ตอนที่แล้วบทที่ 474 เป้าหมายใหม่ในชีวิตของฉู่หลิงฉวน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 476 ตัวตนจากยุคโบราณ

(ฟรี) บทที่ 475 ฆ่าเฉินหยุนเต๋า? ยุคทองกำลังจะมาถึง!


เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของฉู่หลิงฉวน อวี้ชิงหลันก็พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง

เพื่อปกป้องหลี่หราน?

เขายังต้องการคนปกป้องอีกหรือ?

ในฐานะบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งนิกายปีศาจ เขามีอาจารย์ระดับจักรพรรดิถึงสามคน ซึ่งพวกนางล้วนเป็นตัวตนระดับสูงสุด เบื้องหลังนี้ถือเป็นเรื่องเกินจริงไปมากแล้ว

และหลังจากที่เฉินหยุนเต๋าได้รับบาดเจ็บสาหัส ใครในดินแดนอันกว้างใหญ่จะกล้ายั่วยุเขา?

เพียงแค่เขาไม่รังแกคนอื่นนั่นก็ดีถมไปแล้ว

ไม่ต้องพูดถึงคนรุ่นเดียวกัน แม้แต่ผู้นำนิกายระดับต้นๆยังต้องหลีกทางเมื่อเห็นเขา!

แต่อวี้ชิงหลันไม่ได้พูดคำเหล่านี้

ฉู่หลิงฉวนเป็นคนหัวแข็ง เป็นการยากที่จะเปลี่ยนสิ่งที่นางเชื่อ

และครั้งนี้ในที่สุดนางก็ได้วางแผนเป้าหมายชีวิตอันใหม่

‘เป็นการดีกว่าที่จะปล่อยให้นางปกป้องหรานเอ๋อร์อย่างลับๆ… ดีกว่าปล่อยให้นางมานั่งคิดถึงวิธีการไปพบเขาทุกๆวัน’ อวี้ชิงหลันทำการคำนวณเล็กน้อยในใจอย่างเงียบๆ

ตอนนี้นางมั่นใจได้อย่างสมบูรณ์แล้วว่าฉู่หลิงฉวนและหลี่หรานไม่ใช่ศิษย์กับอาจารย์ธรรมดาๆ ดังนั้นอวี้ชิงหลันจึงมองว่าอีกฝ่ายเป็น “คู่แข่ง” โดยไม่รู้ตัว

“อืม…”

ฉู่หลิงฉวนลูบคางของนางและพึมพำเสียงต่ำ “ครั้งนี้เฉินหยุนเต๋าบาดเจ็บสาหัส เขาต้องไม่พอใจหลี่หรานแน่ๆ ถ้าเขาแก้แค้นอย่างลับๆล่ะ?”

“ทำไมเราไม่ชิงลงมือก่อนและฆ่าเขาโดยตรง?”

นางโบกมือขวาเบาๆราวกับจำลองการปาดคอ

“……”

อวี้ชิงหลันนวดหว่างคิ้วของนางอย่างหดมหนทาง

แน่นอนว่าผู้บ่มเพาะศิลปะการต่อสู้มีแขนขาที่พัฒนามาอย่างดีและจิตใจที่เรียบง่าย...

แต่คนๆนี้ไม่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาเกินไปหน่อยเหรอ?

“ไม่ต้องห่วง ตอนนี้เฉินหยุนเต๋ายุ่งเกินกว่าจะดูแลตัวเอง เขาจะมีเวลาโจมตีหลี่หรานได้อย่างไร?” อวี้ชิงหลันกล่าว

พันธนาการมังกรกำลังคลายออกและยุคทองกำลังจะมาถึง

กลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบคือนิกายหลักทั้งหลายและราชวงศ์เซิง

แต่ในช่วงเวลาวิกฤตนี้ พระราชวังเต๋าสูงสุดกลับประสบอุบัติเหตุครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินหยุนเต๋าเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงหากจะบอกว่าเขาพิการไปครึ่งหนึ่งแล้ว

ดังนั้นภารกิจเร่งด่วนที่สุดสำหรับเขาคือการฟื้นฟูความแข็งแกร่งเพื่อเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆที่อาจเกิดขึ้น

สำหรับการแก้แค้นหลี่หราน

ตราบใดที่เขาไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ หลังจากเห็นความแข็งแกร่งของเหลิงอู่เหยียน เขาอาจรู้สึกปวกเปียกทันทีเมื่อได้ยินชื่อของหลี่หราน...

“ข้าเข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร”

ฉู่หลิงฉวนกล่าวว่า “แม้โอกาสน้อยมากที่จะเกิดขึ้น แต่ถ้าเฉินหยุนเต๋าเกิดบ้าคลั่งและจัดการกับหลี่หรานล่ะ?”

“การฆ่าเขาล่วงหน้าจะไม่ปลอดภัยกว่าเหรอ?”

เฉินหยุนเต๋ามีบุคลิกมืดมนและเจ้าคิดเจ้าแค้น ถ้าเขาต้องการทำร้ายหลี่หรานจริงๆ มันก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้

อวี้ชิงหลันส่ายหัว “เจ้าไม่คิดตามสิ่งที่ข้าพูดเลยหรือไง? วันนั้นเหลิงอู่เหยียนมีความสามารถในการฆ่าเขาอย่างชัดเจน แต่นางก็ยังปล่อยเขาไป เจ้ารู้ไหมว่าทำไม?”

ฉู่หลิงฉวนผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ตระหนักได้ “เจ้าหมายความว่า... มันเกี่ยวข้องกับดินแดนสังสารวัฏ?”

“ถูกต้อง”

อวี้ชิงหลันพยักหน้าและพูดเบาๆ “ไม่ใช่ว่านางไม่ต้องการ มันแค่ยังไม่ถึงเวลา”

เหลิงอู่เหยียนคือใคร?

การดำรงอยู่สูงสุดในดินแดนอันกว้างใหญ่ แม่มดผู้อาฆาต สตรีบ้าคลั่งที่สะสางทุกความบาดหมาง… แต่เป็นเวลาหลายปีแล้วนางก็ยังไม่ฆ่าเฉินหยุนเต๋า

แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ครั้งล่าสุด แต่นางก็เพียงทำลายรากฐานแห่งเต๋าแล้วปล่อยเขาไป

เป็นไปได้ไหมว่าเหลิงอู่เหยียนกังวลเกี่ยวกับผลที่ตามมา?

แน่นอนว่าไม่

แม้จะมีเฉินหยุนเต๋าสิบคนนางก็คงไม่เปลี่ยนสีหน้า

เหตุผลที่นางไม่ฆ่าเขามานานขนาดนี้เป็นเพราะนางต้องการตรวจสอบถึงการดำรงอยู่เบื้องหลังของเฉินหยุนเต๋า...

มันบังเอิญมากที่อวี้ชิงหลันกำลังคิดแบบเดียวกัน

ฉู่หลิงฉวนเกาหัว “ความคิดของพวกเจ้าช่างซับซ้อนจริงๆ แค่ฆ่าๆไปให้จบมันไม่เพียงพอหรือไง?”

อวี้ชิงหลันพูดด้วยความโกรธและขบขันว่า “ความคิดของนักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ซับซ้อน? เห็นได้ชัดว่าเจ้าคิดง่ายเกินไป เข้าใจไหม?”

ตัดหญ้าโดยไม่ถอนราก เมื่อสายลมแห่งฤดูใบไม้ผลิพัดมามันก็เติบโตขึ้นอีกครั้ง

เฉินหยุนเต๋าไม่นับเป็นอะไร แต่เบื้องหลังเขาคือสิ่งที่ควรระวัง

“ช่างเถอะ”

ฉู่หลิงฉวนโบกมือ “ถ้าเจ้าบอกว่าไม่ควรฆ่าข้าก็จะไม่ทำ เพียงแค่ทำให้แน่ใจว่าหลี่หรานจะสบายดี”

อวี้ชิงหลันเหลือบมองนาง “ข้าไม่ได้คาดหวังว่าผู้นำนิกายฉู่จะห่วงใยคนอื่นเช่นกัน?”

“อา?”

ฉู่หลิงฉวนหน้าแดงเล็กน้อยและพูดว่า “นั่นคือศิษย์ของข้า เป็นเรื่องปกติที่ข้าจะเป็นห่วงเขาไม่ใช่หรือไง?”

“มันเป็นเรื่องปกติสำหรับคนอื่น แต่สำหรับเจ้า…” อวี้ชิงหลันมองนางขึ้นและลง

ใบหน้าสวยของฉู่หลิงฉวนเปลี่ยนเป็นสีแดง

นางกระแอมแล้วพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ ข้าคร้านจะคุยกับเจ้าแล้ว ข้าจะออกไปก่อน”

อวี้ชิงหลันพูดอย่างเกียจคร้าน “ข้าขอไม่ส่งล่ะ แล้วก็อย่ามาที่นี่หากไม่มีเรื่องอะไร นักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ไม่ได้ว่างงานเหมือนเจ้า”

“……”

ฉู่หลิงฉวนกำลังจะบินจากไป แต่จู่ๆนางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้และหันกลับไปพูดว่า “ยังไงก็ตาม ถ้าเจ้ามีแผนใหม่ เจ้าต้องบอกข้าทันที”

“ถ้าข้ารู้ว่าเจ้าแอบไปหาหลี่หรานอย่างลับๆ ข้าจะ… ข้าจะฆ่าเจ้า!”

หลังจากพูดจบนางก็ทะลวงผ่านความว่างเปล่าและจากไป ทิ้งอวี้ชิงหลันที่มีสีหน้างุนงงไว้

“กล้าดียังไงมาขู่ข้า!”

“ฆ่านักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้? อะไรทำให้เจ้ามั่นใจเช่นนั้น?”

“ห้ามนักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้แอบไปหาหรานเอ๋อร์อย่างลับๆ… ถ้านักพรตเต๋าผู้ต่ำต้อยคนนี้ต้องการ เจ้าจะทำอะไรได้?”

อวี้ชิงหลันพึมพำอย่างขุ่นเคือง

ดินแดนตะวันตก

ในป่าทึบ มีหนองน้ำขนาดใหญ่ปกคลุมเป็นระยะทางหลายร้อยลี้

โคลนสีน้ำตาลเข้มบนพื้นกลิ้งไปมา ไม่มีวัชพืชแม้แต่ต้นเดียว มีเพียงความเงียบงันในระยะทางนับร้อยลี้ เสียงนกและแมลงของฤดูร้อนหยุดลง ณ ตรงนี้

ไม่พบร่องรอยของสิ่งมีชีวิต

สถานที่นี้อยู่ห่างไกลจากทวีปกลาง มันตั้งอยู่สุดทางตะวันตกของดินแดนอันกว้างใหญ่ เป็นที่รกร้างและยากที่จะบินข้ามมา

ไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดา แม้แต่ผู้ฝึกตนก็ไม่อาจก้าวเข้ามาที่นี่ได้ง่ายๆ

มันเป็นสถานที่แห่งความตายอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้ หนองน้ำเกิดฟองอย่างรุนแรงขึ้นราวกับน้ำเดือด

จากนั้นโคลนก็แยกออก และร่างสองร่างค่อยๆลุกขึ้นมา

มันเป็นชายวัยกลางคนและชายชรา

ทั้งคู่สวมชุดคลุมสีเทาซึ่งดูเหมือนจะกลมกลืนไปกับหนองน้ำ

ชายวัยกลางคนสูงและตรง ใบหน้าขาวและไร้หนวดเครา เขาไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาแต่สีหน้าและดวงตาดูสง่าผ่าเผย

เคราและผมของชายชราเป็นสีขาวโพลน แต่ไม่มีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าของเขา ดวงตาของเต็มไปด้วยแสงแปลกๆ เขายืนอยู่ข้างหลังชายคนนั้นด้วยความเคารพ

ชายวัยกลางคนมองขึ้นไปทางทิศเหนือด้วยสีหน้างุนงง

“ลั่วเหมิง เจ้ารู้สึกไหม?”

ชายชราที่ชื่อลั่วเหมิงพยักหน้าและพูดอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้สึกได้ถึงปราณมังกรที่แข็งแกร่งมาก”

มุมปากของชายผู้นั้นโค้งขึ้นเล็กน้อย “ปราณมังกรลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า… ดูเหมือนว่าพันธนาการมังกรจะคลายออกอย่างต่อเนื่อง ข้าไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้”

เขาอ้าแขนออกพลางหลับตาลงและหายใจเข้าอย่างตะกละตะกราม

แม้ว่าจะอยู่ในหนองน้ำที่เน่าเสีย แต่เขาก็เป็นเหมือนจักรพรรดิที่มองโลกหล้าจากเบื้องบน!

/////