บทที่ 104: ผู้หญิงแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างหลังหลงโม่
ทันทีที่ภูตชายถูกกรงเล็บของมังกรจับไว้ ลาวาร้อนก็ปกคลุมพื้นที่ที่เขายืนอยู่ทันที
“เร็วเข้า! วิ่ง!”
ในเวลาเดียวกัน ภูตคนอื่น ๆ หวาดกลัวมาก พวกเขาสับเท้าวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่คำนึงถึงเสบียงอีก
ภูตที่แปลงร่างเป็นสัตว์ที่วิ่งได้เร็วก็หนีกันชุลมุนอยู่บนพื้น ส่วนภูตที่เชื่องช้าได้รับการช่วยเหลือจากหลงโม่และอิงหยวน เมื่อจำนวนสหายบนตัวทั้งคู่เพิ่มขึ้น ความเร็วของพวกเขาก็ค่อย ๆ ช้าลง
ขณะนี้พื้นดินที่อยู่ข้างใต้ถูกปกคลุมไปด้วยลาวาจนหมดแล้ว หากพวกเขาไม่ทันระวังก็จะได้รับอันตราย
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ภูตบางคนหันกลับไปมองทางค่ายพักแรมที่พวกเขาทิ้งของไว้
“แย่แล้ว... มันจบสิ้นแล้ว...”
“ถ้าไม่มีเสบียง เราจะไปริมทะเลเพื่อแลกเกลือกันได้ยังไง…”
…
ในเผ่า
ณ ลานบ้านเล็ก ๆ ที่สะอาดเป็นระเบียบ หูเจียวเจียวที่นั่งบนเก้าอี้หินกำลังขะมักเขม้นเย็บเสื้อผ้าหนังสัตว์อยู่
“เจียวเจียว ข้าปักเสร็จแล้ว เจ้าคิดว่ามันสวยไหม” ลู่เมี่ยนเอ๋อคลี่เสื้อผ้าหนังสัตว์ของตัวเองออก แล้วส่งให้อีกคนดูอย่างมีความสุข
ตอนนี้หนังสัตว์สีเทาถูกนำมาทำเป็นเสื้อกั๊กพร้อมกับปักลายนกอินทรีสีดำขนาดเล็กไว้ตรงหน้าอก
เดิมทีจิ้งจอกสาวกำลังจะทำเสื้อผ้าให้กับหลงโม่ แต่พอลู่เมี่ยนเอ๋อกับหู่จิงมาพบเธอที่บ้าน นางก็ขอร้องให้เธอสอนนางตัดเย็บเสื้อผ้าแบบเดียวกัน ดังนั้นตอนนี้ทุกคนจึงมานั่งเย็บปักถักร้อยกันอยู่ที่ลานบ้านของหูเจียวเจียว
ก่อนหน้านี้หญิงสาวหยิบเข็มที่ทำจากกระดูกสัตว์พร้อมกับด้ายหยาบออกมาจากมิติ เพื่อเป็นการปกปิดไม่ให้ชาวบ้านคนอื่นสงสัยที่มาของสิ่งของพวกนี้
ในขณะที่หูเจียวเจียวหันมาตามต้นเสียง แต่เธอยังไม่ทันได้ตอบอะไร หู่จิงก็พูดขัดจังหวะขึ้นมา “โห มันเหมือนกับร่างสัตว์ของอิงหยวนทุกประการเลย เมี่ยนเอ๋อ เจ้าเก่งมาก!”
คนถูกชมหน้าขึ้นสีพลางส่ายหัวเบา ๆ
“ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจียวเจียว ขอบคุณที่เจ้าเต็มใจสอนข้านะ” กวางสาวพูดขอบคุณ ก่อนจะพูดเสียงเบาด้วยใบหน้าแดงระเรื่อว่า “อิงหยวนน่าจะชอบ…”
“เจ้าทำเอง เขาต้องชอบมันแน่ ๆ ลองไม่ชอบดูสิ!” เสือสาวกำหมัดแน่นพร้อมกับทำสายตาดุดัน
จิ้งจอกสาวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หู่จิงคนนี้ยังคงเกลียดเธอเช่นเคย และไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไร
“หู่จิง ข้าขอดูของเจ้าหน่อยสิ” หูเจียวเจียวตั้งใจถามออกมา
“ข้า…ข้ายังทำไม่เสร็จ...” รอยยิ้มของคนถูกถามแข็งทื่อไปทันที แล้วนางก็พยายามซ่อนเสื้อกั๊กไว้ข้างหลังตัวเอง แต่ลู่เมี่ยนเอ๋อคว้ามันไปในวินาทีต่อมา
สิ่งที่หู่จิงทำคือเสื้อกั๊กหนังวัวสีดำที่มีลวดลายเสือที่ปักด้วยด้ายสีเหลือง เนื่องจากตอนนี้นางยังไม่มีคู่ ดังนั้นนางจึงปักมันเป็นรูปสัตว์ชนิดเดียวกับของตัวเอง
แต่ว่าลายปักเสือน้อยตัวนี้ดูบิดเบี้ยวไม่ปราณีตเหมือนของกวางสาว
เมื่อหูเจียวเจียวเห็นลวดลายบนเสื้อกั๊ก เธอก็กลั้นยิ้มจนหน้าแดง
ก่อนหน้านี้หญิงสาววาดลวดลายไว้บนเสื้อกั๊กให้ล่วงหน้าแล้ว จากนั้นก็ปล่อยให้คนอื่นใช้ด้ายปักตามลายที่ตนวาดไว้ แต่ใครจะไปคิดว่าฝีมือการปักผ้าของหู่จิงจะพอ ๆ กับเด็กนักเรียนประถมแบบนี้
“หู่จิง เสือตัวนี้ดูคล้ายกับเจ้ามากทีเดียว...”
ลู่เมี่ยนเอ๋อพูดแหย่เพื่อนสาวพลางแอบปิดปากและยิ้มจาง ๆ
ทันใดนั้นเสือสาวก็หน้าแดงก่ำ ก่อนจะคว้าเสื้อกั๊กกลับไปซ่อนไว้ด้านหลังของตัวเอง และโต้กลับอย่างไม่พอใจ
“ข้าไม่ได้ขี้เหร่นะ!”
“งานนี้มันยากเกินไป ข้าไม่ทำแล้ว...” เข็มกับด้ายผู้น่าสงสารถูกกระแทกลงบนโต๊ะหิน ในระหว่างนั้นมีเสียงแกร๊กเบา ๆ ก่อนที่รอยแตกยาวจะปรากฏขึ้นบนโต๊ะ
“...”
มุมปากของหูเจียวเจียวกระตุก หู่จิงคนนี้เป็นภูตหญิงที่ดุดันมากจริง ๆ สมควรแล้วที่อีกฝ่ายเป็นสหายคนสนิทของนางเอกในนิยาย นางแข็งแกร่งมาก!
หลังจากที่ทั้งคู่ขอตัวกลับ จิ้งจอกสาวก็เก็บเสื้อผ้าที่ตัดเย็บขึ้นใหม่ทั้งหมดไปไว้ในบ้าน นอกจากเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้หลงโม่ 2 ชุดแล้ว เธอยังทำอีกชุดหนึ่งสำหรับครอบครัวตระกูลหู โดยที่เสื้อกั๊กแต่ละชุดนั้นปักลายจิ้งจอกที่เป็นร่างสัตว์ของแต่ละคน
ในชั่วพริบตาเวลาก็ผ่านไปแล้วถึง 20 วัน เธอไม่รู้ว่าการเดินทางของพวกหลงโม่เป็นไปได้ด้วยดีหรือไม่
ช่วงเวลานี้ นอกจากตรวจดูต้นกล้ามันฝรั่งทุกวันแล้ว หูเจียวเจียวยังปลูกผักแปลงเล็ก ๆ 2 แปลงไว้ข้างบ้านของตัวเอง โดยใช้เมล็ดในมิติมาปลูกหัวไชเท้ากับผักกาดก้านขาว
เหตุผลที่เธอเลือกพืช 2 ชนิดนี้เป็นเพราะหัวไชเท้าสามารถนำมาดองเก็บไว้กินนาน ๆ ได้ ส่วนผักกาดก้านขาวสามารถนำมาคั้นน้ำมันคาโนลา*ได้ หากเธอสามารถปลูกพืชได้ที่นี่ ในปีต่อ ๆ ไป เธอวางแผนว่าจะปลูกพวกมันให้มากขึ้น แล้วพืชเหล่านี้จะช่วยทำให้ชีวิตของคนในเผ่าดีกว่าที่เคยเป็น
* น้ำมันคาโนลา หรือบางครั้งเรียกสั้น ๆ ว่า คาโนลา เป็นน้ำมันพืชที่ได้มาจากผักกาดก้านขาว (rapeseed)
กว่าที่หญิงสาวจะทำทุกอย่างเสร็จก็เป็นเวลาเที่ยงวันพอดี
ตอนนี้เด็กตระกูลหลงทั้ง 5 ใช้ชีวิตอย่างมีชีวิตชีวาและกระฉับกระเฉงมากกว่าเดิม ตั้งแต่ที่แม่จิ้งจอกทำปลาย่างให้กิน พวกเขาก็ติดใจรสชาติของปลาย่างไม่เคยลืม ส่งผลให้ทุกวันนี้เด็กน้อยทั้งหลายลากหลงเซียวไปหาปลาที่แม่น้ำตั้งแต่เช้าจนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีใครกลับมา
ทางด้านหูเจียวเจียวหลบเข้าไปนั่งอยู่ใต้ร่มไม้เพื่อพักผ่อน พร้อมกับหวนนึกถึงเรื่องที่ตนฝันถึงเมื่อ 10 วันก่อน
ในความฝัน หลงอู่ตั้งใจจะฆ่าหูชิงหลู่ โชคดีที่หลงโม่ไปช่วยได้ทันเวลา เขาจึงไม่มีอันตรายใด ๆ แต่แล้วจู่ ๆ ก็เกิดภูเขาไฟระเบิดขึ้น
ลาวาสีแดงที่แผดเผาพ่นออกมาทั่วท้องฟ้า ภัยพิบัติที่น่าสะพรึงกลัวทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นทันที แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ฝันถึงเหตุการณ์นี้อีกเลย
และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างหญิงสาว เพราะในความฝันเธอเห็นหลงโม่กำลังหลบหนีจากระยะการระเบิดของภูเขาไฟได้สำเร็จ
ก็แค่...ทุกครั้งที่เธอฝันถึงเรื่องที่จะเกิดในอนาคต เธอมักจะฝันเกี่ยวกับเรื่องความเป็นและความตายของคน ๆ หนึ่ง แต่ครั้งนี้มังกรหนุ่มไม่มีอุบัติเหตุอะไร แล้วทำไมเธอถึงฝันถึงมันกันล่ะ?
“หูเจียวเจียว! อิงหยวนกับคนอื่น ๆ กลับมาแล้ว ท่านผู้เฒ่าบอกให้ข้ามาเรียกเจ้า”
ในขณะที่เธอกำลังเป็นกังวล เสียงตะโกนของภูตคนหนึ่งก็ดังมาจากนอกบ้าน
พวกอิงหยวนกลับมาแล้ว!
เป็นไปได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับกลุ่มที่ออกไปแลกเปลี่ยนเกลือ!
หูเจียวเจียวรีบเงยหน้าขึ้นมองไปยังต้นเสียง มันเป็นเสียงของภูตที่มักจะติดตามหัวหน้าเผ่า เธอจึงยืนขึ้นตอบว่า
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
จิ้งจอกสาววิ่งไปจนสุดทางก่อนจะเห็นว่าภูตคนนั้นดูรีบร้อนและเหงื่อซ่กไปทั้งร่าง
“เกิดอะไรขึ้น การเดินทางไปแลกเปลี่ยนเกลือต้องใช้เวลา 3 เดือนถึงจะกลับมาไม่ใช่หรือ ทำไมพวกเขากลับมาเร็วแบบนี้ มีบางอย่างเกิดขึ้นกับหลงโม่หรือเปล่า?” หูเจียวเจียวเอ่ยปากถามออกไปโดยไม่รู้ตัว
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าเผ่าขอให้ข้ามาเรียกเจ้าเท่านั้น” ภูตที่มาหาเธอส่ายหัวเบา ๆ
คำตอบของอีกฝ่ายทำให้หูเจียวเจียวขมวดคิ้ว ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูดว่า “งั้นรีบไปกันเถอะ”
เพื่อเป็นการร่นระยะเวลาในการเดินทาง ผู้ชายคนนั้นกลายร่างเป็นเสือแล้วให้หญิงสาวนั่งอยู่บนหลังเขา
เนื่องจากหูเจียวเจียวไม่ค่อยคุ้นกับการนั่งบนหลังภูตในร่างสัตว์ ครั้งสุดท้ายที่เธอกลับมาจากรังของภูตเร่ร่อน เธอนั่งอยู่บนหลังของหูชิงหลู่ โดยที่พี่ชายคนที่ 3 เดินช้า ๆ และคอยระมัดระวังไปตลอดทางเพื่อให้เธอได้นั่งอย่างสบายใจ
แต่วันนี้เสือโคร่งรีบร้อนมาก เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย
ในระหว่างที่ภูตเสือวิ่งไปข้างหน้า จิ้งจอกสาวเกือบจะลื่นหลุดตกจากหลังของเขาอยู่หลายครั้ง เธอจึงทำได้เพียงจับขนเสือเอาไว้พร้อมกับหลับตาแน่น สถานการณ์ในตอนนี้มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าการนั่งรถไฟเหาะเสียอีก!
พอทั้งคู่ไปถึงที่หมาย หูเจียวเจียวก็กระโดดลงจากหลังเสือในสภาพท้องไส้ปั่นป่วนและวิงเวียนศีรษะ
มันทำให้เธอไม่อยากขี่หลัง ‘สัตว์’ อีกเลย
“หูเจียวเจียว เจ้ามาแล้ว” เมื่อหัวหน้าเผ่าเห็นจิ้งจอกสาวลงจากหลังเสือโคร่ง เขาก็เดินเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างเป็นห่วง
“ท่านผู้เฒ่า หลงโม่อยู่ที่ไหน?” หูเจียวเจียวกุมหัวตัวเองแล้วรีบถาม “เกิดอะไรขึ้นกับหลงโม่หรือเปล่า?”
พอชายชราเห็นท่าทางกังวลของจิ้งจอกสาวจึงรีบปลอบโยนเธอ “ไม่ต้องห่วง หลงโม่สบายดี”
หญิงสาวที่ได้ยินเช่นนั้นถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ก่อนจะเหลือบไปเห็นว่าหลงโม่กับอิงหยวนยืนอยู่ไม่ไกล พลันสีหน้าของเธอก็สดใสขึ้นและยกมือทักทายพวกเขา
“หลงโม่—”
หูเจียวเจียวเปิดปากพูดยังไม่จบประโยค เธอก็สังเกตเห็นหญิงสาวอ้อนแอ้นดูน่าทะนุถนอมคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังมังกรหนุ่ม นางกำเสื้อหนังสัตว์ของเขาอย่างเขินอาย ซึ่งดูเหมือนทั้งคู่จะสนิทสนมกันมาก