บทที่ 3 มิกะ อามามิ นักผจญภัยแรงค์ ss (1)
บทที่ 3 มิกะ อามามิ นักผจญภัยแรงค์ ss (1)
ขณะที่ฉันกำลังรอให้สัตว์อสูรออกมาจากเกท
ไม่นานนักฉันก็เห็นเงาของสัตว์อสูรตัวใหญ่เท่าตึก มันมีเพียงตัวเดียวเท่านั้น แต่ฉันรู้ว่าไอ้ตัวนี้อันตรายแค่ไหนแม้จะออกมาแค่ตัวเดียว…
มันคือมอนสเตอร์ระดับ A....ไซคลอปส์ตาเดียวขนาดใหญ่แถมยังถือค้อนซึ่งมีขนาดใหญ่ไม่ต่างจากตัวมันมากนัก แม้ว่ามันจะมีร่างกายที่ใหญ่โตมากก็ตาม ความเร็วของมันก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แถมยังมีพละกำลังมหาศาลนั่นอีกด้วย มันหมายความว่าหากโดนโจมตีแม้เพียงครั้งเดียว มันก็จะเปลี่ยนฉันให้กลายเป็นเนื้อเหลวทันที
"...."
แต่ฉันไม่ได้วางแผนที่จะวิ่งหนี เพราะฉันเคยชินกับการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งกว่าฉัน และฉันต้องถ่วงเวลาไว้จนกว่ากำลังเสริมจะมาถึง เพราะระบบรักษาความปลอดภัยของเกาะลอยน้ำนั้นค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับอาณาจักรอื่นๆ
ขณะที่กำลังวางแผนจะเคลื่อนไหว ฉันก็ได้ยินเสียงคำรามที่ดังกังวาลของสัตว์อสูร....
กรรรรรรรรรรรร....
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูร ฉันพบช่องว่างในการป้องกันของมัน ดังนั้นฉันจึงตัดสินใจเริ่มเคลื่อนไหวเลยทันที โดยการเริ่มวิ่งเข้าหามันพร้อมควบคุมกระแสไฟฟ้าให้หมุนรอบขาของตัวเองและใช้ทักษะก้าวย่างอสรพิษ ซึ่งเพิ่มความเร็วของฉันอย่างมากจนทำให้มันไม่ทันตั้งตัว ฉันจึงโจมตีไปที่ข้อเท้าของมันทันที แต่มันก็ยังไม่แรงพอที่จะตัดให้มันขาดได้
“แผลมันตื้นเกินไป” ฉันพึมพำกับตัวเอง
สัตว์อสูรดูตกใจเล็กน้อยที่เห็นว่าฉันไม่ได้รับผลกระทบจากแรงกดดันที่มันปล่อยออกมา และร้องเสียงดังเนื่องจากความเจ็บปวดที่ข้อเท้า มันเหวี่ยงค้อนของมันเต็มแรงราวกับต้องการที่จะบดขยี้ฉันให้ตายในครั้งเดียว แต่ฉันคาดเดาไว้แล้วและหลบการโจมตีของมันอย่างชำนาญ
แรงกดดันที่ปล่อยออกมาไม่ใช่เรื่องตลก แต่เนื่องจากฉันเคยชินกับแรงกดดันของผู้ที่มีระดับเหนือกว่านั้นอยู่แล้ว และเนื่องจากพลังวิญญาณของฉันเคยชินกับแรงกดดันมากขนาดนั้นแล้ว ฉันจึงไม่ได้รับผลกระทบมากนัก หากเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน พวกเขาคงเป็นอัมพาตและตัวสั่นด้วยความกลัว
สัตว์อสูรดูค่อนข้างโกรธเนื่องจากการความสามารถที่ฉันแสดงออก มันจึงพุ่งเข้าหาฉันด้วยร่างกายที่ใหญ่โตนั่น แต่ความเร็วของมันนั้นบอกได้เลยว่ายังกะสายฟ้า มันกระแทกค้อนขนาดใหญ่ของมันเพื่อบดขยี้ฉันให้เละอยู่ใต้ค้อน แต่ฉันหลบค้อนที่ผ่านหน้าเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด แล้ววิ่งเข้าหามันโดยใช้กระแสไฟฟ้ารอบขาและปีนขึ้นไปที่มือของมันอย่างรวดเร็วและแทงดาบไปที่ตาข้างเดียวของมันสุดแรง
ไซคลอปส์ตาเดียวตกใจกับการโจมตีอย่างกะทันหันของฉันและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดเริ่มไหลออกมาจากตาของมันเหมือนน้ำตก
มันเริ่มเหวี่ยงค้อนไปทางซ้ายและขวาอย่างเต็มแรงเนื่องจากความเจ็บปวด ทำให้สิ่งก่อสร้างโดยรอบโดนทำลายทั้งหมด คลื่นกระแทกของมันทำให้ฉันกระเด็นออกไปไกล และจบลงด้วยการกระแทกตึกพร้อมกับกระอักเลือดออกมาเต็มปาก ฉันพยายามลดผลกระทบด้วยการเสียบดาบลงพื้นด้วยแรงทั้งหมดที่ฉันมี แต่ดาบกลับหักเสียอย่างนั้น
"มันยังเร็วไปงั้นหรอ ที่ฉันจะเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรแรงค์ A" ฉันพึมพำกับตัวเอง
เมื่อเห็นเลือดไหลซึมออกทั่วร่างกายและกระดูกซี่โครงที่หักสองสามซี่ ฉันแทบรักษาสติเอาไว้ไม่ได้เนื่องจากความเจ็บปวด แม้ว่าร่างกายของฉันจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเนื่องจากอาเรสคนก่อนเคยเป็นนักดาบ และเขาก็ไม่ได้ละเลยการฝึกฝนของเขาเลยแม้แต่วันเดียว แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะทนรับความเจ็บปวดและยากที่จะลุกขึ้นได้ด้วยอาการบาดเจ็บในปัจจุบันนี้
การใช้การควบคุมกระแสไฟฟ้ามันยังเกินกว่าที่ร่างกายปัจจุบันของฉันจะรับได้ และฉันก็ต้องทำความคุ้นเคยกับการใช้ทักษะก้าวย่างอสรพิษด้วย ฉันคิดกับตัวเอง…
ฉันพยายามลุกขึ้นโดยใช้ดาบที่หักเป็นที่ค้ำยันน้ำหนักตัวเองขึ้น เพราะสัตว์อสูรตัวนั้นยังไม่ตาย และกำลังเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ โดยการจับสัมผัสถึงการมีอยู่ของฉัน สิ่งเดียวที่ทำให้มันช้าลงก็เพราะตอนนี้ตาของมันบอดไปแล้ว
สัตว์อสูรตัวนั้นอยู่ไม่ไกลจากฉันมากนัก และฉันก็กำลังวางแผนเพื่อที่จะจัดการกับมันอย่างเด็ดขาด
แต่เนื่องจากสัตว์อสูรอยู่ห่างจากฉันไม่ไกลนัก ฉันจึงเห็นว่าอยู่ๆการเคลื่อนไหวของมันหยุดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ…
ฉันเหล่ตาไปที่สัตว์อสูรเพื่อจะรู้ว่าทำไมมันถึงหยุดอย่างกะทันหันเช่นนั้น แต่ภาพตรงหน้าทำให้ฉันเบิกตากว้างด้วยความตกใจ…
"...."
ฉันเห็นรอยสีแดงขนาดใหญ่บนร่างสัตว์อสูรตั้งแต่กลางหัวไปจนถึงท้องด้านล่างเป็นทางตัดเฉียง ซึ่งดูเหมือนดาบที่สะอาดหมดจด และในไม่ช้าร่างของมันก็แยกออกเป็นสองส่วน แต่ละชิ้นตกลงไปด้านข้างของตัวเอง…
และด้านหลังศพของมัน ฉันเห็นเงาของคนๆ หนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นผู้หญิง เธอถือดาบคาตานะอยู่ในมือ คาดว่าเธอคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารสัตว์อสูรตัวนั้น และตอนนี้เธอกำลังเดินเข้ามาหาฉัน
ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดกิโมโนแบบญี่ปุ่นซึ่งเป็นชุดสีดำและขาว และผมสีดำของเธอถูกมัดเป็นมวย ในขณะที่ภายใต้ดวงตาคมสีดำของเธอมีรอยแผลเป็นสีดำเล็กๆ ที่ทำให้เธอดูทรงเสน่ห์และน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก
เธอถือดาบคาตานะสีดำเข้มสองเล่ม เล่มหนึ่งอยู่ในมือขวาและอีกเล่มห้อยอยู่ที่เอวด้านซ้าย เธอเดินเข้ามาหาฉันและยืนอยู่ตรงหน้าฉันโดยไม่พูดอะไรเลยสักคำ
*************
พอเห็นใกล้ๆ ฉันก็รู้ได้ทันทีว่าเธอเป็นใคร
เธอคือมิกะ อามามิ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักผจญภัยแรงค์ SS ไม่กี่คนบนโลกนี้...
เธอมีบุคลิกบ้าๆ บอๆ แบบยันเดเระ และในนิยายเธอหมกมุ่นอยู่กับศิษย์เพียงคนเดียวของเธอมากเกินไป
ในอนาคตเธอจะสังหารทั้งสาขาของกิลด์นักผจญภัยทั้งสาขาด้วยตัวคนเดียว เนื่องจากศิษย์ของเธอได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยระหว่างภารกิจของเขา เนื่องจากความยากของมันค่อนข้างมากกว่าที่กิลด์นั้นแจกแจงในรายระเอียดของภารกิจ
'ใช่ เธอคือ 'ผู้หญิงบ้าๆ คนนั้นแน่นอน'' ฉันคิดกับตัวเอง…
เธอจ้องมาที่ฉันโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันก็จ้องกลับไปที่เธอโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน ในขณะที่ร่างกายของฉันตอนนี้เจ็บปวดและเต็มไปด้วยเลือด
ขณะที่เราทั้งสองจ้องตากัน ประกายแสงสามารถเห็นได้ในดวงตาของเราทั้งคู่ แต่มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เกิดขึ้นระหว่างเราทั้งสอง
และหลังจากนั้นครู่หนึ่ง มิกะก็ทำลายความเงียบและพูดขึ้น เธอไม่แม้แต่จะถามชื่อของฉัน และเธอก็ไม่ได้ถามถึงอาการบาดเจ็บของฉันด้วยซ้ำ…
เธอพูดเพียงสามคำด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์และตรงไปตรงมาของเธอ
"จงเป็นศิษย์ของข้า"
และหลังจากได้ยินคำเหล่านั้น ฉันก็หมดสติเพราะเสียเลือดมากเกินไป....หรืออาจจะเป็นเพราะคำพูดเหล่านั้น
"....."
***************