ตอนที่ 24
ความจริงที่ว่าไมเคิลใช้ดอกไม้แผดเผานั้นไม่ได้ถูกตรวจพบในช่วงก่อนเข้าสอบ
แต่ผมกลับบอกได้
และสุดท้าย ผมก็ยังจับอาจารย์เอลริค เกลฮิลในฐานะผู้สนับสนุนได้อีก
ผมอธิบายทุกสิ่งถึงวิธีการที่ผมใช้
แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องหน้าต่างสเตตัส
“บรรยากาศของไมเคิลค่อนข้างแปลกจากที่ผมเห็นใน 5 ปีที่ผ่านมา เขามักจะมั่นใจเกินไป แต่ผมรู้ว่าเขาเหมือนกับคนขี้ขลาดที่ปิดบังนิสัยอ่อนแอมากกว่า ต้องบอกว่าเพราะดอกไม้แผดเผามีฤทธิ์ ‘กระตุ้น’ นิสัยของเขาถึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย”
“เขาดูแปลกไปสินะ…แต่มันก็ยังยากที่จะมั่นใจอยู่ดี”
“ใช่ มันยากครับ แต่ถ้าหากคิดถึงระดับเวทมนตร์ที่ไมเคิลจะใช้ตามปกติ มันก็ไม่ยากขนาดนั้น จู่ ๆ การไหลมานาของเขาก็เร็วอย่างผิดปกติ และผมยังเห็นว่ามันแข็งแกร่งขึ้นด้วย”
“จะบอกว่า ตอนที่เข้าสอบ นายรู้และคาดหวังว่าระดับเวทมนตร์ที่เขาจะร่ายสูงสุดคืออะไรงั้นรึ?”
“ครับ การเร็วและการเพิ่มพลังมานา แม้แต่ฤทธิ์กระตุ้นก็แสดงอาการที่ไม่มั่นคงแปลก ๆ และมีความคุ้มคลั่งออกมาด้วย หลังจากเห็นเรื่องทั้งหมดผมก็ตั้งข้อสงสัย”
ผู้อำนวยการไทเรียนหยุดพูดราวกับแปลกใจเล็ก ๆ
ด้วยอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น
ในการเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับศัตรูในพริบตาเดียว
มันเป็นเรื่องยากที่แม้แต่จอมเวทย์อาวุโสยังยากที่จะทำ
แม้ว่าศัตรูจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ฝ่าฟันเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา 6 ปีก็ตาม
แต่ความสามารถนั้นคือปัจจัยสุดท้ายที่ยืนยันว่าไมเคิลใช้ยา
‘คงไม่จำเป็นที่เราจะต้องบอก’
ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด มันก็เป็นเพราะว่าความรู้ของผมช่วยให้ผมรู้ว่ายานั้นคือดอกไม้แผดเผา
“แต่นายไม่ใช่แค่ ‘สงสัย’ ว่าไมเคิลใช้ยา แต่ ‘มั่นใจ’ ว่าเขาใช้ดอกไม้แผดเผา ทำไมล่ะ?”
“เพราะว่าความพิเศษของสนามสอบที่ลดพลังเวทย์ไป 99% ไมเคิลจะไม่รู้สึกเจ็บจากเวทย์ ผมถึงต้องใช้พลังกาย”
ที่เหลือก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว
ใช้พลังกาย ใช้ความเจ็บปวดที่เขาจะทนไม่ได้ถ้าหากไม่มียา
และไมเคิลกลับทนความเจ็บปวดนั้นได้
หมายความว่าถ้าเขาไม่ใช้ดอกไม้แผดเผา มันก็ไม่มีคำอธิบายอีกแล้ว
“นอกเหนือจากนั้น…นายยังรู้ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนและให้ยากับเขา”
ใช้ชีวิตของไมเคิลเป็นเหยื่อล่อโดยปลูกฝังความกลัวกับผู้สนับสนุน และผมก็จับอาจารย์เอลริค เกลฮิลได้อีกคน
“การสังเกต ความสุขุม ความระวังตัว ความกล้าหาญอันเป็นเอกลักษณ์ และพรสวรรค์เวทมนตร์ที่ไม่มีใคตรเทียบได้ มันอาจจะไม่สุภาพด้วยซ้ำที่ตีกรอบว่านายเป็นแค่ ‘นักเรียนที่ทำตัวเหมือนนักเรียน’ แบบที่พูดก่อนหน้านี้”
“ไม่หรอกครับ มันก็แค่การเดาเท่านั้น ที่ผมกลัวที่สุดก็คือ…มันเรียบง่ายเกินไป ใครก็อาจจะเดาได้ แต่มันกลับเกิดขึ้นได้ง่ายดายแบบนี้”
เรียบง่ายเกินไป
ผู้อำนวยการไทเรียนพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ มันเรียบง่าย เพราะมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่ลังเล พวกเขาคงคิดว่ามันจะง่าย นี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก”
ผมไม่อยากจะพูดถึงความไร้ความสามารถของโรงเรียน
ความจริงคือเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในโรงเรียนที่ควรจะยึดถือความยุติธรรมและคุณธรรมเหนือที่แห่งใด
มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าวิถีของเวทมนตร์ในอาณาจักรเรเดียนนั้นยุ่งเหยิง
และยังเป็นหลักฐานว่าไม่มีที่ไหนที่อิทธิพลของตระกูลเกลฮิลเอื้อมไม่ถึง
“ในฐานะผู้อำนวยการที่เป็นผู้นำโรงเรียนแห่งนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมาก ทั้งกับเหล่านักเรียนและกับนาย ชั้นไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอโทษ ขอโทษนะ”
ผมยิ้มเบา ๆ และโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อตอบรับคำขอโทษนั้น
ผมรู้ดีกว่าใครว่าความฝันของผู้อำนวยการคือการทำให้โรงเรียนคือสถานที่ที่นักเรียนทำตัวเหมือนกับนักเรียน อาจารย์ทำตัวเหมือนกับอาจารย์ และจอมเวทย์ทำตัวเหมือนกับจอมเวทย์
คอผมกำลังแห้ง
ผมเอื้อมมือหยิบถ้วยชาอีกครั้ง และผู้อำนวยการก็ให้สัญญาว่าเขาจะป้องกันตระกูลเกลฮิลจากการเข้าหาผมเผื่อไว้
และจากนั้น เขาก็หยิบม้วนกระดาษที่อยู่ใต้ลิ้นชักของเขาออกมากางออก
“รู้เรื่องเทศกาลใหญ่ในเดือน 7 นี้ไหม?”
ใช่แล้ว
ได้เวลาแล้ว
เทศกาลใหญ่
งานใหญ่ของโลกเวทมนตร์ที่รวมระหว่างเทศกาลเวทมนตร์กับโอลิมเปียดที่จะเกิดขึ้นในทุก 8 ปี
ด้วยโรงเรียนเวทมนตร์ทุกโรงเรียนในทวีปฟรีเลียนเป็นผู้เข้าร่วม จะมี 32 โรงเรียนที่ถูกคัดเลือกและได้รับประเมินจากภายใน
32 โรงเรียนเหล่านี้จะทำการแข่งขันกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อใฝ่หาชัยชนะ
การแข่งขันหลักสองงานจะถูกจัดขึ้นในเทศกาลใหญ่
และ
มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่จะได้รับเลือกในงานแข่งเดียว
มันคืองานแข่งที่มีเพียงตัวแทนของโรงเรียนจะเข้าแข่งได้
การแข่งกลุ่มนั้นแตกต่างกัน
การแข่งกลุ่มนั้นจะเลือกนักเรียน 30 คนจากแต่ละโรงเรียนเข้าแข่งขัน
และจะมีประโยชน์มากมายแก่ผู้ชนะซึ่งมากเกินกว่าจะบรรยายหมดได้ แต่ผลประโยชน์หลักก็คือเกียรติยศของการได้เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งใหญ่
นี่คือความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันครั้งนี้
มีเพียง 1 ตัวแทนจากโรงเรียนเท่านั้นที่จะถูกรับเลือกจากการแข่ง
หมายความว่าแต่ละโรงเรียนจะต้องคัดเลือกตัวแทนจากภายในกันเอง
พื้นฐานก็คือนักเรียนจะต้องมีผลการเรียนที่ดี
และจากนั้น ก็คือการได้รับการแนะนำจากผู้สอน
สำหรับผมนั้น
“ชั้นอยากให้นายเข้า ‘เทศกาลใหญ่’ ในฐานะตัวแทนของโรงเรียนเรา”
ผมถูกแนะนำโดยตรงจากผู้อำนวยการไทเรียน
แน่นอน เพราะว่าผมคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่ได้ตกใจอะไรนัก
เพราะไมเคิลเองก็ขาดคุณสมบัติจากเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นในการสอบรอบ 4
คนเดียวที่คู่ควรก็คือผมเท่านั้น
ผมตอบด้วยเสียงที่สงบที่สุดที่จะทำได้
“อย่างแรก ต้องขอบคุณที่ให้เกียรติผม”
“ไม่หรอก”
“แต่ก็อย่างที่ผู้อำนวยการู้ ผมขาดประสบการณ์ ผมไม่ได้มีประสบการณ์เหลือเฟืออย่างไมเคิล เกลฮิล มันจะไม่เป็นไรเหรอครับ?”
ช่องว่างนั้นยาวนานถึง 5 ปี
เพราะภาวะปลุกมานา มันเจ็บปวดที่จะคิดถึงการเติมเต็มช่วงเวลาเหล่านั้นที่ผมไม่ได้เข้าต่อสู้จริงเลย
และระดับของนักเรียนในตอนนี้ก็ต่ำอีกด้วย เราจะได้แสดงจิตวิญญาณของการแข่งต่อกันบ้าง
แต่เมื่อเสนอชื่อมาแล้ว เทศกาลใหญ่นั้นคือการแข่งขันที่อัจฉริยะทุกคนในรุ่นของเราจะได้มารวมตัวกันเพื่อแข่งขัน
ผะ ผมที่เคยเป็นอัจฉริยะที่สั่นคลอนอาณาจักรเรเดียนกับเรื่องราวซุบซิบต่าง ๆ
แต่ต่อหน้าพวกเขา ผมนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
เพราะทุกคนต่างก็เป็นอัจฉริยะ
แต่ผู้อำนวยการไทเรียนส่ายหน้า
“ไม่มีปัญหาหรอก ดูจากการสอบของนายแล้ว คงไม่ยากเกินไปถ้าจะบอกว่านายคือหนึ่งในคนที่อาจจะเป็นผู้ชนะ”
“อาจจะชนะเหรอครับ?”
นั่นมันไม่มากไปหน่อยเหรอ?
แต่ผู้อำนวยการก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ
“เชื่อชั้นเถอะ ชั้นเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการเทศกาลใหญ่เช่นกัน ชั้นพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่านายเป็นผู้เข้าแข่งที่แข็งแกร่งมากที่จะได้ที่ 1 เหนือสิ่งอื่นใด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…”
ผู้อำนวยการพูดต่อด้วยสีหน้ามั่นใจ
“จากที่ทุกคนมอง นายคืออาวุธลับที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้”
อา ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้ว
ตัวแทนจากโรงเรียนอื่นนั้นย่อมรู้จักกันอยู่แล้ว
ดูม ไพรม์จากโรงเรียนฝึกทหารจอมเวทย์เรย์แนค
ไอรีน พรีอุสจากวิทยาลัยหญิงล้วนเซย์กิ
แต่ละโรงเรียนนั้นมีคนที่เป็นตัวแทนกันอยู่แล้ว และหลังจากแข่งกันในเทศกาลเวทมนตร์ทุกปี พวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าระดับของแต่ละคนนั้นอยู่ที่ระดับไหน
เช่นเดียวกันกับโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิท
ภาพของไมเคิล เกลฮิลในฐานะตัวแทนโรงเรียนนั้นเป็นที่รู้จักกันดี และเพราะว่าประวัติของโรงเรียนที่ได้ที่โหล่มาโดยตลอด คนเหล่านั้นจึงไม่ได้จับตามองพวกเรา
แต่ถ้าหากจู่ ๆ ผมก็โผล่ขึ้นไปล่ะ?
“สำหรับพวกนั้น นายเป็นเหมือนกับการลอบโจมตี ข้อมูลที่ไม่เคยมีอยู่ และยังวิธีการต่อสู้ที่ไม่คุ้นเคยอีก ยังไม่มีใครรู้ว่าจะสวนกลับเวทมนตร์ของนายยังไง”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
“ถ้าอย่างนั้น พอจะร่วมงานให้พวกเราได้ไหม?”
สถานการณ์นี้ที่ผู้อำนวยการขอร้องนักเรียนให้เป็นตัวแทนของโงเรียนนั้นคงน่าฉงนสำหรับมุมมองคนนอก
เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกรณีแบบ ‘ได้โปรดให้ผมเป็นตัวแทน’ เสียมากกว่า
ผมพยักหน้า
“ถ้าหากผู้อำนวยการเชื่อใจผม ผมจะทำให้เต็มที่”
“ขอบใจนะ”
ผู้อำนวยการไทเรียนหัวเราะด้วยความพอใจและยื่นแผ่นกระดาษหนังให้ผม
แผ่นกระดาษหนังนั้นมีข้อมูลทั้งหมดที่ผมต้องรู้สำหรับงานเทศกาลใหญ่
“อ่านซะ มันจะเป็นประโยชน์”
“ขอบคุณครับ”
“ไม่รู้ว่านายรู้ไหม แต่จากตอนนี้ไปเมื่อ 50 สิบก่อนน่ะ โรงเรียนเราทำได้ดีเลยนะ”
ผมลืมเรื่องนั้นไปแล้ว
ในพื้นที่รับรองของอาคารหลักนั้นมีถ้วยรางวัลเทศกาลเวทมนตร์และโอลิมเปียดมากมายแสดงเอาไว้ เช่นเดียวภาพรูปภาพที่บันทึกไว้เมื่อหลายปีก่อน
ผมพูดขณะที่คิดเรื่องนั้น
“สมัยที่ผู้อำนวยการยังเป็นนักเรียน…ผู้อำนวยการได้ที่สองของเทศกาลใหญ่นี่นา”
“ใช่แล้วล่ะ…มันเป็นเรื่องเก่าหน่อยนะ”
ผู้อำนวยการหลับตาคิดถึงเรื่องเก่า
‘ไหนดูซิ ถ้าความทรงจำถูกล่ะก็…’
เมื่องานเทศกาลใหญ่เมื่อ 50 ปีก่อน ผู้อำนวยการไทเรียนนั้นได้อันดับ 2 ใในงานและยังคงเป็นสถิติที่ดีที่สุดของโรงเรียนจนถึงวันนี้
จอมเวทย์ที่เอาชนะผู้อำนวยการและชนะเทศกาลใหญ่ในครั้งนั้นคือทีรอน อาร์เทมิส
นักเรียนที่จบจากโรงเรียนฝึกทหารเวทมนตร์เรย์แนค และราชาแห่งจอมเวทย์คนปัจจุบัน
ผู้ครองบัลลังก์แห่งทีรอน
และเป็นผู้ที่ได้มองทุกคนจากจุดสูงสุดของหอคอยเวทมนตร์
ราชาเพลิงทีรอน
“แม้ว่าชั้นจะเคยเป็นจอมเวทย์ที่ทุกคนสนใจ…แต่ทีรอนนั้นอยู่ในอีกขั้น เหมือนกับเป็นกำแพงที่ไม่มีรอยข่วน”
“เขาเป็นราชาของจอมเวทย์นี่นา รุ่นของผู้อำนวยการก็เป็นยุคทองของจอมเวทย์ใน 200 ปีที่ผ่านมาด้วยใช่ไหม? การเผชิญหน้าและเอาชนะจอมเวทย์ที่เก่งกาจเหล่านั้นจนได้ที่สองเองก็เป็นเรื่องที่พิเศษมากแล้ว”
“อาจจะเป็นแบบนั้น ในปีนี้ ชั้นอยากจะได้เกียรติยศในวันนั้นกลับคืนมา”
ผู้อำนวยการไทเรียนคิดย้อนกลับไปใน 50 ปีก่อนที่ผมจะมาที่นี่
เกียรติยศของการได้อันดับสองในวันนั้น
กดดันเหรอ?
ไม่
มันคือความคาดหวังที่ระเบิดไปข้างหน้า
ใช่แล้ว
หลังจากวันนั้นมา 50 ปี โรงเรียนเวทมนตร์อิกนิทตกต่ำลงมาโดยตลอด
มันจะเปลี่ยนแปลงแค่เพราะผมเข้าแข่งได้งั้นหรือ?
ผมสาบานว่าจะไม่ถามคำถามแบบนั้น
“ครับ ผมจะเอามันมาให้ได้”
แม้ว่าความปรารถนาอย่างเดียวจะยังไม่พอ
ผู้อำนวยการไทเรียนยิ้มกว้างเห็นฟันอันเป็นระเบียบของเขาเมื่อได้รับคำตอบอย่างมั่นใจของผม
“ขอบใจนะ”
เป็นตอนนั้นเอง
ก๊อก ก๊อก
มีคนเคาะประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ
“มาทันเวลาพอดี”
ผมมองผู้อำนวยการด้วยความกังขา ผู้อำนวยการพูดราวกับคิดไว้แล้ว
“เข้ามา”
คนที่เปิดประตูเข้ามานั้น…
อาจารย์ไฮเดล
และอีกหนึ่งคน
“...เอ๋?”
เป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ
“สบายดีไหม ‘นักเรียนที่อยากสอบได้คะแนนดี’ ?”
ชายตัวใหญ่ ที่สูงกว่าชายหนุ่มทั่วไป 1.5 เท่า
นามว่าโคลเตอร์ พิรันเต้
หัวหน้าอัศวินดินแดนโพลเดรนคนปัจจุบัน
อัศวินขั้น 6 เพียงคนเดียวในตะวันออกและอยู่เคียงข้างผมในตอนที่สู้กับโอเกอร์สำหรับการสอบครั้งที่ 3 เมื่อไม่กี่วันก่อน
เขาไม่ใช่คนที่จะมาหาผมด้วยเหตุผลส่วนตัว
และน่าจะเป็นเหตุผลทางการเสียมากกว่า
“เอ่อ ครับ…ยินดีที่ได้เจออีก”
“หืม? ทำหน้าอะไรของนาย? ดีใจที่เจอชั้นจริง ๆ เรอะ?”
ผู้อำนวยการไทเรียนหัวเราะออกมาเมื่อผมรอคำอธิบายด้วยใบหน้างุนงงราวกับเห็นว่าเรื่องตอนนี้มันน่าตลก เขาอธิบาย
“ทักเขาสิ เขาเชิญเขามาเป็นอาจารย์สอนวิชาต่อสู้กับนายจนกว่าจะไปที่เทศกาลใหญ่”
“...อะไรนะ?”
อาจารย์รับเชิญสอน ‘วิชาต่อสู้’
“ชั้นขอความช่วยเหลือเพราะดูเหมือนว่านายจะต้องการบทเรียนวิชาต่อสู้มากกว่าบทเรียนเวทมนตร์ในตอนนี้ ชั้นเข้าใจผิดรึเปล่า?”
“เอ๋? เอ่อ…ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น…”
เมื่อผมพูดตะกุกตะกักอีกครั้ง ผู้อำนวยการไทเรียนและอาจารย์ไฮเดลก็หัวเราะพร้อมกัน
“พอเป็นแบบนี้แล้วเขาก็เป็นแค่เด็กอายุ 16 ใช่ไหมล่ะ?”
“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ”
เพราะทั้งหมดมันฉุกละหุกเกินไป