ตอนที่แล้วบทที่ 469 บรรพบุรุษเต๋าแสดงความศักดิ์สิทธิ์และประตูทองคำก็ปรากฏขึ้น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 471 ผู้นำที่เกียจคร้านและแผนการสร้างจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์!

(ฟรี) บทที่ 470 วิวัฒนาการของตันเถียน อาณาจักรแห่งชีวิต!


ใช่ มันคือจิตวิญญาณ

ร่างเล็กๆในตันเถียนก่อนหน้านี้เป็นเพียงภาพจากเทคนิคการบ่มเพาะ นอกเหนือจากช่วยเขาบ่มเพาะทุกวันอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยแล้ว จะไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีก

มันเหมือนกับประติมากรรม

แต่ตอนนี้แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด

ร่างเล็กๆเต็มไปด้วยออร่าและใบหน้าที่พร่ามัวก็ชัดเจนขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าจะเป็น “มนุษย์” มากขึ้น

หลี่หรานไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้

สิ่งที่เขาพูดในการเทศนาก่อนหน้านี้มาจากเทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์ และร่างเล็กๆนี้ยังเป็นศูนย์รวมของเทคนิคการบ่มเพาะพิชิตสวรรค์

อาจมีความเชื่อมโยงบางอย่างที่ไม่รู้จักระหว่างมันกับพลังแห่งศรัทธา

หลี่หรานตรวจสอบตันเถียนของเขา

มันกลายเป็น “หรูหรา” มากขึ้นเรื่อยๆ

ทะเลสาบพลังวิญญาณนั้นกว้างใหญ่และเต็มไปด้วยหมอกควัน พลังวิญญาณเบาบางก็กำลังก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ เมื่อรวมกับก้อนเมฆแห่งพลังวิญญาณบนท้องฟ้า มันให้ความรู้สึกที่คลุมเครือ

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน พื้นที่ของทะเลสาบกว้างใหญ่ขึ้นมาก

นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากทะลวงผ่านขอบเขตย่อย

ด้วยพลังวิญญาณที่สงวนไว้ในร่างกายของเขาตอนนี้ แม้แต่ผู้ฝึกตนขอบเขตเหนือวิบัติก็มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบกับเขาได้

และภายในทะเลสาบ เส้นสายบางๆสีแดงและขาวก็แหวกว่ายไปมาเหมือนปลา

นี่คือพลังสายเลือดในร่างกายของเขา เช่นเดียวกับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เกิดจากการ “บ่มเพาะ” กับเซียวชิงเกอ

ใน “พื้นที่เปิดโล่ง” นอกทะเลสาบ ปราณมังกรสีม่วงค่อยๆกระจายตัว และในบางครั้งควันบางๆก็ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและรวมเข้ากับก้อนเมฆ

ไม่นานหลังจากที่ปราณมังกรถูกดูดซับ ดูเหมือนว่ามันจะไม่สนใจทะเลสาบพลังวิญญาณ แต่ยังคงอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ยังไม่ได้รับการ “พัฒนา” อย่างพื้นที่เปิดโล่ง

และมันดูเหมือนจะอิทธิพลบางอย่างกับตันเถียน เพียงแค่ยังไม่ปรากฏขึ้น

ร่างเล็กๆยังคงนั่งไขว่ห้างอยู่กลางทะเลสาบ

เพลิงศักดิ์สิทธิ์บัวบริสุทธิ์สีฟ้าน้ำแข็งและเพลิงศักดิ์สิทธิ์ผลาญสวรรค์สีทองส่องสว่างในฝ่ามือของมัน

แสงสีทอง พลังวิเศษ และแสงแห่งพุทธะที่อยู่เบื้องหลังประสานกัน ทำให้มันดูราวกับเทพเจ้า

ตรงกลางหน้าอกของมันมีรอยสักรูปมังกรสีเงินประทับอยู่ ปลดปล่อยเจตจำนงแห่งดาบที่แหลมคมและกดขี่

นี่คือปราณดาบระดับจักรพรรดิที่ถูกดูดซับในสระชำระดาบ

ตรงหว่างคิ้วของมันมีพลังแห่งศรัทธาที่วูบไหวราวกับเปลวไฟ

ฉากตรงหน้านี้ดูเกินจริงมาก

หลี่หรานไม่สามารถตอบสนองหลังจากเห็นด้วยตาตัวเอง

ทั้งหมดนี้เป็นไพ่ตายของเขา แต่มันไม่มากเกินไปหน่อยเหรอ?

นี่ยังไม่นับพลังเหนือธรรมชาติอีกหลายอย่าง!

สุ่มหยิบสิ่งหนึ่งออกมา มันเป็นสมบัติสูงสุดของดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ผู้คนล้วนแย่งชิง แต่ตอนนี้พวกมันทั้งหมดนอนหลับอยู่ในตันเถียนของเขา

“สำหรับคนรักสงบอย่างข้า มันช่างเปล่าประโยชน์จริงๆ” หลี่หรานพึมพำ

เขาลืมไปเสียสนิทว่าเขาเป็นจอมหาเรื่องเพียงใด...

ตอนนี้ตันเถียนของเขาเป็นเหมือนโลกใบเล็กมากขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ปราณมังกรและพลังแห่งศรัทธาเข้ามา ตันเถียนทั้งหมดก็เต็มไปด้วยพลังและออร่า

หลี่หรานลูบคางของเขา “ปราณมังกรเป็นรากฐานของดินแดนอันกว้างใหญ่ และพลังแห่งศรัทธาก็เป็นเช่นเดียวกับพลังชีวิต… ตันเถียนของข้าจะพัฒนาเป็นโลกใบเล็กจริงๆหรือเปล่า?”

“เป็นไปได้ไหมว่าในอนาคตมันจะให้กำเนิดสิ่งมีชีวิต?”

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงจินตนาการที่ไม่สมจริง แต่ตามทฤษฎีแล้วดูเหมือนใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียว

ปราณมังกร พลังวิญญาณ น้ำและไฟ… องค์ประกอบพื้นฐานของโลกค่อยๆถูกครอบครองทีละอย่าง

แม้ว่าเขาจะยังขาดกฎแห่งเต๋า แต่ตราบใดที่ฐานการบ่มเพาะของเขาสูงพอ เขาจะสามารถได้รับมันในวันหนึ่ง

‘พอลองคิดดูให้ดี โลกที่ข้าอยู่ก็เป็นเช่นเดียวกันไม่ใช่เหรอ?’

‘บางทีดินแดนอันกว้างใหญ่อาจเป็นตันเถียนของตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่าง และอีกฝ่ายกำลังดูเรื่องทั้งหมดนี้อยู่เงียบๆ?’

หลี่หรานส่ายหัวและหยุดคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เขารู้ว่าความคิดนั้นไม่สมจริงเพียงใด

ไม่ต้องพูดถึงวิวัฒนาการอันยาวนานที่จำเป็นสำหรับการเกิดของสิ่งมีชีวิต ความแข็งแกร่งของตัวตนระดับจักรพรรดิเพียงอย่างเดียวก็สามารถตัดผ่านความว่างเปล่าได้แล้ว

แล้วมันจะไม่ตัดผ่านตันเถียนนี้ได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวคิดนี้จะไม่สมจริง แต่อาจมีสิ่งมีชีวิตอื่นๆนอกเหนือดินแดนอันกว้างใหญ่

ไม่ว่าจะเป็นการหายตัวไปของจักรพรรดิโบราณและสัตว์โบราณ ความลับต่างๆของเฉินหยุนเต๋า หรือการมีอยู่ของดินแดนสังสารวัฏ… ทั้งหมดดูเหมือนจะพิสูจน์ประเด็นนี้อย่างคลุมเครือ

และเมื่อหลี่หรานได้รับกุญแจสังสารวัฏ ความจริงที่อยู่เบื้องหลังสิ่งนี้ก็เปิดเผยส่วนเล็กๆบนยอดภูเขาน้ำแข็งเช่นกัน

‘บางทีไข่มังกรใบนั้นอาจให้คำตอบกับข้าได้?’ หลี่หรานคิดกับตัวเอง

ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกว่าการหายตัวไปของสัตว์โบราณนั้นเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับการดำรงอยู่ที่ลึกลับเหล่านั้น

และความทรงจำของเผ่ามังกรนั้นถูกส่งต่อกันทางสายเลือด บางทีไข่มังกรจากดินแดนสังสารวัฏอาจรู้อะไรบางอย่าง

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่ามันจะฟักออกมา

ในขณะที่เขากำลังคิดอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีออร่าสีม่วงจางๆหลั่งไหลออกมาจากร่างกายของเขา

และออร่าสีม่วงก็ถูกไข่มังกรบนโต๊ะดูดกลืนไปจนหมด...

พลังชีวิตในไข่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ และเสียงคำรามแผ่วเบาที่มาจากมันก็ทรงพลังมากขึ้น...

ณ ยอดเขาไป๋หยุน

อวี้ชิงหลันนั่งอยู่บนก้อนหินที่จุดสูงสุดของยอดเขา สวมเสื้อคลุมนักพรตสีขาวบริสุทธิ์

ข้อศอกวางบนเข่าและคางวางอยู่บนฝ่ามือ นางมองไปในระยะไกลอย่างเงียบๆด้วยสีหน้าเหม่อลอย

“ข้าสงสัยจังว่าตอนนี้หรานเอ๋อร์กำลังทำอะไรอยู่?” นางก้มลงมองที่ข้อมือ

ใต้ผิวขาวมีเส้นสีแดงจางๆเหมือนเส้นเลือดที่ไม่ให้ความรู้สึกผิดแปลกเลยแม้แต่น้อย

“มันนานมากแล้วตั้งแต่เขากลับไป เขาปลอดภัยหรือเปล่าก็ไม่บอกข้าสักคำ ช่างเป็นคนที่น่ารำคาญจริงๆ…” นางย่นจมูกและพึมพำเสียงต่ำ

ทันใดนั้นเสียงของสตรีคนหนึ่งก็ดังมาจากด้านหลัง “นักพรตอวี้รำคาญใครกัน?”

อวี้ชิงหลันไม่แปลกใจและพูดอย่างเฉยเมยโดยไม่หันศีรษะ “ผู้นำนิกายฉู่ชอบแอบฟังการสนทนาของคนอื่นหรือ?”

สตรีชุดเขียวคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

นางคือฉู่หลิงฉวน

ฉู่หลิงฉวนส่ายหัว “ข้าพึ่งมาและได้ยินไม่ชัดนัก นักพรตอวี้ไม่จำเป็นต้องจริงจังเกินไป”

อวี้ชิงหลันพูดอย่างไม่พอใจว่า “โปรดส่งจดหมายแจ้งก่อนที่เจ้าจะมาที่นี่ในครั้งต่อไป หากเจ้ากล้าบุกรุกนิกายของข้าเช่นนี้อีก ข้าจะฟันเจ้าด้วยดาบ”

ฉู่หลิงฉวนลูบจมูกของนาง “นักพรตอวี้ น้ำเสียงของเจ้าฟังดูเหมือนยัยปีศาจนั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับเจ้าจะฆ่าคนทุกๆอึดใจ...”

อวี้ชิงหลันไม่สนใจที่จะคุยกับางและพูดว่า “บอกข้าสิว่าเจ้ามาที่นี่ทำไม”

“อะแฮ่ม ไม่มีอันใด”

ฉู่หลิงฉวนแสร้งทำเป็นสบายๆและพูดว่า “เจ้าไม่ได้บอกข้าก่อนหน้านี้ว่ามีวิธีที่จะพบกับหลี่หรานหรอกเหรอ? ข้าแค่มาถามว่าเจ้ามีแผนจะเริ่มเมื่อไหร่”

“โอ้? เพียงเพราะสิ่งนี้?”

อวี้ชิงหลันลูบคางที่เรียบเนียนของนาง จากนั้นมองอีกฝ่ายขึ้นและลง “เพียงแค่สองวันเจ้าก็คิดถึงเขาแล้ว?”

“คะ...ใครคิดถึงเขา?!”

ฉู่หลิงฉวนพูดตะกุกตะกัก “เจ้ากินได้ตามอำเภอใจแต่เจ้าไม่สามารถพูดตามอำเภอใจได้! ข้าเพียงแค่ถามเฉยๆ!”

“เช่นนั้นเจ้ามาที่นี่เพียงเพื่อถาม?” อวี้ชิงหลันแสดงออกถึงความไม่เชื่อ

“ข้าแค่บังเอิญผ่านมา...” ฉู่หลิงฉวนหันศีรษะไปทางอื่น น้ำเสียงของนางอ่อนแออย่างอธิบายไม่ได้

/////