ตอนที่แล้วบทที่ 1 อารัมภบท
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 3 มิกะ อามามิ นักผจญภัยแรงค์ ss (1)

บทที่ 2 การเริ่มต้นใหม่


บทที่ 2 การเริ่มต้นใหม่

อืม…

ฉันยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?

อาเรสพยายามยืนขึ้นหลังจากลืมตาและตระหนักว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับเขา แต่อาการปวดหัวอย่างรุนแรงทำให้เขาต้องกำหมัดแน่นด้วยความเจ็บปวด

หลังจากนั้นไม่นาน ข้อมูลก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา ทำให้เขาหมดสติไปอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมง เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้นและพูดว่า

"อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์" ซึ่งกลายเป็นชื่อใหม่ของเขาเนื่องจากความทรงจำที่ฝังอยู่ในสมองของเขา เขายังคงมีชื่อเหมือนกับในโลกที่แล้ว

ในที่สุดเมื่อเขาลุกจากเตียงและเข้าห้องน้ำเพื่อส่องกระจก เขาก็ต้องผงะเมื่อเห็นชายหนุ่มอายุน่าจะประมาณ 15 หรือ 16 ปี มีผมสีดำและดวงตาสีดำ คล้ายดับเป็นรูปแกะสลักได้ที่ไม่มีตำหนิหรือเหมือนภาพวาดที่สวยงามจับใจ ด้วยรูปลักษณ์นี้สามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนอย่างแน่นอน

อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์เป็นเจ้าชายคนที่สี่ของอาณาจักรอีสคาเทีย แม่ของเขาเป็นสาวใช้ที่กลายเป็นนางบำเรอและถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมเมื่อเขาอายุเพียง 13 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่เขาสูญเสียทุกอย่างรวมไปถึงความหมายของชีวิต

เขามีชีวิตอยู่เพื่อล้างแค้นตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แต่ไม่นานมานี้เขาได้รับรู้ว่าแม่เลี้ยงของเขามีส่วนร่วมต่อการฆาตกรรมแม่ของเขา แต่เขาไม่มีอำนาจที่จะไปต่อต้านเธอ

แม้จะมีร่างกายที่ไร้มานาตั้งแต่แรกเกิด แต่เขาก็มีพรสวรรค์ด้านดาบที่ไม่มีใครเทียบได้

เขาเรียนรู้ทักษะนี้จากพี่ชายของแม่ ซึ่งเป็นทหารรับจ้างระดับ A ที่เสียชีวิตในขณะที่หาทางแก้แค้นให้น้องสาวของเขา

แม้ว่าเขาจะมีร่างกายที่แข็งแรงตามอายุของเขา แต่เขาก็ยังขาดความแข็งแกร่งที่จำเป็นในการดำเนินตามแผนการแก้แค้นของเขา

เป็นผลให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมองค์กรชั่วร้ายที่สัญญาว่าจะช่วยเหลือเขาในการดำเนินแผนการแก้แค้นของเขา

องค์กรนี้มีชื่อว่า "ชาโดว์"

"....''

อาเรสรู้จักองค์กรนี้ โดยเขาได้อ่านเกี่ยวกับพวกเขาในนวนิยายที่เขาเพิ่งอ่านจบ

เขาเกิดความสงสัยหลังจากอ่านความทรงจำเก่า ๆ ของอาเรสคนก่อนว่านี่คือโลกในนิยายที่เขาอ่านก่อนตาย แต่แม้จะรู้เรื่องนี้เขาก็ยังตัดสินใจที่จะรวบรวมความคิดของเขาอย่างใจเย็นเสียก่อน

เขาพยายามเชื่อมโยงระหว่างนวนิยายเรื่องนี้ ข้อมูลบนกระดาษสีดำแผ่นนั้น และการกลับชาติมาเกิดในครั้งนี้

เขาได้เรียนรู้การคิดวิเคราะห์นี้จากแฟนสาวของเขาจากโลกที่แล้วซึ่งมักจะทำหน้าไร้อารมณ์แม้ในช่วงที่เธอเสียชีวิต ว่าการคิดและพยายามวิเคราะห์ปัญหานั้นดีกว่าที่จะตื่นตระหนกและตัดสินใจเรื่องต่างๆด้วยอารมณ์ใดๆ

***

หลังจากครุ่นคิดกับตัวเองอยู่สองสามชั่วโมง เขาก็ตัดสินใจว่าสิ่งแรกที่เขาต้องทำคืออยู่ห่างจากองค์กรชั่วร้ายที่อาเรสคนก่อนกำลังจะเข้าร่วมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เนื่องจากเขาไม่เคยได้ยินชื่ออาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์มาก่อนเลยตลอดตอนจบของนิยาย ซึ่งหมายความว่าเขาอาจจะเสียชีวิตตั้งแต่ก่อนเริ่มนิยาย ซึ่งก็คือ 2 เดือนนับจากนี้

ซึ่งเขายืนยันและตรวจสอบโดยผ่านโทรศัพท์และท่องอินเทอร์เน็ต

ใช่ โทรศัพท์และอินเทอร์เน็ตก็มีให้บริการในโลกนี้เช่นกัน แต่เทคโนโลยีของโลกนี้เหนือกว่าโลกก่อนหน้าของเขามาก โทรศัพท์ที่เขาถืออยู่ในมือนั้นโปร่งใสและเป็นกระจกซึ่งสามารถแสดงหน้าต่างโฮโลแกรมได้ และคุณสามารถถ่ายโอนวัตถุหรืออะไรก็ได้ที่คุณต้องการถ่ายโอนเพียงแค่สแกนวัตถุผ่านกล้อง และการช้อปปิ้งออนไลน์ก็สะดวกมาก เพราะคุณสามารถเลือกและซื้อสิ่งจำเป็นใด ๆ ด้วยการส่งโดยตรงผ่านโทรศัพท์ด้วยการแตะเพียงครั้งเดียว

โลกนี้เป็นการผสมระหว่างโลกยุคกลางกับโลกสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีชั้นสูง ไม่เพียงแค่นั้นแต่โลกนี้ยังมีเผ่าพันธุ์มากมาย เช่น เอลฟ์ คนแคระ ปีศาจ นางฟ้า และอีกหลายเผ่าพันธุ์

เรื่องราวหลักจะเริ่มในอีก 2 เดือนนับจากนี้ ซึ่งตัวละครหลักทั้งหมดจะมารวมตัวกันใน "สถานบันการศึกษาโซเรห์" ซึ่งเป็นชื่อย่อของคำว่าฮีโร่

และเขาตัดสินใจเข้าเรียนที่สถานศึกษานั้นด้วยเช่นกัน โดยหวังว่าจะพบเบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด เนื่องจากเขาได้รับคำเชิญจากสถานศึกษาแล้ว มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับเชิญให้เข้าร่วมสถาบันตามความสามารถของพวกเขา และอาเรสคนก่อนเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องทักษะดาบของเขา ซึ่งเขาสืบทอดมาเมื่อความทรงจำของพวกเขารวมกัน

***

"ในโลกที่แล้ว ฉันไม่ใช่นักดาบแต่เป็นจอมเวทย์ แต่ฉันพอรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง เพราะแฟนของฉันเป็นนักดาบ เธอเป็นที่รู้จักในฐานะหญิงสาวผู้ใช้ดาบ และฉันก็เคยดูการฝึกของเธอบ่อยๆ"

"และในโลกที่ฉันเคยอยู่ แหล่งที่มาหลักของการสะสมมานาคือผ่านวิญญาณ ซึ่งเรียกว่า "พลังวิญญาณ"

นั่นหมายความว่าฉันยังคงสามารถใช้พลังวิญญาณของฉันในโลกนี้ได้เช่นกัน ขณะที่ฉันลองใช้มัน ฉันรู้ว่าถึงฉันจะสามารถใช้พลังวิญญาณของฉันได้ แต่มันก็ไม่แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน แต่สิ่งที่ยังเป็นเรื่องดีที่อย่างน้อยฉันก็ยังใช้มันได้

ความเชื่อมโยงพิเศษของฉันคือกระแสไฟฟ้าซึ่งจะเติมเต็มความเป็นนักดาบของฉันในโลกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โลกนี้ใช้มานากับร่างกายเป็นแหล่งที่มา และร่างกายของอาเรสเป็นที่รู้จักกันอย่างดีว่าเป็นร่างกายไร้มานาที่ถูกสาป แต่นั่นไม่สำคัญสำหรับฉันมากในตอนนี้ เนื่องจากฉันใช้วิญญาณเป็นแหล่งรวบรวมมานาของฉัน

ขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่นั้น ความคิดของฉันก็ถูกขัดจังหวะเมื่อสังเกตเห็นพระอาทิตย์ขึ้น ฉันจึงตัดสินใจหยุดคิดแค่นี้และหาอะไรกินก่อน ตอนนี้ฉันพักอยู่ในโรงแรมบนเกาะลอยน้ำซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานศึกษา

และหลังจากแต่งตัวเรียบร้อย ฉันก็สั่งอาหารโดยใช้โทรศัพท์ แต่ก็ต้องแปลกใจเพราะว่าฉันมีเงินในบัญชีธนาคารค่อนข้างมาก อาเรสคนก่อนดูเหมือนจะไม่ใช่คนใช้เงินฟุ่มเฟือย

หลังจากที่ฉันอิ่มแล้ว ฉันตัดสินใจที่จะเดินดูรอบๆ ดังนั้นฉันจึงออกจากโรงแรมและเดินไปตามถนน

ขณะที่ฉันเดินไปตามท้องถนน ฉันตัดสินใจที่จะตรวจสอบหน้าจอสถานะของฉัน ในโลกที่แล้วของฉันมีระบบนี้อยู่ แต่ในโลกนี้ดูเหมือนว่าจะมีหน้าจอสถานะบางอย่างที่มีลักษณะเหมือนกันแต่เป็นส่วนที่ทันสมัยมากกว่า

ขณะที่ฉันพึมพำว่าสถานะ ฉันก็เห็นโฮโลแกรมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าฉัน ซึ่งค่อนข้างแตกต่างจากความทรงจำของอาเรสก่อนหน้านี้ แต่หลังจากคิดอยู่พักหนึ่ง ฉันก็เข้าใจว่าทำไมมันถึงแตกต่าง เพราะมันเป็นการผสานสถานะระหว่างฉันกับอาเรสคนก่อน

*****สถานะ*****

ชื่อ: อาเรส วอน รอธสเตย์เลอร์ (อาเรส)

เชื้อชาติ: มนุษย์

อายุ: 15

พรสวรรค์ : นักดาบระดับกลาง

ความสัมพันธ์กับธาตุ : กระแสไฟฟ้า,....????....

ทักษะ: 1. ดาบวงเดือน ( ความชำนาญ 12% ) ( ระดับเริ่มต้น )

( ข้อมูล: ทักษะดาบประเภทชาร์จดาบระดับสูงที่ส่งการโจมตีลงด้านล่างและครอบคลุมระยะ 1 เมตรใน 1 วินาที )

2. ก้าวย่างอสรพิษ ( ความชำนาญ 67%) ( ระดับเริ่มต้น )

( ข้อมูล: เทคนิคช่วยให้ผู้ใช้เคลื่อนไหวในลักษณะเดียวกับงู โดยช่วยเพิ่มระยะผู้ใช้ให้ครอบคลุมระยะ 5 เมตร ใน 1 วินาที )

3. การจัดการกระแสไฟฟ้า ( ความชำนาญ 3%) ( ระดับเริ่มต้น )

( ข้อมูล: อนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมกระแสไฟฟ้าใกล้ตัว )

ความสามารถ: 1. หน่วยความจำภาพถ่าย

(ข้อมูล: อนุญาตให้ผู้ใช้เรียกคืนภาพหรือข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงหลังจากดูเพียงครั้งเดียว)

2. ....?????....

************

หลังจากตรวจสอบสถานะของเขาแล้ว เขาก็พึมพำกับตัวเองว่า 'ทักษะและความสามารถไม่ได้แย่นักเมื่อเทียบกับตัวละครอื่น แต่ก็ยังไม่ดีพอสำหรับฉัน ความทรงจำจากภาพถ่ายจะช่วยให้ฉันก้าวหน้าเร็วขึ้น แต่...???.. . ความสัมพันธ์และความสามารถมันเข้ากันไม่ได้...'

แล้วฉันก็คิดว่าฉันจะรู้เมื่อเวลาผ่านไป และปล่อยไว้อย่างนี้ก่อนก็แล้วกัน…

***

จากนั้นฉันก็พิจารณาว่าโลกนี้มีอะไรพิเศษบ้าง โลกนี้มีนักผจญภัยมากกว่านักล่า

นักผจญภัยคือบุคคลที่ลงทะเบียนภายใต้กิลด์นักผจญภัย โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติหรือสัญชาติ ทุกคนสามารถทำภารกิจที่เสนอโดยกิลด์นักผจญภัยได้และทำภารกิจให้เสร็จสิ้นเพื่อแลกกับรางวัลเป็นเงินหรือของมีค่าอย่างอื่น

คำขอเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะงานและความเสี่ยงในการเสียชีวิต รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการปราบปรามสัตว์อสูรเท่านั้น ยังรวมถึงการคุ้มกัน และการสืบสวนด้วย

แม้จะมีความเสี่ยง แต่การสำรวจเกท(ประตู)ก็เป็นงานที่รู้จักกันดีและพบเห็นได้ทั่วไป

เพื่อให้แน่ใจว่านักผจญภัยได้รับการชดเชยอย่างยุติธรรม ผู้มองภารกิจดังกล่าวจะต้องเสนอจำนวนเงินขั้นต่ำตามที่ระบุไว้ในกฎและข้อบังคับของสมาคม

และนักผจญภัยไม่จำเป็นต้องจัดตั้งปาร์ตี้ เพราะบางคนก็เป็นที่รู้กันดีว่า เขาคนเก่งนั้นสามารถปกป้องตัวเองและจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียว

ขณะที่ฉันกำลังครุ่นคิดอยู่กับตัวเอง ฉันก็ได้ยินเสียงกรีดร้องและความโกลาหลของผู้คนที่ไม่ไกลจากฉันมากนัก พวกเขาวิ่งไปทางซ้ายขวาอย่างร้อนรน ฉันจึงตัดสินใจไปตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้นบริเวณนี้

หลังจากมาถึงจุดที่เกิดความวุ่นวาย ฉันเห็นเกทปรากฏขึ้นกลางถนน มันเป็นเกทที่ฉันคุ้นเคย แม้ว่าฉันจะอยู่ในอีกโลกหนึ่งซึ่งยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันควรจะดีใจหรือเสียใจที่ได้เห็นมันอีกครั้ง

ฉันหยิบดาบออกมาจากที่เก็บของในระบบ ซึ่งเปรียบเสมือนคลังเก็บของที่ซึ่งฉันสามารถเก็บของจำเป็นต่างๆเอาไว้ได้ ดาบนั้นดูค่อนข้างธรรมดาแต่แข็งแรง แม้มันจะไม่ค่อยพิเศษ ฉันพบมันจากสิ่งของของอาเรสคนก่อน ยังไงก็เถอะ ตอนนี้ฉันควรมุ่งเน้นกับตัวปัญหาที่อยู่ข้างหน้าดีกว่า…

ฉันตั้งท่าต่อสู้และรอให้สัตว์อสูรออกมาจากเกท ฉันกระตือรือร้นที่จะได้ทดลองความแข็งแกร่งของฉัน และรู้จุดยืนของตัวเองในโลกนี้ว่าฉันแข็งแกร่งมากเท่าไหร่เมื่อใช้บรรทัดฐานของโลกนี้เป็นตัวชี้วัด และฉันอยากจะก้าวข้ามตัวตนเดิมที่เคยอ่อนแอและน่าสมเพชที่ปกป้องคนที่ฉันรักที่สุดยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ…

***************

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด