ตอนที่ 61 : เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต-ไป่อี้! ก่อตั้งกองทัพตะวันสาดแสง!
ตอนที่ 61 : เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต-ไป่อี้! ก่อตั้งกองทัพตะวันสาดแสง!
โจวโจวพบกับไป่อี้ที่กำลังวิ่งมาพอดี
“คาราวะท่านลอร์ด!” ไป่อี้พูดด้วยความเคารพทันทีหลังจากเห็นโจวโจว
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
โจวโจวมองไปที่ไป่อี้อย่างอึ้งๆ
ณ เวลานี้ ผมของไป่อี้ได้เปลี่ยนจากสีดำเป็นผมยาวสีแดงโลหิตแล้ว
ผิวพรรณของเธอก็ขาวราวกับน้ำนม
ดวงตากลมโตของเธอได้กลายเป็นสีแดงโลหิตบริสุทธิ์
รอยเปลวไฟที่ดูเหมือนน้ำตาปรากฏขึ้นบนใบหน้าทั้งสองข้างของเธอ มันไม่เพียงแต่ไม่ทำลายรูปลักษณ์ของเธอเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความสวยให้กับเธออีกด้วย
ความสูงของเธอเพิ่มขึ้นด้วย และขาของเธอก็ยาวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำให้ร่างของเธอสูงขึ้นมา
เธอสวมชุดต่อสู้สีแดงเพลิงและมีคันธนูสีแดงเพลิงพร้อมทั้งลูกศรพาดอยู่ทางด้านหลัง
พลังงานธาตุไฟ ธาตุไม้ และพลังงานสีเลือดล้อมรอบตัวเธอ ราวกับว่าเธอคือคนโปรดของธาตุทั้งสามอันนี้
แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด
สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือโจวโจวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดและความแข็งแกร่งทางจิตใจของอีกฝ่ายเพียงแค่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ!
ด้วยการใช้การรับรู้ทางจิตของโจวโจว ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพและทางจิตใจของอีกฝ่ายนั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าลอร์ดสีชาดที่เขาเคยพบเจอมาซะอีก
ไป่อี้ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เธอรีบยับยั้งออร่าแห่งชีวิตที่เอ่อล้นของเธอในทันทีและทำให้ออร่ากลับคืนมาเป็นเหมือนกับคนปกติ
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่ท่านลอร์ด! โปรดลงโทษข้าด้วยเจ้าค่ะ!” ไป่อี้คุกเข่าลงกับพื้น
“ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น” โจวโจวประคองเธอขึ้นมาและเปิดดูค่าสถานะของเธอด้วยความสงสัย
[ลูกน้อง: ไป่อี้ (ผู้กล้า)]
[สมญานามผู้กล้า: เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต]
[ระดับ: ระดับโชคชะตาของผู้กล้าระดับมหากาพย์]
[ดินแดน: เมืองตะวันสาดแสง]
[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง]
[ความสามารถโดยรวม: ผู้กล้าที่มีทั้งสายเลือดของเอลฟ์ไม้และมนุษย์ ร่างกายของเธอมีพลังงานที่ทรงพลังและมีความสามารถในการใช้ธนูพลังธาตุ เธอคือผู้กล้าที่สามารถทำให้ศัตรูสั่นสะท้านด้วยความกลัวในสนามรบได้!]
[สายเลือด: สายเลือดมนุษย์ (ระดับเงินขาวขั้นกลาง) (86%), สายเลือดเอลฟ์ไม้ (ระดับมหากาพย์ขั้นสูง) (14%)]
[ทักษะ: ทักษะผู้กล้า–ห่าลูกศรเพลิงโลหิต, ทักษะผู้กล้า–รักษาขวัญกำลังใจให้มั่นคง, ทักษะเพ่งกระแสจิตต้นไม้แห่งชีวิตระดับเหนือสามัญขั้นกลาง, การควบคุมธาตุไม้ระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, การควบคุมธาตุไฟระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคการยิงธนูพลังธาตุระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง (ไม้, ไฟ, โลหิต), ลูกศรเถาวัลย์เพลิงระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, ลูกศรเพิ่มพลังระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, การยิงต่อเนื่องห้านัดระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, ลูกศรโลหิตพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, ทักษะลูกศรเงียบระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคความว่องไวระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคการล่องหนระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคลูกศรหน้าไม้ระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคการสร้างพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้น, เทคนิคการแยกพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้น, ความรู้การล้างพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้น…]
[ความภักดี: 100]
[ศักยภาพ: ระดับมหากาพย์ขั้นสูง]
[ประวัติผู้กล้า: 1. ภายใต้ความเมตตาของลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าตะวันสาดแสง เธอได้รับมรดกผู้กล้าแห่งเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตและได้กลายเป็นเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตรุ่นที่สอง! คะแนนชื่อเสียงส่วนตัวของผู้กล้า+1 ชื่อเสียงเผ่าพันธุ์เอลฟ์+10,000 ชื่อเสียงในทวีปจื้อเกา+5!]
โจวโจวอ้าปากค้าง
มันจะไม่สุดยอดไปหน่อยเหรอ?
โดยเฉพาะในช่องทักษะ
มันมีทักษะมากมายจนต้องใช้เครื่องหมายไข่ปลา
อย่างไรก็ตาม โจวโจวก็สงสัยเกี่ยวกับระดับของเธอที่สุด ดังนั้นเขาจึงเปิดมันขึ้นมาดู
[ระดับโชคชะตาของผู้กล้าระดับมหากาพย์: ระดับโชคชะตาที่ได้รับการยอมรับโดยเจตจำนงสูงสุดเพื่อให้ทิ้งร่องรอยไว้บนสายน้ำแห่งกาลเวลา มันสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยสิ่งมีชีวิตเฉพาะหลังจากติดตามร่องรอยที่ว่า เอฟเฟกต์ของระดับโชคชะตา: ความแข็งแกร่งทางกายภาพ +2,000% ความแข็งแกร่งของวิญญาณ +2,000% พลังชีวิต +500%]
โจวโจวเดาะลิ้น
ความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตวิญญาณของเธอเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า!
ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกถึงพลังสายเลือดและความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มากมายมหาศาลจากเธอ
ตัวตนเช่นนี้ บางทีเธออาจจะสามารถสู้กับคนนับร้อยหรือกระทั่งนับพันได้เลย?
ตัวตนเช่นนี้สมควรแล้วที่ถูกเรียกว่าผู้กล้า
ยิ่งโจวโจวดูเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของไป่อี้
เขามีความสุขมาก
ยิ่งไป่อี้แข็งแกร่งเท่าไร มันก็จะยิ่งรับประกันถึงการพัฒนาทั้งของเขาและเมืองตะวันสาดแสง
“ไปพักสักชั่วโมง ทำตัวให้ชินกับพลังใหม่ของเจ้า ในหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะบุกไปจัดการกับลอร์ดสีชาดระดับภูมิภาคกัน!” โจวโจวพูดด้วยโทนเสียงต่ำ
“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!” ไป่อี้กล่าวแสดงความเคารพ
ครึ่งชั่วโมงต่อมา นอกเมืองตะวันสาดแสง ทหารทั้งหมด 3,885 คนได้มารวมตัวกันที่นี่และเข้าแถวอย่างเรียบร้อย!
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าย่อมต้องเป็นโจวโจว ส่วนข้างๆ เขาก็คือเนซาริโอ้
ไม่ไกลจากเขานักก็คือไป่อี้และจางคังที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความเคารพและยกย่อง
ด้านหลังของพวกเขาคือทหารมากกว่า 3,000 คน
ในจำนวนนี้ประกอบไปด้วยพลหน้าไม้พิษ 1,202 คน ทหารดาบโล่ 1,478 คน นักธนูพลังธาตุ 1,164 คน นักธนูพลังธาตุเอลฟ์ 39 คน นอกจากนี้ยังมีทหารม้าและพลหอกอย่างละคนด้วย!
ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังพากันสวมใส่อุปกรณ์สวมใส่ครบชุด
บ้างก็เป็นเซ็ตหมาป่าหมอกปีศาจเพลิง บ้างก็เป็นชุดทหารเซ็ตใหม่ที่คาร์เตอร์กับช่างตีเหล็กคนอื่นๆ ได้สร้างให้กับพวกเขา
ไกลออกไปมันยังมีขบวนเมคาโนสไตรเดอร์ 100 อันพร้อมกับเกวียนไม้
โจวโจวมองไปยังคนพวกนี้และเขาก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ
พวกเขาคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโจวโจวอย่างไม่ต้องสงสัย
โจวโจวมั่นใจมาก ในอนาคตเขาจะสามารถขยายกองทัพตรงหน้าออกไปได้เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันเท่า!
แต่ก่อนหน้านั้น เขามีสิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนนี้ซะก่อน
“อีกสักพักข้าจะนำพวกเจ้าทุกคนไปจัดการกับลอร์ดมนุษย์ทรายและทำลายฝ่ายของลอร์ดสีชาดฝ่ายสุดท้ายในทะเลทรายตะวันสาดแสง! ส่วนตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องตัดสินใจ! ข้ากำลังจะรวมพวกเจ้าเข้าเป็นกองทัพที่สมบูรณ์! กองทัพนี้จะถูกเรียกว่ากองทัพตะวันสาดแสง! มันเป็นตัวแทนกองทัพแรกแห่งเมืองตะวันสาดแสงของพวกเรา! และพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็นทหารรุ่นแรกที่ได้เข้าร่วมกับกองทัพตะวันสาดแสง!”
“เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต ไป่อี้!” โจวโจวมองไปยังไป่อี้
“เจ้าค่ะ!” ไป่อี้ทำความเคารพ
“เจ้าคือคนที่ติดตามข้ามานานที่สุดและเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ณ ที่แห่งนี้ นอกจากนี้เจ้ายังเป็นผู้กล้าคนแรกในดินแดนด้วย! ข้าจึงขอแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพคนแรกของกองทัพตะวันสาดแสง!”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” ไป่อี้พูดด้วยความมั่นใจ
“จางคัง!”
“ขอรับ!”
“ในฐานะทหารดาบโล่คนแรกในเมืองตะวันสาดแสงและเป็นทหารดาบโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นรองแม่ทัพของกองทัพตะวันสาดแสง!”
“รับทราบขอรับ!” สีหน้าอันใจเย็นของจางคังเผยความตื่นเต้นออกมาเล็กน้อย
“สำหรับตำแหน่งระดับรองๆ ลงมานั้น ทหารสามารถไต่เต้าได้ด้วยความดีความชอบ และตอนนี้ ความดีความชอบก็อยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้ว! และมันจะต้องเป็นของกองทัพตะวันสาดแสงแน่ๆ! ข้าขอสั่งเดินทัพ! บุกโจมตีลอร์ดมนุษย์ทราย!”
“รับทราบ!!!” ทหารพากันร้องตะโกนออกมา เสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่ว
ในเมืองตะวันสาดแสง เหล่าคนที่ทำงานอยู่ในเมืองเมื่อได้เห็นภาพนี้ก็พากันตื่นเต้นไปด้วย
…
ในเวลาเดียวกัน ในจักรวรรดิเอลฟ์ที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองตะวันสาดแสงนับพันล้านกิโลเมตร
เมืองหลวงของจักรวรรดิเอลฟ์ อลาโนส
ในพระราชวังหลวง
“ท่านโหรเมโอลต์ ท่านบอกว่ามีลอร์ดจากต่างโลกได้รับมรดกผู้กล้าของเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตของพวกเราไปงั้นเหรอ?” เอลฟ์ในชุดหรูหราสง่างามนั่งตัวตรงบนบัลลังก์ มองดูเอลฟ์หญิงในชุดโหรด้านล่างอย่างใจเย็น
เธอคือจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเอลฟ์
จักรพรรดินีเอลฟ์ต้นกำเนิด เอลิซาเรียล!
“มันเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะฝ่าบาท! ผู้กล้าแต่ละคนคือสมบัติแห่งจักรวรรดิ และมันยังเป็นความแข็งแกร่งหลักที่เราใช้ต่อกรกับจักรวรรดิอื่นๆ และลอร์ดสีชาด! เดิมทีมรดกผู้กล้าของนาเดียเป็นของจักรวรรดิเอลฟ์ ดังนั้นพวกเราจึงไม่อาจปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของคนนอกได้เจ้าค่ะ!” โหรเมโอลต์พูดออกมา
“ท่านทำนายได้หรือยังว่าลอร์ดผู้นั้นอยู่ที่ไหน?” เอลิซาเรียลถาม
“ผลการทำนายออกมาแล้ว แม้ว่ามันจะอยู่ไกลมากๆ แต่พวกเราก็ต้องไปให้ถึงที่นั่นในเวลาอันสั้นที่สุด” เมโอลต์กล่าว
เอลิซาเรียลไม่ได้ตอบอะไร และดูจะกำลังใช้ความคิดอยู่
ผู้กล้าทุกคนคือสมบัติประจำจักรวรรดิอย่างที่เมโอลต์ได้กล่าวไป
เธอครอบครองจักรวรรดิเอลฟ์อันแสนกว้างใหญ่ที่มีผู้กล้าแค่ 100 กว่าคนเท่านั้น
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นเอลฟ์ผู้กล้าที่มีสถานะไม่สูงมาก
ดังนั้นเธอจึงให้ค่ากับการปรากฏตัวของเอลฟ์ผู้กล้าคนใหม่เสมอ
ทั่วทั้งพระราชวังเงียบไปหมด
เมโอลต์หยุดพูด
หลังจากผ่านไปไม่นาน เอลิซาเรียลก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าเพิ่งไปสนใจลอร์ดผู้นั้น มันมีข้อตกลงกับเจตจำนงสูงสุดอยู่ พวกเราไม่อาจโจมตีเผ่าพันธุ์ลอร์ดที่มีระดับต่ำกว่าจักรวรรดิได้โดยไม่มีเหตุผล อย่าคิดที่จะไปท้าทายศักดิ์ศรีของเจตจำนงสูงสุดเลย! อย่างไรก็ตาม เจ้าก็สามารถจับตาดูลอร์ดฝ่ายนั้นไว้ได้ พาตัวทายาทของเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตกลับมาถ้าอีกฝ่ายพ่ายแพ้ในศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ด”
เมโอลต์อ้าปากราวกับว่าเธอต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่พูดอะไร
หลังจากนั้นเอลิซาเรียลก็ให้ท่านโหรออกไป
ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ มันเหลือแค่เอลิซาเรียลเพียงคนเดียว
เธอยืนขึ้นและโบกมือขวาของเธอเบาๆ
โลงศพคริสตัลใบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ
เอลิซาเรียลมองเข้าไป
ร่างที่นอนอยู่ในโลงศพคริสตัลก็คือนาเดีย เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต!
ผิวพรรณของเธองดงามและอ่อนโยน และเธอกระทั่งยังหายใจอย่างแผ่วเบาราวกับว่าเธอยังมีชีวิตอยู่
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่าง
“มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ? ผู้วิงวอนกาลเวลาเพิ่งค้นพบตราประทับแห่งโชคชะตาของเจ้าไม่นานมานี้ และมรดกผู้กล้าของเจ้าก็ปรากฏขึ้นในโลกในเวลาเดียวกัน นั่นก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไม่ต้องรอนานเกินไปนักก่อนที่จักรวรรดิเอลฟ์ของข้าจะได้ครอบครองเอลฟ์ศรเพลิงโลหิต 2 คน”
เอลิซาเรียลลูบโลงศพคริสตัลและพึมพำกับตัวเองในขณะที่เธอมองไปยังใบหน้าของนาเดียที่อยู่ข้างใน
อันที่จริงแล้ว ในใจของเธอ แม้ว่าผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าของนาเดียจะคู่ควรให้สนใจ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเลย
นาเดีย เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตที่แท้จริงกำลังจะฟื้นคืนชีพ!
ผู้สืบทอดของเธอจะเทียบกันกับรุ่นแรกได้อย่างไร?
สำหรับลอร์ดที่มีผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าของเอลฟ์ศรเพลิงโลหิต ในใจของเธอนั้น เธอรู้สึกว่าคงอีกไม่นานก่อนที่เขาจะตายตกในคลื่นของการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งลอร์ด
เมื่อเวลานั้นมาถึง เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตทั้งคู่ก็ย่อมจะตกเป็นของเธอ