บทที่ 23 ความลับเปิดเผย
บทที่ 23 ความลับเปิดเผย
เมื่อทักทายกันเสร็จฟลินน์ก็หันหลังกลับโดยไม่รั้งรอแม้แต่น้อยเพียงก้าวออกไปก้าวเดียวก็ถูกโรว์ลิงรั้งเอาไว้ เธอมองเขาด้วยความประหลาดใจและถาม
“เธอรู้จักคุณฟรีแมนจริงๆ เหรอ แล้วรู้จักกันได้อย่างไร”
จากมุมมองของเธอระหว่างฟลินน์และไอวี่ ฟรีแมน บุตรสาวคนที่สองของเอิร์ลผู้โด่งดังและร่ำรวย ทั้งคู่มาจากสองโลกที่แตกต่างกันจนไม่สามารถมาบรรจบกันได้
ดังนั้นสำหรับเธอแล้วการที่ฟลินน์รู้จักไอวี่จึงดูเหมือนเป็นเพียงเรื่องโกหก
“ก็อย่างที่พี่รู้ ผมทำงานที่หอประมูลเกรทวีดเลยมีโอกาสได้พบกับเธออยู่หลายครั้ง” ฟลินน์ตอบแบบครึ่งๆ กลางๆ
เขารู้จักไอวี่เพราะงานของเขาจริง แต่มันไม่ใช่ที่หอประมูลเกรทวีดแต่เป็นที่สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
เรื่องการเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจำเป็นต้องเก็บเป็นความลับ แม้แต่สมาชิกในครอบครัวก็ไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังนั้นชายหนุ่มจึงพูดได้เพียงเท่านี้
“เป็นแบบนี้นี่เอง” โรว์ลิงพยักหน้าเข้าใจและไม่สงสัยอะไรอีก
ด้วยฐานะบุตรสาวของเอิร์ลแห่งราชอาณาจักรการไปยังหอประมูลนั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“ทั้งสองรู้จักกันจริง ๆ เป็นไปได้ไหม…?” ความคิดที่กล้าได้กล้าเสียแวบผ่านเข้ามาในใจของโรว์ลิง แต่เธอรีบยับยั้งมันไว้ทันที
แม้ว่าทั้งสองจะพบกันโดยบังเอิญ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ด้วยกัน
ช่องว่างขนาดใหญ่ระหว่างพวกเขาเปรียบเสมือนคูน้ำขวางกั้นไม่อาจบรรจบได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่ทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์กันมากกว่านี้
“พี่เขยกับเพื่อนๆ ของเขากำลังมาหาพวกเรา” โดยไม่รู้ว่าโรว์ลิงกำลังคิดอะไรอยู่ในเวลานี้ ฟลินน์สังเกตว่าพี่เขยของเขาโคลด เดรย์กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนของเขาอีกสองสามคน ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอ่ยเตือน
“เอ๋!” โรว์ลิงกลับมามีสติและทักทายด้วยรอยยิ้ม
“ให้ผมได้แนะนำพวกคุณให้รู้จัก นี่คือโรว์ลิง เดรย์ ภรรยาของผมและนี่คือฟลินน์ ซอร์ค น้องชายของภรรยาผม ตอนนี้เขากำลังทำงานอยู่ที่หอประมูลเกรทวีด” โคลดแนะนำอย่างลำพอง
“คุณซอรค์อายุยังน้อยแต่ได้ทำงานที่หอประมูลเกรทวีด ความสามารถไม่ธรรมดาจริงๆ” เมื่อได้ยินว่าฟลินน์ทำงานที่หอประมูลเกรทวีด เพื่อนของโคลดหลายคนก็มองไปที่ฟลินน์ด้วยความสนใจ
สวัสดิการของหอประมูลเกรทวีดนั้นดีมากจนเลื่องลือ แต่ในทางกลับกันมันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าไปทำงานที่นั่น
เพื่อให้สามารถเข้าร่วมได้คนคนนั้นจะต้องมีความสามารถมากจริงๆ หรือไม่ก็ต้องมีภูมิหลังที่แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าทั้งสองจะเป็นใครก็คู่ควรแก่การผูกมิตรด้วยทั้งนั้น
“ก็แค่โชคดี ไม่ทราบว่าพวกคุณทำงานอยู่ที่ไหนเหรอ?” ฟลินน์เปลี่ยนหัวข้ออย่างแนบเนียนโดยหวังให้พวกเขาจบหัวข้อเกี่ยวกับการทำงานโดยเร็วที่สุด
ท้ายที่สุดเขาไม่ได้ทำงานในหอประมูลเกรทวีด ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับหอประมูลเกรทวีดมากนัก ฟลินน์กลัวว่ายิ่งตัวเองพูดมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งเปิดเผยช่องโหว่มากขึ้นเท่านั้น
“คุณซอร์คถ่อมตัวเกินไปแล้ว สถานที่ที่เราทำงานเทียบไม่ได้กับหอประมูลเกรทวีดอยู่แล้ว”
“ผมขอโทษจริง ๆ ที่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ต่อหน้าคุณ เรื่องที่ทำงานของผมมันไม่มีอะไรน่าสนใจหรอก พวกเราอย่าได้พูดถึงมันเลย ว่าแต่คุณทำหน้าที่อะไรในหอประมูลเกรทวีดเหรอ?” เพื่อนของโคลดไม่ยอมปล่อยผ่านหัวข้อนี้
จากมุมมองของพวกเขา ฟลินน์เป็นคนประเภทที่ควรค่าแก่การผูกมิตรอย่างไม่ต้องสงสัย เช่นนั้นคนเหล่านี้จะพลาดโอกาสดีๆ แบบนี้ได้อย่างไร
หลังจากล้มเหลวในการเปลี่ยนเรื่องครั้งแรก ฟลินน์กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนเรื่องอีกครั้งอย่างไร แต่โคลดกลับพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“เขาทำงานเป็นหัวหน้าฝ่ายประเมินราคาและมีรายได้สูงถึง 50 ปอนด์ทองคำต่อสัปดาห์ แน่นอนว่ายังมีรถม้าและบ้านอีกด้วย” แม้ว่าโคลดจะไม่ได้ทำงานที่นี่แต่ฟลินน์ก็คือน้องชายของภรรยาของเขา ด้วยความสัมพันธ์นี้ทำให้เขารู้สึกมีเกียรติไปด้วย
“รายได้สูงถึง 50 ปอนด์ทองคำ แถมยังมีรถม้าและบ้านอีกหลังด้วย” เมื่อรู้ถึงตำแหน่งของฟลินน์ที่โรงประมูลเกรทวีด เพื่อนของโคลดก็อดอิจฉาไม่ได้
แม้ว่าพวกเขาจะรู้ว่าการทำงานที่หอประมูลเกรทวีดนั้นดีมาก แต่ก็ไม่เคยคิดว่ามันจะดีขนาดนี้
หลายคนมองไปที่ฟลินน์ด้วยความกระตือรือร้นมากขึ้น ความคิดของพวกเขาเต็มไปด้วยไฟอันร้อนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ของหญิงสาว
“อ้อ ผมมีเพื่อนที่เป็นผู้จัดการอยู่ที่หอประมูลเกรทวีดเช่นกัน ชื่อของเขาคือ ทิโมธี เบลมี ผมไม่รู้ว่าคุณซอร์คจำเขาได้ไหม” ทันใดนั้นชายรูปร่างอ้วนเตี้ยคนหนึ่งก็พูดขึ้น
“ผมเพิ่งเข้าทำงานที่หอประมูลเกรทวีดได้ไม่นานยังรู้จักคนไม่มากนักและผมไม่รู้จักคุณทิโมธี เบลมี” ฟลินน์ส่ายศีรษะด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทว่าในใจกับรู้สึกกระสับกระส่ายอยู่ตลอดเวลาและรู้สึกว่าสถานการณ์กำลังจะแย่ลง
แน่นอนว่าในวินาทีต่อมา ลางสังหรณ์ของเขาก็เป็นจริง
“ไม่รู้จักเหรอ ถ้าอย่างนั้นผมจะโทรไปหาเขาเพื่อแนะนำให้พวกคุณได้รู้จักกันเผื่อว่าในอนาคตจะได้ทำพวกคุณจะได้ทำงานร่วมกัน” ชายรูปร่างอ้วนเตี้ยกล่าวอย่างกระตือรือร้น
‘ซวยแล้ว’ หัวใจของฟลินน์เต้นไม่เป็นจังหวะ
แม้ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจะปลอมแปลงตัวตนของหัวหน้าฝ่ายประเมินราคาของหอประมูลเกรทวีดให้กับเขาแล้ว แต่ก็มีเพียงผู้บริหารระดับสูงของหอประมูลเกรทวีดเท่านั้นที่รับทราบ
พนักงานทั่วไปของหอประมูลเกรทวีดย่อมไม่มีทางรู้ถึง ‘ตำแหน่งปลอม’ ของเขา
“ผมมีธุระขอตัวก่อน ไว้มีโอกาส…” เขาไม่มีเวลามาสนใจมารยาท ฟลินน์รีบหยุดชายร่างท้วมก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลาย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็สายไปแล้ว
“ทิโมธี” ชายร่างท้วมส่งเสียงทักทายชายที่มีรูปร่างผอมสูงถือแก้วไวน์แดงอยู่ในมือซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียกเรียกของชายร่างท้วมเขาจึงเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วไวน์แดง
“ทิโมธี ผมอยากแนะนำคุณให้รู้จัก นี่คือฟลินน์ ซอร์ค เขาทำงานที่หอประมูลเกรทวีดเช่นเดียวกับคุณ พวกคุณทั้งคู่ต่างก็ทำงานที่เดียวกัน” ชายร่างท้วมแนะนำทั้งสองฝ่ายอย่างกระตือรือร้น
“คุณทำงานที่หอประมูลเกรทวีดด้วยเหรอ” ทิโมธี เบลมีมองฟลินน์ด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์ และกวาดสายตาขึ้นลงอย่างจับผิด
ทิโมธีทำงานที่หอประมูลเกรทวีดมาหลายปีและเขารู้จักทุกคนในหอประมูลยกเว้นแต่พนักงานธรรมดา แต่เขากลับไม่มีความทรงจำใดๆเกี่ยวกับคนๆนี้แม้กระทั่งชื่อของอีกฝ่าย
ทิโมธีสงสัยว่าคนๆนี้ กำลังแอบอ้างเป็นหัวหน้าฝ่ายของหอประมูลเกรทวีดเพื่อหลอกชาวบ้านเสียมากกว่า
เท่าที่เขารู้ เนื่องจากหอประมูลเกรทวีดมีเบื้องหลังเป็นดยุคผู้สูงศักดิ์ ดังนั้นนักต้มตุ๋นทั้งหลายจึงชอบสวมรอยเป็นคนของหอประมูลอยู่เป็นประจำเพื่อหลอกให้เหยื่อตายใจ
ดังนั้นต่อให้เป็นสถานการณ์ปกติหากเขาพบกับนักต้มตุ๋นประเภทนี้ ทิโมธีจะไม่มีทางปล่อยอีกฝ่ายไปง่ายๆ อย่างแน่นอนยิ่งไม่ต้องพูดถึงสถานการณ์ที่เพื่อนเขากำลังจะถูกโกงเช่นในตอนนี้
อย่างไรก็ตามเขายังต้องการอย่างเชิงของอีกฝ่ายเพื่อให้แน่ใจก่อนจะลงมือ เขาจึงถามอย่างเคร่งเครียดโดยไม่รู้ตัว
“ผมไม่รู้ว่าคุณฟลินน์ทำงานในฝ่ายไหน?”
“ฝ่ายประเมินราคา” เดาว่าทิโมธีคงสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเขา ฟลินน์กัดฟันแล้วตอบกลับไป
“คุณซอร์คเป็นหัวหน้าฝ่ายประเมินราคา ทิโมธีในอนาคตคุณควรใช้เวลากับคุณซอร์คให้มากขึ้น” โดยไม่ได้รับรู้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติระหว่างฟลินน์และทิโมธี ชายร่างท้วมพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฝ่ายประเมินราคา?” เมื่อได้ยินตำแหน่งนี้ ทิโมธีมองไปที่ฟลินน์ด้วยความเฉยเมยและพูดอย่างเย็นชา
“เท่าที่ผมรู้ที่นี่ไม่มีตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประเมินราคา คุณซอร์ค คุณไม่ได้มาจากหอประมูลเกรทวีดใช่ไหม” ทิโมธีถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“คุณ ทิโมธี คุณบอก …”
“ฟลินน์ เกิดอะไรขึ้น” โรว์ลิงร้องแทรกเข้ามาเธอมองฟลินน์อย่างกระวนกระวาย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยอารมณ์ต่างๆ ทั้งตื่นตระหนกและวิตกกังวล
“คุณกล้าทำแบบนี้ได้ยังไง” ใบหน้าของโคลดแดงก่ำแล้ว เขาจ้องไปที่ฟลินน์ด้วยความโกรธ
เขาเชื่อในสิ่งที่ทิโมธีพูด เมื่อฟลินน์บอกว่าเขาเข้าทำงานที่หอประมูลเกรทวีด ชายหนุ่มก็รู้สึกแปลกๆ น้องชายภรรยาคนนี้ไม่ควรมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมจนสามารถเข้าทำงานในบริษัทใหญ่ขนาดนั้นได้ ดังนั้นตอนนี้คำตอบก็ชัดเจนแล้ว
ฟลินน์ ซอร์คคนนี้กำลังหลอกลวงเขาและโรว์ลิงอยู่ โคลด เดร์ยยิ่งรู้สึกโกรธมากขึ้นเมื่อคิดว่าฟลินน์วางแผนโกงตัวเองและเรื่องถูกเปิดเผยต่อหน้าเพื่อนของเขา
เป็นโชคร้ายของฟลินน์เพราะทุกอย่างคงสำเร็จไปได้ด้วยดีหากไม่มีการปรากฏตัวขึ้นของ ‘ทิโมธี เบลมี’
“คุณซอร์ค” ทันใดนั้นเสียงที่ไพเราะก็ดังขึ้น เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งในชุดราตรีสีดำแผ่ออร่าความงามเย้ายวนแบบชนชั้นสูงออกมาไม่รู้จบ เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ ฟลินน์ รู้สึกโล่งใจทันที แน่นอนว่าเธอคือ ลินดี้ ฮาร์โลวีนรองผู้อำนวยการหอประมูลเกรทวีดซึ่งเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งของตระกูลฮาร์โลวิน และตอนนี้เธออยู่ที่นี่แล้ว ความสงสัยทั้งหมดจะถูกปัดเป่าไป “รอง...คุณฮาร์โลวิน”
โดยจิตใต้สำนึกของฟลินน์ต้องการเรียกเธอว่า ‘รองผู้อำนวยการ’ แต่เมื่อคิดได้ว่าตัวตนของสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรต้องปิดเป็นความลับ ชายหนุ่มจึงเปลี่ยนวิธีเรียกขานทันที
“คุณรู้จักคุณฮาร์โลวินด้วยเหรอ” ทิโมธีมองดูฟลินน์อย่างไม่เชื่อสายตา
อย่างไรก็ตามเขาไม่สนใจที่จะสืบหาความจริงในตอนนี้ ทิโมธีทักทายลินดี้อย่างตื่นเต้นและประหม่า
“คุณฮาร์โลวิน ผมเป็นผู้จัดการของหอประมูลเกรทวีดสาขาคอนสตัน รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบคุณ”
ในฐานะผู้จัดการของหอประมูลเกรทวีดสาขาคอนสตัน เขารู้สึกเป็นเล่นเป็นอย่างมากที่ได้พบคนในตระกูลฮาร์โลวินผู้ก่อตั้งหอประมูลเกรทวีด
และตอนนี้เขาได้ทำให้เพื่อนของคุณฮาร์โลวินเจ้านายของเขาไม่พอใจแล้วเมื่อนึกถึงสาเหตุนี้เขาก็ยิ่งประหม่ามากขึ้น ท้ายที่สุดแล้วลินดี้ ฮาร์โลวิน ก็คือผู้ตัดสินอนาคตของเขาในหอประมูลเกรทวีดด้วยคำเดียว
“สวัสดีค่ะ”
ลินดี้พยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย จากนั้นเธอก็มองไปที่ฟลินน์แล้วพูดว่า
“คุณซอร์ค พวกเราเดินไปคุยไปกันเถอะ”
“ครับ” ฟลินน์พยักหน้ารัวๆ เขารู้ได้โดยทันทีว่าลินดี้กำลังช่วยเขา
ด้วยรัศมีอันทรงพลังของลินดี้ทำให้โรว์ลิง โคลดและเพื่อนๆ ทั้งหลายของโคลดไม่กล้าพูดอะไรอีก
ไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งลินดี้และฟลินน์เดินจากไป
“ทิโมธี คุณเพิ่งบอกว่าคุณซอร์คไม่ได้มาจากหอประมูลเกรทวีด มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ชายร่างท้วมถาม
“ผมก็ไม่แน่ใจ ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายประเมินราคาอาจเป็นตำแหน่งใหม่ที่เพิ่งตั้งขึ้น เพียงแต่ผมไม่ทราบ” ทิโมธีส่ายศีรษะอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้ว่าฟลินน์และลินดี้คุ้นเคยกันอย่างเห็นได้ชัด เขาก็กลับคำตัดสินก่อนหน้านี้อย่างเด็ดขาด
“แน่ใจนะว่าจำผิด?” โคลดถามอย่างจริงจังพร้อมขมวดคิ้ว
หลังจากเกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น เขาก็เกิดความสงสัยเกี่ยวกับตัวตนของของฟลินน์ในหอประมูลเกรทวีดและต้องการคำตอบที่ชัดเจน
“ผมคงทำพลาดไปแล้ว” ทิโมธีพยักหน้ายืนยัน จากนั้นพูดอย่างอิจฉา
“ผมไม่ได้คิดว่าเขาจะรู้จักคุณลินดี้ ฮาร์โลวิน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะสนิทสนมกันไม่น้อย หอประมูลเกรทวีดเป็นทรัพย์สินของครอบครัวฮาร์โลวิน นับประสาอะไรกับหัวหน้าฝ่ายแม้แต่ตำแหน่งผู้จัดการสาขาเมืองคอนสตันก็สามารถยึดคืนไปได้ด้วยคำพูดเดียวจากเธอ” ทิโมธีเสียใจที่หักหน้าฟลินน์ ซอร์คโดยไม่ได้ตรวจสอบอย่างละเอียดเสียก่อน ทั้งยังทำให้ฟลินน์ ซอร์คคนนั้นโกรธเคือง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขารีบพูดกับโรว์ลิงและโคลด
“เมื่อครู่นี้ผมคงทำให้คุณซอร์ตขุ่นเคือง ผมจะไปขอโทษเขาในภายหลัง ถ้าอย่างไรผมรบกวนพวกคุณให้แจ้งเขาแทนผมที”