ตอนที่ 134: อาคารสี่เหลี่ยม
ตอนที่ 134: อาคารสี่เหลี่ยม
เซี่ยเฟยนั่งกินอาหารอยู่บนยอดเขาขณะชื่นชมแสงแดดยามเช้าที่ค่อย ๆ สาดส่องลงมาใส่ซากปรักหักพังขนาดใหญ่ด้านล่างของภูเขา
เมือง 02 ล่มสลายมาเป็นเวลานานแล้ว ซึ่งแม้ว่าภายนอกอาคารพวกนั้นจะดูเหมือนอยู่ในสภาพที่ดีแต่โครงสร้างภายในของอาคารก็ถูกทำลายจนคล้ายกับรังผึ้ง ถ้าหากว่าตัวอาคารได้รับแรงสั่นสะเทือนแม้แต่นิดเดียวมันก็อาจจะทำให้อาคารเหล่านี้พังทลายลงมาได้เลย
มีเพียงอาคารสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ตรงบริเวณใจกลางของเมืองเท่านั้นที่ยังถือว่าอยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยรูปร่างของอาคารนี้ค่อนข้างใหญ่โตและมีปืนใหญ่มากกว่า 10 กระบอกที่ยอดอาคาร แต่น่าเสียดายที่ปืนใหญ่ทุกกระบอกได้รับความเสียหายไปหมดแล้วทำให้พวกมันกลายเป็นเพียงแค่เครื่องประดับของอาคารเท่านั้น
เปลือกนอกของอาคารถูกหุ้มด้วยโลหะสว่างสีเงินและถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นมาเป็นหมื่นปี แต่โลหะพวกนี้ก็ยังคงสะท้อนแสงท่ามกลางแดดยามเช้า
“ดูเหมือนว่าอาคารหลังนี้น่าจะเป็นอาคารหลักของเมือง 02 มันจึงมีความทนทานจนสามารถต้านทานการโจมตีและสามารถยืนหยัดอยู่ท่ามกลางกาลเวลามาได้จนถึงทุกวันนี้”
อาหารเช้าของเซี่ยเฟยเรียบง่ายมาก โดยมันเป็นเนื้อกระป๋อง 2 กระป๋อง, ลูกพีชกระป๋อง 2 กระป๋อง, นม 2 ลิตร, ขนมปังอัดแท่ง 20 ชิ้น, ผลน้ำค้างขาว 1 ลูกและผลเนตรนาคาอีก 1 ลูก
แม้ว่าอาหารพวกนี้จะดูเยอะแต่มันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกอิ่มไปเพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ในระหว่างเหตุการณ์อันตรายมนุษย์สมควรประคองความหิวเอาไว้ตลอดเวลาเพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถระเบิดพลังการต่อสู้ออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่อย่างนั้นถ้าหากเขากินอิ่มมากจนเกินไปการต่อสู้หลังจากนั้นมันก็อาจจะสร้างความปั่นป่วนในท้องของเขาขึ้นมาได้
คนที่มีประสบการณ์ผ่านการต่อสู้มาแล้วจริง ๆ จะไม่ทำให้ร่างกายของพวกเขารู้สึกสบาย โดยพวกเขาจะใช้ความหิวโหยและความเจ็บปวดกระตุ้นสัญชาตญาณของมนุษย์ตั้งแต่สมัยยุคโบราณที่ในปัจจุบันเสื่อมสลายหายไปเกือบจะหมดแล้ว
หลังจากกินอาหารจนหมดเซี่ยเฟยก็ลุกยืนขึ้นยืดเส้นยืดสายเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินลงไปบริเวณเชิงเขา
ชายหนุ่มรักษาความเร็วคงที่เอาไว้ที่ประมาณ 50 เมตรต่อวินาที ซึ่งเป็นความเร็วที่เหมาะที่สุดสำหรับการสังเกตการณ์
เวลานี้เป็นเวลากลางวันพวกแมลงส่วนใหญ่จึงกลับไปที่ถ้ำเพื่อทำการพักผ่อน มันจึงทำให้ช่วงเวลากลางวันเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการสำรวจและช่วงเวลากลางคืนเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการล่าสังหาร
เมื่อคืนเซี่ยเฟยสามารถเก็บเกี่ยวคริสตัลจากพวกเซิร์กได้มากกว่า 800 ชิ้น ซึ่งสามารถเอาไปแลกเปลี่ยนเป็นคะแนนพิเศษจากค่ายฝึกได้ 800 คะแนน ถ้าหากเขาทำการแปลงคะแนนพวกนี้เป็นเงินคร่าว ๆ พวกมันก็น่าจะมีมูลค่าอยู่เกินกว่า 80 ล้านสตาร์คอยน์
สำหรับเซี่ยเฟยที่กำลังขาดแคลนเงินทองวิธีการนี้ถือได้ว่าเป็นวิธีการหาเงินที่ใช้ได้เลยทีเดียว เขาจึงแอบตัดสินใจกับตัวเองว่าจะสำรวจซากปรักหักพังในตอนกลางวันและล่าสังหารพวกแมลงเพื่อหาเงินในตอนกลางคืน
โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ เขาจึงอยากจะเก็บเงินให้เพียงพอสำหรับการซื้อวัตถุดิบปรุงน้ำยาชุดต่อไป แล้วมันจะเป็นการดีที่สุดหากเขามีเงินสำรองเอาไว้สำหรับบริษัทควอนตัม เพราะมันยังต้องการเงินทุนสำหรับการยกระดับอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัท
หลังจากนั้นไม่นานเซี่ยเฟยก็เดินทางไปจนถึงบริเวณชานเมือง ถนนบริเวณนี้ถูกปูด้วยแผ่นโลหะที่เริ่มผุกร่อนและอาคารทั้งสองด้านของถนนก็อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม ซึ่งมันเป็นภาพของเมืองที่สมควรจะถูกเรียกว่าซากปรักหักพังโบราณอย่างแท้จริง
เซี่ยเฟยเริ่มใช้วิชาพรางจิตและเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ท้ายที่สุดสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยเศษซากอาคารแบบนี้ก็เป็นพื้นที่สำหรับการซุ่มโจมตีที่ดีพอใช้ได้
ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่ไม่เป็นมิตรจำนวนมากที่กำลังจ้องมองมาที่เขาจากอาคารทั้งสองฝั่งของถนน ซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของสายตาพวกนี้คือพวกเซิร์กที่หิวโหย เนื่องจากการปรากฏตัวของเขาคล้ายกับการวางเนื้อหอม ๆ เอาไว้ล่อแมลงจนทำให้มีแมลงเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนน้ำลายไหลออกมา
ชายหนุ่มยกรอยยิ้มที่บริเวณมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปจากกลางถนนอย่างฉับพลัน พวกแมลงที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคารทำได้เพียงแต่เฝ้าดูเซี่ยเฟยหายไปเท่านั้น เนื่องมาจากความเร็วในการเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วมากจนเกินไป
ขณะเดียวกันการลอบโจมตีจากมุมมืดก็ไม่ได้เป็นวิธีถนัดของพวกแมลงเพียงฝ่ายเดียว เพราะเซี่ยเฟยก็ถนัดซุ่มจู่โจมจากมุมมืดเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เขายังได้ทำการศึกษาวิธีการลอบสังหารมาจากผู้ที่เคยเป็นนักฆ่าจริง ๆ ด้วยเหตุนี้การซุ่มโจมตีของเขาจึงดีกว่าพวกแมลงที่ไม่มีสติปัญญา
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ไปยังมุมมืดของซากปรักหักพังราวกับสายฟ้า ซึ่งการเคลื่อนไหวของเขามีลักษณะที่ค่อนข้างแปลกประหลาด เพราะเขาเคลื่อนที่จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งก่อนที่จะหยุดมองสำรวจพื้นที่บริเวณรอบ ๆ เป็นการชั่วคราว หลังจากนั้นเขาก็จะเริ่มทำการเคลื่อนที่ไปยังมุมมืดของอาคารจุดต่อไป
จุดทุกจุดที่เซี่ยเฟยได้เคลื่อนที่เข้าไปนั้นได้รับการคัดเลือกเอาไว้อย่างพิถีพิถัน ซึ่งชายหนุ่มไม่เพียงแต่จะเลือกมุมที่เหมาะสมสำหรับการสังเกตสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่เขายังใส่ใจทั้งเรื่องมุมตกกระทบของแสงและกระแสอากาศที่กำลังพัดผ่านบริเวณนั้นอีกด้วย
สาเหตุที่เซี่ยเฟยเคลื่อนที่แบบนี้ไม่ใช่เพราะเขากลัวพวกแมลงที่ซ่อนตัวอยู่ในอาคาร แต่มันเป็นการกระทำที่ติดเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว
ไม่ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอเขาจำเป็นจะต้องระมัดระวังตัวเอาไว้ตลอดเวลา เพราะนักฆ่าไม่ควรจะประมาทศัตรูแม้แต่คนเดียว
ถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะไม่ใช่นักฆ่าจริง ๆ แต่เขาก็ได้เรียนรู้วิชาการต่อสู้ของนักฆ่ามาตั้งแต่ต้น นอกจากนี้เขายังได้รับการอบรมจากอันธอยู่เป็นประจำ เขาจึงติดนิสัยนักฆ่ามาจากอันธบ้างไม่มากก็น้อย
ปัจจุบันชายหนุ่มนั่งยอง ๆ อยู่บนกำแพงพร้อมกับจ้องมองไปยังแมลงสีเขียวตัวใหญ่ที่เหมือนกับไส้เดือนฝั่งตรงข้ามของเขา
สิ่งที่ดูพิเศษมากที่สุดสำหรับแมลงตัวนี้คือรอบ ๆ ปากของมันเต็มไปด้วยฟันที่อัดแน่นและถ้าหากว่ามันมีอะไรตกลงไปในปากของแมลงตัวนี้โดยบังเอิญ มันก็คงจะใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีในการตัดของสิ่งนั้นให้กลายเป็นชิ้น ๆ
เซี่ยเฟยได้ข้อมูลจากเครื่องสื่อสารว่าแมลงชนิดนี้ถูกตั้งชื่อว่าเซิร์กบรีธ ซึ่งจัดเป็นเซิร์กระดับ 2 ที่มีสติปัญญามากกว่าเซิร์กโดยทั่วไป
ชายหนุ่มค่อย ๆ เคลื่อนที่เข้าไปใกล้แมลงตัวนี้อย่างแยบยลพร้อมกับใช้วิชาพรางจิตเอาไว้ตลอดเวลา ทำให้พวกแมลงไม่สามารถตรวจพบตัวตนของเขาได้แม้ว่าเขาจะเคลื่อนที่เข้ามาอยู่ใกล้กับมันแล้วก็ตาม
ฟุบ! ชิ้ง!
เซี่ยเฟยพุ่งตัวออกไปอย่างกะทันหันและในชั่วพริบตาเขาก็ใช้เชสซิ่งไลท์ที่แขนขวาตัดหัวไส้เดือนตรงหน้าออกในครั้งเดียว
พริบตาต่อมาของเหลวสีเขียวก็ไหลกระฉูดออกมาจากบาดแผลราวกับท่อน้ำแตก ซึ่งกว่าที่ของเหลวพวกนี้จะเริ่มหยุดลงมันก็ต้องรอหลังจากที่พวกมันไหลทะลักออกมาแล้วหลายสิบลิตร
ร่างกายของไส้เดือนไร้หัวตัวนี้เริ่มบิดตัวไปมาและเมื่อร่างกายของมันเสียเลือดไปเรื่อย ๆ มันก็ทำให้ร่างอ้วน ๆ ค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลง
ขณะเดียวกันหัวที่ถูกตัดก็ดิ้นไปมาพร้อมกับพยายามกัดอากาศ ชายหนุ่มจึงก้าวเท้าเข้าไปหาหัวอย่างช้า ๆ ก่อนจะทำให้มันเคลื่อนไหวไม่ได้อีกต่อไป จากนั้นเขาก็ใช้เชสซิ่งไลท์งัดคริสตัลออกมาจากหัวของแมลง
หลังจากทำการเก็บคริสตัลเข้าไปไว้ในแหวนมิติแล้ว เซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่ตรงไปยังพื้นที่ส่วนต่อไปซึ่งในระหว่างทางเขาก็มีแวะสังหารพวกแมลงบ้างเป็นครั้งคราว
ตอนนี้เป็นเวลากลางวันแผนการหลักของเขาจึงเป็นเรื่องของการสำรวจ เพราะท้ายที่สุดหากเขาสามารถหาสิ่งของมีค่าได้จากอารยธรรมโบราณ ผลตอบแทนจากสิ่งของเหล่านั้นย่อมมีมากกว่าการสังหารแมลงเป็นแสน ๆ ตัว
ระหว่างทางเซี่ยเฟยได้พบว่าในซากปรักหักพังมีอุปกรณ์ที่ยังใช้ได้หลงเหลืออยู่เพียงแค่ไม่กี่ชิ้น และอุปกรณ์บางชิ้นก็ถือว่าเป็นขยะที่ไร้ค่าที่เขาเสียเวลาเกินกว่าจะเก็บพวกมันเอาไว้
เซี่ยเฟยหยุดคิดพิจารณาสถานการณ์อยู่ครู่หนึ่งและได้ตระหนักว่าการค้นหาอย่างไร้จุดหมายแบบนี้เป็นการค้นหาที่ไม่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นถ้าหากเขาต้องการอุปกรณ์ที่ผลิตเงินให้เขาได้จริง ๆ เขาก็จำเป็นจะต้องเลือกสถานที่ที่เหมาะสมแล้วทำการสำรวจสถานที่แห่งนั้นทุกซอกทุกมุม
เซี่ยเฟยพยายามคิดถึงแผนผังเมืองขึ้นมาภายในใจและเริ่มจินตนาการว่าที่ไหนน่าจะมีของมีค่าให้เขาเข้าไปทำการเก็บเกี่ยวได้
อาคารใจกลางเมืองค่อนข้างน่าสนใจ ขณะที่คฤหาสน์ทางทิศตะวันตก, ค่ายทหารและย่านธุรกิจที่เคยพลุกพล่านก็ค่อนข้างจะคุ้มค่าแก่การสำรวจเช่นเดียวกัน
ชายหนุ่มเดินตามถนนไปยังกลางเมืองเพื่อที่จะค่อย ๆ เข้าไปใกล้อาคารขนาดใหญ่
จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็สังเกตได้อย่างชัดเจนว่าอาคารนี้มีออร่าที่รุนแรงแตกต่างจากอาคารโดยทั่วไปเหมือนกับพยัคฆ์ที่กำลังหลับใหลรอวันตื่นขึ้นมาทำการขย้ำเหยื่อ
ทันใดนั้นอันธก็ปรากฏตัวขึ้นมาและมองไปยังอาคารสี่เหลี่ยมสีเงินตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ
“รู้สึกเหมือนกันใช่ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“มันน่าจะเป็นออร่าที่ปล่อยออกมาจากแมลงที่มีพลังต่อสู้ที่สูงมาก” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“มันไม่คิดจะซ่อนออร่าของมันเลย ดูเหมือนมันจะมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองมาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
เซิร์กระดับสูงมักจะมีออร่าอยู่ 2 ประเภทคือออร่าแบบเยือกเย็นและออร่าแบบรุนแรง หากพิจารณาจากออร่าที่แมลงตัวนี้ได้ปล่อยออกมาก็แสดงว่ามันเป็นแมลงที่มีนิสัยดุร้ายและก้าวร้าว
หากพิจารณาจากข้อมูลที่โบซิงวาบอกมาแมลงที่อาศัยอยู่ในดาวเคราะห์ดวงนี้สมควรจะมีแต่แมลงระดับต่ำ แล้วมันจะมีแมลงพิเศษแบบนี้ได้ยังไง?
แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้เสียเวลาคิดมากนัก เขาจึงรีบหาวิธีเข้าไปในอาคารสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่เนื่องจากอยากเห็นแมลงตัวนั้นด้วยตาของตัวเอง
การสังหารเซิร์กระดับสูงจะทำให้เขาได้รับของรางวัลกลับมาอย่างมากมาย และซากของแมลงพวกนี้ก็ยังสามารถขายให้ศูนย์วิจัยพวกเซิร์กได้อีกด้วย ดังนั้นชายหนุ่มจึงวางแผนที่จะบุกเข้าไปในอาคารเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าหากเขามองเห็นโอกาสที่สามารถสังหารมันได้เขาจะเริ่มลงมืออย่างไม่ลังเล แต่ถ้าหากว่าเขาสัมผัสได้ถึงอันตรายเขาก็จะรีบถอยออกมาอย่างไม่ลังเลเหมือนกัน
รอบนอกของอาคารมีกำแพงสูงปิดกั้นเอาไว้ เซี่ยเฟยจึงใช้ขาทั้งสองข้างวิ่งไปบนกำแพงด้วยความเร็วแล้วไต่ขึ้นไปด้านบนของกำแพงราวกับว่าเขาเป็นมนุษย์แมงมุม
บนชั้น 5 ของอาคารนี้มีช่องระบายอากาศ เซี่ยเฟยจึงใช้ขาถีบกำแพงยื่นมือออกไปจับรูนั้นไว้และเหวี่ยงร่างกายเข้าไปในตัวอาคาร
จากออร่าที่ปล่อยออกมามันก็เห็นได้ชัดเลยว่าในอาคารนี้มีแมลงที่ดุร้าย ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงไม่เลือกเข้าเส้นทางตามปกติแต่ใช้ข้อได้เปรียบจากความเร็วของตัวเองในการปีนขึ้นมาเข้าอาคารจากบนชั้น 5
บนผนังมีแผนที่เก่า ๆ ถูกติดเอาไว้ บนพื้นมีโต๊ะทำงานและเก้าอี้กระจัดกระจายอยู่ตามมุมห้อง ซึ่งใกล้ ๆ ก็มีเส้นทางเดินเจาะทะลุกำแพงเชื่อมไปยังพื้นที่ส่วนกลางของอาคาร โดยเส้นทางมีรูปร่างคล้ายกับอุโมงค์วงกลม
เซี่ยเฟยกวาดสายตามองไปทั่วทั้งห้องอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ และเดินมุ่งหน้าไปยังบริเวณใจกลางอาคารขนาดใหญ่แห่งนี้
***************