ตอนที่แล้วตอนที่ 24
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26

ตอนที่ 25


หลังออกมาจากห้องทำงานของผู้อำนวยการ ลอร์ดโคลเตอร์ พิรันเต้อาจารย์รับเชิญและผมก็เดินไปทางโต๊ะรับองที่ชั้นแรกของอาครหลัก

ลอร์ดโคลเตอร์มีป้ายชื่อ ‘อาจารย์รับเชิญ’ ติดอยู่ที่อกด้านขวาของเขา

มันทำให้เขามี ‘อำนาจ’ เล็กน้อยในการให้เขาใช้พื้นที่พิเศษในโรงเรียนที่คนธรรมดาเข้าไปไม่ได้

“เอิ่ม เป็นอาจารย์มันรู้สึกแบบนี้เองสินะ”

ลอร์ดโคลเตอร์ลูบป้ายชื่อและยิ้มเบา ๆ เมื่อเห็นสถานการณ์ตลก ๆ

มันค่อนข้างจะเป็นใบหน้าที่ไม่ค่อยดูดีและแอบมีความงี่เง่าอยู่ด้วย แต่ทันทีที่เขาเข้าไปยังห้องรับรองและนั่งตรงข้ามกัน สายตาเขาก็คมดั่งมีมีดซ่อนเอาไว้

“ดีใจที่ได้เจอนายนะ เราควรจะเริ่มด้วยการรู้จักกันจริง ๆ ก่อนไหม?”

“ครับ ผมชื่อรูน…”

“ชั้นรู้น่า รูน อาเดล ครั้งที่แล้วก็ได้ยินแล้ว ที่ชั้นอยากรู้ไม่ใช่เรื่องนั้น หลังจากสอบครั้งที่แล้วชั้นก็กลับไปแล้ววิเคราะห์แผลของโอเกอร์ตัวนั้น”

“...แล้ว?”

“ชั้นไม่มีเวลาคิดในตอบสอบ แต่ก็เจอเรื่องน่าสนุกเข้าจนได้ แผลที่ทำให้โอเกอร์นั่นตายไม่ใช่แผลเวทมนตร์”

“กระดูกมันหัก แล้วก็เป็นกระดูกกรามด้วย”

คำพูดเฉียบคมนั้นพุ่งตรงเข้าใส่ผม

สมกับที่เขาเป็นหัวหน้าอัศวิน

บางคนนั้นบอกไม่ได้เลยว่าเกิดจากอะไร

ผมหุบปากเงียบ

ในช่วงการสอบ ผมร่ายระเบิดเผามานาและซัดโอเกอร์เข้าไปที่กราม

ระเบิดเผามานานั้นเป็นเวทย์ที่จะสร้างการเผาไหม้รุนแรงผ่านการระเบิด จึงนั้นจึงไม่ธรรมดาที่กระดูกของโอเกอร์ที่แข็งแรงจะหักได้เพราะเวทย์นั้น

แต่กระดูกของมันกลับหัก

ลอร์ดโคลเตอร์เองก็รู้เรื่องนี้ด้วย

“เวทย์ที่นายร่าย ชั้นไปค้นคว้ามานิดหน่อย…มันเป็นเวทย์ที่สร้างการเผาไหม้ผ่านการระเบิดใช่ไหม? แล้วกระดูกกรามของโอเกอร์มันหักแบบนั้นได้ยังไง?”

ลอร์ดโคลเตอร์หรี่ตา

“นายทำได้ยังไง? ดู เหมือนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่นายทำได้ด้วยพลังของนายอย่างเดียวนะ”

เขากำลังถามว่าผมหักกระดูกของโอเกอร์ด้วยกำปั้นอย่างเดียวได้ยังไงน่ะหรือ?

ผมกำลังครุ่นคิดหาทางตอบ

เมื่อผมหาทางตอบไม่ได้ ลอร์ดโคลเตอร์ก็เปลี่ยนสายตาจริงจังเป็นรอยยิ้มสดใสแทน

“เอาเถอะ นั่นไม่ใช่คำถามที่ชั้นอยากรู้ขนาดนั้นหรอก ถ้าหากอาจารย์คนอื่นไม่ได้ถามนายถึงเรื่องพลังบ้าบอนั่น…มันก็คงมีเหตุผล และมันก็ไม่สุภาพที่จะมาถามตั้งแต่แรกแล้วด้วยใช่ไหม?”

“ใช่ครับ”

“งั้นเหรอ? โทษทีนะ”

ลอร์ดโคลเตอร์รีบขอโทษทันทีและยิ้ม

ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการไทเรียนหรืออาจารย์ไฮเดลก็ไม่ถามเรื่องพลังของผม

นี่อาจเป็นเพราะว่าส่วนหนึ่งของแนวคิดเกี่ยวกับเวทมนตร์นั้นคือการค้นคว้าเรื่องราวมหาศาล

ต้องขอบคุณที่แนวคิดในแบบเดียวกันนี้มีอยู่ในแวดวงของอัศวินด้วย

“แต่ในฐานะของอาจารย์รับเชิญที่จะสอนการต่อสู้ให้กับนาย ชั้นต้องรู้พื้นฐานของร่างกายนายก่อน แข็งแกร่งผิดปกติ ชั้นควรรู้แค่นี้ใช่ไหม?”

ผมพยักหน้า

ลอร์ดโคลเตอร์หรี่ตาถามเมื่อผมพยักหน้าให้

“แข็งแกร่งกว่าชั้นอีกเหรอ?”

หงึก หงึก

เมื่อผมพยักหน้าอีกครั้ง ลอร์ดโคลเตอร์ก็ถามอีกครั้งด้วยความอยากรู้

“ถ้างั้น แข็งแกร่งกว่าออคใช่ไหม?”

หงึก หงึก

จากนั้น ลอร์ดโคลเตอร์ก็ลุกขึ้นราวกับจะระเบิดออกมา

“ถ้างั้น…แข็งแกร่งยิ่งกว่าโอเกอร์อีกเหรอ?”

เขาควรจะรู้ตั้งแต่เห็นผมครั้งที่แล้วแล้วนี่นา

เมื่อผมนิ่งเงียบและจ้องมองลอร์ดโคลเตอร์ เขาก็ข่มความตื่นเต้นและนั่งลง

“ถ้าหากมีเด็กคนอื่นบอกว่าแข็งแกร่งขนาดนี้ เราคงต้องงัดข้อหรืออะไรกันหน่อยแล้ว…แม้แต่ตัวชั้นก็มั่นใจในพลัง ชั้นไม่คิดว่าความสงสัยนี้จะทำให้ชั้นยอมอยู่เฉยนะ”

“คุณจะเสียใจนะ”

“หืม? ทำไมถึงสรุปแบบนั้นกันเล่า? นายจะทำยังไงถ้าชั้นแกร่งกว่าโอเกอร์เหรอ?”

“คุณอัศวินเองก็สรุปเรื่องผมมาแล้วนี่”

“แล้วผมเองก็แข็งแกร่งกว่าโอเกอร์จริง ๆ ด้วย ผมไม่ได้บลัฟนะ”

“จริงเหรอ? งั้นก็มาเลย! เข้ามา!”

ลอร์ดโคลเตอร์ม้วนแขนเสื้อและวางแขนลงบนโต๊ะ

“อย่าเสียใจนะครับ แขนคุณอาจจะหักก็ได้”

ผมจับมือเขาให้เบาที่สุด

เขาจะรู้สึกถึง ‘ความต่างของพลัง’ ตรงนี้ไหมนะ?

เมื่อผมเริ่มออกแรงกับการจับมือ สีหน้าของลอร์ดโคลเตอร์ก็เปลี่ยนไปและเริ่มพึมพำว่า “เอาล่ะ พอแค่นี้เถอะ”

“ให้ตายสิ ไอ้เด็กอวดดีนี่ จะอ่อนข้อให้ก็ไม่ได้…”

เขาเป็นอะไรน่ะ?

แต่ผมก็ไม่รู้สึกถึงความอาฆาตจากน้ำเสียงของเขา

มันดูเหมือนกับ…

สติของเขากำลังจะหลุดไป

แต่น้ำเสียงติกตลกของเขานั้นคือหนึ่งในสิ่งที่เป็นตัวตนเขา

ภาพลักษณ์ของชื่อโคลเตอร์ พิรันเต้คืออัศวินขั้น 6 เพียงคนเดียวในส่วนตะวันออกของทวีป

ฉายา ‘โล่แห่งแดนบูรพา’

ถ้าคิดว่ามีอัศวินขั้น 6 แค่ 5 คนในอาณาจักรเรเดียน ระดับฝีมือของเขาก็ชัดเจนอยู่แล้ว

บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่สายตาของเขาเปลี่ยนไปเมื่อพูดว่า ‘การฝึก’ เริ่มต้นขึ้น

“เอาเถอะ ชั้นไม่สนใจการงัดข้อไร้ความหมายนี่แล้ว ได้ยินจากอาจารย์ไฮเดลมาแล้วล่ะ…เขาบอกว่านายเป็นกรณีพิเศษของจอมเวทย์ที่สู้ได้ในระยะประชิดเท่านั้น ใช่ไหม?”

“ครับ”

“จากที่เห็นคราวที่แล้ว การเคลื่อนไหวของนายถือว่าใช้ได้ มันแม่นยำและไม่มีการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็น จนถึงขั้นยากที่จะเชื่อว่านายเรียนรู้ด้วยตัวเอง”

การต่อยและเตะที่ผมฝึกมาในไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นล้วนเกิดจากภารกิจประจำวัน

การนับจำนวนครั้ง 3000 ครั้งที่ถูกต้องเท่านั้นนั้นทำให้ต้องเคลื่อนไหวอย่างถูกต้อง

ผมใช้แค่การเคลื่อนไหวที่สมบูรณ์แบบซ้ำไปซ้ำมาเพื่อทำให้ภารกิจนับจำนวนที่ผมต้องทำ

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าไม่มีการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นและแม่นยำ

แต่ขีดจำกัดก็ชัดเจนด้วย

ลอร์ดโคลเตอร์พูดออกมาตรง ๆ

“แต่บอกตามตรง มันเห็นได้ชัดว่านายไม่ได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้มาเลย นั่นจึงเป็นเหตุที่มันคาดเดาได้ง่าย มันจะได้ผลกับโอเกอร์ที่ความคิดเรียบง่ายและไม่เคยเจอกับจอมเวทย์อย่างนายเท่านั้น แต่กับอัศวินที่ช่างสังเกตและมีความสามารถ การเคลื่อนไหวของนายจะถูกมองออก คนที่เก่งจะรู้ว่านายจะโจมตีที่ไหนแบบไหนจากแค่ดูไหล่และเอวที่ขยับ”

นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจ

ใช่แล้ว

การเคลื่อนไหวของผมนั้นทั้งหมดเป็นการเคลื่อนไหวที่ซื่อตรง

มันเหมือนกับว่าผมเรียนมันมาจากหนังสือและทำมันจนชำนาญ

การเคลื่อนไหวที่จะใช้ได้ในสถานการณ์จริงนั้นยังบกพร่องอยู่

แต่ถ้าหากผมเรียนวิชาต่อสู้ที่ดีล่ะ?

“ถ้านายเรียนจากชั้น การเคลื่อนไหวของนายจะเปลี่ยนไปจากพื้นฐานที่มี”

ถ้าแบบนั้น…

คำถามเกิดขึ้นในทันที

“ทำไมล่ะ?”

“...หืม?”

“ต่อให้สอนวิชาต่อสู้กับผม มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรกับคุณอัศวิน และคุณเป็นอาจารย์รับเชิญ คุณคงไม่ได้รับเงินมากมายจากโรงเรียนด้วย…แล้วยังต้องมาลำบากมาทำงานที่โรงเรียนอีก คุณอัศวินต้องแบกรับเรื่องทั้งหมดนั่นเพื่อผม…”

ลอร์ดโคลเตอร์พึมพำและลูบหนวดกับคำถามของผม

“เด็กน้อยอย่างนายคิดเรื่องต้นทุนกำไรระหว่างคน…”

“ครับ?”

“ชั้นจะบอกว่าไม่ต้องคิดทุกเรื่องในตอนที่ผู้ใหญ่ให้ยืมมือหรอกน่า”

“เฮ้อ..ก็ได้ ถ้านายสงสัยขนาดนั้นจะบอกให้ก็ได้ คิดว่ามันเป็นการลงทุนก็แล้วกัน”

สีหน้าของลอร์ดโคลเตอร์จริงจังขึ้นมา

“ชั้นได้เจอกับคนที่จะเป็นจอมเวทย์ที่ยิ่งใหญ่ได้ และถ้าช่วยเหลือคนที่มีอนาคตเป็นจอมเวทย์คนนั้นไว้…มันจะไม่เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเหรอ?”

ใช่

ผมเข้าใจแล้ว

ลอร์ดโคลเตอร์อาจต้องการความช่วยเหลือของผมในอนาคต

และที่เขาพูดก็ถูกต้อง

ในตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องคิดมากไปเสียทุกเรื่องเมื่อผู้ใหญ่ยื่นมือเข้าช่วย

ผมจะเข้าไปที่เทศกาลใหญ่ในฐานะตัวแทนโรงเรียน และยังมีอาจารย์รับเชิญที่ถูกเชิญมาเป็นพิเศษเผื่อว่าจะมีประโยชน์กับผมด้วย

ลอร์ดโคลเตอร์เองก็มีความคาดหวังและเข้ามาเพื่อสอนผมโดยเฉพาะ

“ดูเหมือนว่านายจะไม่เห็นชั้นเป็นคนที่พึ่งพาได้นะ ถ้ากังวลเรื่องที่จะเรียนก็ไม่ต้องห่วงเลย ชั้นคือคนที่ได้ขั้น 6 ที่อายุน้อยที่สุดในทางตะวันออกของอาณาจักรเรเดียน…”

“ไม่ใช่ครับ นั่นไม่ใช่ปัญหา”

“...หืม? แล้วอะไรล่ะ…?”

ใช่

อย่าไปคิดมากเลย

ผมปฏิเสธไม่ได้ว่านี่จะเป็นโอกาสที่ดีแน่ ๆ

ผมลุกขึ้นจากเก้าอี้และโค้งศีรษะให้กับลอร์ดโคลเตอร์

“ถ้าอย่างนั้น ขอฝากตัวด้วย คุณอัศวินโคลเตอร์…ไม่สิ อาจารย์รับเชิญ”

จากนั้นลอร์ดโคลเตอร์ก็บิดตัวเล็กน้อย เหมือนว่าเขาจะเขินกับคำว่า ‘อาจารย์รับเชิญ’ อยู่เล็ก ๆ

“เอ่อ ว้าว ได้ยินแบบนั้นมันอึดอัดไปหน่อยนะ เรียกว่าพี่ชายก็พอ”

“...พี่?”

“ทำไมล่ะ? ถึงจะเป็นแบบนี้ชั้นก็ยังอายุไม่ถึง 30 นะ”

ไม่มีทาง

คุณหัวหน้าอัศวินโคลเตอร์…

ไม่สิ

‘พี่’ โคลเตอร์มาหาผมที่ลานฝึกกลางแจ้งของโรงเรียนทุกวันตอน 11 โมงเช้าตามสัญญา

บทเรียนแรก

สิ่งที่ลอร์ดโคลเตอร์สอนผมเป็นอย่างแรกนั้นคือ ‘ฟุตเวิร์ค’

“รู้ไหมว่าอะไรสำคัญที่สุดในการเป็นอัศวิน?”

“อืม…ดวงตาเหรอครับ?”

“ดวงตาน่ะสำคัญ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเท้าต่างหาก”

เท้า

“สมดุลโดยรวมของทั้งร่างกายมันอยู่ที่ร่างกายท่อนล่าง ส่วนที่ช่วยให้ส่งแรงไปยังดาบก็เป็นเท้า ทิศทางของเท้าเองก็ใช้เดาทิศทางการเคลื่อนไหวของศัตรูด้วย ความสำคัญของเท้านั้นมากเกินกว่าจะอธิบายได้ นั่นคือสาเหตุที่นายต้องเรียนรู้วิธีการ ‘เดินที่ดี’”

วิธีการเดินที่เป็นอุดมคติที่สุด

วิธีการเดินที่แม่นยำและมั่นคงขณะที่ใช้แรงน้อยที่สุด

วิธีการเดินที่ไหล่ผ่อนคลายและหน้าตัดของเท้าติดพื้นมากที่สุด

วิธีที่จะหาวิธีการนี้ ผมต้องเดินรอบโรงเรียนทั้งวัน

เพื่อที่จะลบการเดินที่ไร้ความตั้งใจที่ผมเดินมาตลอด 16 ปีและหาวิธีเดินใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ยากจะทำ

ลอร์ดโคลเตอร์นั้นจะเดินตามผมอยู่ตลอดและเมื่อใดก็ตามที่ผมเดินโดยไม่ระวัง…

เพี๊ยะ!

“จ๊าก!”

ผมไม่รู้ว่าเขาไปหาไม้ไผ่มาจากไหน แต่เขาจะตีผมด้วยไม้ไผ่จนเกิดเสียงดัง

“หึหึ…เอาอีก!”

เขาหัวเราะราวกับกำลังสนุกกับเรื่องนี้

แต่สิ่งหนึ่งนั้นแน่นอน

เมื่อผมใช้ความคิดในวิธีการเดิน มันก็เริ่มมีประโยชน์ที่ผมเริ่มจะสังเกตได้

หลังจากเรียนรู้การเดิน สิ่งต่อมาที่ผมเรียนก็คือวิชาต่อสู้พื้รฐานที่มีรากฐานมาจาก ‘วิชาต่อสู้สวรรค์’ ที่ถูกสอนกันเป็นทั่วไปในหมู่อัศวินที่ศูนย์ฝึก

“ถ้าไม่นับวิชาดาบ วิชาต่อสู้สวรรค์นั้นจะมีการเคลื่อนไหวทั้งหมด 36 แบบ”

นี่เป็นเรื่องใหม่

เรื่องที่ว่าการเตะต่อยและหมุนเตะนั้นมีอยู่หลายรูปแบบ

ผมรู้ว่าอัศวินไม่ได้เรียนรู้แค่การจับดาบ แต่การที่พวกเขาเรียนรู้วิชาต่อสู้ที่เป็นระบบแบบนี้…

ผมใช้การเดินที่เพิ่งจะเรียนรู้ใหม่นี้เริ่มฝึกการเตะ ต่อย และหมุนเตะอีกหลายรูปแบบ

เพราะเรื่องนี้

ศิลปะร่างกาย VII

ติดตัว

สกิลศิลปะร่างกายก็ได้พุ่งพรวดไปถึงระดับ 7 ในทันที

มันไม่ใช่การเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า การถูกสอนที่ดีโดยมืออาชีพนั้นทำให้ผมมีประสบการณ์ที่ดีอย่างมาก

‘เรียนรู้เรื่องใหม่มันน่าสนุกขนาดนี้เชียว’

เพราะ 6 ปีที่ผ่านมาผมเรียนรู้แต่เวทมนตร์

การได้เรียนรู้เรื่องที่ไม่รู้นอกเหนือจากเวทมนตร์นั้นเป็นประสบการณ์ที่สนุกสนาน

ลอร์ดโคลเตอร์เองก็ดูจะสนุกกับการได้พบกันของเราด้วย จนถึงขั้นที่ว่า

“นี่…แกไม่เรียนรู้เร็วไปหน่อยเหรอ?”

“งั้นเหรอ?”

“แกเป็นอัศวินหรือจอมเวทย์กันแน่…ชั้นไม่รู้ว่าเพราะแกไม่เคยอู้กับการออกกำลังประจำวันไหม แต่รากฐานของแกมันหนักแน่นมาก ดูเหมือนว่าเราจะเพิ่มความเข้มข้นได้มากกว่านี้นะ”

“นั่นก็ดี เราเหลือเวลาไม่มากหรอกครับ”

“อืม…คิดจะทำอะไรหลังเรียนจบจากโรงเรียนล่ะ?”

“หลังเรียนจบเหรอ? ผมไม่รู้สิ?”

“อืม…เข้าภาคีอัศวินของชั้นเป็นไง? ชั้นจะเพิ่มเงินเดือนให้เป็นสองเท่าเลย”

“เอ่อ คงไม่นะครับ”

“หา? เด็กอย่างแกนี่มัน… ก็ได้ 3 เท่าล่ะเป็นไง?”

“ไม่เป็นไรครับ”

“ถ้าเป็นสี่เท่าของอัตราแรกเริ่ม ขนาดลอร์ดกากุนยังไม่ได้ค่าจ้างแบบนั้นเลย! ทำไมเด็กอย่างแกถึงโลภแบบนี้นะ…”

พูดถึงลอร์ดกากุน เขาคือปรมาจารย์ดาบเพียงคนเดียวของอาณาจักรเรเดียน

เรื่องที่ว่าเขาได้ค่าจ้าง 3 หรือ 4 เท่าจากค่าจ้างปกติในตอนที่เป็นอัศวินฝึกหัดนั้นไม่ได้น่าสนใจกับผมเท่าไหร่

“เงินไม่ใช่ปัญหาหรอกครับ”

“แล้วมันอะไร?”

“ก็มีอีกหลายเรื่องที่ผมอยากทำนี่นา”

“แกอยากทำอะไรงั้นเรอะ?”

“อืม…ก็ไม่รู้สิ”

“ไอ้เด็กนี่ อย่ามาทำให้ชั้นสงสัยนักสิ เริ่มใหม่อีก!”

“ครับ หึหึ”

ในการใช้ชีวิต 16 ปีของผม

ผมใช้เวลา 10 ปีในดินแดนอาเดล

และอีก 6 ปีในโรงเรียน

ผมไม่เคยท่องเที่ยวเหมือนกับคนอื่น และผมเองก็ไม่เคยไปที่เมืองหลวงอาณาจักรเรเดียนเลยเหมือนกัน (มีคนบอกว่าผมเคยไปกับพ่อตอนที่ยังเด็ก แต่ผมก็จำไม่ได้หรอก)

ถ้ามองแบบนี้ เทศกาลใหญ่ที่จะจัดขึ้นในเดือนที่ 7 ของปีนี้ มันอาจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางจริง ๆ ก็ได้…

ผมยังมีเรื่องอีกมากมายที่อยากจะได้เจอ

และสิ่งมากมายที่ยังไม่เคยเห็น

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ผมวางแผนจะคิดอย่างหนักในอีกไม่กี่เดือนที่เหลือ

เพี๊ยะ!

“อีกรอบ!”

อืม หลังจากเรียนวิชาต่อสู้จนจบล่ะนะ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด