ตอนที่ 125: พอตเตอร์หายไป?
ตอนที่ 125: พอตเตอร์หายไป?
โบเดนยื่นจดหมายให้เซี่ยเฟยแต่ไม่ให้ชายหนุ่มเปิดออกดูในทันที เพราะเขาได้ดึงเซี่ยเฟยเข้าไปในห้องทำงานแล้วรูดม่านปิดอย่างระมัดระวัง พร้อมกับทำการล็อกประตูก่อนที่จะอนุญาตให้เซี่ยเฟยเปิดออกดู
ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมโบเดนจะต้องทำตัวลึกลับขนาดนี้ เขาจึงหยิบกระดาษสีขาวออกมาจากซองจดหมายด้วยความอยากรู้
จดหมายเป็นวิธีการสื่อสารแบบโบราณที่ผู้คนไม่ได้ใช้กันเป็นเวลานานแล้ว โดยในปัจจุบันคนนิยมส่งอีเมลหรือวิดีโอคอลกันมากกว่าและคงจะมีเพียงแต่คนแก่ ๆ อย่างพอตเตอร์ที่ยังคงติดนิสัยเขียนจดหมายแบบโบราณแบบนี้เอาไว้
ภาพที่ปรากฏคืออักขระรูปร่างคล้ายอุกกาบาตโบราณที่มีดวงดาวเป็นจำนวนมากมายถูกถักทอเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่เพียงแต่มันจะเป็นอักษรที่มีความสวยงามอย่างแปลกประหลาดเท่านั้น แต่มันยังเป็นอักษรที่มีความซับซ้อนเป็นอย่างมากอีกด้วย
“อักษรดาวตก!” อันธที่อยู่ด้านหลังอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ จากนั้นเขาก็ได้อธิบายต่อไปว่า
“อักษรชนิดนี้เป็นภาษาชั้นสูงที่ถูกใช้กันแต่ในตระกูลโบราณบางตระกูลในพันธมิตรเท่านั้น และการเรียนการสอนยังถูกจำกัดเอาไว้เพียงแค่สมาชิกในครอบครัว ซึ่งถ้าหากว่าผู้เขียนไม่ได้มีประสบการณ์ในการเขียนอักษรชนิดนี้มากกว่า 10 ปี เขาก็คงไม่มีทางเขียนอักษรที่มีความซับซ้อนขนาดนี้ขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”
“ฉันเกรงว่าตาลุงพอตเตอร์คนนี้คงจะไม่ใช่ช่างเครื่องธรรมดาอย่างที่เราคิดแล้วล่ะ”
หลังจากได้ยินคำอธิบายจากอันธมันก็ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่โชคดีที่เขายังมีไมโครชิพแปลภาษาเขาจึงสามารถอ่านอักษรดาวตกได้บ้างเล็กน้อย
โบเดนนายเป็นลูกศิษย์ที่ซื่อสัตย์มากที่สุด ฉันดีใจที่นายคอยยืนอยู่เคียงข้างฉันแม้ว่าเราจะต้องเจอกับอะไรก็ตาม
ตอนที่นายอ่านจดหมายฉบับนี้ฉันคงจากไปแล้ว ฉันจะกลับไปเอาของที่ถูกทิ้งไว้กลับคืนมา นายไม่จำเป็นต้องพยายามตามหาฉันเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่นายจะหาฉันเจอ
อู่นี่ไม่จำเป็นจะต้องมีอยู่อีกต่อไปแล้ว นายเอาอู่ไปขายซะแล้วแบ่งเงินให้กับศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสี่คน ถือซะว่ามันเป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากฉันในฐานะของอาจารย์และช่วยแบ่งเงินค่าขายอู่อีก 10% ให้กับครอบครัวของซันนี่ด้วย
ตอนที่ฉันมาถึงดาวดวงนี้ครั้งแรกครอบครัวของซันนี่ช่วยฉันเอาไว้มาก มันถึงคราวที่ฉันจะต้องตอบแทนบุญคุณพวกเขาบ้างแล้ว ส่วนพวกคนงานก็ให้ค่าชดเชยตามที่นายเห็นสมควรแล้วให้พวกเขากระจายกันไปทำงานในอู่อื่น
ซ่งซานกับลีน่าได้เดินทางมากับฉันด้วย ถึงพวกเขาจะไม่สะดวกเดินทางไปพร้อมกับฉันแต่ฉันจะคอยจัดการเรื่องของพวกเขาเอง
นอกจากนี้ฉันได้ทิ้งของสิ่งหนึ่งในตู้เซฟเอาไว้ให้กับเซี่ยเฟย รหัสผ่านของตู้เซฟคือวันเกิดของนาย ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดสักวันเซี่ยเฟยจะต้องกลับมาที่นี่แน่นอน ในวันนั้นให้เอาจดหมายให้เขาดูและเผาจดหมายทิ้งทันทีหลังจากอ่านจบ
เซี่ยเฟยวางจดหมายลงบนโต๊ะพร้อมกับขมวดคิ้วจนหน้าผากมีรอยย่น
เนื้อหาในจดหมายไม่ได้ระบุว่าพอตเตอร์กำลังทำอะไร แต่จากการคาดเดาเขาคงไม่มีทางกลับมาง่าย ๆ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะไม่ให้โบเดนขายอู่แห่งนี้ทิ้ง
“อาจารย์จะไม่กลับมาแล้วใช่ไหม?” โบเดนถามอย่างประหม่าและถึงแม้ว่าเขาจะรู้ดีแต่เขาก็ไม่อยากจะยอมรับความจริง ดังนั้นเขาจึงถามเซี่ยเฟยออกไปอีกครั้ง
“ใช่ครับ ลุงพอตเตอร์คงจะไม่กลับมาง่าย ๆ” เซี่ยเฟยตอบพร้อมพยักหน้า
“ทำไมอาจารย์ถึงต้องไปด้วย? หรือว่าอาจารย์ไม่อยากอยู่กับพวกเราที่นี่” โบเดนเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาบีบศีรษะด้วยสีหน้าที่ผิดหวัง
“ผมว่าบางทีลุงอาจจะมีเรื่องสำคัญต้องกลับไปทำ ว่าแต่วันที่ลุงไปลุงขับยานอะไรออกไปหรอครับ?” เซี่ยเฟยพยายามปลอบใจพร้อมกับจุดบุหรี่ขึ้นมาพ่นควัน
“อาจารย์ขับยานฟริเกตรุ่นทริสตัน, ติดระบบเครื่องยนต์คู่และติดตั้งอาวุธครบมือ” โบเดนตอบ
“ระบบเครื่องยนต์คู่?” เซี่ยเฟยพึมพำเล็กน้อยเพราะในปัจจุบันการติดตั้งระบบเครื่องยนต์คู่เป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก
เทคโนโลยีการวาร์ปได้รับการพัฒนามาอย่างยาวไกล ขณะเดียวกันการติดตั้งเครื่องยนต์คู่ก็ไม่ได้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของยานมากนัก เว้นแต่ว่ายานลำนั้นจะต้องเดินทางในระยะไกลมากหรือจะต้องไปยังสถานที่ที่อันตรายพวกเขาจึงจะพิจารณาติดตั้งเครื่องยนต์คู่
ที่แน่ ๆ คือพอตเตอร์คงจะต้องเตรียมการเรื่องนี้มาสักพักหนึ่งแล้วและสถานที่ที่เขากำลังมุ่งหน้าไปจะต้องเป็นสถานที่ที่มีความพิเศษมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่จงใจติดตั้งเครื่องยนต์คู่เอาไว้บนยานที่เขาใช้เดินทาง
“ลุงจะต้องไปในสภาพแวดล้อมแบบไหนถึงต้องใช้ระบบเครื่องยนต์คู่แบบนี้?” เซี่ยเฟยก้มหน้าลงพร้อมกับครุ่นคิดอย่างหนัก
ในเวลาเดียวกันโบเดนก็ขอไฟแช็กจากเซี่ยเฟยมาเพื่อทำการเผาจดหมายตามที่พอตเตอร์ได้บอกเอาไว้ โดยในขณะนี้ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหมองคล้ำ
เซี่ยเฟยทำได้เพียงแต่คอยนั่งอยู่ข้าง ๆ โดยไม่สามารถหาคำใดมาปลอบใจได้ เพราะท้ายที่สุดความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์ระหว่างโบเดนกับพอตเตอร์ก็แน่นแฟ้นมากจนเกินไป ถึงขนาดที่โบเดนยอมหย่าร้างกับภรรยาดีกว่าจะต้องทิ้งอาจารย์ของเขาไว้โดยลำพัง
หลังจากนั่งทำใจอยู่นานโบเดนก็ยืนขึ้นพร้อมกับเรียกเซี่ยเฟยไปที่ตู้เซฟ แต่ถึงแม้เขาจะกดรหัสตามที่พอตเตอร์ได้บอกเอาไว้แล้วแต่เขาก็ไม่ได้เปิดตู้เซฟออกมาดู
“อาจารย์ฝากของไว้ให้ นายเข้ามาดูเองก็แล้วกัน ฉันขอตัวก่อน”
ก่อนที่โบเดนจะเดินออกไปเซี่ยเฟยก็คว้าแขนเขาเอาไว้พร้อมกับกล่าวออกมาว่า
“พวกเราดูพร้อมกันก็ได้นะพี่”
“ไม่ล่ะ อาจารย์ฝากของสิ่งนี้ไว้ให้นายแต่อาจารย์ไม่ได้บอกว่าให้ฉันดูด้วย” โบเดนกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ความคิดของชายคนนี้ทั้งเรียบง่ายและดื้อรั้นทำให้จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็คิดว่าโบเดนมีความคล้ายกับอันธในแง่ของการบูชาอาจารย์อย่างจริงจัง
“ถ้าลุงพอตเตอร์ฝากของในตู้เอาไว้ให้ผม แล้วพี่คิดว่าต่อจากนี้ใครจะเป็นเจ้าของสิ่งนั้นล่ะ” เซี่ยเฟยถามพร้อมเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ก็ต้องเป็นนายน่ะสิ”
“ในเมื่อของนั่นเป็นของผม ถ้างั้นผมขอให้พี่ดูมันพร้อมกับผมได้ไหม?”
“เอ่อ…” โบเดนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เพราะเมื่อพูดถึงการอ้างอิงเหตุผลแล้วเขาย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเซี่ยเฟยเลย
ในความเป็นจริงเซี่ยเฟยพยายามซื้อใจโบเดนอยู่ เพราะท้ายที่สุดเขาก็กำลังพยายามก่อตั้งกองยานขนส่งของบริษัทควอนตัมและกำลังต้องการช่างบำรุงยานอย่างเร่งด่วน ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุดภายในใจของเซี่ยเฟยย่อมจะต้องเป็นลุงพอตเตอร์ แต่ในตอนนี้ลุงแกก็หายตัวไปที่ไหนแล้วก็ไม่รู้
ขณะเดียวกันเนื่องจากการจากไปของลุงพอตเตอร์และอู่กำลังจะปิดตัวลง นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีที่เขาจะซื้อตัวโบเดนผู้ภักดีไปเข้าร่วมกับบริษัทของเขา
แม้ว่าบุคลิกของโบเดนจะดูเป็นคนซื่อบื้อแต่ความภักดีที่เขาได้แสดงออกมาก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาซื้อได้ด้วยเงิน
“ถ้าพี่ไม่ตอบ ผมถือว่าพี่ตกลงแล้วนะ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เอื้อมมือไปเปิดตู้เซฟขนาดใหญ่พร้อมกับหยิบกล่องโลหะสีดำออกมาจากข้างใน โดยผิวของกล่องเริ่มมีความไม่สม่ำเสมอคล้ายกับว่ามันถูกใช้งานมาเป็นเวลานานหลายปีแล้ว
เซี่ยเฟยวางกล่องลงบนโต๊ะก่อนที่จะค่อย ๆ เปิดมันออก
“หือ? นี่มันอะไร?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความสงสัย
ด้านในเป็นลูกบอลสีทองกลม ๆ ที่มีลวดลายแปลก ๆ สลักอยู่อย่างมากมาย ซึ่งหลังจากที่ชายหนุ่มได้หยิบมันขึ้นมามองบนฝ่ามือเขาก็สัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่มีมากพอสมควร
หลังพิจารณาลูกบอลสีทองอยู่สักพักเขาก็ยื่นลูกบอลนี้ไปให้โบเดนพร้อมกับหยิบกระดาษจากด้านล่างกล่องขึ้นมา โดยกระดาษแผ่นนี้ถูกเขียนเอาไว้ด้วยอักษรดาวตกอันซับซ้อนของพอตเตอร์
“เซี่ยเฟยฉันต้องสารภาพว่านายทำให้ฉันรู้สึกประทับใจมาก ของสิ่งนี้คือเครื่องรับสัญญาณระยะไกลจากอารยธรรมโบราณ ฉันจะติดต่อนายผ่านของสิ่งนี้หลังจากที่ฉันได้พบสิ่งที่ฉันต้องการแล้ว และมันก็อาจจะมีอะไรบางอย่างที่ฉันต้องขอให้นายทำ” เซี่ยเฟยอ่านข้อความบนกระดาษให้โบเดนได้ยิน
“อะไรนะ?! อาจารย์จะติดต่อกลับมาอย่างนั้นหรอ?” โบเดนอุทานออกมาด้วยความดีใจ
“ผมว่าลุงน่าจะหมายถึงแบบนั้นนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“เซี่ยเฟย! นายเคยชวนฉันไปเป็นช่างประจำยานของนายใช่ไหม? ตอนนี้ฉันตัดสินใจแล้วฉันจะไปเป็นช่างให้กับนายเอง” โบเดนกล่าวพร้อมกับดึงแขนเซี่ยเฟยด้วยความตื่นเต้น
“เดี๋ยวก่อนพี่! ทำไมจู่ ๆ พี่เปลี่ยนใจไวจัง พี่ไม่ลองคิดทบทวนเรื่องนี้ดูหน่อยหรอ” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“ไม่คิดแล้ว! ในเมื่ออาจารย์จะติดต่อนายกลับมา มันก็หมายความว่าตราบใดก็ตามที่ฉันอยู่กับนาย ฉันจะรู้ทันทีที่อาจารย์ติดต่อมา ดังนั้นขอให้ฉันได้ไปเป็นช่างของนายเถอะ” โบเดนกล่าวอย่างชัดเจน
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เพราะลุงพอตเตอร์ทำให้แผนการของเขากลายเป็นเรื่องง่ายอย่างไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนหน้านี้เขาได้เตรียมแผนการดึงตัวโบเดนเอาไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ดูเหมือนเขาไม่จำเป็นจะต้องใช้แผนการเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว
ทางฝั่งของอันธก็รู้สึกประทับใจกับความมุ่งมั่นของโบเดนด้วยเช่นกัน แต่เขาเพียงแค่แอบมองดูสถานการณ์ด้านนอกอยู่อย่างเงียบ ๆ เท่านั้น
“ถ้าพี่อยากตามผมมาก็ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ผมยังเรียนอยู่ในค่ายจัสทิสลีกผมคิดว่ามันคงจะยังไม่สะดวกถ้าหากพี่ต้องมาอยู่กับผม” เซี่ยเฟยกล่าวหลังจากรินน้ำชาให้โบเดน
“แล้วแบบนี้ฉันควรจะทำยังไงดี?” โบเดนกล่าวอย่างกระวนกระวาย
“เอาแบบนี้ไหมผมมีบริษัทอยู่บนดาวโลกและตอนนี้บริษัทก็กำลังขาดหัวหน้าทีมซ่อมบำรุงอยู่พอดี พี่ไปทำงานที่บริษัทผมในระหว่างนี้ก็ได้ ผมสัญญาว่าเมื่อไหร่ที่ลุงพอตเตอร์ติดต่อมาผมจะรีบแจ้งข่าวให้พี่ทันที” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมหัวเราะออกมาเบา ๆ
คำตอบของเซี่ยเฟยทำให้โบเดนรู้สึกลังเลเล็กน้อย เพราะเขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจหากว่าเขาไม่ได้ติดตามเซี่ยเฟยอย่างใกล้ชิด
“ดาวโลกเป็นดาวบ้านเกิดของผม ถึงแม้ระดับเทคโนโลยีบนดาวจะยังต่ำมากแต่สภาพแวดล้อมบนดาวก็ดีกว่าที่นี่มาก ตอนนี้ลูกสาวพี่น่าจะใกล้เข้าโรงเรียนแล้ว ส่วนพี่สะใภ้ก็สุขภาพไม่ค่อยดี ผมว่ามันคงไม่เหมาะถ้าหากว่าพวกเขาต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมของดาวดวงนี้”
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถใช้เหตุผลเกลี้ยกล่อมให้โบเดนไปทำงานบนดาวโลกได้สำเร็จ แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยมีความสุขมาก เพราะโบเดนไม่เพียงแต่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบำรุงรักษายานรบที่ดีเท่านั้น แต่เขายังมีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องจักรอื่น ๆ อีกด้วย ดังนั้นเมื่อบริษัทได้ชายคนนี้เข้าไปช่วยมันก็จะทำให้บริษัทควอนตัมยกระดับเทคโนโลยีขึ้นมาจากเดิม
หลังจากพูดคุยเรื่องการไปอยู่บนดาวโลก เซี่ยเฟยก็เปลี่ยนหัวข้อไปพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการซื้อยานขนส่ง
“ราคาของยานขนส่งขนาดใหญ่อยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านสตาร์คอยน์ เมื่อเทียบกับขนาดของบริษัทควอนตัมฉันว่ามันยังเป็นการสิ้นเปลืองจนเกินไป” โบเดนแสดงความคิดเห็นหลังจากได้ฟังสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท หลังจากนั้นเขาก็เสนอแนะต่อไปว่า
“ฉันแนะนำให้นายซื้อยานบรรทุกคอยขนส่งสินค้าในช่วงแรกก่อน ถึงแม้ยานบรรทุกจะใช้ส่งสินค้าได้ไม่ไกลแต่มันก็ต้องการคนขับยานเพียงแค่ 3 คน นอกจากนี้ค่าบำรุงรักษายานบรรทุกก็น้อยกว่ายานขนส่งมาก หลังจากบริษัททำกำไรได้มากพอแล้วมันก็ไม่สายที่จะซื้อยานขนส่งขนาดใหญ่ในอนาคต”
หลังจากปรึกษาหารือกันทั้งสองคนก็ตัดสินใจซื้อยานขนส่งอัลตรอนจากบริษัทไกอาจำนวน 8 ลำ
ยานอัลตรอนมีพื้นที่บรรทุกสินค้า 250,000 ลูกบาศก์เมตร ซึ่งเพียงพอต่อการขนส่งสินค้าในปัจจุบันแล้ว โดยราคาของยานใหม่อยู่ที่ประมาณ 20 ล้านสตาร์คอยน์ แต่ถ้าหากพวกเขาประกอบยานขึ้นมาเองพวกเขาก็จำเป็นจะต้องใช้เงินประมาณ 10 ล้านสตาร์คอยน์เท่านั้น
“ว่าแต่พี่เคยได้ยินเรื่องยานอินเตอร์เซปเตอร์บ้างไหม?” เซี่ยเฟยถามเมื่อเขานึกถึงยานแดกเจอร์ ในระหว่างที่เขาเดินทางกลับมายังพันธมิตร
***************
คุณได้รับนายช่าง 1 ea !!