ตอนที่แล้วตอนที่ 60 : พัฒนาการทางกองทัพก้าวใหญ่! เตาหลอมผู้พิชิต!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 62 : ทักษะผู้กล้า– รักษาขวัญกำลังใจให้มั่นคง! การยุยงแปรพักตร์อีกครั้ง!

ตอนที่ 61 : เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต-ไป่อี้! ก่อตั้งกองทัพตะวันสาดแสง!


ตอนที่ 61 : เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต-ไป่อี้! ก่อตั้งกองทัพตะวันสาดแสง!

โจวโจวพบกับไป่อี้ที่กำลังวิ่งมาพอดี

“คาราวะท่านลอร์ด!” ไป่อี้พูดด้วยความเคารพทันทีหลังจากเห็นโจวโจว

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

โจวโจวมองไปที่ไป่อี้อย่างอึ้งๆ

ณ เวลานี้ ผมของไป่อี้ได้เปลี่ยนจากสีดำเป็นผมยาวสีแดงโลหิตแล้ว

ผิวพรรณของเธอก็ขาวราวกับน้ำนม

ดวงตากลมโตของเธอได้กลายเป็นสีแดงโลหิตบริสุทธิ์

รอยเปลวไฟที่ดูเหมือนน้ำตาปรากฏขึ้นบนใบหน้าทั้งสองข้างของเธอ มันไม่เพียงแต่ไม่ทำลายรูปลักษณ์ของเธอเท่านั้น แต่ยังเพิ่มความสวยให้กับเธออีกด้วย

ความสูงของเธอเพิ่มขึ้นด้วย และขาของเธอก็ยาวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งทำให้ร่างของเธอสูงขึ้นมา

เธอสวมชุดต่อสู้สีแดงเพลิงและมีคันธนูสีแดงเพลิงพร้อมทั้งลูกศรพาดอยู่ทางด้านหลัง

พลังงานธาตุไฟ ธาตุไม้ และพลังงานสีเลือดล้อมรอบตัวเธอ ราวกับว่าเธอคือคนโปรดของธาตุทั้งสามอันนี้

แต่นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด

สิ่งที่น่าตกใจที่สุดคือโจวโจวสามารถสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดและความแข็งแกร่งทางจิตใจของอีกฝ่ายเพียงแค่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ!

ด้วยการใช้การรับรู้ทางจิตของโจวโจว ทำให้เขารู้ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพและทางจิตใจของอีกฝ่ายนั้นเหนือล้ำยิ่งกว่าลอร์ดสีชาดที่เขาเคยพบเจอมาซะอีก

ไป่อี้ดูเหมือนจะตระหนักได้ถึงบางสิ่ง เธอรีบยับยั้งออร่าแห่งชีวิตที่เอ่อล้นของเธอในทันทีและทำให้ออร่ากลับคืนมาเป็นเหมือนกับคนปกติ

“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะลบหลู่ท่านลอร์ด! โปรดลงโทษข้าด้วยเจ้าค่ะ!” ไป่อี้คุกเข่าลงกับพื้น

“ไม่เป็นไร ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น” โจวโจวประคองเธอขึ้นมาและเปิดดูค่าสถานะของเธอด้วยความสงสัย

[ลูกน้อง: ไป่อี้ (ผู้กล้า)]

[สมญานามผู้กล้า: เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต]

[ระดับ: ระดับโชคชะตาของผู้กล้าระดับมหากาพย์]

[ดินแดน: เมืองตะวันสาดแสง]

[ระดับความแข็งแกร่ง: ระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง]

[ความสามารถโดยรวม: ผู้กล้าที่มีทั้งสายเลือดของเอลฟ์ไม้และมนุษย์ ร่างกายของเธอมีพลังงานที่ทรงพลังและมีความสามารถในการใช้ธนูพลังธาตุ เธอคือผู้กล้าที่สามารถทำให้ศัตรูสั่นสะท้านด้วยความกลัวในสนามรบได้!]

[สายเลือด: สายเลือดมนุษย์ (ระดับเงินขาวขั้นกลาง) (86%), สายเลือดเอลฟ์ไม้ (ระดับมหากาพย์ขั้นสูง) (14%)]

[ทักษะ: ทักษะผู้กล้า–ห่าลูกศรเพลิงโลหิต, ทักษะผู้กล้า–รักษาขวัญกำลังใจให้มั่นคง, ทักษะเพ่งกระแสจิตต้นไม้แห่งชีวิตระดับเหนือสามัญขั้นกลาง, การควบคุมธาตุไม้ระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, การควบคุมธาตุไฟระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคการยิงธนูพลังธาตุระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง (ไม้, ไฟ, โลหิต), ลูกศรเถาวัลย์เพลิงระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, ลูกศรเพิ่มพลังระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, การยิงต่อเนื่องห้านัดระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, ลูกศรโลหิตพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, ทักษะลูกศรเงียบระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคความว่องไวระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคการล่องหนระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคลูกศรหน้าไม้ระดับบรอนซ์เขียวขั้นกลาง, เทคนิคการสร้างพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้น, เทคนิคการแยกพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้น, ความรู้การล้างพิษระดับบรอนซ์เขียวขั้นต้น…]

[ความภักดี: 100]

[ศักยภาพ: ระดับมหากาพย์ขั้นสูง]

[ประวัติผู้กล้า: 1. ภายใต้ความเมตตาของลอร์ดเผ่าพันธุ์มนุษย์ เจ้าตะวันสาดแสง เธอได้รับมรดกผู้กล้าแห่งเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตและได้กลายเป็นเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตรุ่นที่สอง! คะแนนชื่อเสียงส่วนตัวของผู้กล้า+1 ชื่อเสียงเผ่าพันธุ์เอลฟ์+10,000 ชื่อเสียงในทวีปจื้อเกา+5!]

โจวโจวอ้าปากค้าง

มันจะไม่สุดยอดไปหน่อยเหรอ?

โดยเฉพาะในช่องทักษะ

มันมีทักษะมากมายจนต้องใช้เครื่องหมายไข่ปลา

อย่างไรก็ตาม โจวโจวก็สงสัยเกี่ยวกับระดับของเธอที่สุด ดังนั้นเขาจึงเปิดมันขึ้นมาดู

[ระดับโชคชะตาของผู้กล้าระดับมหากาพย์: ระดับโชคชะตาที่ได้รับการยอมรับโดยเจตจำนงสูงสุดเพื่อให้ทิ้งร่องรอยไว้บนสายน้ำแห่งกาลเวลา มันสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยสิ่งมีชีวิตเฉพาะหลังจากติดตามร่องรอยที่ว่า เอฟเฟกต์ของระดับโชคชะตา: ความแข็งแกร่งทางกายภาพ +2,000% ความแข็งแกร่งของวิญญาณ +2,000% พลังชีวิต +500%]

โจวโจวเดาะลิ้น

ความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตวิญญาณของเธอเพิ่มขึ้นถึง 20 เท่า!

ไม่แปลกใจเลยที่เขารู้สึกถึงพลังสายเลือดและความแข็งแกร่งทางจิตใจที่มากมายมหาศาลจากเธอ

ตัวตนเช่นนี้ บางทีเธออาจจะสามารถสู้กับคนนับร้อยหรือกระทั่งนับพันได้เลย?

ตัวตนเช่นนี้สมควรแล้วที่ถูกเรียกว่าผู้กล้า

ยิ่งโจวโจวดูเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของไป่อี้

เขามีความสุขมาก

ยิ่งไป่อี้แข็งแกร่งเท่าไร มันก็จะยิ่งรับประกันถึงการพัฒนาทั้งของเขาและเมืองตะวันสาดแสง

“ไปพักสักชั่วโมง ทำตัวให้ชินกับพลังใหม่ของเจ้า ในหนึ่งชั่วโมง พวกเราจะบุกไปจัดการกับลอร์ดสีชาดระดับภูมิภาคกัน!” โจวโจวพูดด้วยโทนเสียงต่ำ

“เจ้าค่ะท่านลอร์ด!” ไป่อี้กล่าวแสดงความเคารพ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา นอกเมืองตะวันสาดแสง ทหารทั้งหมด 3,885 คนได้มารวมตัวกันที่นี่และเข้าแถวอย่างเรียบร้อย!

คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าย่อมต้องเป็นโจวโจว ส่วนข้างๆ เขาก็คือเนซาริโอ้

ไม่ไกลจากเขานักก็คือไป่อี้และจางคังที่กำลังมองมาที่เขาด้วยความเคารพและยกย่อง

ด้านหลังของพวกเขาคือทหารมากกว่า 3,000 คน

ในจำนวนนี้ประกอบไปด้วยพลหน้าไม้พิษ 1,202 คน ทหารดาบโล่ 1,478 คน นักธนูพลังธาตุ 1,164 คน นักธนูพลังธาตุเอลฟ์ 39 คน นอกจากนี้ยังมีทหารม้าและพลหอกอย่างละคนด้วย!

ยิ่งไปกว่านั้นทุกคนยังพากันสวมใส่อุปกรณ์สวมใส่ครบชุด

บ้างก็เป็นเซ็ตหมาป่าหมอกปีศาจเพลิง บ้างก็เป็นชุดทหารเซ็ตใหม่ที่คาร์เตอร์กับช่างตีเหล็กคนอื่นๆ ได้สร้างให้กับพวกเขา

ไกลออกไปมันยังมีขบวนเมคาโนสไตรเดอร์ 100 อันพร้อมกับเกวียนไม้

โจวโจวมองไปยังคนพวกนี้และเขาก็เต็มไปด้วยความภูมิใจ

พวกเขาคือกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโจวโจวอย่างไม่ต้องสงสัย

โจวโจวมั่นใจมาก ในอนาคตเขาจะสามารถขยายกองทัพตรงหน้าออกไปได้เป็นสิบ เป็นร้อย เป็นพันเท่า!

แต่ก่อนหน้านั้น เขามีสิ่งสำคัญที่ต้องทำตอนนี้ซะก่อน

“อีกสักพักข้าจะนำพวกเจ้าทุกคนไปจัดการกับลอร์ดมนุษย์ทรายและทำลายฝ่ายของลอร์ดสีชาดฝ่ายสุดท้ายในทะเลทรายตะวันสาดแสง! ส่วนตอนนี้ข้ามีเรื่องสำคัญต้องตัดสินใจ! ข้ากำลังจะรวมพวกเจ้าเข้าเป็นกองทัพที่สมบูรณ์! กองทัพนี้จะถูกเรียกว่ากองทัพตะวันสาดแสง! มันเป็นตัวแทนกองทัพแรกแห่งเมืองตะวันสาดแสงของพวกเรา! และพวกเจ้า พวกเจ้าจะเป็นทหารรุ่นแรกที่ได้เข้าร่วมกับกองทัพตะวันสาดแสง!”

“เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต ไป่อี้!” โจวโจวมองไปยังไป่อี้

“เจ้าค่ะ!” ไป่อี้ทำความเคารพ

“เจ้าคือคนที่ติดตามข้ามานานที่สุดและเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด ณ ที่แห่งนี้ นอกจากนี้เจ้ายังเป็นผู้กล้าคนแรกในดินแดนด้วย! ข้าจึงขอแต่งตั้งเจ้าเป็นแม่ทัพคนแรกของกองทัพตะวันสาดแสง!”

“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ!” ไป่อี้พูดด้วยความมั่นใจ

“จางคัง!”

“ขอรับ!”

“ในฐานะทหารดาบโล่คนแรกในเมืองตะวันสาดแสงและเป็นทหารดาบโล่ที่แข็งแกร่งที่สุดในตอนนี้ ข้าขอแต่งตั้งให้เจ้าเป็นรองแม่ทัพของกองทัพตะวันสาดแสง!”

“รับทราบขอรับ!” สีหน้าอันใจเย็นของจางคังเผยความตื่นเต้นออกมาเล็กน้อย

“สำหรับตำแหน่งระดับรองๆ ลงมานั้น ทหารสามารถไต่เต้าได้ด้วยความดีความชอบ และตอนนี้ ความดีความชอบก็อยู่ตรงหน้าของพวกเราแล้ว! และมันจะต้องเป็นของกองทัพตะวันสาดแสงแน่ๆ! ข้าขอสั่งเดินทัพ! บุกโจมตีลอร์ดมนุษย์ทราย!”

“รับทราบ!!!” ทหารพากันร้องตะโกนออกมา เสียงของพวกเขาดังก้องไปทั่ว

ในเมืองตะวันสาดแสง เหล่าคนที่ทำงานอยู่ในเมืองเมื่อได้เห็นภาพนี้ก็พากันตื่นเต้นไปด้วย

ในเวลาเดียวกัน ในจักรวรรดิเอลฟ์ที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองตะวันสาดแสงนับพันล้านกิโลเมตร

เมืองหลวงของจักรวรรดิเอลฟ์ อลาโนส

ในพระราชวังหลวง

“ท่านโหรเมโอลต์ ท่านบอกว่ามีลอร์ดจากต่างโลกได้รับมรดกผู้กล้าของเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตของพวกเราไปงั้นเหรอ?” เอลฟ์ในชุดหรูหราสง่างามนั่งตัวตรงบนบัลลังก์ มองดูเอลฟ์หญิงในชุดโหรด้านล่างอย่างใจเย็น

เธอคือจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิเอลฟ์

จักรพรรดินีเอลฟ์ต้นกำเนิด เอลิซาเรียล!

“มันเป็นเรื่องจริงเจ้าค่ะฝ่าบาท! ผู้กล้าแต่ละคนคือสมบัติแห่งจักรวรรดิ และมันยังเป็นความแข็งแกร่งหลักที่เราใช้ต่อกรกับจักรวรรดิอื่นๆ และลอร์ดสีชาด! เดิมทีมรดกผู้กล้าของนาเดียเป็นของจักรวรรดิเอลฟ์ ดังนั้นพวกเราจึงไม่อาจปล่อยให้มันตกอยู่ในมือของคนนอกได้เจ้าค่ะ!” โหรเมโอลต์พูดออกมา

“ท่านทำนายได้หรือยังว่าลอร์ดผู้นั้นอยู่ที่ไหน?” เอลิซาเรียลถาม

“ผลการทำนายออกมาแล้ว แม้ว่ามันจะอยู่ไกลมากๆ แต่พวกเราก็ต้องไปให้ถึงที่นั่นในเวลาอันสั้นที่สุด” เมโอลต์กล่าว

เอลิซาเรียลไม่ได้ตอบอะไร และดูจะกำลังใช้ความคิดอยู่

ผู้กล้าทุกคนคือสมบัติประจำจักรวรรดิอย่างที่เมโอลต์ได้กล่าวไป

เธอครอบครองจักรวรรดิเอลฟ์อันแสนกว้างใหญ่ที่มีผู้กล้าแค่ 100 กว่าคนเท่านั้น

นอกจากนี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นเอลฟ์ผู้กล้าที่มีสถานะไม่สูงมาก

ดังนั้นเธอจึงให้ค่ากับการปรากฏตัวของเอลฟ์ผู้กล้าคนใหม่เสมอ

ทั่วทั้งพระราชวังเงียบไปหมด

เมโอลต์หยุดพูด

หลังจากผ่านไปไม่นาน เอลิซาเรียลก็พูดขึ้นมาว่า “อย่าเพิ่งไปสนใจลอร์ดผู้นั้น มันมีข้อตกลงกับเจตจำนงสูงสุดอยู่ พวกเราไม่อาจโจมตีเผ่าพันธุ์ลอร์ดที่มีระดับต่ำกว่าจักรวรรดิได้โดยไม่มีเหตุผล อย่าคิดที่จะไปท้าทายศักดิ์ศรีของเจตจำนงสูงสุดเลย! อย่างไรก็ตาม เจ้าก็สามารถจับตาดูลอร์ดฝ่ายนั้นไว้ได้ พาตัวทายาทของเอลฟ์ศรเพลิงโลหิตกลับมาถ้าอีกฝ่ายพ่ายแพ้ในศึกชิงเจ้าแห่งลอร์ด”

เมโอลต์อ้าปากราวกับว่าเธอต้องการจะพูดอะไรออกมา แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ไม่พูดอะไร

หลังจากนั้นเอลิซาเรียลก็ให้ท่านโหรออกไป

ในพระราชวังอันกว้างใหญ่ มันเหลือแค่เอลิซาเรียลเพียงคนเดียว

เธอยืนขึ้นและโบกมือขวาของเธอเบาๆ

โลงศพคริสตัลใบหนึ่งได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของเธอ

เอลิซาเรียลมองเข้าไป

ร่างที่นอนอยู่ในโลงศพคริสตัลก็คือนาเดีย เอลฟ์ศรเพลิงโลหิต!

ผิวพรรณของเธองดงามและอ่อนโยน และเธอกระทั่งยังหายใจอย่างแผ่วเบาราวกับว่าเธอยังมีชีวิตอยู่

อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังไม่ตื่นขึ้นมาด้วยเหตุผลบางอย่าง

“มันเป็นเรื่องบังเอิญงั้นเหรอ? ผู้วิงวอนกาลเวลาเพิ่งค้นพบตราประทับแห่งโชคชะตาของเจ้าไม่นานมานี้ และมรดกผู้กล้าของเจ้าก็ปรากฏขึ้นในโลกในเวลาเดียวกัน นั่นก็ดีเหมือนกัน ข้าจะได้ไม่ต้องรอนานเกินไปนักก่อนที่จักรวรรดิเอลฟ์ของข้าจะได้ครอบครองเอลฟ์ศรเพลิงโลหิต 2 คน”

เอลิซาเรียลลูบโลงศพคริสตัลและพึมพำกับตัวเองในขณะที่เธอมองไปยังใบหน้าของนาเดียที่อยู่ข้างใน

อันที่จริงแล้ว ในใจของเธอ แม้ว่าผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าของนาเดียจะคู่ควรให้สนใจ แต่มันก็ไม่ได้สำคัญเลย

นาเดีย เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตที่แท้จริงกำลังจะฟื้นคืนชีพ!

ผู้สืบทอดของเธอจะเทียบกันกับรุ่นแรกได้อย่างไร?

สำหรับลอร์ดที่มีผู้สืบทอดมรดกผู้กล้าของเอลฟ์ศรเพลิงโลหิต ในใจของเธอนั้น เธอรู้สึกว่าคงอีกไม่นานก่อนที่เขาจะตายตกในคลื่นของการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งเจ้าแห่งลอร์ด

เมื่อเวลานั้นมาถึง เอลฟ์ศรเพลิงโลหิตทั้งคู่ก็ย่อมจะตกเป็นของเธอ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด