ตอนที่แล้วตอนที่ 23
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25

ตอนที่ 24


ความจริงที่ว่าไมเคิลใช้ดอกไม้แผดเผานั้นไม่ได้ถูกตรวจพบในช่วงก่อนเข้าสอบ

แต่ผมกลับบอกได้

และสุดท้าย ผมก็ยังจับอาจารย์เอลริค เกลฮิลในฐานะผู้สนับสนุนได้อีก

ผมอธิบายทุกสิ่งถึงวิธีการที่ผมใช้

แน่นอนว่ายกเว้นเรื่องหน้าต่างสเตตัส

“บรรยากาศของไมเคิลค่อนข้างแปลกจากที่ผมเห็นใน 5 ปีที่ผ่านมา เขามักจะมั่นใจเกินไป แต่ผมรู้ว่าเขาเหมือนกับคนขี้ขลาดที่ปิดบังนิสัยอ่อนแอมากกว่า ต้องบอกว่าเพราะดอกไม้แผดเผามีฤทธิ์ ‘กระตุ้น’ นิสัยของเขาถึงเปลี่ยนไปเล็กน้อย”

“เขาดูแปลกไปสินะ…แต่มันก็ยังยากที่จะมั่นใจอยู่ดี”

“ใช่ มันยากครับ แต่ถ้าหากคิดถึงระดับเวทมนตร์ที่ไมเคิลจะใช้ตามปกติ มันก็ไม่ยากขนาดนั้น จู่ ๆ การไหลมานาของเขาก็เร็วอย่างผิดปกติ และผมยังเห็นว่ามันแข็งแกร่งขึ้นด้วย”

“จะบอกว่า ตอนที่เข้าสอบ นายรู้และคาดหวังว่าระดับเวทมนตร์ที่เขาจะร่ายสูงสุดคืออะไรงั้นรึ?”

“ครับ การเร็วและการเพิ่มพลังมานา แม้แต่ฤทธิ์กระตุ้นก็แสดงอาการที่ไม่มั่นคงแปลก ๆ และมีความคุ้มคลั่งออกมาด้วย หลังจากเห็นเรื่องทั้งหมดผมก็ตั้งข้อสงสัย”

ผู้อำนวยการไทเรียนหยุดพูดราวกับแปลกใจเล็ก ๆ

ด้วยอายุเพียง 16 ปีเท่านั้น

ในการเข้าใจการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับศัตรูในพริบตาเดียว

มันเป็นเรื่องยากที่แม้แต่จอมเวทย์อาวุโสยังยากที่จะทำ

แม้ว่าศัตรูจะเป็นเพื่อนร่วมห้องที่ฝ่าฟันเคียงบ่าเคียงไหล่กันมา 6 ปีก็ตาม

แต่ความสามารถนั้นคือปัจจัยสุดท้ายที่ยืนยันว่าไมเคิลใช้ยา

‘คงไม่จำเป็นที่เราจะต้องบอก’

ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด มันก็เป็นเพราะว่าความรู้ของผมช่วยให้ผมรู้ว่ายานั้นคือดอกไม้แผดเผา

“แต่นายไม่ใช่แค่ ‘สงสัย’ ว่าไมเคิลใช้ยา แต่ ‘มั่นใจ’ ว่าเขาใช้ดอกไม้แผดเผา ทำไมล่ะ?”

“เพราะว่าความพิเศษของสนามสอบที่ลดพลังเวทย์ไป 99% ไมเคิลจะไม่รู้สึกเจ็บจากเวทย์ ผมถึงต้องใช้พลังกาย”

ที่เหลือก็คือเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว

ใช้พลังกาย ใช้ความเจ็บปวดที่เขาจะทนไม่ได้ถ้าหากไม่มียา

และไมเคิลกลับทนความเจ็บปวดนั้นได้

หมายความว่าถ้าเขาไม่ใช้ดอกไม้แผดเผา มันก็ไม่มีคำอธิบายอีกแล้ว

“นอกเหนือจากนั้น…นายยังรู้ว่าใครเป็นผู้สนับสนุนและให้ยากับเขา”

ใช้ชีวิตของไมเคิลเป็นเหยื่อล่อโดยปลูกฝังความกลัวกับผู้สนับสนุน และผมก็จับอาจารย์เอลริค เกลฮิลได้อีกคน

“การสังเกต ความสุขุม ความระวังตัว ความกล้าหาญอันเป็นเอกลักษณ์ และพรสวรรค์เวทมนตร์ที่ไม่มีใคตรเทียบได้ มันอาจจะไม่สุภาพด้วยซ้ำที่ตีกรอบว่านายเป็นแค่ ‘นักเรียนที่ทำตัวเหมือนนักเรียน’ แบบที่พูดก่อนหน้านี้”

“ไม่หรอกครับ มันก็แค่การเดาเท่านั้น ที่ผมกลัวที่สุดก็คือ…มันเรียบง่ายเกินไป ใครก็อาจจะเดาได้ แต่มันกลับเกิดขึ้นได้ง่ายดายแบบนี้”

เรียบง่ายเกินไป

ผู้อำนวยการไทเรียนพยักหน้าเห็นด้วย

“ใช่ มันเรียบง่าย เพราะมันเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไม่ลังเล พวกเขาคงคิดว่ามันจะง่าย นี่เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก”

ผมไม่อยากจะพูดถึงความไร้ความสามารถของโรงเรียน

ความจริงคือเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายในโรงเรียนที่ควรจะยึดถือความยุติธรรมและคุณธรรมเหนือที่แห่งใด

มันเป็นข้อพิสูจน์ว่าวิถีของเวทมนตร์ในอาณาจักรเรเดียนนั้นยุ่งเหยิง

และยังเป็นหลักฐานว่าไม่มีที่ไหนที่อิทธิพลของตระกูลเกลฮิลเอื้อมไม่ถึง

“ในฐานะผู้อำนวยการที่เป็นผู้นำโรงเรียนแห่งนี้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างมาก ทั้งกับเหล่านักเรียนและกับนาย ชั้นไม่มีอะไรจะพูดนอกจากขอโทษ ขอโทษนะ”

ผมยิ้มเบา ๆ และโค้งศีรษะเล็กน้อยเพื่อตอบรับคำขอโทษนั้น

ผมรู้ดีกว่าใครว่าความฝันของผู้อำนวยการคือการทำให้โรงเรียนคือสถานที่ที่นักเรียนทำตัวเหมือนกับนักเรียน อาจารย์ทำตัวเหมือนกับอาจารย์ และจอมเวทย์ทำตัวเหมือนกับจอมเวทย์

คอผมกำลังแห้ง

ผมเอื้อมมือหยิบถ้วยชาอีกครั้ง และผู้อำนวยการก็ให้สัญญาว่าเขาจะป้องกันตระกูลเกลฮิลจากการเข้าหาผมเผื่อไว้

และจากนั้น เขาก็หยิบม้วนกระดาษที่อยู่ใต้ลิ้นชักของเขาออกมากางออก

“รู้เรื่องเทศกาลใหญ่ในเดือน 7 นี้ไหม?”

ใช่แล้ว

ได้เวลาแล้ว

เทศกาลใหญ่

งานใหญ่ของโลกเวทมนตร์ที่รวมระหว่างเทศกาลเวทมนตร์กับโอลิมเปียดที่จะเกิดขึ้นในทุก 8 ปี

ด้วยโรงเรียนเวทมนตร์ทุกโรงเรียนในทวีปฟรีเลียนเป็นผู้เข้าร่วม จะมี 32 โรงเรียนที่ถูกคัดเลือกและได้รับประเมินจากภายใน

32 โรงเรียนเหล่านี้จะทำการแข่งขันกันเป็นเวลาหนึ่งเดือนเพื่อใฝ่หาชัยชนะ

การแข่งขันหลักสองงานจะถูกจัดขึ้นในเทศกาลใหญ่

และ

มีเพียง 1 คนเท่านั้นที่จะได้รับเลือกในงานแข่งเดียว

มันคืองานแข่งที่มีเพียงตัวแทนของโรงเรียนจะเข้าแข่งได้

การแข่งกลุ่มนั้นแตกต่างกัน

การแข่งกลุ่มนั้นจะเลือกนักเรียน 30 คนจากแต่ละโรงเรียนเข้าแข่งขัน

และจะมีประโยชน์มากมายแก่ผู้ชนะซึ่งมากเกินกว่าจะบรรยายหมดได้ แต่ผลประโยชน์หลักก็คือเกียรติยศของการได้เป็นผู้ชนะในการแข่งขันครั้งใหญ่

นี่คือความยิ่งใหญ่ของการแข่งขันครั้งนี้

มีเพียง 1 ตัวแทนจากโรงเรียนเท่านั้นที่จะถูกรับเลือกจากการแข่ง

หมายความว่าแต่ละโรงเรียนจะต้องคัดเลือกตัวแทนจากภายในกันเอง

พื้นฐานก็คือนักเรียนจะต้องมีผลการเรียนที่ดี

และจากนั้น ก็คือการได้รับการแนะนำจากผู้สอน

สำหรับผมนั้น

“ชั้นอยากให้นายเข้า ‘เทศกาลใหญ่’ ในฐานะตัวแทนของโรงเรียนเรา”

ผมถูกแนะนำโดยตรงจากผู้อำนวยการไทเรียน

แน่นอน เพราะว่าผมคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว จึงไม่ได้ตกใจอะไรนัก

เพราะไมเคิลเองก็ขาดคุณสมบัติจากเรื่องฉาวที่เกิดขึ้นในการสอบรอบ 4

คนเดียวที่คู่ควรก็คือผมเท่านั้น

ผมตอบด้วยเสียงที่สงบที่สุดที่จะทำได้

“อย่างแรก ต้องขอบคุณที่ให้เกียรติผม”

“ไม่หรอก”

“แต่ก็อย่างที่ผู้อำนวยการู้ ผมขาดประสบการณ์ ผมไม่ได้มีประสบการณ์เหลือเฟืออย่างไมเคิล เกลฮิล มันจะไม่เป็นไรเหรอครับ?”

ช่องว่างนั้นยาวนานถึง 5 ปี

เพราะภาวะปลุกมานา มันเจ็บปวดที่จะคิดถึงการเติมเต็มช่วงเวลาเหล่านั้นที่ผมไม่ได้เข้าต่อสู้จริงเลย

และระดับของนักเรียนในตอนนี้ก็ต่ำอีกด้วย เราจะได้แสดงจิตวิญญาณของการแข่งต่อกันบ้าง

แต่เมื่อเสนอชื่อมาแล้ว เทศกาลใหญ่นั้นคือการแข่งขันที่อัจฉริยะทุกคนในรุ่นของเราจะได้มารวมตัวกันเพื่อแข่งขัน

ผะ ผมที่เคยเป็นอัจฉริยะที่สั่นคลอนอาณาจักรเรเดียนกับเรื่องราวซุบซิบต่าง ๆ

แต่ต่อหน้าพวกเขา ผมนั้นไม่มีอะไรพิเศษ

เพราะทุกคนต่างก็เป็นอัจฉริยะ

แต่ผู้อำนวยการไทเรียนส่ายหน้า

“ไม่มีปัญหาหรอก ดูจากการสอบของนายแล้ว คงไม่ยากเกินไปถ้าจะบอกว่านายคือหนึ่งในคนที่อาจจะเป็นผู้ชนะ”

“อาจจะชนะเหรอครับ?”

นั่นมันไม่มากไปหน่อยเหรอ?

แต่ผู้อำนวยการก็พยักหน้าอย่างมั่นใจ

“เชื่อชั้นเถอะ ชั้นเองก็เป็นหนึ่งในกรรมการเทศกาลใหญ่เช่นกัน ชั้นพูดได้อย่างมั่นใจเลยว่านายเป็นผู้เข้าแข่งที่แข็งแกร่งมากที่จะได้ที่ 1 เหนือสิ่งอื่นใด ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…”

ผู้อำนวยการพูดต่อด้วยสีหน้ามั่นใจ

“จากที่ทุกคนมอง นายคืออาวุธลับที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้”

อา ในที่สุดผมก็เข้าใจแล้ว

ตัวแทนจากโรงเรียนอื่นนั้นย่อมรู้จักกันอยู่แล้ว

ดูม ไพรม์จากโรงเรียนฝึกทหารจอมเวทย์เรย์แนค

ไอรีน พรีอุสจากวิทยาลัยหญิงล้วนเซย์กิ

แต่ละโรงเรียนนั้นมีคนที่เป็นตัวแทนกันอยู่แล้ว และหลังจากแข่งกันในเทศกาลเวทมนตร์ทุกปี พวกเขาก็พอจะเดาได้ว่าระดับของแต่ละคนนั้นอยู่ที่ระดับไหน

เช่นเดียวกันกับโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิท

ภาพของไมเคิล เกลฮิลในฐานะตัวแทนโรงเรียนนั้นเป็นที่รู้จักกันดี และเพราะว่าประวัติของโรงเรียนที่ได้ที่โหล่มาโดยตลอด คนเหล่านั้นจึงไม่ได้จับตามองพวกเรา

แต่ถ้าหากจู่ ๆ ผมก็โผล่ขึ้นไปล่ะ?

“สำหรับพวกนั้น นายเป็นเหมือนกับการลอบโจมตี ข้อมูลที่ไม่เคยมีอยู่ และยังวิธีการต่อสู้ที่ไม่คุ้นเคยอีก ยังไม่มีใครรู้ว่าจะสวนกลับเวทมนตร์ของนายยังไง”

“ครับ เข้าใจแล้วครับ”

“ถ้าอย่างนั้น พอจะร่วมงานให้พวกเราได้ไหม?”

สถานการณ์นี้ที่ผู้อำนวยการขอร้องนักเรียนให้เป็นตัวแทนของโงเรียนนั้นคงน่าฉงนสำหรับมุมมองคนนอก

เพราะส่วนใหญ่จะเป็นกรณีแบบ ‘ได้โปรดให้ผมเป็นตัวแทน’ เสียมากกว่า

ผมพยักหน้า

“ถ้าหากผู้อำนวยการเชื่อใจผม ผมจะทำให้เต็มที่”

“ขอบใจนะ”

ผู้อำนวยการไทเรียนหัวเราะด้วยความพอใจและยื่นแผ่นกระดาษหนังให้ผม

แผ่นกระดาษหนังนั้นมีข้อมูลทั้งหมดที่ผมต้องรู้สำหรับงานเทศกาลใหญ่

“อ่านซะ มันจะเป็นประโยชน์”

“ขอบคุณครับ”

“ไม่รู้ว่านายรู้ไหม แต่จากตอนนี้ไปเมื่อ 50 สิบก่อนน่ะ โรงเรียนเราทำได้ดีเลยนะ”

ผมลืมเรื่องนั้นไปแล้ว

ในพื้นที่รับรองของอาคารหลักนั้นมีถ้วยรางวัลเทศกาลเวทมนตร์และโอลิมเปียดมากมายแสดงเอาไว้ เช่นเดียวภาพรูปภาพที่บันทึกไว้เมื่อหลายปีก่อน

ผมพูดขณะที่คิดเรื่องนั้น

“สมัยที่ผู้อำนวยการยังเป็นนักเรียน…ผู้อำนวยการได้ที่สองของเทศกาลใหญ่นี่นา”

“ใช่แล้วล่ะ…มันเป็นเรื่องเก่าหน่อยนะ”

ผู้อำนวยการหลับตาคิดถึงเรื่องเก่า

‘ไหนดูซิ ถ้าความทรงจำถูกล่ะก็…’

เมื่องานเทศกาลใหญ่เมื่อ 50 ปีก่อน ผู้อำนวยการไทเรียนนั้นได้อันดับ 2 ใในงานและยังคงเป็นสถิติที่ดีที่สุดของโรงเรียนจนถึงวันนี้

จอมเวทย์ที่เอาชนะผู้อำนวยการและชนะเทศกาลใหญ่ในครั้งนั้นคือทีรอน อาร์เทมิส

นักเรียนที่จบจากโรงเรียนฝึกทหารเวทมนตร์เรย์แนค และราชาแห่งจอมเวทย์คนปัจจุบัน

ผู้ครองบัลลังก์แห่งทีรอน

และเป็นผู้ที่ได้มองทุกคนจากจุดสูงสุดของหอคอยเวทมนตร์

ราชาเพลิงทีรอน

“แม้ว่าชั้นจะเคยเป็นจอมเวทย์ที่ทุกคนสนใจ…แต่ทีรอนนั้นอยู่ในอีกขั้น เหมือนกับเป็นกำแพงที่ไม่มีรอยข่วน”

“เขาเป็นราชาของจอมเวทย์นี่นา รุ่นของผู้อำนวยการก็เป็นยุคทองของจอมเวทย์ใน 200 ปีที่ผ่านมาด้วยใช่ไหม? การเผชิญหน้าและเอาชนะจอมเวทย์ที่เก่งกาจเหล่านั้นจนได้ที่สองเองก็เป็นเรื่องที่พิเศษมากแล้ว”

“อาจจะเป็นแบบนั้น ในปีนี้ ชั้นอยากจะได้เกียรติยศในวันนั้นกลับคืนมา”

ผู้อำนวยการไทเรียนคิดย้อนกลับไปใน 50 ปีก่อนที่ผมจะมาที่นี่

เกียรติยศของการได้อันดับสองในวันนั้น

กดดันเหรอ?

ไม่

มันคือความคาดหวังที่ระเบิดไปข้างหน้า

ใช่แล้ว

หลังจากวันนั้นมา 50 ปี โรงเรียนเวทมนตร์อิกนิทตกต่ำลงมาโดยตลอด

มันจะเปลี่ยนแปลงแค่เพราะผมเข้าแข่งได้งั้นหรือ?

ผมสาบานว่าจะไม่ถามคำถามแบบนั้น

“ครับ ผมจะเอามันมาให้ได้”

แม้ว่าความปรารถนาอย่างเดียวจะยังไม่พอ

ผู้อำนวยการไทเรียนยิ้มกว้างเห็นฟันอันเป็นระเบียบของเขาเมื่อได้รับคำตอบอย่างมั่นใจของผม

“ขอบใจนะ”

เป็นตอนนั้นเอง

ก๊อก ก๊อก

มีคนเคาะประตูห้องทำงานผู้อำนวยการ

“มาทันเวลาพอดี”

ผมมองผู้อำนวยการด้วยความกังขา ผู้อำนวยการพูดราวกับคิดไว้แล้ว

“เข้ามา”

คนที่เปิดประตูเข้ามานั้น…

อาจารย์ไฮเดล

และอีกหนึ่งคน

“...เอ๋?”

เป็นคนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจอ

“สบายดีไหม ‘นักเรียนที่อยากสอบได้คะแนนดี’ ?”

ชายตัวใหญ่ ที่สูงกว่าชายหนุ่มทั่วไป 1.5 เท่า

นามว่าโคลเตอร์ พิรันเต้

หัวหน้าอัศวินดินแดนโพลเดรนคนปัจจุบัน

อัศวินขั้น 6 เพียงคนเดียวในตะวันออกและอยู่เคียงข้างผมในตอนที่สู้กับโอเกอร์สำหรับการสอบครั้งที่ 3 เมื่อไม่กี่วันก่อน

เขาไม่ใช่คนที่จะมาหาผมด้วยเหตุผลส่วนตัว

และน่าจะเป็นเหตุผลทางการเสียมากกว่า

“เอ่อ ครับ…ยินดีที่ได้เจออีก”

“หืม? ทำหน้าอะไรของนาย? ดีใจที่เจอชั้นจริง ๆ เรอะ?”

ผู้อำนวยการไทเรียนหัวเราะออกมาเมื่อผมรอคำอธิบายด้วยใบหน้างุนงงราวกับเห็นว่าเรื่องตอนนี้มันน่าตลก เขาอธิบาย

“ทักเขาสิ เขาเชิญเขามาเป็นอาจารย์สอนวิชาต่อสู้กับนายจนกว่าจะไปที่เทศกาลใหญ่”

“...อะไรนะ?”

อาจารย์รับเชิญสอน ‘วิชาต่อสู้’

“ชั้นขอความช่วยเหลือเพราะดูเหมือนว่านายจะต้องการบทเรียนวิชาต่อสู้มากกว่าบทเรียนเวทมนตร์ในตอนนี้ ชั้นเข้าใจผิดรึเปล่า?”

“เอ๋? เอ่อ…ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น…”

เมื่อผมพูดตะกุกตะกักอีกครั้ง ผู้อำนวยการไทเรียนและอาจารย์ไฮเดลก็หัวเราะพร้อมกัน

“พอเป็นแบบนี้แล้วเขาก็เป็นแค่เด็กอายุ 16 ใช่ไหมล่ะ?”

“ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้นนะ”

เพราะทั้งหมดมันฉุกละหุกเกินไป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด