ตอนที่ 132: ดาวเคราะห์ YZZ-7526
ตอนที่ 132: ดาวเคราะห์ YZZ-7526
“ประกาศแจ้งนักเรียนทุกคน! พวกเรากำลังจะไปถึงจุดสิ้นสุดการเดินทางในอีก 1 ชั่วโมง 47 นาที ขอให้ทุกคนไปรวมตัวกันที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้เพื่อรับฟังบรรยายสรุปภารกิจจากหัวหน้าทีมสำรวจ”
เซี่ยเฟยที่หลับไป 2-3 ชั่วโมงถูกปลุกขึ้นมาจากเสียงประกาศ โดยสมองของเขายังคงสับสนอยู่เล็กน้อยและความตกใจจากการทะลุผ่านมนตราอสูรขั้นที่ 3 ยังไม่หายไป นอกจากนี้สภาพจิตใจของเขายังคงอ่อนแอ
“ในที่สุดก็ใกล้ถึงแล้วสินะ” เซี่ยเฟยลงจากเตียงพร้อมกับล้างหน้าด้วยน้ำเย็น ก่อนที่จะเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องประชุม
นักเรียนกว่า 40 คนได้มานั่งในห้องประชุมรออยู่ก่อนแล้ว เซี่ยเฟยจึงพยายามหาว่าเยว่เกอกับเฉินตงนั่งอยู่ที่ไหนก่อนที่เขาจะเดินผ่านฝูงชนไปหาทั้งสอง
ระหว่างทางเขาได้เดินผ่านไป๋เย่โดยคุณชายเจ้าสำอางเผยรอยยิ้มให้เขาเล็กน้อย เขาจึงพยักหน้ากลับไปเป็นการทักทาย
“ทำไมไอ้สารเลวนั่นถึงยิ้มให้นาย?” เยว่เกอจ้องมองไปยังไป๋เย่อย่างเย็นชา
ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุอะไรแต่ดูเหมือนว่าเยว่เกอจะรู้สึกเกลียดชังไป๋เย่เข้ากระดูกดำและเมื่อไหร่ก็ตามที่เธอเห็นชายคนนี้เธอก็จะรู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลา
“อะไรกัน นี่แค่มีคนยิ้มให้ฉันก็เป็นเรื่องผิดด้วยหรอ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับยักไหล่
“ไป๋เย่ไม่ใช่คนดี นายต้องคอยระวังผู้ชายคนนี้เอาไว้” เยว่เกอกล่าวพร้อมกับเบะริมฝีปาก
เซี่ยเฟยพยักหน้าเป็นการรับรู้ ซึ่งอันที่จริงถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่พูดอะไรแต่เขาก็ระวังไป๋เย่ตลอดเวลาอยู่แล้ว เพราะท้ายที่สุดสิ่งที่ไป๋เย่แสดงออกมาในระหว่างการแข่งขันรถแข่งก็เป็นเจตนาร้ายอย่างชัดเจน และด้วยนิสัยของเขาก็จะไม่ยอมปล่อยคนแบบนี้ไปเฉย ๆ
ในเวลาเพียงแค่ไม่นานโบซิงวากับครูฝึกอีก 2-3 คนก็เข้ามาในห้องประชุม โดยโบซิงวายืนอยู่กลางห้องประชุมด้วยใบหน้าที่จริงจัง เพราะเขาทำหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมสำหรับภารกิจสำรวจในครั้งนี้
ในแววตาของเขายังคงมีความโศกเศร้าที่ไม่สามารถปกปิดได้ และถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซียวไห่ลี่และเควรอซจะผ่านไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถลืมเหตุการณ์ในวันนั้นได้อยู่ดี
เซี่ยเฟยไม่ได้เล่าเรื่องที่เซียวไห่ลี่พยายามฆ่าเขาให้ใครฟัง เพราะท้ายที่สุดอีกฝ่ายก็ตายไปแล้วมันจึงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะโยนความผิดให้คนตาย
นอกจากนี้ชายหนุ่มยังขี้เกียจอธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะมันอาจจะทำให้เขาเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น เพียงแค่ในปัจจุบันเขาก็มีปัญหาให้ปวดหัวมากพอแล้ว
“น่าเสียดายที่คนอย่างเขาจะต้องมาเสียใจเพราะคนอย่างเซียวไห่ลี่” เซี่ยเฟยพึมพำขณะมองไปที่โบซิงวาพร้อมกับส่ายหัว
ระหว่างนั้นเย่เสี่ยวหานกับครูฝึกอีก 2-3 คนได้ทำการแจกจ่ายห่อสัมภาระให้กับนักเรียนแต่ละคน เมื่อเซี่ยเฟยได้เปิดห่อสัมภาระออกดูเขาก็พบว่าด้านในเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ไม่ว่าจะเป็น อุปกรณ์ตรวจจับรังสี, เครื่องผลิตน้ำจืด, เครื่องสื่อสาร, อาหารและยา
อาหารฉุกเฉินที่แจกมาเป็นอาหารสำเร็จรูปที่มีหน้าตาคล้ายยาสีฟัน และรสชาติของมันก็มีความขมอยู่เล็กน้อย
ถึงแม้ว่ารสชาติของอาหารชนิดนี้จะแย่มากแต่มันก็บรรจุสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์และการกินอาหารชนิดนี้เข้าไปเพียงแค่ไม่กี่คำ มันก็มากพอที่จะให้พลังงานกับร่างกายได้ตลอด 24 ชั่วโมง
ส่วนเครื่องผลิตน้ำจืดก็เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์มากสำหรับการเอาชีวิตรอดในป่า โดยเครื่องมือนี้มีหน้าตาเหมือนถ้วยชาโลหะปิดผนึกที่มีรูกลม ๆ อยู่ด้านบนหลายแถว ส่วนพลังงานของเครื่องมือนี้ก็เป็นแบตเตอรี่พลังงานสูงที่สามารถใช้งานได้นับร้อยปีโดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่เลยสักครั้ง
เมื่อเครื่องถูกเปิดทำงานตัวอุปกรณ์จะทำการดูดโมเลกุลของน้ำในอากาศไปเก็บไว้ในถ้วย ก่อนที่จะมีกระบวนการกรองให้มันกลายเป็นน้ำดื่มที่สะอาด ซึ่งตราบใดก็ตามที่บริเวณนั้นยังคงมีโมเลกุลของน้ำอยู่ พวกเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลเรื่องน้ำดื่มอีกต่อไป
“เอาล่ะทุกคนคงจะรู้จักวิธีใช้อุปกรณ์ฉุกเฉินพวกนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นฉันจะไม่อธิบายอะไรเพิ่มเติม สิ่งที่พวกคุณจำเป็นจะต้องจำคือดาวเคราะห์ปลายทางของพวกเรามีชื่อรหัสว่าดาวเคราะห์ YZZ-7526 เป็นดาวเคราะห์ที่มีกัมมันตรังสีระดับต่ำ ด้วยเหตุนี้ทุกคนจะต้องกินอาหารที่นำติดตัวมาเท่านั้น ไม่อย่างนั้นทุกคนจะเกิดอาการอาหารเป็นพิษ”
หลังจากเขาพูดจบโบซิงวาก็หยิบเครื่องมือสื่อสารที่มีลักษณะเป็นสร้อยข้อมือขึ้นมาโชว์ ซึ่งเครื่องมือสื่อสารชนิดนี้คล้ายกับเครื่องสื่อสารที่เซี่ยเฟยได้ใช้ในระหว่างการประเมินระดับวิกฤต โดยมันเป็นเครื่องมือสื่อสารสีเงินที่ส่องแสงแวววาว
“บนดาวเคราะห์ YZZ-7526 มีอุปกรณ์ป้องกันการสื่อสารพลังงานสูงของสมาพันธ์ติดตั้งเอาไว้ ทำให้นอกเหนือจากอุปกรณ์สื่อสารพิเศษประเภทนี้แล้วอุปกรณ์สื่อสารประเภทอื่น ๆ ก็ไม่สามารถที่จะใช้บนดาวเคราะห์ได้ การเคลื่อนไหวของทุกคนจะถูกบันทึกลงในอุปกรณ์สื่อสารตลอดเวลา ฉันหวังว่ามันจะไม่มีใครทำอะไรแผลง ๆ ในระหว่างการสำรวจ”
“ส่วนนี่คืออุปกรณ์ตรวจจับรังสีขนาดเล็ก อย่างที่ฉันได้อธิบายเอาไว้ว่าบนดาวมีสารกัมมันตภาพรังสีตกค้างอยู่ในระดับต่ำ และบางสถานที่ก็มีสารกัมมันตภาพรังสีตกค้างอยู่ในปริมาณที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เครื่องตรวจจับส่งสัญญาณเตือนสีแดงขอให้ทุกคนออกจากพื้นที่บริเวณนั้นทันทีจนกว่าสัญญาณเตือนภัยจะหยุดลง” โบซิงวาอธิบายอย่างจริงจัง
เทคโนโลยีของอารยธรรมโบราณก้าวล้ำมากจนพวกเขากล้าที่จะใช้แม้กระทั่งสารอันตรายที่มีกัมมันตภาพรังสี และถึงแม้ว่าในช่วงเวลานั้นสารเหล่านี้จะนำมาซึ่งความสะดวกสบาย แต่ผลกระทบที่ตามมาก็คือความอันตรายที่ลูกหลานของพวกเขาจะได้รับ
เมื่อหุ่นยนต์เริ่มทำการกวาดล้างมนุษย์บนดาวเคราะห์ต่าง ๆ สารพิษจำนวนมหาศาลก็เริ่มมีการรั่วไหลออกมา ด้วยเหตุนี้เมื่อเวลาได้ผ่านพ้นไปดาวเคราะห์ที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นดาวเคราะห์ที่เต็มไปด้วยสารพิษและทำให้ดาวเคราะห์ดวงนั้นไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอีกต่อไป
“เอาล่ะ ทุกคนสามารถอยู่บนดาวเคราะห์ YZZ-7526 ได้เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ในช่วงเวลานี้หากใครเก็บอะไรบนดาวเคราะห์ได้ให้ถือว่าของพวกนั้นเป็นของตัวเองและถ้าหากว่าใครต้องการจะขายวัตถุโบราณ ทางค่ายฝึกก็รับแลกเปลี่ยนวัตถุโบราณทุกชิ้นด้วยคะแนนพิเศษที่เหมาะสม”
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าค่ายฝึกจะมอบของทุกอย่างที่นักเรียนพบให้กับนักเรียนไปเลยโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ
แต่หลังจากที่เขาได้ใช้เวลาคิดพิจารณาเขาก็ได้พบว่าการตัดสินใจแบบนี้เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว เพราะท้ายที่สุดซากปรักหักพังโบราณปลายทางก็เป็นเพียงแค่ซากปรักหักพังโบราณระดับ E ดังนั้นวัตถุโบราณที่ถูกซ่อนไว้ในซากปรักหักพังแห่งนี้จึงเป็นเพียงแค่วัตถุโบราณระดับต่ำเท่านั้น
วัตถุโบราณระดับต่ำไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับสมาพันธ์จัสทิสที่แข็งแกร่งเลย ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะยกวัตถุโบราณให้กับนักเรียนแต่มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร นอกจากนี้มันไม่มีทางที่ใครจะสามารถสำรวจทั่วทั้งดาวเคราะห์ได้ในเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ด้วยเหตุนี้วัตถุโบราณที่นักเรียนแต่ละคนค้นพบก็จะมีจำนวนอยู่เพียงแค่ไม่กี่ชิ้น
“นอกจากนี้บนดาวเคราะห์มีพวกเซิร์กที่ถูกเลี้ยงโดยสมาพันธ์กระจายกันอยู่ด้วย ทุกคนคงจะรู้ดีกันอยู่แล้วว่าศัตรูตัวฉกาจของพันธมิตรมนุษย์คือพวกแมลงที่น่ารังเกียจพวกนี้ ดังนั้นขอให้ทุกคนใช้โอกาสนี้เพื่อทำความคุ้นเคยการต่อสู้กับพวกเซิร์กเอาไว้ด้วย”
“พันธมิตรมนุษย์ได้แบ่งระดับของพวกเซิร์กออกเป็น 9 ระดับตามความอันตรายของพวกมัน พวกเซิร์กที่อาศัยอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้มีเพียงแค่พวกเซิร์กระดับ 1 ถึงระดับ 2 เท่านั้น ถึงแม้ว่าพวกมันจะดุร้ายแต่พวกมันก็ไร้ความคิด พวกมันจึงไม่สมควรจะเป็นภัยคุกคามต่อทุกคน”
“หากใครสามารถสังหารพวกเซิร์กได้พวกนายก็จะได้รับคะแนนพิเศษกลับมา โดยเซิร์กระดับ 1 จะมีค่าหัวอยู่ที่ตัวละ 1 คะแนนและเซิร์กระดับ 2 จะมีค่าหัวอยู่ที่ตัวละ 3 คะแนน”
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสมาพันธ์ถึงดูใจกว้างขนาดนี้ ที่แท้ไม่เพียงแต่พวกเขาจะให้เวลาสำรวจซากปรักหักพังโบราณสั้น ๆ เท่านั้น แต่พวกเขายังเลี้ยงแมลงเป็นจำนวนมากเอาไว้คอยขัดขวางนักเรียนที่เข้ามาสำรวจซากปรักหักพังด้วย” เซี่ยเฟยพึมพำพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ในเวลาเดียวกันเฉินตงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็ความเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นและหน้าอกของเขาก็กำลังสั่นเทาอย่างไม่สามารถที่จะควบคุมได้
เจ้าบ้าคนนี้มักจะตื่นเต้นทุกครั้งที่มีการต่อสู้ และไม่ว่าจะเป็นการสู้กับคนหรือการสู้กับแมลงต่างก็ไม่มีความแตกต่างสำหรับชายคนนี้เลย
ในทางตรงกันข้ามใบหน้าของเยว่เกอกำลังเปลี่ยนไปอย่างน่าเกลียด เพราะท้ายที่สุดผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไม่ชอบพวกแมลงที่สกปรก และถึงแม้ว่ารสนิยมทางเพศของเยว่เกอจะไม่เหมือนผู้หญิงโดยทั่วไป แต่ลักษณะทางกายภาพของเธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงอยู่ดี มันจึงทำให้เธอรู้สึกรังเกียจพวกแมลงที่อยู่บนดาวพวกนั้น
โบซิงวาใช้สายตากวาดไปทั่วทั้งห้องประชุมและเขาก็ดูเหมือนจะพอใจกับความกระตือรือร้นของทุกคน
“การสำรวจครั้งนี้ทุกคนมี 2 ทางเลือก โดยทางเลือกแรกคือการเดินทางไปพร้อมกับครูฝึก ซึ่งแน่นอนว่าข้อดีของตัวเลือกนี้คือความปลอดภัยและครูฝึกจะช่วยแนะนำการต่อสู้ให้กับพวกนายตลอดทั้งสองสัปดาห์”
“ตัวเลือกที่ 2 คือทุกคนแยกย้ายกันไปทำการสำรวจอย่างอิสระ ซึ่งพวกนายจะแยกย้ายกันออกไปสำรวจคนเดียวหรือจะไปแบบเป็นทีมก็ได้ แต่มันจะมีอันตรายมากกว่าการไปพร้อมกับครูฝึก”
“ไม่ว่าพวกนายจะเลือกตัวเลือกไหน แต่อย่าลืมว่าทุกคนจะต้องให้ความสนใจไปที่เครื่องตรวจจับรังสีตลอดเวลา และถ้าหากว่ามันมีเรื่องฉุกเฉินเกิดขึ้นให้รีบใช้เครื่องสื่อสารขอความช่วยเหลืออย่างไม่ลังเล”
“ฉันขอจบการประชุมเพียงแค่นี้ ขอให้ทุกคนโชคดีกับการสำรวจ” โบซิงวากล่าวเสียงดัง
เมื่อสิ้นสุดการประชุมนักเรียนก็มุ่งหน้ากลับไปยังห้องพักของตัวเองทีละคนเพื่อเตรียมความพร้อมสำรวจซากปรักหักพังโบราณที่กำลังจะมาถึง
เซี่ยเฟยใช้เวลาคิดพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งและถึงแม้เขาจะรู้สึกว่าการสำรวจคนเดียวจะเป็นทางเลือกที่ดี แต่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็มีอยู่อย่างจำกัด
หากเฉินตงและเยว่เกอขอให้เขาเข้าร่วมทีมอย่างจริงจัง ชายหนุ่มก็ไม่ได้มีความคิดที่จะปฏิเสธเพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็เป็นสหายที่ดีที่ชายหนุ่มได้ให้ความไว้วางใจ
“ขอโทษครับ ผมขอถามหน่อยว่าผมสามารถท้าทายนักเรียนคนอื่นบนดาวดวงนั้นได้ไหม?” เฉินตงยืนขึ้นตะโกนถามเสียงดัง
เหล่านักเรียนที่กำลังจะออกจากห้องประชุมหยุดชะงักอย่างกะทันหันพร้อมกับหันมามองเฉินตงอย่างสงสัยว่าทำไมเขาถึงถามคำถามแบบนี้ออกมา
โบซิงวาส่งเสียงหัวเราะออกมาเบา ๆ กับคำถามไร้สาระของเฉินตง ก่อนที่เขาจะตอบออกไปว่า
“ที่นี่ไม่ใช่ค่ายฝึก ขอแค่ไม่มีใครถูกฆ่าตายนายอยากจะสู้กับใครก็ได้ ถึงยังไงการต่อสู้ก็เป็นหน้าที่ของจัสทิสทุกคนอยู่แล้ว”
เฉินตงพยักหน้ารับพร้อมกับมองไปยังนักเรียนคนอื่น ๆ อย่างเย็นชา
เหตุการณ์นี้ทำให้นักเรียนคนอื่นรู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะ และพวกเขาก็ตัดสินใจว่าพวกเขาจะพยายามทำทุกวิถีทางไม่ให้เดินไปเฉียดผ่านเจ้าบ้าคนนี้
ดาวเคราะห์ YZZ-7526 เป็นดาวเคราะห์ที่มีสภาพแวดล้อมอันโหดร้าย โดยท้องฟ้าของดาวเต็มไปด้วยสีเทาและในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเปรี้ยวราวกับว่าพวกเขากำลังตกลงไปในบีกเกอร์ที่เต็มไปด้วยสารเคมี
ยานเดรสทรอยเยอร์ของสมาพันธ์ค่อย ๆ ร่อนลงจอดตรงบริเวณชานเมืองที่ถูกทำลายอย่างช้า ๆ ก่อนที่เซี่ยเฟย, เฉินตงและเยว่เกอจะเตรียมลงจากยานอวกาศมาพร้อมกัน
เมื่อมองเมืองที่ถูกทำลายจากด้านบนพวกเขาก็จินตนาการถึงเมืองที่เคยสวยงาม และเมื่อทุกคนได้ลงมาจากยานพวกเขาก็เริ่มได้ยินเสียงฝีเท้าของแมลงที่ดังแว่วมาตามสายลม
เฉินตงโบกมือลาเยว่เกอและเซี่ยเฟยก่อนที่เขาจะแยกตัวออกไป โดยภายในแววตาของเขาเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งการต่อสู้
เห็นได้ชัดเลยว่าเฉินตงตัดสินใจแล้วว่าเขาจะออกเดินทางตัวคนเดียว เซี่ยเฟยจึงเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะเลือกเดินไปในทิศทางตรงกันข้าม และเนื่องจากเฉินตงไม่อยากจะทำงานเป็นทีม ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงเลือกที่จะสำรวจซากเมืองโบราณนี้ด้วยตัวคนเดียว
เยว่เกอยืนอยู่ที่เดิมด้วยใบหน้าที่สับสนพร้อมกับมองไปทางเซี่ยเฟยและเฉินตงด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ
“ไอ้พวกบ้า! นี่พวกนายจะไปไหน!!”
“ฉันก็จะไปสำรวจซากปรักหักพังพวกนี้ไง” เซี่ยเฟยโบกมือให้หญิงสาวโดยไม่หันหลังกลับมามอง
“ถ้าพวกนายไปแบบนี้ แล้วฉันจะทำยังไง?!”
“เอ่อ... ดูแลตัวเองด้วย”
ฟุบ!
ทันทีที่พูดจบร่างของเซี่ยเฟยก็เคลื่อนที่ด้วยความว่องไวจนหายไปจากบริเวณนั้นในทันที
***************
เฉินตงนี่นิสัยไม่เคยเปลี่ยนเลยนะ บ้าการต่อสู้และบ้าการฝึกฝน!