธีผสมอาหาร!!
“นายคิดว่าไง?” เซี่ยเฟยถามอันธภายในจิตสำนึก
“ฉันมองมันไม่ออกจริง ๆ ถ้าดูจากภายนอกแมลงตัวนี้ดูไม่เป็นอันตราย แต่ทำไมมันถึงมีออร่าที่รุนแรงขนาดนั้น” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัวให้เป็นคำตอบ
“เอาล่ะ ถ้าเราอยากจะรู้คำตอบก็แค่ฆ่ามันซะ!” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก
ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบเขาก็กระโดดลงมาจากบนผนังถ้ำพร้อมกับใช้เชสซิ่งไลท์ผ่าไปกลางลำตัวของแมลง
เป้ง!
เสียงปะทะของโลหะดังกึกก้องไปทั่วทั้งตัวถ้ำ เพราะเปลือกบาง ๆ ที่เซี่ยเฟยเคยเห็นอยู่นั้นมีความแข็งเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้มาก
เชสซิ่งไลท์ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถฟันผ่าเปลือกแข็ง ๆ ไปได้เท่านั้น แต่แรงสะท้อนของมันยังทำให้แขนของเซี่ยเฟยรู้สึกเจ็บจนชา!!
ทันใดนั้นเองออร่าอันรุนแรงก็ปะทุขึ้นอย่างฉับพลัน ก่อนที่แมลงตัวสีแดงจะหมุนตัวด้วยความเร็วที่เหนือจินตนาการพร้อมกับใช้ดวงตาสีแดงทั้งสองจับจ้องมองไปยังเซี่ยเฟย
เมื่อไม่กี่วินาทีที่แล้วมันยังเคี้ยวอาหารอย่างช้า ๆ แต่ทันทีที่มันถูกโจมตีความเร็วของมันกลับเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า!
ถึงแม้ว่าแมลงตัวนี้จะโกรธแต่มันก็ไม่เริ่มทำการโจมตีอย่างฉุกละหุก
ชายหนุ่มเลิกสนใจท่าทางของแมลงตัวนี้อีกต่อไป เพราะเขาได้เริ่มทำการโจมตีแล้วและเขาก็จะไม่หยุดจนกว่ามันจะตาย!!
เซี่ยเฟยใช้ความเร็วเคลื่อนที่ออกจากแมลงพร้อมกับวิ่งวนไปรอบ ๆ ตัวของมันด้วยความเร็วสูง โดยในตอนนี้เขาตั้งใจจะหลีกเลี่ยงกระดองแข็งและเร่งการโจมตีไปยังส่วนอ่อนที่อยู่ใต้ท้อง
การเคลื่อนไหวของแมลงตัวสีแดงก็ไม่ได้เชื่องช้าเช่นกัน มันจึงพยายามวิ่งตามการเคลื่อนไหวของเขาไป ซึ่งภาพที่ปรากฏจึงกลายเป็นภาพที่ค่อนข้างแปลกประหลาด เพราะทั้งคนทั้งแมลงต่างก็วิ่งวนไปรอบ ๆ ถ้ำเป็นวงกลม
โอกาส!
เซี่ยเฟยใช้เท้าถีบผนังพร้อมกับทำให้ร่างของเขาพุ่งออกไปราวกับลูกธนู
ฉัวะ!
เชสซิ่งไลท์เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาดตัดขานุ่ม ๆ ที่อยู่ใต้เท้าของแมลงออกไปทีละเส้น
แมลงสีแดงได้อาศัยขาพวกนี้ในการพยุงร่างกายและเมื่อจู่ ๆ ขาด้านหนึ่งได้ถูกตัดขาดหายไปจึงทำให้ร่างกายของมันเสียสมดุลย์อย่างรุนแรง
นี่เป็นโอกาสดีที่แมลงจะเผยหน้าท้องอันอ่อนนุ่มของมันออกมา!!
ฟุบ!
เซี่ยเฟยยังคงเคลื่อนที่ในรูปแบบเดิมโดยการใช้ขาถีบเข้าใส่กำแพงและพุ่งตัวเขาใส่พื้นที่ส่วนท้องที่เปราะบาง
น่าเสียดายที่ในตอนนี้ขาด้านหนึ่งของแมลงตัวสีแดงถูกตัดออกไปจนหมดแล้ว มันจึงทำให้แมลงตัวนี้ไม่สามารถที่จะเคลื่อนที่หนีไปได้
ฉัวะ!
ท้องของแมลงถูกตัดออกอย่างง่ายดายพร้อมกับของเหลวสีเขียวเข้มผสมกับอวัยวะภายในที่ค่อย ๆ ไหลออกมา
เซี่ยเฟยหยุดฝีเท้าตรงมุมถ้ำพร้อมกับหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ซึ่งในตอนนี้สิ่งเดียวที่เขาจำเป็นจะต้องทำคือรอให้แมลงตัวนั้นตายสนิทแล้วเขาค่อยเดินเข้าไปเก็บเกี่ยวสินสงคราม
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยจุดบุหรี่บริเวณหางตาของเขาก็เหลือบมองไปที่ซากแมลงอย่างไม่ได้ตั้งใจและทันใดนั้นมันก็ทำให้เขาขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
***************