ตอนที่ 23
หลังจากยืนยันว่าไมเคิลใช้ดอกไม้แผดเผาแล้ว ผมจงใจไม่ใช้เวทย์โจมตีโดยตรงเลย
เพราะว่าถ้าต้องสู้กับไมเคิลด้วยเวทมนตร์ในสภาพที่พลังเวทย์ลดลง 99% มันจะยากกว่าในการเปิดเผยว่าเขาใช้ยา
นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมจงใจใช้ ‘กำลัง’
มันเป็นวิธีอันตรายที่อาจทำให้เขาบาดเจ็บรุนแรงได้
แค่ดีดนิ้ว
แค่ต่อยเบา ๆ
มันเป็นกลยุทธ์อันยอดเยี่ยมที่จะล่อลวงผู้อยู่เบื้องหลังที่นั่งรอดูอย่างสบายใจให้ออกมา เพราะพวกเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองติดกับดักแล้ว
“บะ บ้าเอ้ย! ไมเคิล! รอก่อนนะ!”
อาจารย์เอลริค เกลฮิล
เขา ‘แทรกแซง’ การสอบเพราะกลัวว่าหลานจะตายไปจริง ๆ
มันทำให้เรื่องราววุ่นวายอย่างหนักกว่าเดิม
“อาจารย์เอลริค!”
เสียงยิ่งใหญ่ดังก้องไปด้วยโทสะ
ต้นเสียงนั้นไม่ใช่ใครนอกจากผู้อำนวยการไทเรียน อิกนิท
เขาปิดบังความโกรธไม่ได้อีกต่อไปและลุกขึ้นจากที่นั่งเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“กล้าดียังไง…ถึงได้ทำเรื่องแบบนี้กับสนามสอบอันศักดิ์สิทธิ์…”
“ผะ ผู้อำนวยการ…ตะ ต้องรักษาไมเคิลก่อ…”
“หุบปาก!”
โอ้ ผู้อำนวยการไทเรียน
เขามักจะยิ้มอย่างมีเมตตาเสมอ
การที่ผู้อำนวยการคนนั้นแสดงด้านที่น่าสะพรึงกลัวออกมาแบบนี้
ผมเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรก
“ส่งไมเคิล เกลฮิลไปที่ห้องพยาบาลเดี๋ยวนี้ ส่วนอาจารย์เอลริค ตามมาที่ห้องทำงาน”
“ครับ!”
เมื่อผู้อำนวยการสั่งแล้ว คนในสนามสอบก็เริ่มทำตามคำสั่ง
เจ้าหน้าที่พยาบาลที่ยืนประจำการอยู่ยกตัวไมเคิลแบกไปที่เปล และภูติพิทักษ์มานาที่คุ้มกันสนามสอบก็เข้าไปล้อมอาจารย์เอลริค
แต่ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…
“คิกคิกคิก…มันยังไม่จบหรอก…”
แม้ว่าจะถูกหามขึ้นเปลแล้ว ไมเคิลก็ยังหัวเราะอย่างควบคุมไม่ได้
ผมถามกรรมการ
“จบแล้วใช่ไหมครับ?”
“......เอ๋? เอ่อ จริงด้วย”
กรรมการมองทุกสิ่งด้วยสีหน้างุนงงและตะโกนเสียงดัง
“กะ การสอบจบแล้ว!”
การสอบรอบที่ 4 ได้ผ่านพ้นไปราวกับพายุ
ในระยะเวลาหนึ่ง เป็นแค่ ‘ความเชื่อ’ เท่านั้นในการโกงของตระกูลเกลฮิล แต่เมื่อผ่านการทดสอบแล้วก็ได้พบกับ ‘หลักฐาน’
ซึ่งเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การสอบสวนอาจารย์เอลริค
และด้วยการสอบสวน การทุจริตมากมายที่เกิดจากอาจารย์เอลริคก็ถูกเผยออกมา
นั่นยังหมายถึงว่าชื่อของเกลฮิลจะไม่มีวันได้เข้าสู่อาณาเขตของโรงเรียนอีกแล้ว
“ไมเคิลน่ะ ได้ยินว่าเขาถูกไล่ออกนะ”
“อีกแค่เทอมเดียวก็จะเรียนจบแล้วแท้ ๆ …น่าสงสารจัง”
ข่าวลือว่าไมเคิล เกลฮิลถูกไล่ออกนั้นเผยแพร่ออกมาเป็นวงกว้าง
ข่าวลือนั้นมาจากผู้อาวุโสของตระกูลเกลฮิลที่มายังโรงเรียนด้วยตัวเอง
แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยืนยัน
เพราะอาจารย์เอลริคเองก็พยายามที่จะแบกรับความผิดทั้งหมดและยืนกรานว่าเขาเป็นคนบังคับให้ไมเคิลดื่มยา
เขาทำแบบนี้เพื่อที่จะช่วยไมเคิลให้ได้จนถึงที่สุด
เอาเถอะ ไม่ว่าเขาจะถูกไล่ออกหรือไม่…
อำนาจของชื่อเกลฮิลในโรงเรียนก็จะหายไปในอีกไม่นาน
ไมเคิลเองก็จะไม่ได้เรียนจบในฐานะนักเรียนดีเด่น
และเขาก็จะไม่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนของโรงเรียนในเทศกาลใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือน
และเพราะเรื่องนี้ ผมก็เลยได้รับชื่อเล่นใหม่ว่า ‘นักไล่ออก’
เบน พอลท์ที่พยายามจะฆ่าผมด้วยเวทมนตร์ก่อนหน้านี้
และตอนนี้ยังไมเคิล เกลฮิลอีก
ใครที่พยายามจะเผชิญหน้ากับผมล้วนโดนไล่ออกทั้งสิ้น
‘เอ่อ นี่เราควรจะดีใจดีไหมเนี่ย?’
“รู้ไหม…บรรยากาศในโรงเรียนตอนนี้น่ากลัวชอบกล”
“อืม…”
แม้ว่าการสอบอันยาวนานจะจบลงแล้ว บรรยากาศในโรงเรียนก็ชวนหนาวสั่นและเงียบกริบ
นั่นก็เป็นเพราะว่าจอมเวทย์จากตระกูลเกลฮิลนั้นมาที่โรงเรียนหลายครั้งในหนึ่งวัน
ซึ่งทุกคนก็ล้วนมาเพื่อจับตามองผม
“รูน อาเดลใช่ไหม?”
“...ใช่”
ทีแรก พอถามชื่อผมเสร็จแล้วพวกเขาก็ไม่ได้เข้าหาเป็นพิเศษและสังเกตการณ์จากระยะไกล
แต่ผมก็เดาได้ว่าคนทั้งหมดนี้มีความคิดร้ายกับผม
“บ้าที่สุด! พวกมันต่างหากที่ทำเรื่องไม่ดี แล้วตอนนี้คิดจะโทษนายงั้นเหรอ?”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
เจสันบ่นเมื่อมองคนเหล่านี้ ส่วนผมก็ส่ายหน้าไม่ใส่ใจ
ที่บ้านเกลฮิล
ทั้งตระกูลนั้นไม่ได้เสียหายแค่เพราะเรื่องเสื่อมเสียที่เกิดขึ้นในโรงเรียน
สำหรับพวกเขา มันก็แค่รอยข่วนเล็ก ๆ
แต่สำหรับผม ผมโดนหมายหัวโดยตระกูลเกลฮิลแล้วอย่างแน่นอน
เมื่อผมเป็นคนที่ไล่ลูกชายคนที่สามของตระกูลเกลฮิลออกจากโรงเรียน (ถึงจะไม่ใช่ความผิดของผมก็เถอะ) และยังไล่อาจารย์ที่พวกเขาฝังเอาไว้ในโรงเรียนออกไปอีก…
เป็นธรรมดาที่พวกเขาอยากจะกำจัดผมในทุกทางที่เป็นไปได้
ผมไม่รู้ว่าในอนาคต ตระกูลเกลฮิลจะวางแผนอะไรกับผม
“ยังไงชั้นก็ต้องปะทะกับพวกมันอยู่แล้ว มันไม่สำคัญหรอก”
ผมตัดสินใจที่จะไม่สนใจ
เพราะอย่างไรในอนาคต ผมก็ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาอยู่แล้ว
แล้วก็ ไม่ว่าบ้านเกลฮิลจะพยายามใช้กำลังอย่างไร พวกเขาก็ยังมีอำนาจจำกัดอยู่แค่ในอาณาจักรเรเดียนเล็ก ๆ แห่งนี้
ผมต้องแข็งแกร่งกว่านี้
และถ้าผมปีนไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้ พวกเขาก็จะทำไม่ได้แม้แต่แตะต้อง
ใช่แล้ว
“รูน”
“หืม?”
“ผู้อำนวยการตามหานายอยู่น่ะ”
“...ผู้อำนวยการเหรอ?”
มันคือเวลาที่จะปีนให้สูงกว่าเดิม
ไทเรียน อิกนิท
ลูกหลานของอัครจอมเวทย์โฟรเลียน อิกนิทและเป็นผู้อำนวยการของโรงเรียน
และยังเป็นเพียงผู้เดียวในอาณาจักรที่ไม่ยอมสยบต่ออำนาจ
จอมเวทย์ผู้ซื่อตรง
การที่คนแบบนี้เชิญนักเรียนไปที่ห้องทำงานของเขานั้นเป็นเรื่องที่พิเศษมาก
และมันก็มีอยู่เหตุผลเดียวเท่านั้น
‘ตัวแทนโรงเรียน’
มีแค่นักเรียนที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้นที่จะได้พูดคุยตัวต่อตัวกับเขา
ผมไปที่อาคารหลักและไปยังจุดสูงสุดของโรงเรียน
ห้องของผู้อำนวยการนั้นอยู่ในชั้นที่ 41 ของอาคารหลัก และยังไม่มีบันไดที่ไปถึงชั้นนั้นด้วย
มีแค่ทางเดียวที่จะไปข้างบนนั้นได้
มีแค่ ‘ถนนมานา’ ที่ตั้งอยู่กลางอาคารหลักเท่านั้นที่พาไปยังชั้นบนสุด
แน่นอนว่าในการจะใช้ถนนมานา จำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการ แต่ผมถูกเชิญแล้ว
ภูติผู้พิทักษ์มานาที่คุ้มกันถนนมานาหลีกทางให้กับผม
“อนุญาตให้เข้า”
บนถนนมานา มีแค่สองตัวเลขเท่านั้น
นั่นคือชั้น 1 และชั้น 41
ผมปล่อยมานามาที่มือและกดเลข 41 อย่างไม่ลังเล
ถนนมานานั้นต้องใช้มานาของผู้ร่ายในการทำงาน ถ้าหากไม่ใช่จอมเวทย์ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามา
วิ๊งงงงงงง
ประตูปิดหลังจากรับมานาของผมไป
‘อึก’
มันพุ่งขึ้นเร็วมาก มากพอที่จะทำให้มึนหัวไปหนึ่งวินาทีและพาผมมาถึงชั้นบนสุด
มันคือเวลาเพียงพริบตาเดียว
ในตอนที่ผมกำลังจะรู้สึกเวียนหัว ผมก็มาถึงชั้น 41 ในทันทีและประตูถนนมานาก็เปิดออก
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมมายังชั้นที่ 41 ของโรงเรียน
แต่ว่า…
“...อะไรกัน?”
มีบางอย่างผิดปกติ
เมื่อประตูเปิด สิ่งที่ผมเห็นคือดินแดนอาเดลไม่ผิดแน่
ทะเลใต้อันงดงามกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด
เกาะน้อยใหญ่เชื่อมต่อกันดั่งภาพเขียนบนขอบฟ้า
จะเห็นทุ่งนากว้างถ้าหากมองลงมาเล็กน้อยจากชายฝั่ง
ภาพอันอบอุ่นและสงบของชนบท
แต่มีบางอย่างแปลกไป
ที่กลางทุ่งหญ้านั้นไม่เหมือนกับอาเดลบ้านเกิดของผมที่เป็นดินแดนชนบทเล็ก ๆ ที่นั่นมีเก้าอี้ตัวใหญ่วางอยู่
ผมรู้จักเก้าอี้นั้นดีกว่าใคร
มันคือบัลลังก์แห่งทีรอน
ราชาแห่งจอมเวทย์
เก้าอี้ที่มีเพียงจอมเวทย์ที่ทรงพลังที่สุดในโลกเท่านั้นที่จะนั่งได้
เก้าอี้ที่เหมาะสมกับจอมเวทย์ที่ทุกคนให้ความสนใจ
ทำไมมันถึงมาอยู่ในดินแดนอาเดลล่ะ?
ถึงตอนนี้
“ดูอะไรอยู่เหรอ รูน?”
“......ครับ?”
ผมหันหน้าไปหาเสียงที่คุ้มเคยจากด้านหลัง
ผู้อำนวยการไทเรียน อิกนิทยืนอยู่ตรงนั้น
“...ผู้อำนวยการ”
เมื่อผมทัก ผู้อำนวยการก็ยิ้มอย่างมีเมตตาและพูดกับผม
“ตกใจที่เห็นภาพแปลก ๆ เหรอ?”
“ครับ…นิดหน่อยน่ะ”
ในตอนนี้ ภาพดินแดนอาเดลและบัลลังก์แห่งทีรอนได้หายไปแล้ว
สิ่งเดียวที่ผมเห็นคือภาพป่ากว้างใหญ่รอบโรงเรียนเมื่อมองลงมาจากชั้น 41
“ที่ชั้น 41 น่ะ คือจุดที่ดวงตาแห่งมัลเลอรอกถูกสร้างขึ้นใหม่เอาไว้ รู้จักดวงตาแห่งมัลเลอรอกไหม?”
“...เคยได้ยินครับ”
ดวงตาแห่งมัลเลอรอก
ผู้นำของเหล่าปีศาจที่บุกเข้ามาในทวีปฟรีเลียเป็นตนแรกคือมัลเลอรอก
ว่ากันว่าเขาใช้พลังพิเศษเพื่อทำให้เป้าหมายเห็นสิ่งที่ปรารถนามากที่สุด หลอกหลอนพวกเขาและควบคุมจิตใจจนกว่าจะตาย
หลังจากการตายของมัลเลอรอก ชิ้นส่วนของร่างกายของเขาก็กระจัดกระจายไปในหลายสิบชนชาติของทวีปฟรีเลีย
และทุกคนก็สร้างมันขึ้นมาเป็นอาติแฟกต์
และในบรรดากลุ่มคนเหล่านั้น ผู้ที่ได้ ‘ดวงตา’ ของมัลเลอรอกก็คือโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิท
ดวงตาแห่งมัลเลอรอกนั้นอยู่บนชั้น 41 แห่งนี้
สิ่งที่อาติแฟกต์แสดงให้ผมเห็นก็คือ
‘ดินแดนอาเดลกับบัลลังก์แห่งทีรอน’
ทำไมดวงตามัลเลอรอกถึงแสดงภาพแบบนี้ล่ะ?
ผู้อำนวยการอธิบายกับผม
“ไม่ว่าจะเห็นอะไร…แต่ดวงตามัลเลอรอกจะแสดงโลกที่นายอยากเห็น โลกที่นายเพิ่งเห็นคือโลกที่ใกล้เคียงกับที่ปรารถนา”
ดวงตามัลเลอรอก ที่บอกว่าจะแสดงภาพที่อยากเห็นให้เห็น
มันพูดถึงความปรารถนา
ความปรารถนาที่จะเป็นจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งกว่าใคร
ความปรารถนาที่จะให้ตระกูลอาเดลยืนอยู่เป็นศูนย์กลางของโลก
ได้เห็นแบบนี้ อาติแฟกต์เปิดเผยความจริงแบบเปลือยเปล่าออกมา
เพราะผมรู้สึกเหมือนว่ากำลังเปลือยอยู่จริง ๆ
“ชั้นชอบที่นี่นะ ดวงตามัลเลอรอกแสดงสิ่งที่อยากเห็นให้เห็น โลกที่ปรารถนา นายสงสัยรึเปล่าว่ามันเป็นยังไง?”
“ครับ”
“โลกที่นักเรียนทำตัวเหมือนกับนักเรียน และจอมเวทย์ทำตัวเหมือนกับจอมเวทย์”
มันเข้าใจได้ไม่ยาก
แต่มันเป็นโลกที่ยากจะได้เห็นในความเป็นจริง
ผมมาที่นี่ด้วยจิตใจที่เบาสบาย แต่ส่วนหนึ่งเริ่มจะหนักอึ้งขึ้นมาแล้ว
จากนั้นผู้อำนวยการไทเรียนก็มองผมด้วยรอยยิ้มเบา ๆ
“รูน ชั้นชอบนายมากนะ”
“...งั้นเหรอครับ?”
“‘นักเรียนที่ทำตัวเหมือนนักเรียน’ อย่างนายไม่ค่อยมีในโรงเรียนนี้หรอก”
“ครับ จอมเวทย์ที่ไม่ค่อยเหมือนจอมเวทย์แบบผมก็ไม่ค่อยมีเหมือนกัน”
“หืม? แบบนั้นเหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า…ไปกันเถอะ”
ผู้อำนวยการไทเรียนหัวเราะชอบใจกับมุกตลกของผมและเริ่มเดินมาข้างหน้า
ในพื้นที่พิเศษแห่งนี้นั้นถูกสร้างผ่านดวงตาแห่งมัลเลอรอก
ชั้น 41 ของโรงเรียน
มันแสดงถึงสเน่ห์ที่ไม่รู้จบ
ในขณะนั้น มันชักชวนผมให้เห็นบัลลังก์แห่งทีรอนอยู่ในดินแดนอาเดล
และตอนนี้ มันก็พาผมไปยัง ‘เทศกาลใหญ่’ ที่จะเกิดขึ้นในเดือนที่ 7 ของปี
ในที่แห่งนั้น ผมได้เข้าไปในฐานะตัวแทนของโรงเรียน และเป็นผู้ที่ชนะอย่างมั่นใจ
ขณะที่เดินไปยังประตูห้องทำงาน ผมเห็นตัวเองยืนอย่างมั่นใจอยู่หน้านักเรียนหลายร้อยคนของโรงเรียนเวทมนตร์อิกนิทและเรียนจบในฐานะนักเรียนที่ดีที่สุด
มันเป็นความรู้สึกแปลก เหมือนกับว่ามันเห็นสิ่งที่อยู่ลึกที่สุดในความคิดผม
“นั่งสิ”
โล่งอกที่ห้องทำงานของผู้อำนวยการนั้นไม่มีอะไรพิเศษ
โต๊ะทำงานที่เรียบร้อยนั้นไม่ได้มีลูกเล่นให้ผมตกใจ
หลังจากนั่งบนโซฟาสีน้ำตาลนุ่มแล้ว ผมก็จิบชาอุ่น ๆ ที่ผู้อำนวยการชงให้
ดื่มด่ำกับเวลานี้
ผู้อำนวยการให้เวลาผมสงบตัวเอง
ผมพยักหน้าหลังจากดื่มชาไปแล้วครึ่งแก้ว
ผู้อำนวยการถามผมด้วยสีหน้าที่จริงจังกว่าเดิม
“รูน อยากจะถามนายซักเรื่อง พอจะตอบให้ได้ไหม?”
“ได้ครับ”
“รู้ได้ยังไงว่าไมเคิลใช้ดอกไม้แผดเผา?”