ตอนที่ 83 : กินฟรี
"เอ๋ ป้ายนี้คืออะไรเหรอ?"
ทั้งสองกำลังเดินไปรอบๆร้านพลางพูดคุยกัน ทันใดนั้นเซียวหลานก็มองไปที่เสื้อผ้าตัวหนึ่งที่แขวนอยู่ เธอค่อยๆสังเกตป้ายของเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง ซึ่งบนนั้นมันมีสัญลักษณ์เล็กๆคล้ายกับค่ายกลรูปทรงโบราณพิมพ์ติดไว้
"นี่คือโลโก้ของร้านเสื้อผ้าเทียนหยุน" ฉินหยุนมองไปที่มันและอธิบายด้วยรอยยิ้ม
"โลโก้?" เมื่อได้ยินเช่นนี้ เซียวหลานก็รู้สึกประหลาดใจ จากนั้นเธอก็เอ่ยถามว่า "ฉินหยุน อย่าบอกนะว่านายอยากจะสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา?"
เธอเดาความคิดของฉินหยุนได้ทันที
"ประมาณนั้น" ฉินหยุนพยักหน้าและตอบพร้อมกับรอยยิ้ม
ตอนนี้เขามีร้านค้าทั้งหมดเจ็ดแห่ง รวมทั้งโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าและโรงงานผลิตรองเท้าด้วย ซึ่งทั้งหมดอยู่ภายใต้แบรนด์เทียนหยุน
ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไร ร้านค้าที่เขาเปิดก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ
"บอสฉินช่างน่าทึ่งจริงๆ" เซียวหลานเอ่ยชม "ไม่แน่ว่าบางทีในอนาคตเทียนหยุนอาจจะกลายเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงขึ้นมาก็ได้"
"ฮ่าฮ่า หวังว่าจะเป็นแบบนั้น" ฉินหยุนหัวเราะออกมา
Adidas, Nike, Puma และแบรนด์อื่นๆ ต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีของคนส่วนใหญ่ เมื่อเปรียบเทียบกับแบรนด์ต่างประเทศเหล่านั้น เทียนหยุนยังถือว่าอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักชื่อนี้
แต่ด้วยค่ายกลรวบรวมโชคลาภของเขา ฉินหยุนมั่นใจว่าวันหนึ่งในอนาคต ชื่อของเทียนหยุนจะเป็นที่รู้จักของผู้คนจำนวนมากอย่างแน่นอน!
หลังจากเดินดูในร้านสักพัก เซียวหลานก็เลือกเสื้อผ้ามาสองชุด
แม้ว่าเสื้อผ้าที่นี่จะราคาไม่แพง แต่ก็มีสไตล์ตามแฟชั่นของวัยรุ่น ดังนั้นเป็นปกติที่เธอจะรู้สึกชอบมัน เมื่อดูจากดีไซน์ที่เธอเลือกแล้ว ฉินหยุนก็รู้ได้ทันทีว่ามันถูกออกแบบโดยโจวซินหยา
เมื่อเห็นว่าเซียวหลานกำลังจะจ่ายเงิน ฉินหยุนก็ยิ้มและกล่าวว่า "เซียวหลาน ครั้งก่อนฉันไปกินบาร์บีคิวที่ร้านเธอตั้ง 2-3 รอบ เธอยังไม่คิดเงินฉันเลย ครั้งนี้ฉันจะให้เธอจ่ายได้ยังไง"
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินหยุนกล่าว เซียวหลานก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า "ก็ได้ งั้นมื้อเที่ยงวันนี้ฉันเป็นคนเลี้ยงบอสฉินเองก็แล้วกัน เพื่อชดเชยสำหรับค่าเสื้อผ้าทั้งสองชุดนี้"
ตอนนี้เกือบจะได้เวลาเที่ยงแล้ว และฉินหยุนก็ไม่ได้ปฏิเสธ "งั้นก็เยี่ยมเลย"
หลังจากออกจากร้านขายเสื้อผ้า ทั้งคู่ก็พบร้านอาหารเล็กๆ
"ฉินหยุน ปลาย่างที่ร้านนี้อร่อยมาก ฉันเคยมากินแล้วครั้งหนึ่ง ยังไม่ลืมรสชาติของมันเลย" หลังจากหาที่นั่งได้แล้ว เซียวหลานก็เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม
"โอ้ ถ้างั้นฉันจะไม่เกรงใจแล้ว" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินหยุนก็กล่าวด้วยความสนใจอย่างมาก
อัตราการเข้าร้านของของลูกค้าภายในร้านปลาย่างทั้งหมดสูงถึง 80% ซึ่งแสดงให้เห็นว่าธุรกิจที่นี่กำลังเฟื่องฟู โดยทั่วไปแล้วธุรกิจเกี่ยวกับอาหารก็เป็นที่นิยมอยู่แล้ว ประกอบกับร้านนี้รสชาติไม่เลว
รอไม่นานปลาย่างก็ถูกนำมาเสิร์ฟบนโต๊ะ แต่หลังจากนั้นผู้จัดการของร้านก็เดินเข้ามาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม "สวัสดีครับลูกค้าทั้งสองคน ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นลูกค้าโต๊ะที่ 10,000 ในร้านของเรานะครับ เพื่อเป็นการขอบคุณ ลูกค้าสามารถรับประทานอาหารมื้อนี้โดยไม่มรค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น เชิญทานให้อร่อยนะครับ"
หลังจากกล่าวจบแล้ว เขาก็ถอยออกไปด้วยความเคารพ
"ว้าว โต๊ะนั้นได้กินฟรีด้วยล่ะ"
"เสียดายจัง ฉันตามหลังพวกเขามาแค่ก้าวเดียว ไม่งั้นเราคงได้กินฟรีกันแน่"
สายตาของคนรอบข้างมองมาด้วยความอิจฉา โดยเฉพาะโต๊ะที่มีคนนั่งอยู่ 6-7 คน
ฉินหยุนและเซียวหลานเข้ามาในร้านก่อนพวกเขาแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น
ราคาของปลาย่างที่พวกเขาสั่งนั้นมากกว่า 1,000 หยวน ถ้าหากมื้อนี้พวกเขาได้กินฟรี ก็จะสามารถประหยัดไปได้มากเลย
"ฉันบอกแล้วว่าให้นายรีบๆหน่อย มัวแต่ชักช้าอยู่ได้ ถ้าเร็วกว่านี้สัก 10 วินาทีเราก็ไม่ต้องเสียเงินกันแล้ว"
หญิงสาวที่โต๊ะด้านข้างรู้สึกไม่พอใจชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับเธอเล็กน้อย คำพูดของเธอเต็มไปด้วยคำบ่น
"ก็ฉันไม่รู้ว่าสักหน่อยว่ามันจะมีกิจกรรมนี้" ชายหนุ่มยิ้มอย่างขมขื่น
อาหารมื้อนี้ถือเป็นมื้อใหญ่สำหรับเขา และเขาก็รู้สึกเสียใจมากเมื่อคิดว่าก่อนหน้านี้เขามัวแต่ชักช้าอยู่
ในเวลานี้ ฉินหยุนและเซียวหลานก็กำลังมองหน้ากัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเซียวหลาน เธอไม่คาดคิดเลยว่าเธอจะได้เลี้ยงปลาย่างฉินหยุนโดยไม่ต้องเสียเงินสักหยวนเลย
"ฉันบอกแล้วฉินหยุน นายต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากเทพเจ้าแห่งโชคลาภแน่นอน" เซียวหลานอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา
"คงงั้นมั้ง" ฉินหยุนเองก็เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
แต่เขาแอบคิดในใจ ‘น่าจะเป็นเพราะระบบรวบรวมโชคลาภได้รับการอัพเกรด โชคของฉันจึงเพิ่มขึ้นมาก’
ก่อนหน้านี้เขามักจะเก็บเงินได้ตามท้องถนน แต่มันก็ไม่ได้มากมายนัก หรือซื้อเครื่องดื่มจากตู้อัตโนมัติ กดซื้อหนึ่งขวดแต่มันหล่นมาสองขวด เหล่านี้ล้วนแต่เป็นโชคเล็กๆน้อยๆ..
แต่ปลาย่างที่อยู่บนโต๊ะนี้ราคามากกว่า 400 หยวน ซึ่งเขาไม่คิดว่าจะได้มาฟรีๆเลย
‘เมื่อวานฉันก็กินข้าวในร้านอาหารด้วย แต่ก็ไม่ได้กินฟรี ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ท้าทายสวรรค์ขนาดนั้น’
แม้เขาจะมีสิ่งที่ถึงขั้นเรียกว่าท้าทายสวรรค์อยู่กับตัว แต่มันก็ไม่ใช่ทุกสิ่งที่สามารถใช้โชคแหกกฏได้ แน่นอนว่าอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานทางร้านอาหารไม่ได้มีกิจกรรมพิเศษอะไร
หลังจากที่คิดในใจอยู่สักครู่ ฉินหยุนก็ใช้ตะเกียบคีบปลาย่างชิ้นหนึ่งขึ้นมา
"อืม รสชาติดีมาก"
"ฉันบอกแล้วว่ามันอร่อย" เซียวหลานมองไปที่ฉินหยุนที่กำลังกินปลาย่าง หางตาของเธอโค้งลงเล็กน้อยราวกับเธอกำลังยิ้มอยู่
"เนื้อส่วนท้องของปลาย่างอร่อยที่สุด นายลองชิมดูได้" เธอคีบปลาขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วใส่ลงในชามของฉินหยุน
ที่โต๊ะข้างๆ ชายหนุ่มคนหนึ่งมองพวกเขาด้วยความอิจฉาเล็กน้อย
ข้างๆชายหนุ่ม หญิงสาวรูปร่างกำยำกล่าวขึ้นอย่างโกรธเคืองว่า "มองอะไรน่ะ ทำไมนายถึงยังไม่แกะก้างปลาให้ฉันอีก"
เขามองไปที่แฟนสาวของเขาที่กำลังจ้องมองมาที่เขา ชายหนุ่มรู้สึกอยากจะร้องไห้ แต่มันกลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยอด
เมื่อไรจะมีสาวสวยหน้าตาดีคีบปลาย่างให้กินบ้างนะ?
หลังจากกินปลาย่างกันจนอิ่มแล้ว ฉินหยุนและเซียวหลานก็ไปเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าต่อ
ข้างนอกมันร้อนเกินไป ไม่เหมาะกับการเดินเล่นเท่าไรนัก
หลังจากเดินไปรอบๆสักพัก ฉินหยุนก็พาเซียวหลานกลับไปที่มหาลัยเจียงหยวน
"เดี๋ยวก่อนฉินหยุน" เมื่อเขากำลังจะลงจากรถ เซียวหลานก็หยิบขวดเล็กๆที่เต็มไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษออกมา
"ครีมกันแดด?" เมื่อมองไปที่ขวดเล็กๆ ฉินหยุนจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่อยู่บนนั้นได้ เขาเอ่ยขึ้นด้วยความสับสน
เซียวหลานอธิบายว่า "ฉันดูแล้วอากาศช่วงนี้น่าจะร้อนมาก มันง่ายที่จะโดนแดดเผาระหว่างการฝึกทหาร ครีมกันแดดตัวนี้ปกป้องผิวได้ดีเลย นายใช้มันทาได้"
หลังจากได้รับครีมกันแดดมาแล้ว ฉินหยุนก็ยิ้มและกล่าวว่า "ขอบคุณนะ"
"ไม่เป็นไร" เสี่ยวหลานโบกมือของเธอ กล่าวพลางหัวเราะคิกคัก
เมื่อมองไปที่หญิงสาวที่อยู่ด้านหน้าของเขา หัวใจของฉินหยุนก็รู้สึกฟูขึ้นเล็กน้อย
เขารู้สึกได้ว่าเซียวหลานชอบเขา และเขาก็มีความประทับใจที่ดีต่อเซียวหลานเช่นกัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่ดูเหมือนจะใกล้ชิดกันมากขึ้น มีความรู้สึกว่าพวกเขากำลังอยู่ในสถานะที่เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ยังไม่ถึงขั้นคนรัก
สำหรับวิธีการทำลายสถานะนี้ ฉินหยุนไม่รู้ เขาไม่ใช่คนที่กลับชาติเกิดใหม่ และตอนอยู่มอปลายเขาก็ไม่เคยมีแฟนเลยสักคน จริงๆแล้วเขาถือว่าเป็นมือใหม่ถ้าพูดถึงเรื่องความรัก
เขาทำได้เพียงก้าวไปทีละขั้นและปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ
หลังจากเดินเข้ามาที่มหาลัย ฉินหยุนก็เดินไปส่งเซียวหลานต่อถึงที่ใต้หอพักของเธอ
หอพักของเซียวหลานอยู่ไม่ไกลจากหอพักของจางเสี่ยวเยว่มากนัก ซึ่งระหว่างทางมีอาคารสามหลังคั่นอยู่
ที่ชั้นล่างของหอพักหญิง สาวๆในชุดฝึกทหารเท่ๆกำลังเดินไปเดินมา บางคนก็มองมาที่ฉินหยุนและเซียวหลานอย่างสงสัย
ท้ายที่สุดฉินหยุนก็หน้าตาดีและเซียวหลานก็สวยมาก ไม่ว่าพวกเขาทั้งคู่จะอยู่ที่ไหนก็สามารถดึงดูดความสนใจของผู้อื่นได้อย่างง่ายดาย
ในเวลานี้มีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือขวดน้ำอยู่ในมือ กำลังมองดูที่ที่พวกเขายืนอยู่ด้วยความประหลาดใจ แต่ฉินหยุนและเซียวหลานไม่ได้สนใจ
"ฉันจะขึ้นห้องพักแล้ว ฉินหยุน นายก็ควรจะกลับไปที่หอพักด้วย" เซียวหลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉินหยุนพยักหน้าเดินกลับไปที่หอพัก
ส่วนเซียวหลานก็เดินขึ้นไปที่ห้องพักของเธอ
(จบตอน)