บทที่ 109: สอนลูกใช้หนังสติ๊ก
“ของดี?”
ดวงตาของเด็กทั้งหลายเป็นประกายในขณะที่พวกเขาหันไปมองแม่จิ้งจอกเป็นตาเดียว
มีเพียงหลงเหยาที่นอนอยู่บนหัวของหลงจงเท่านั้นที่ยังทำตัวไม่สนโลกเช่นเคย เขาทำแค่สะบัดหางเป็นระยะ ๆ
ปกติเขาสนใจแต่เรื่องกินเท่านั้น ของดีอันไหนก็สู้ของอร่อยฝีมือแม่ไม่ได้หรอก
ยามนี้หูเจียวเจียวพยายามหลอกล่อเจ้าพวกตัวเล็ก “พวกเจ้าไปเช็ดตัวให้แห้งก่อน แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้สะอาด แม่จะบอกเรื่องนี้ทีหลัง”
เมื่อเหล่าเด็กน้อยได้ยินเช่นนี้ก็เปลี่ยนท่าทีจากเดิมไปคนละขั้วทันที ก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว หลังจากชุลมุนวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่ง ทุกคนก็เช็ดตัวจนร่างกายสะอาดและเปลี่ยนเป็นชุดหนังสัตว์ตัวใหม่ที่ผู้เป็นแม่นำมาให้เสร็จ
ระหว่างนั้นหญิงสาวไม่ได้ยืนดูอยู่เฉย ๆ เธอไปต้มหม้อน้ำร้อน เทใส่อ่างน้ำอุ่น แล้วลากหลงเหยาที่เนื้อตัวมีแต่โคลนลงไปในอ่างอาบน้ำ
หลังจากที่เธอขัดถูตัวลูกชายคนสุดท้องไปสักพัก อ่างน้ำใสก็กลายเป็นโคลนสีเหลืองขุ่น
ขณะนี้ในหัวของจิ้งจอกสาวเต็มไปด้วยคำถาม เธอไม่เข้าใจว่าทั้ง ๆ ที่พวกหลงหลิงเอ๋อก็ตกน้ำที่เดียวกัน แต่ทำไมทุกคนมีปัญหาแค่เสื้อผ้าเปียก แต่เจ้ามังกรน้อยตัวนี้กลับมีสภาพเปื้อนโคลนไปเสีย
เมื่อนึกถึงครั้งแรกที่เธอพบหลงเหยา เขาก็มีสภาพเหมือนกับตอนนี้ เวลานั้นเธอรู้สึกสงสารเขามาก แต่ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าเจ้าตัวเล็กนี่จะสกปรกหรือไม่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับการมีแม่ที่ดูแลเขา
หูเจียวเจียวยืนยันที่จะเปลี่ยนน้ำ 3 อ่างก่อนที่จะขัดถูลูกชายทุกกระเบียดนิ้วในร่างกาย
ไม่นานมังกรตัวเล็กก็กลับมาเป็นเด็กร่าเริงเหมือนเดิม เขาอาบน้ำสนุกสนานมากราวกับว่าคนเป็นแม่กำลังเล่นกับเขา ไม่นานเขาก็จุ่มหัวลงในอ่างแล้วกวนหางสักพักจนน้ำก่อตัวเป็นพายุหมุนขนาดย่อม
ช่วงเวลาดังกล่าวทำให้หลงเหยารู้สึกมีความสุขมาก
การอาบน้ำให้เจ้ามังกรจอมซนครั้งนี้เป็นผลให้หูเจียวเจียวเหงื่อซ่กไปทั้งตัว และจากนั้นเธอก็ตระหนักได้ถึงความลำบากในการเลี้ยงลูก
หากมีการเลือกตั้งบุคคลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เธอจะโหวตให้คนที่เป็น ‘แม่’ แน่นอน!
หลังจากที่หญิงสาวล้างตัวหลงเหยาและเทน้ำสกปรกออก เธอก็บอกให้ลูกทั้ง 5 รอเธอที่ลานบ้าน ส่วนตัวเองเดินเข้าไปในกระท่อมเพียงลำพัง
ลูก ๆ มองตามหลังของหูเจียวเจียวไปอย่างมีความหวัง และในไม่ช้า อีกฝ่ายก็ออกมาพร้อมถือไม้สั้น ๆ 2 ง่ามที่หน้าตาดูแปลกประหลาด
เวลานั้นหลงเหยาบินเข้าไปหาแม่จิ้งจอก พลางขยับจมูกดมของในมือเธอด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“แอวะ~”
ไม่เห็นน่าอร่อยเลย กินไม่ได้ น่าเบื่อชะมัด
ต่อมา เขาแลบลิ้นใส่แท่งไม้แล้วบินออกไปโดยไม่ลังเล
“ท่านแม่ นี่คืออะไร?” หลงหลิงเอ๋อมองสิ่งที่อยู่ในมือของหูเจียวเจียวด้วยท่าทางอยากรู้เสียเต็มประดา
“มันก็แค่เศษไม้ชิ้นหนึ่ง ท่านคงไม่ได้โกหกเราหรอกใช่ไหม?” หลงจงขมวดคิ้วทำสีหน้าไม่พอใจ
ทางด้านหลงเซียวมองไม่เห็นมัน ดังนั้นเขาจึงได้แต่ยืนฟังคำอธิบายของคนอื่นอย่างเงียบ ๆ อย่างไรก็ตาม...เขาคงไม่ได้ใช้มันเหมือนเคย ในเมื่อเขามองไม่เห็น มันก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะขอมันมา
เด็กหนุ่มรู้สึกว่าตนเป็นขยะที่ไร้ประโยชน์ที่สุดในหมู่พี่น้อง ความจริงแล้วเขาเห็นด้วยกับเด็กเกเรพวกนั้น เขาเป็นเศษขยะที่คอยฉุดรั้งความเจริญของครอบครัว
ในขณะเดียวกัน หลงอวี้เฝ้าดูสิ่งของแปลกตาอย่างสงบโดยไม่มีร่องรอยของความใจร้อน เขาตั้งใจรอฟังคำแนะนำของแม่จิ้งจอกเงียบ ๆ
“นี่เรียกว่าหนังสติ๊ก เจ้าสามารถแก้แค้นเด็กที่มารังแกได้ง่าย ๆ เลย” หูเจียวเจียวยิ้มพลางหยิบหนังสติ๊กในมือออกมาให้ลูกน้อยดู
โดยธรรมชาติแล้วเธอไม่มีทักษะที่ดีพอในการทำหนังสติ๊ก ของพวกนี้เธอนำมาจากในมิติ
หญิงสาวรู้ว่าเด็ก ๆ ถูกรังแกแล้วไม่อยากบอกเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่อยากให้ตัวเองต้องมานั่งพะวงกลัวว่าทุกคนจะเป็นอะไรไป หากเป็นเช่นนั้น เธอก็ควรหาทางปล่อยให้พวกเขาได้แก้แค้นศัตรูคืนบ้างดีกว่า
เธอไม่เคยคิดว่าการต่อสู้ระหว่างเด็กเป็นเรื่องตลกไร้สาระ แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องเล็กน้อย เนื่องจากลู่หลียังไม่กลับตัวกลับใจหลังจากได้รับบทเรียนจากเธอเมื่อครั้งก่อน เธอคงไม่สามารถยับยั้งการกระทำชั่วของเขาได้ด้วยตัวคนเดียว
ประกอบกับเด็กตระกูลหลงพวกนี้ยังเด็กเกินไป อีกทั้งยังขาดสารอาหารและร่างกายไม่แข็งแรง เธอไม่อาจปกป้องลูกทุกคนได้ตลอดเวลา เพราะฉะนั้นเธอจะหาวิธีสอนให้พวกเขารู้จักป้องกันตัวเองและแก้แค้นศัตรูเอง
“หนังสติ๊ก?” หลงหลิงเอ๋อเบิกตารูปทรงอัลมอนด์พลางกะพริบมองมันอย่างสงสัย
“ไม่ใช่หรอก มันเป็นแค่เศษไม้หัก ๆ ที่มัดด้วยเชือก มันจะช่วยเราล้างแค้นได้ยังไง...” หลงจงบ่นด้วยความขยะแขยง
หูเจียวเจียวยิ้มโดยไม่ต้องอธิบายอะไรมาก เธอหันไปหยิบหินก้อนเล็ก ๆ ขึ้นมาจากพื้น ก่อนจะดึงหนังสติ๊กขึ้น เธอปิดตาข้างหนึ่งแล้วเล็งไปยังนกที่เกาะอยู่บนต้นไม้ไม่ไกล
ปึด! ปึด! ปึด!
ยามนี้หนังสติ๊กถูกดึงจนตึงสุด พอปล่อยมือ หินก็ถูกดีดออกไปทันที มันพุ่งไปกระแทกหัวนกที่อยู่บนต้นไม้อย่างแม่นยำ
วินาทีต่อมา เจ้านกน้อยผู้เคราะห์ร้ายก็ตกลงมาจากต้นไม้พร้อมกับกระพือปีกดิ้นรน 2-3 ครั้งบนพื้น ก่อนจะแน่นิ่งไปในที่สุด
เด็กทั้งหมดหันหน้าตามลูกหินไปพลางจ้องมองฉากเบื้องหน้าด้วยตาที่เบิกกว้าง พวกเขายืนนิ่งอยู่แบบนั้นเพราะตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
นางฆ่านกได้จริงหรือ!
เดิมทีการเคลื่อนไหวของนกนั้นว่องไวและรวดเร็ว แม้แต่หลงเหยาในร่างสัตว์ก็ยังจับมันไม่ได้ แต่แม่จิ้งจอกกลับฆ่ามันได้ด้วยเศษไม้และก้อนหินก้อนเล็ก ๆ!
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นความประหลาดใจในดวงตาของเหล่าเด็กน้อย เธอจึงอธิบายอย่างขบขัน
“จริง ๆ แล้วหนังสติ๊กไม่มีพลังมากนัก แต่หัวเป็นส่วนที่เปราะบางที่สุดของนก แม่ยิงมันเข้าที่หัว มันเลยตาย”
หญิงสาวกล่าวเสริมทันทีเพราะคิดถึงความโหดร้ายของลูก ๆ ที่จะกลายเป็นวายร้ายในอนาคต “แต่การใช้มันทำร้ายภูตจะทำให้พวกเขารู้สึกเจ็บมาก ถ้าพวกเจ้าจะใช้มันก็ควรระมัดระวังหน่อย แม่อนุญาตให้เจ้าใช้สั่งสอนคนเลวได้ แต่เจ้าไม่ควรใช้มันในการรังแกคนอื่น”
ลูกทั้ง 5 ผงกศีรษะตอบรับ แล้วจดจำคำพูดของหูเจียวเจียวไว้ในใจอย่างเงียบ ๆ แต่สิ่งที่พวกเขาคิดคือ
ในอนาคตหากเกิดเหตุฉุกเฉินทำให้ 5 พี่น้องต้องต่อสู้กับภูต พวกเขาจะต้องโจมตีจุดที่เปราะบางที่สุด! หากเป็นไปได้ก็ควรโจมตีอีกฝ่ายให้รวดเร็วที่สุดเพื่อให้พวกนั้นไม่มีโอกาสได้กลับมาแว้งกัดตนเองอีก!
ตอนนี้ในสายตาของเด็ก ๆ ภาพแม่จิ้งจอกที่อยู่ตรงหน้าดูสูงส่งขึ้นมาทันที โดยธรรมชาติของภูต พวกเขาจะเคารพต่อผู้ที่แข็งแกร่ง และหูเจียวเจียวสามารถฆ่านกตายได้
ในความคิดของเหล่าเด็กน้อย การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ของผู้เป็นแม่เท่ากับว่าเธอสามารถล่าสัตว์ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ภูตหญิงคนอื่นในเผ่าไม่สามารถทำได้
เมื่อหญิงสาวเห็นว่าลูกทั้ง 5 มีปฏิกิริยาแบบไหน จากที่เธอไม่สบายใจเล็กน้อยก็รู้สึกโล่งใจทันทีและคิดว่าการอดทนสอนพวกเขานั้นถูกต้องจริง ๆ
สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือไม่กี่ปีต่อมา หลังจากที่เด็กพวกนี้เติบโตขึ้น พวกเขาจะกลายเป็นภูตที่แข็งแกร่งเหนือใครในโลก สิ่งที่ลูกทุกคนจำฝังใจที่สุดก็คือคำสอนของเธอในวันนี้
เวลาถัดมา หูเจียวเจียวแจกหนังสติ๊กให้เด็กทีละคน และเริ่มสอนวิธีใช้หนังสติ๊กให้กับพวกเขา
ตอนที่เธอยังเป็นเด็ก พ่อแม่ไม่ชอบที่เธอเป็นเด็กผู้หญิง ดังนั้นหลังจากให้กำเนิดน้องชายออกมา พวกเขาจึงส่งเธอไปอยู่กับปู่ย่าในชนบท ร่างกายของหญิงสาวผอมแห้งกว่าคนอื่นจึงมักจะถูกรังแกอยู่เสมอ ตอนนั้นปู่ของเธอจึงสอนให้ตนใช้หนังสติ๊ก
เพราะหูเจียวเจียวเคยใช้มันมาตั้งแต่เด็ก เธอเลยยิงได้แม่นมาก
แต่สำหรับเด็กพวกนี้มันแตกต่างออกไป พวกเขาเพิ่งเคยใช้หนังสติ๊กเป็นครั้งแรก ทุกคนจึงยิงได้ไม่ค่อยดีนักแล้วแสดงท่าทีหดหู่หมดหวังออกมา
“ไม่เป็นไร ลองฝึกอีกสัก 2-3 วัน เดี๋ยวก็ยิงได้ดีขึ้น ตอนเด็ก ๆ แม่ก็เป็นแบบนี้ กว่าจะฝึกได้ก็ใช้เวลาหลายวัน” แม่จิ้งจอกปลอบลูกด้วยการลูบหัวทีละคน
เมื่อเหล่าลูกน้อยได้ยินเช่นนี้ก็เรียกความมั่นใจกลับคืนมาได้ พร้อมกับมองหานกบนต้นไม้เพื่อฝึกฝนต่อไป
“ข้าขอคืนเจ้าสิ่งนี้ให้ท่าน ข้าไม่ต้องการมัน” ทันใดนั้นมีบางอย่างถูกยัดเข้ามาในมือของหูเจียวเจียว เธอมองลงไปและพบว่าเป็นหลงเซียว
ไม่นานเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าเด็กหนุ่มมองไม่เห็น ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถใช้หนังสติ๊กได้
นั่นทำให้หัวใจของเธออ่อนยวบ เธอจับมือของลูกคนรองอย่างเป็นทุกข์ ก่อนจะวางหนังสติ๊กกลับไปที่มือเขาและพูดเบา ๆ ว่า
“เซียวเซียว เจ้าต้องการมัน หลังจากที่แม่หาหมอผีมารักษาตาของเจ้าแล้ว เจ้าก็สามารถใช้มันได้”
“นอกจากนี้ แม่เคยเห็นภูตที่ตาบอดเหมือนเจ้า พวกเขามองไม่เห็น แต่พวกเขาสามารถโจมตีเป้าหมายได้ด้วยการใช้หูฟังเสียง เซียวเซียวของแม่เก่งมาก บางทีเจ้าอาจทำได้เช่นกัน!”