(ฟรี) บทที่ 475 ฆ่าเฉินหยุนเต๋า? ยุคทองกำลังจะมาถึง!
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของฉู่หลิงฉวน อวี้ชิงหลันก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เพื่อปกป้องหลี่หราน?
เขายังต้องการคนปกป้องอีกหรือ?
ในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายปีศาจ เขามีอาจารย์ระดับจักรพรรดิถึงสามคน ซึ่งพวกนางล้วนเป็นตัวตนระดับสูงสุด เบื้องหลังนี้ถือเป็นเรื่องเกินจริงไปมากแล้ว
และหลังจากที่เฉินหยุนเต๋าได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครในดินแดนอันกว้างใหญ่จะกล้ายั่วยุเขา?
เพียงแค่เขาไม่รังแกคนอื่นนั่นก็ดีถมไปแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นเดียวกัน แม้แต่ผู้นำนิกายระดับต้นๆยังต้องหลีกทางเมื่อเห็นเขา!
แต่อวี้ชิงหลันไม่ได้พูดคำเหล่านี้
ฉู่หลิงฉวนเป็นคนหัวแข็ง เป็นการยากที่จะเปลี่ยนสิ่งที่นางเชื่อ
และครั้งนี้ในที่สุดนางก็ได้วางแผนเป้าหมายชีวิตอันใหม่
‘เป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้นางปกป้องหรานเอ๋อร์อย่างลับๆ… ดีกว่าปล่อยให้นางมานั่งคิดถึงวิธีการไปพบเขาทุกๆวัน’ อวี้ชิงหลันทำการคำนวณเล็กน้อยในใจอย่างเงียบๆ
ตอนนี้นางมั่นใจได้อย่างสมบูรณ์แล้วว่าฉู่หลิงฉวนและหลี่หรานไม่ใช่ศิษย์กับอาจารย์ธรรมดาๆ ดังนั้นอวี้ชิงหลันจึงมองว่าอีกฝ่ายเป็น “คู่แข่ง” โดยไม่รู้ตัว
“อืม…”
ฉู่หลิงฉวนลูบคางของนางและพึมพำเสียงต่ำ “ครั้งนี้เฉินหยุนเต๋าบาดเจ็บสาหัส เขาต้องไม่พอใจหลี่หรานแน่ๆ ถ้าเขาแก้แค้นอย่างลับๆล่ะ?”
“ทำไมเราไม่ชิงลงมือก่อนและฆ่าเขาโดยตรง?”
นางโบกมือขวาเบาๆราวกับจำลองการปาดคอ
“……”
อวี้ชิงหลันนวดหว่างคิ้วของนางอย่างหดมหนทาง
แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะศิลปะการต่อสู้มีแขนขาที่พัฒนามาอย่างดีและจิตใจที่เรียบง่าย...
แต่คนๆนี้ไม่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาเกินไปหน่อยเหรอ?
“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เฉินหยุนเต๋ายุ่งเกินกว่าจะดูแลตัวเอง เขาจะมีเวลาโจมตีหลี่หรานได้อย่างไร?” อวี้ชิงหลันกล่าว
พันธนาการมังกรกำลังคลายออกและยุคทองกำลังจะมาถึง
กลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบคือนิกายหลักทั้งหลายและราชวงศ์เซิง
แต่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ พระราชวังเต๋าสูงสุดกลับประสบอุบัติเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินหยุนเต๋าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเขาพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว
ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนที่สุดสำหรับเขาคือการฟื้นฟูความแข็งแกร่งเพื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น
สำหรับการแก้แค้นหลี่หราน
ตราบใดที่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของเหลิงอู่เหยียน เขาอาจรู้สึกปวกเปียกทันทีเมื่อได้ยินชื่อของหลี่หราน...
“ข้าเข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร”
ฉู่หลิงฉวนกล่าวว่า “แม้โอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเฉินหยุนเต๋าเกิดบ้าคลั่งและจัดการกับหลี่หรานล่ะ?”
“การฆ่าเขาล่วงหน้าจะไม่ปลอดภัยกว่าเหรอ?”
เฉินหยุนเต๋ามีบุคลิกมืดมนและเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าเขาต้องการทำร้ายหลี่หรานจริงๆ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
อวี้ชิงหลันส่ายหัว “เจ้าไม่คิดตามสิ่งที่ข้าพูดเลยหรือไง? วันนั้นเหลิงอู่เหยียนมีความสามารถในการฆ่าเขาอย่างชัดเจน แต่นางก็ยังปล่อยเขาไป เจ้ารู้ไหมว่าทำไม?”
ฉู่หลิงฉวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักได้ “เจ้าหมายความว่า... มันเกี่ยวข้องกับดินแดนสังสารวัฏ?”
“ถูกต้อง”
อวี้ชิงหลันพยักหน้าและพูดเบาๆ “ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการ มันแค่ยังไม่ถึงเวลา”
เหลิงอู่เหยียนคือใคร?
การดำรงอยู่สูงสุดในดินแดนอันกว้างใหญ่ แม่มดผู้อาฆาต สตรีบ้าคลั่งที่สะสางทุกความบาดหมาง… แต่เป็นเวลาหลายปีแล้วนางก็ยังไม่ฆ่าเฉินหยุนเต๋า
แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ครั้งล่าสุด แต่นางก็เพียงทำลายรากฐานแห่งเต๋าแล้วปล่อยเขาไป
เป็นไปได้ไหมว่าเหลิงอู่เหยียนกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมา?
แน่นอนว่าไม่
แม้จะมีเฉินหยุนเต๋าสิบคนนางก็คงไม่เปลี่ยนสีหน้า
เหตุผลที่นางไม่ฆ่าเขามานานขนาดนี้เป็นเพราะนางต้องการตรวจสอบถึงการดำรงอยู่เบื้องหลังของเฉินหยุนเต๋า...
มันบังเอิญมากที่อวี้ชิงหลันกำลังคิดแบบเดียวกัน
ฉู่หลิงฉวนเกาหัว “ความคิดของพวกเจ้าช่างซับซ้อนจริงๆ แค่ฆ่าๆไปให้จบมันไม่เพียงพอหรือไง?”
อวี้ชิงหลันพูดด้วยความโกรธและขบขันว่า “ความคิดของนักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ซับซ้อน? เห็นได้ชัดว่าเจ้าคิดง่ายเกินไป เข้าใจไหม?”
ตัดหญ้าโดยไม่ถอนราก เมื่อสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมามันก็เติบโตขึ้นอีกครั้ง
เฉินหยุนเต๋าไม่นับเป็นอะไร แต่เบื้องหลังเขาคือสิ่งที่ควรระวัง
“ช่างเถอะ”
ฉู่หลิงฉวนโบกมือ “ถ้าเจ้าบอกว่าไม่ควรฆ่าข้าก็จะไม่ทำ เพียงแค่ทำให้แน่ใจว่าหลี่หรานจะสบายดี”
อวี้ชิงหลันเหลือบมองนาง “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าผู้นำนิกายฉู่จะห่วงใยคนอื่นเช่นกัน?”
“อา?”
ฉู่หลิงฉวนหน้าแดงเล็กน้อยและพูดว่า “นั่นคือศิษย์ของข้า เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะเป็นห่วงเขาไม่ใช่หรือไง?”
“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเจ้า…” อวี้ชิงหลันมองนางขึ้นและลง
ใบหน้าสวยของฉู่หลิงฉวนเปลี่ยนเป็นสีแดง
นางกระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ข้าคร้านจะคุยกับเจ้าแล้ว ข้าจะออกไปก่อน”
อวี้ชิงหลันพูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าขอไม่ส่งล่ะ แล้วก็อย่ามาที่นี่หากไม่มีเรื่องอะไร นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ไม่ได้ว่างงานเหมือนเจ้า”
“……”
ฉู่หลิงฉวนกำลังจะบินจากไป แต่จู่ๆนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และหันกลับไปพูดว่า “ยังไงก็ตาม ถ้าเจ้ามีแผนใหม่ เจ้าต้องบอกข้าทันที”
“ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าแอบไปหาหลี่หรานอย่างลับๆ ข้าจะ… ข้าจะฆ่าเจ้า!”
หลังจากพูดจบนางก็ทะลวงผ่านความว่างเปล่าและจากไป ทิ้งอวี้ชิงหลันที่มีสีหน้างุนงงไว้
“กล้าดียังไงมาขู่ข้า!”
“ฆ่านักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้? อะไรทำให้เจ้ามั่นใจเช่นนั้น?”
“ห้ามนักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้แอบไปหาหรานเอ๋อร์อย่างลับๆ… ถ้านักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ต้องการ เจ้าจะทำอะไรได้?”
อวี้ชิงหลันพึมพำอย่างขุ่นเคือง
—
ดินแดนตะวันตก
ในป่าทึบ มีหนองน้ำขนาดใหญ่ปกคลุมเป็นระยะทางหลายร้อยลี้
โคลนสีน้ำตาลเข้มบนพื้นกลิ้งไปมา ไม่มีวัชพืชแม้แต่ต้นเดียว มีเพียงความเงียบงันในระยะทางนับร้อยลี้ เสียงนกและแมลงของฤดูร้อนหยุดลง ณ ตรงนี้
ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิต
สถานที่นี้อยู่ห่างไกลจากทวีปกลาง มันตั้งอยู่สุดทางตะวันตกของดินแดนอันกว้างใหญ่ เป็นที่รกร้างและยากที่จะบินข้ามมา
ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดา แม้แต่ผู้ฝึกตนก็ไม่อาจก้าวเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ
มันเป็นสถานที่แห่งความตายอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ หนองน้ำเกิดฟองอย่างรุนแรงขึ้นราวกับน้ำเดือด
จากนั้นโคลนก็แยกออก และร่างสองร่างค่อยๆลุกขึ้นมา
มันเป็นชายวัยกลางคนและชายชรา
ทั้งคู่สวมชุดคลุมสีเทาซึ่งดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับหนองน้ำ
ชายวัยกลางคนสูงและตรง ใบหน้าขาวและไร้หนวดเครา เขาไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแต่สีหน้าและดวงตาดูสง่าผ่าเผย
เคราและผมของชายชราเป็นสีขาวโพลน แต่ไม่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขา ดวงตาของเต็มไปด้วยแสงแปลกๆ เขายืนอยู่ข้างหลังชายคนนั้นด้วยความเคารพ
ชายวัยกลางคนมองขึ้นไปทางทิศเหนือด้วยสีหน้างุนงง
“ลั่วเหมิง เจ้ารู้สึกไหม?”
ชายชราที่ชื่อลั่วเหมิงพยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้สึกได้ถึงปราณมังกรที่แข็งแกร่งมาก”
มุมปากของชายผู้นั้นโค้งขึ้นเล็กน้อย “ปราณมังกรลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า… ดูเหมือนว่าพันธนาการมังกรจะคลายออกอย่างต่อเนื่อง ข้าไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้”
เขาอ้าแขนออกพลางหลับตาลงและหายใจเข้าอย่างตะกละตะกราม
แม้ว่าจะอยู่ในหนองน้ำที่เน่าเสีย แต่เขาก็เป็นเหมือนจักรพรรดิที่มองโลกหล้าจากเบื้องบน!
/////