ตอนที่ 59 : เริ่มวันที่หก! อัญเชิญลูกน้อง!
ตอนที่ 59 : เริ่มวันที่หก! อัญเชิญลูกน้อง!
[เจ้าโอสถวิญญาณ: พี่ตะวันสาดแสง ฝันดีนะคะ~]
โจวโจวกำลังคิดเรื่องอื่นที่เขาต้องทำในวันนี้อยู่ และหลิงเอ๋อร์ก็ส่งข้อความมาหาเขา
[เจ้าตะวันสาดแสง: ฝันดี]
โจวโจวตอบกลับไป
หลังจากนั้นเขาก็มองไปยังกล่องข้อความและคิดอยู่นานก่อนที่จะส่งข้อความไปอีก 2 อัน
[เจ้าตะวันสาดแสง: เธอไม่จำเป็นต้องเรียกฉันว่าพี่ตะวันสาดแสงก็ได้]
[เจ้าตะวันสาดแสง: ถ้าเธอไม่ติดอะไร ก็ให้คิดซะว่าฉันเป็นพี่ชายของเธอและเรียกว่าพี่ก็พอ ฉันเองก็จะคิดว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของฉันเหมือนกัน]
โจวโจวไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะโชคร้ายของเขาหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่เคยมีญาติคนใดเลย
เขาได้เห็นสิ่งมีชีวิตมากมายในทวีปจื้อเกาหลังจากมาที่นี่ได้เพียงไม่กี่วัน แต่เขาก็ยังรู้สึกโดดเดี่ยวในบางครั้งแม้ว่าเขาจะเคยชินกับการอยู่คนเดียวแล้วก็ตาม
หลังจากได้รู้จักกันมาระยะหนึ่งแล้ว โจวโจวก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายเป็นคนที่เขาสามารถกระชับความสัมพันธ์ด้วยได้ แม้ว่าเขาจะไม่ต้องมองเรื่องพรสวรรค์ระดับตำนานของเธอก็ตาม
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเสนอให้เธอเป็นน้องสาว
หลิงเอ๋อร์เห็นข้อความในทันที แต่เธอก็ยังไม่เชื่อ ดังนั้นเธอจึงตอบกลับมาหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง
[เจ้าโอสถวิญญาณ: พี่ชาย!]
[เจ้าตะวันสาดแสง: อื้อ น้องสาว]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: พี่ หลิงเอ๋อร์คุยกับพี่อีกได้ไหม?]
[เจ้าตะวันสาดแสง: ได้สิ]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: พี่ หลิงเอ๋อร์สามารถแบ่งปันเรื่องราวในดินแดนกับพี่ได้ไหม?]
[เจ้าตะวันสาดแสง: ได้เลย]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: …หนูรู้สึกเหมือนฝันไปเลย ขอบคุณนะคะพี่!]
[เจ้าตะวันสาดแสง: พวกเราเป็นพี่น้องกันแล้ว ไม่ต้องสุภาพขนาดนั้นก็ได้ เดี๋ยวพี่มีของขวัญจะให้ในฐานะพี่ชายนะ]
โจวโจวจัดซองแดง 1 ซองที่เต็มไปด้วยใบเปลี่ยนอาชีพทหารดาบโล่ 200 ใบและใบเปลี่ยนอาชีพทหารหน้าไม้พิษ 100 ใบ จากนั้นเขาก็ส่งมันให้กับเธอ
เธอไม่ได้ยอมรับมันทันทีและตอบกลับมาว่า
[เจ้าโอสถวิญญาณ: พี่ หลิงเอ๋อร์จะส่งสมุนไพรที่พี่ต้องการให้ในอนาคตเอง พี่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรแล้ว ถ้าพี่อยากได้อะไรก็ให้บอกหลิงเอ๋อร์เลย! ถ้าหนูไม่มี หนูก็จะไปซื้อเมล็ดพันธุ์และปลูกให้เอง!]
หลิงเอ๋อร์มีพรสวรรค์แห่งลอร์ดระดับตำนาน—สวนสมุนไพรเทวะ!
เธอจึงสามารถพูดแบบนั้นได้อย่างมั่นใจ
โจวโจวยิ้มและไม่ได้ปฏิเสธอะไร
[เจ้าตะวันสาดแสง: ก็ได้ งั้นถ้าเธอต้องการอะไรก็บอกพี่ได้เลย อย่างน้อยพี่ก็มีใบเปลี่ยนอาชีพอยู่เยอะเลย]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: ฮี่ๆ ขอบคุณค่ะพี่!]
จากนั้นเธอจึงยอมรับซองแดงไป
[เจ้าโอสถวิญญาณ: ว้าว! ทหารหน้าไม้พิษระดับเบื้องต้น! นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หนูเห็นทหารประเภทนี้]
[เจ้าตะวันสาดแสง: เดี๋ยวในอนาคตเธอจะได้เห็นทหารทุกประเภทแน่ เอาล่ะ มันดึกแล้ว ไปพักผ่อนได้แล้ว]
[เจ้าโอสถวิญญาณ: ค่าๆ ฝันดีค่ะพี่!]
[เจ้าตะวันสาดแสง: ฝันดีครับน้องสาว]
หลังจากบทสนทนาจบลง โจวโจวก็มองไปยังบทสนทนาระหว่างพวกเขาทั้งสองคนและรู้สึกว่าน้ำเสียงกับท่าทีของหลิงเอ๋อร์นั้นเป็นธรรมชาติมากกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะตอนนี้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นแล้ว
นี่คือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆ
เขาหยุดคิดเกี่ยวกับมัน หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีอะไรให้ทำอีก เขาก็กลับไปที่ห้องนอนเพื่อนอนพักผ่อน
เช้าวันต่อมา ในห้องนอน
โจวโจวที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาตื่นขึ้นมา “วันที่หกแล้วสินะ… เหลือเวลาอีกไม่ถึง 2 วันแล้วก่อนการทดสอบลอร์ดมือใหม่”
สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นมา
เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของเขาเหนือกว่าลอร์ดส่วนใหญ่แล้ว และไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเขาที่จะผ่านการทดสอบลอร์ดมือใหม่
อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจจนกว่าจะเผชิญกับมันจริงๆ
เขาเปิดกระดานสนทนาขึ้นมา
ตัวเลขนับถอยหลังสีแดงโลหิตลอยเด่นอยู่ด้านบนของกระดานสนทนา
[เวลานับถอยหลัง: 47 ชั่วโมง: 38 นาที: 11 วินาที]
เวลาผ่านไปทีละวินาที
บรรดาลอร์ดเองก็กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้
“การนับถอยหลังนี้เหมือนกับการเร่งเร้าความตายของเราเลย”
“หยุดพูดได้แล้ว รีบพัฒนาดินแดนของนายในช่วงสองวันสุดท้ายซะเถอะ”
“พัฒนากับผีน่ะสิ เหลือแค่สองวันเท่านั้น ฉันจะพัฒนาอะไรได้อีก?”
“สหาย ฉันอยากยอมแพ้แล้ว”
“ฉันจะยอมแพ้เดี๋ยวนี้แหละ!”
“สหายชาวดาวเคราะห์สีน้ำเงิน นี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ฉันจะได้พูดคุยบนกระดานสนทนา ฉันคงทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว อีกสักพักฉันจะละทิ้งสถานะของฉันในฐานะลอร์ดและเปลี่ยนเป็นนักผจญภัยเพื่อเข้าร่วมกับฝ่ายท้องถิ่น บังเอิญพอดีที่มีสถานที่ที่มีเผ่าพันธุ์มนุษย์รวมตัวกันอยู่ใกล้กับดินแดนของฉัน มันชื่อว่าหุบเขาสายลมกระซิบ ไว้พบกันใหม่ถ้าเรายังมีชะตาต่อกันนะ”
“นักผจญภัยอาจไม่จำเป็นต้องอ่อนแอกว่าลอร์ดเสมอไป ทั้งคู่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้ แต่นักผจญภัยจำเป็นต้องฆ่ามอนสเตอร์แห่งหมอกด้วยมือของตัวเอง แม้ว่ามันจะมีความเสี่ยงสูงกว่าหน่อย แต่ใครบอกว่าเราจะไม่ได้พบลอร์ดระดับสูงอีกเมื่อเราไร้ผู้ต้าน?”
“หยุดพูดถึงมันเถอะ ฉันเริ่มจะฝันถึงการได้นั่งดื่มชากับพี่ตะวันสาดแสง นางพญามังกร และลอร์ดคนอื่นๆ แล้วหลังจากที่ได้กลายเป็นสุดยอดนักผจญภัย”
“ฉันจะยื้อต่อไปอีกหน่อย…”
“มีใครใจดีบอกฉันหน่อยได้ไหมว่าฉันควรทำอะไรอีกใน 2 วันสุดท้าย? ฉันอาศัยเพียงการฆ่ามอนสเตอร์แห่งหมอกเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งเท่านั้นเอง?”
“เจ้าตะวันสาดแสง (รุ่นอรุณแห่งผู้บุกเบิก I): นายควรพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งของอาชีพทางทหารเป็นหลัก หากนายมีพลังงานเหลือก็ลองสร้างกำแพงเพื่อเสริมการป้องกันของดินแดนดู”
“เชี่ย! พี่ตะวันสาดแสงมาตอบด้วย!”
“การสร้างกำแพงช่วยลดแรงกดดันจากการโจมตีของมอนสเตอร์ได้เยอะจริงๆ”
“มันเหลือเวลาอีกแค่สองวัน ฉันเสนอให้สร้างกำแพงเล็กๆ ไว้หน่อยก็ดี!”
“ฮี่ๆ พี่ตะวันสาดแสงกับผมคิดเหมือนกันเลย ฉันได้สร้างกำแพงมาสองวันแล้ว”
…
โจวโจวมองดูคอมเมนต์ของพวกลอร์ด
เขาพูดแบบนั้นออกไปเพราะพวกเขาต่างก็เป็นเพื่อนร่วมโลกกัน
เขาคงจะไม่เสนอแนะอะไรออกไปถ้ามันเป็นลอร์ดจากเผ่าพันธุ์อื่น
สำหรับความช่วยเหลือรูปแบบอื่นๆ?
มันมีลอร์ดจากดาวเคราะห์สีน้ำเงินนับพันล้านคน ดังนั้นโจวโจวจึงเข้าใจว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะช่วยเหลือได้ทุกคน
สิ่งที่เขาทำได้คือช่วยตัวเองและคนที่เขาห่วงใย
โจวโจวหยุดคิดถึงมัน
เขาลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกจากลานของลอร์ด เขาไม่ได้อัญเชิญลูกน้องออกมา แต่เขาเลือกเดินไปยังที่พักของไป่อี้ก่อน
ในทันทีที่เขามาถึง เขาก็เห็นทหารสองคนกำลังคุ้มกันอยู่ที่ประตู
“คาราวะท่านลอร์ด!” เมื่อทหารทั้งสองคนเห็นโจวโจว พวกเขาก็พูดแสดงความเคารพออกมาทันที
“ไป่อี้เป็นยังไงบ้าง?” โจวโจวถาม
“หัวหน้าบอกให้พวกเราเฝ้าประตูไว้ตอนที่เธอกลับมาเมื่อคืน เธอบอกว่าห้ามให้ใครรบกวนนอกจากท่านลอร์ด”
“พวกเราเฝ้ามาตลอดทั้งคืน แต่หัวหน้าก็ยังไม่ออกมาเลย ท่านลอร์ดอยากให้ข้าเรียกหัวหน้าให้ไหมขอรับ?” ทหารทางฝั่งซ้ายพูดอย่างเคารพ
“ไม่เป็นไร เฝ้าต่อไปเถอะ แจ้งข้าด้วยละกันถ้าไป่อี้ออกมา!” โจวโจวกล่าว
“ขอรับท่านลอร์ด!” ทั้งสองคนพูดออกมาในทันที
โจวโจวมองไปที่ประตูเป็นครั้งสุดท้าย
เขามีพรสวรรค์ความแข็งแกร่งทางจิต ดังนั้นเขาจึงสัมผัสได้คร่าวๆ ว่าไป่อี้กำลังนอนอยู่ภายใน
นอกจากนี้ พลังงานทางจิตของเธอยังแข็งแกร่งขึ้นด้วยความเร็วที่คงที่ มันเหนือกว่าของเขาไปแล้วด้วยซ้ำ
“ผู้กล้าแข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?” โจวโจวเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ
เขาไม่ได้อิจฉาเลย
ไป่อี้ภักดีต่อเขาจนตาย
ยิ่งเธอแข็งแกร่งเท่าไร เธอก็จะยิ่งปกป้องลอร์ดของเธอได้ดีขึ้นเท่านั้นและช่วยพัฒนาดินแดนได้ดียิ่งขึ้นด้วย
เขาไม่รั้งอยู่ต่อไปอีกและเดินไปที่ประตูอัญเชิญ
ข้อความแจ้งเตือนปรากฏขึ้นมา
[ท่านต้องการอัญเชิญลูกน้องเลยหรือไม่?]
“ต้องการ!” โจวโจวพูดออกมาอย่างคาดหวัง
นับจากวันนี้ไป เขาจะสามารถอัญเชิญลูกน้องออกมาได้วันละ 44 คน!
อึดใจต่อมา ประตูอัญเชิญก็เปล่งแสงขึ้นมาในทันใด และคน 44 คนก็เดินออกมา
“คาราวะท่านลอร์ด!” x44
หลังจากพวกเขาทุกคนเดินออกมาและเห็นโจวโจว พวกเขาก็คุกเข่าลงทันทีและกล่าวด้วยความเคารพออกมา
“ยินดีต้อนรับสู่เมืองตะวันสาดแสง” โจวโจวยิ้มและพยักหน้า
จากนั้นเขาก็เปิดข้อมูลส่วนตัวของคนพวกนี้ขึ้นมาและเริ่มตรวจสอบ