ตอนที่แล้วบทที่ 145: รักษาริดสีดวง! ฟุ่มเฟือยเกินไปมั้ย?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 147: ตระกูลหลี่! ฟังก์ชันใหม่ - ตัดไม้!

บทที่ 146: เหล้าคุณภาพเลเวล 3! การทำเมล็ดพันธุ์แตงโมผิดพลาด!


ห้องโถงเดิมของบ้านไร่

หลี่ชิงกับภรรยาของเขานั่งโต๊ะริมหน้าต่าง  ข้าง ๆ เป็นจวงรุ่ยที่ยังอยู่ที่นี่ไม่ไปไหน

หลินหลิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า “คุณคะ  ถึงอำเภอโหยวเฉิงนี่จะเล็ก  แต่ก็มีอะไร ๆ ครบครันเหมือนกันนะ  เมื่อเช้าพวกโม่ชิงพาฉันไปช้อปปิ้งเห็นมีคนออกมาซื้อของกันมากมายตั้งแต่เช้าเลย  การไหลเวียนของผู้คนถือว่าไม่ด้อยไปกว่าสถานที่ช้อปปิ้งหลาย ๆ แห่งในเขตเมืองหมิงเลยน้า~”

“แถมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกประเภทไม่ว่าจะร้านเสริมสวย  ทำเล็บ  ทำผม  ดูแลสุขภาพ  ร้านอาหาร...  หลาย ๆ อย่างที่เขตเมืองหมิงมีที่นี่ก็มี”

หลี่ชิงอธิบายว่า “อย่าประเมินอำเภอเล็ก ๆ ทั้งหลายต่ำไปสิ  ที่เหล่านี้ราคาที่อยู่อาศัยนี่พุ่งเอา ๆ เลยเชียวนะ  แถมกำลังในการบริโภคยังจัดว่าโหดสุดเลยด้วย”

อาจารย์หลินพาคนถือจานออกมาจากครัว

มื้อเที่ยงวันนี้เป็นปลาป่าเลเวล 2 หอยขมเลเวล 2 ปลาไหลนาเลเวล 2 และบรอกโคลีเลเวล 2

มื้อนี้ฉินหลินจัดให้เป็นพิเศษ

หลี่ชิงต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการช่วยเขาเบลนด์เหล้าตั้งแต่เช้า  แม้จะมีข้อตกลงกันที่เหล้าขวดเงิน 4 ขวดก็ตาม  แต่บางครั้งราคาค่ามิตรภาพมันก็ต้องไม่ใช่แค่ที่ตกลงกันไว้สิ

เมื่อหลี่ชิงวเห็นอาหารที่มาเสิร์ฟเขาก็พูดกับจวงรุ่ยว่า “จวงจ่ง  วันนี้นายโชคดีแล้ว  มาครั้งแรกก็ได้กินของดีเลย”

พูดไปก็เอาตะเกียบคีบชิ้นปลาไหลขึ้นมากิน

เมื่อได้ร่วมกินมื้ออาหารสูงสุดระดับฮ่องเต้กับเฉินเชิ่งเฟยและหม่าเลี่ยเหวินมาแล้วหลายมื้อทำให้ตอนนี้สำหรับหลี่ชิงแล้วปลาไหลนานี่ได้กลายเป็นของโปรดไปเรียบร้อย

หลินหลิ่วตักซุปปลามาดื่ม

ซุปปลาเต้าหู้นี่มีรสชาติอร่อยอย่างเหลือจะเชื่อและเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ

ส่วนจวงรุ่ยเมื่อได้ยินหลี่ชิงว่างั้นเขาก็รีบขยับตะเกียบทันที  และหลังจากที่กินไปได้คำเดียวก็ต้องถามออกมาอย่างอดไม่ไหว “คุณชายหลี่  นี่เซตอาหารสูงสุดระดับฮ่องเต้ใช่มั้ย?”

เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหลี่ชิงถึงได้บอกแบบนั้น  เพราะอาหารมื้อนี้มันอร่อยอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ถึงจะไม่อยากยอมรับก็ตาม  แต่จริง ๆ แล้วเขาก็ไม่เคยกินอาหารที่อร่อยขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต

....................................................................................................................…

อีกด้าน

ฉินหลินเอาภาชนะบรรจุเหล้าเตรียมดองสมุนไพรไปที่โกดังเช่า  เมื่อจอดรถแล้วก็เอาภาชนะทั้งสองเข้าสู่โลกในเกม

ในเมื่อตอนนี้มีเหล้าชั้นดีแล้วจึงเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเอาโสมป่ากับโสมขมป่าทั้งหมดที่เก็บได้มาดองเป็นเหล้าสมุนไพร

ฉินหลินอ่านข้อมูลของเหล้า 30 ปีกับเหล้า 20 ปีที่เด้งขึ้นมาก่อน

[สุราชิงหลิน: เลเวล 3]

[เหล้าหลูโจวชนิดหนึ่งที่ผลิตได้จากห้องเก็บเหล้าอายุหลายสิบปี  มีกลิ่นที่เข้มข้นและกลมกล่อม  เหมาะแก่การใช้ทำเป็นเหล้าสมุนไพร  หอมเหล้า +3, รสสัมผัส +2, เมแทบอลิซึม +1, การไหลเวียนโลหิต +1!]

[สุราชิงหลิน: เลเวล 2]

[เหล้าหลูโจวชนิดหนึ่งที่ผลิตได้จากห้องเก็บเหล้าอายุหลายสิบปี  มีกลิ่นที่เข้มข้นและกลมกล่อม  เหมาะแก่การใช้ทำเป็นเหล้าสมุนไพร  หอมเหล้า +2, รสสัมผัส +1, เมแทบอลิซึม +1, การไหลเวียนโลหิต +1!]

สงสัยเป็นเพราะเป็นเหล้าจากโรงกลั่นเหล้าของบ้านไร่ชิงหลินล่ะมั้ง  ระบบเลยตั้งชื่อเป็นสุราชิงหลินให้เลย

ยิ่งกว่านั้นเหล้าทั้งสองนี้ยังเป็นของเลเวลสูงจากโลกจริงที่ฉินหลินเจอด้วย

เหล้า 30 ปีคุณภาพนี่มาเลยที่เลเวล 3

เหล้า 20 ปีก็จัดไปที่เลเวล 2

ทว่าโบนัสคุณสมบัติที่สอดคล้องกับเลเวลกลับมีแค่คุณสมบัติหอมเหล้าซึ่งเป็น +3 กับ +2 เท่านั้น

แต่ที่เป็นแบบนี้ได้ก็น่าจะเพราะห้องเก็บเหล้าเก่าแก่กว่า 60 ปีช่วยให้เหล้าที่ทำออกมานั้นมีกลิ่นที่เข้มข้นมากเสน่ห์เนื่องจากมีการหมักบ่มมาเป็นเวลานาน

ต้องขอบคุณหลี่ชิงด้วย  เพราะหากไม่มีฝีมือการเบลนด์เหล้าที่ยอดเยี่ยมของเขาแล้วการจะเบลนด์เหล้าทั้งสองนี่ออกมาจะต้องทำให้มันสูญเสียกลิ่นหอมดั้งเดิมอันเป็นเอกลักษณ์นี้ไปอย่างแน่นอน

เอาจริง ๆ ถ้าให้เขาหรือไม่ก็อาจารย์จางเบลนด์กันเองล่ะก็...  ตัวเขาคงเอาไปผสมกับน้ำเปล่า  ส่วนอาจารย์จากคงเอาเหล้ากาก ๆ ของโรงกลั่นมาผสมล่ะมั้ง

สุดท้ายแล้วตัวเขาก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยจริง ๆ และอาจารย์จางเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์ในแง่นี้ด้วย

หากทำลงไปล่ะก็เหล้า 30 ปีนี่น่าจะเสียหายหมด

สำหรับคุณสมบัติเรื่องรสสัมผัสนั้นถือว่าปกติ  ดูจากเหล้าขาวกาก ๆ ที่เขาเอามาดองสมุนไพรในเกม  เมื่อผ่านไปเป็น 10 ปีเหล้าเหล่านั้นถึงจะเริ่มขึ้นคุณสมบัติรสสัมผัส +1 ขึ้นมา

ตอนนี้เหล้า 30 จากโลกจริงมีคุณสมบัติรสสัมผัส +2 ก็ถือว่าแจ๋วแล้ว

นอกจากนี้เหล้าทั้งสองนี้ยังมีคุณสมบัติอื่น ๆ คือเพิ่มอัตระเมแทบอลิซึม +1 กับเพิ่มอัตราการไหลเวียนโลหิต +1 ด้วย  แต่ไม่บอกก็รู้ว่าต้องเป็นกรณีที่ดื่มในปริมาณน้อย ๆ

เหล้าดีแต่ดื่มเยอะกลับไม่ดี!

นี่แหล่ะความเป็นจริง

แอลกอฮอล์สามารถเพิ่มความสนุกเราได้แต่ก็อาจฆ่าเราได้เช่นกัน

เมื่ออ่านข้อมูลนี้ดูแล้วจึงไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเหล้าเก่าแก่ที่ยังอยู่รอดมาได้ไม่เสียหายไปตามกาลเวลามันถึงได้ราคาแพงนัก

หลังจากอ่านข้อมูลเสร็จแล้วฉินหลินก็ได้เตรียมภาชนะดองเหล้าสองใบ  จากนั้นก็เทเหล้าแยกกันลงทั้งสองภาชนะ

แล้วก็เอาโสมป่าออกมาใส่ลงในเหล้า 30 ปี

ตัวโสมนั้นไม่จำเป็นต้องผ่าเป็นชิ้น ๆ แต่อย่างใด  ใส่ทั้งต้นเลยจะให้สรรพคุณที่ดีกว่า

และด้วยโสมป่าต้นนี้มันจะทำให้มูลค่าของเหล้า 30 ปีทั้ง 10 จินนี้พุ่งพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว

หากจะขายเหล้าชิงหลินอายุ 30 ปีในราคาอย่างน้อย 20,000 หยวนเหมือนกับเหล้าเหมาไถอายุ 30 ปีล่ะก็ต่อให้เอาราคาดังกล่าวคูณด้วย 50 ก็ยังไม่ถึงราคาเหล้าสมุนไพรโสมที่เขามีในตอนนี้เลย

เพราะจากที่บอกไปแล้วว่าเคยมีเศรษฐีคนหนึ่งยอมเสียเงินถึง 9 ล้านหยวนซื้อโสมอายุ 100 ปีน้ำหนัก 1 จินซึ่งไม่รู้ว่าใช้แล้วจะได้ผลมากน้อยขนาดไหนด้วย

แต่นี่เป็นของที่เกมผลิต  เหล้าสมุนไพรที่มีสรรพคุณซ่อมแซมบำรุงหยวนชี่ +3 นี่เป็นอะไรที่ชี้เป็นชี้ตายคนได้โดยแท้

เหล้า 30 ปีจินละ 20,000 หยวนราคาน่าจะเพิ่มอีก 50 เท่าเป็น 1 ล้านหยวน

โสมป่านั้นหายากเพราะอัตราการรีเฟรชได้ต่ำมาก  ในอนาคตก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะรีเฟรชเจออีก  ตอนนี้ 10 จินนี้จึงถือเป็นสมบัติล้ำค่าไปแล้ว  ดังนั้นจินละ 1 ล้านก็ขายไม่ได้

ฉินหลินปิดผนึกภาชนะก่อนจะเอาไปไว้ที่โกดังเก็บของในเกม

เอาแค่ตอนนี้เหล้านี่ก็มีกลิ่นหอมกลมกล่อม +3 กับรสสัมผัส +2 แล้ว  ไม่รู้ว่าถ้าเวลาผ่านไปจนเป็นร้อยปีแล้วคุณสมบัติของมันจะเพิ่มไปถึงขนาดไหน

ด้วยข้อจำกัดด้านเทคโนโลยีในการจัดเก็บทำให้สำหรับคนอื่น ๆ แล้วการจะดองเหล้าถึง 100 ปีนัยเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้

แต่ด้วยพลังของเกมฉินหลินย่อมไม่มีปัญหาเรื่องนี้  ถ้าเขาไม่กลัวตายล่ะก็เขาสามารถหมักบ่มเหล้าอายุเป็นร้อย ๆ ปีได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรเลยและสามารถได้เหล้าเก่าแก่ที่แพงกว่าราคาตลาดอย่างง่ายดายด้วย

แต่ฉินหลินเป็นคนกลัวตายไง

ดังนั้นจึงคิดว่าทำลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร  ถ้าเกิดทำตัวไม่กลัวตายล่ะก็ในอนาคตจะไปเจอเข้ากับปัญหาที่ยากเกินแก้แน่นอน

จากนั้นฉินหลินก็เอาโสมขมทั้ง 9 ต้นออกมา

โสมขมป่ากับโสมป่าแม้รูปลักษณ์ทั้งสองจะคล้ายกันมากก็ตามแต่โสมทั้งสองชนิดกลับไม่ได้เป็นพืชสายพันธุ์เดียวกัน  โสมขมนั้นไม่ได้จัดว่าเป็นโสมแบบ 100% เนื่องจากสรรพคุณของทั้งสองแตกต่างกันไปคนละเรื่อง

อย่างแรงคือสมุนไพรบำรุงพลังหยวนชี่  อีกอย่างเป็นสมุนไพรรักษาโรคริดสีดวงทวาร

ฉินหลินเทเหล้า 20 ปีทั้ง 45 จินลงในภาชนะดองเหล้าแล้วเอาโสมขมมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะเอาแช่ลงในเหล้านั้น

นี่คือความแตกต่างในการดองโสมกับโสมขม  โสมขมนั้นต้องหั่นเป็นชิ้น ๆ ก่อนถึงจะสามารถดึงเอาฤทธิ์ยาที่อยู่ภายในออกมาได้ดีที่สุด

เหล้าอายุ 20 ปีมีราคาถึง 6,000 หยวน  และถ้าเปลี่ยนมันให้เป็นเหล้าสมุนไพรแล้วราคาของมันก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย

หลังจากจัดเก็บเหล้าดองทั้งสองชนิดแล้วฉินหลินก็เข้าไปในตัวบ้าน  ข้างในมีขวดทองแดงกับขวดเงินที่มีหน้าตาเหมือนวัตถุโบราณอยู่เป็นจำนวนมากที่เขาเตรียมไว้บรรจุเหล้าสมุนไพรชิงหลิน

ดูจากปริมาณการบริโภคที่ประเมินแล้วเขาคงต้องขุดเหมือนบ่อย ๆ เพื่อหาของมาเตรียมให้พร้อมมากขึ้น

ฉินหลินหยิบขวดเงินมา 4 ขวดแล้วบรรจุเหล้าสมุนไพรชุดแรกสุดจนเต็ม  จากนั้นก็เอาออกไปข้างนอกเกม

เหล้า 4 ขวดนี้คือที่ให้สัญญาไว้กับหลี่ชิง

เมื่อฉินหลินกลับไปที่ห้องโถงเดิมก็พบว่าหลี่ชิงกับจวงรุ่ยกินข้าวเที่ยงกันเสร็จแล้วและตอนนี้กำลังกินแตงโมตบท้ายเป็นตัวช่วยย่อย

เมื่อเห็นฉินหลินเดินเข้ามาพร้อมเหล้า 4 ขวดดวงตาของหลี่ชิงก็สว่างวาบ  เขารีบยืนขึ้นทักฉินหลินทันที “อย่างที่คิดเลยเถ้าแก่ฉิน  สี่ขวดนี่ของผมใช่มั้ย?”

“ใช่แล้วครับ” ฉินหลินยิ้มพร้อมส่งเหล้าทั้ง 4 ขวดให้

หลี่ชิงรับเอาทั้ง 4 ขวดนั้นมาวางบนโต๊ะเบา ๆ ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า  ขวดทั้ง 4 นี้เมื่อเอามาวางเรียงกันแล้วเชยชมมันช่างทำให้รู้สึกอิ่มหนำกับความสำเร็จจริง ๆ

ตอนนี้เมื่อรวมขวดที่ได้มาเป็นรางวัลก็เท่ากับมี 5 ขวดแล้ว

ถ้าเฉินเชิ่งเฟยกับหม่าเลี่ยเหวินรู้เข้าล่ะก็จะต้องอิจฉาจนตาลุกเป็นไฟแน่ ๆ

เมื่อเห็นท่าทางเหมือนเด็กน้อยของหลี่ชิงแล้วจวงรุ่ยก็อดเข้ามาดูด้วยไม่ได้ “คุณชายหลี่  ที่ใช่เหล้าสมุนไพรชิงหลินในแพคเกจสูงสุดระดับฮ่องเต้ปะ?”

หลี่ชิงยิ้มและถามว่า “โรงกลั่นของนายมีเหล้าที่เบียดขึ้นไปอยู่ระดับไฮเอนด์ตัวนึงใช่ปะ?”

“ใช่!” จวงรุ่ยพยักหน้าตอบทันที

ในที่สุดคุณชายหลี่ก็จำได้ซักทีว่าเขามีเหล้าไฮเอนด์อยู่ตัวหนึ่ง

หลี่ชิงอธิบายอย่างจริงจังว่า “เหล้าระดับไฮเอนด์ของนายถ้าให้เทียบกันก็เท่ากับเหล้าสมุนไพรชิงหลินในเซตมื้ออาหารระดับฮ่องเต้  แต่สี่ขวดนี่นายคงต้องเงยหน้ามองเพราะมันสูงกว่าเหล้าที่อยู่ในมื้ออาหารนั่นซะอีก  แปลว่าเหล้าระดับไฮเอนด์ไหน ๆ ก็ไม่ต่างจากขยะไงล่ะ”

“...” จวงรุย

คำเปรียบเทียบของคุณชายหลี่นั้นเรียบง่ายแต่ชัดเจน  พูดทีเดียวทำเอาเข้าใจถึงคุณค่าของเหล้าตรงหน้านี่ได้เลย  แต่ก็ไม่รู้ทำไมไอ้คำเปรียบเทียบนี่มันถึงทำเอาจุกอกพูดไม่ออก

แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถูกใจที่คุณชายหลี่เอาเหล้าของตนมาเป็นตัวเปรียบเทียบ  แต่เขาก็รู้ว่าคุณชายหลี่นั้นจริงจังเรื่องเหล้ามาก ๆ การเปรียบเทียบที่พูดออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าเหล้าตรงหน้านี่ดีจนน่าตกใจ

จวงรุ่ยมองขวดเหล้าสีเงินทั้ง 4 ด้วยอาการเปรี้ยวปากอยากลองโดนฤทธิ์ของเหล้าสมุนไพรชิงหลินดูซักหน่อยว่าของจริงหรือปลอม  ในฐานะที่เกิดเป็นลูกผู้ชายแล้วมันอดไม่ได้  และขวดเงินนี้ก็ต้องเจ๋งกว่าขวดที่เห็นในเน็ตด้วยใช่มั้ยล่ะ?

แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ฮึบไว้

เขาเป็นผู้ผลิตเหล้าและยังมีเหล้าระดับไฮเอนด์อีกด้วย  จะต้องไม่มาโดนเหล้าของคนอื่นดึงดูด  ต้องใช้เหล้าของตัวเองเท่านั้น!

นี่คือหลักการ

ไม่ว่าเมียของคนอื่นจะสวยแค่ไหนมันก็คือเมียของคนอื่นอยู่ดี  มีแต่การนอนกับเมียของตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ว่าเมียของตัวเองนั้นดีแค่ไหน  เหล้าก็เหมือนกันมันต้องกินของตัวเองเท่านั้นสิถึงจะรู้ว่าของตัวเองนั้นดีจริง

จวงรุ่ยบังคับตัวเองไม่ให้ดูเหล้าพวกนั้นและเตือนตัวเองในใจไปด้วยว่าเหล้าพวกนี้ไม่ดีเท่าเหล้าไฮเอนด์ของตัวเองร้อก~  อยู่อย่างนั้น

หลี่ชิงโยนถุงที่ฉินหลินใช้ใส่ขวดเหล้าลงถังขยะและอดบ่นไม่ได้ว่า “เถ้าแก่ฉิน  เหล้าดี ๆ เค้าไม่ใส่ถุงก๊อบแก๊บกันหรอกนะ  แบบนี้มันดูถูกเหล้าชัด ๆ”

ฉินหลินยิ้ม  หลี่ชิงให้ความสำคัญกับเรื่องเหล้ามากจริง ๆ ไม่รู้ภรรยาของอีกฝ่ายจะอิจฉาเหล้าที่แย่งสามีของตนไปบ้างหรือไม่

หลี่ชิงค่อย ๆ ประคองขวดเหล้าขึ้นมาอย่างระมัดระวังแล้วบอกให้หลินหลิ่วช่วยเก็บให้หน่อยอยู่นั่นเอง  หลินเฟินได้พาเจ้าวั่งไฉเข้ามาจากสวนหลังบ้าน

นับตั้งแต่ที่วั่งไฉเรียนรู้สกิลจับจานร่อนแล้วมันก็ชื่นชอบการจับจานร่อนเอามาก ๆ มีนักท่องเที่ยวหลายคนได้เห็นและถ่ายรูปมันในจังหวะที่จับจานร่อนพอดีได้ไม่น้อย

นอกจากนี้หลินเฟินยังพามันไปเล่นจับจานร่อนตรงที่พื้นที่ที่ยังรกร้างอยู่ของบ้านไร่บ่อย ๆ อีกทำให้การเล่นหมาช่วยให้เธอได้ออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กันด้วย

“งู่ววววววว!”

เมื่อเจ้าวั่งไฉมาเห็นฉินหลินมันก็วิ่งเอาหัวมาถูขาเขาแถมส่งรอยยิ้มคาดหวังอะไรบางอย่างให้อีก

เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็เลยลูบหัวมันไปดอกหนึ่ง

แค่นี้เจ้าหมามันก็พอใจมากจนวิ่งวนเวียนกระดิกหางอยู่รอบ ๆ ตัวเขาแล้ว

หลังจากที่เจ้าหมามันออกจากโลกในเกมมามันก็เหมือนจะรู้จักวิธีการแสดงออกให้ดูน่ารักขึ้น  ดังนั้นแม้มันจะเป็นหมาตัวใหญ่แต่ก็ทำตัวน่ารักเหมือนหมาตัวน้อย ๆ ที่ชอบออดอ้อนให้เจ้าของกอด

หลินเฟินก็จับเชือกเจ้าหมาเอาไว้เพราะกลัวมันจะไปทำให้แขกตกใจ  และแล้วเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เลยบอกว่า “เสี่ยวหลิน  แม่ไปดูแตงโมมาเห็นต้นที่ลูกปลูกมันเหี่ยวเฉาลงไปเยอะเลยนะ”

ฉินหลินรู้ว่าแม่ของตนกำลังพูดถึงเรื่องอะไรจึงได้เดินไปที่สวนหลังบ้านทันที

หลี่ชิงก็ตามไปด้วย

เขารู้ว่าเถาแตงโมในเรือนกระจกคือแตงโมที่เถ้าแก่ฉินปลูกจากเมล็ดของแตงโมกลายพันธุ์

เมื่อเข้ามาในโรงเรือนฉินหลินก็ต้องขมวดคิ้ว

เพราะต้นแตงโมพวกนี้มีจำนวนมากที่ทั้งเหลืองทั้งเหี่ยวเฉา

เมื่อไปดูใกล้ ๆ จะเห็นว่าไม่ใช่แค่ใบเหลืองเท่านั้น  แต่ยังมีรากกับลำต้นบางส่วนที่แสดงอาการเน่าให้เห็น  ดูท่าแล้วจะไปไม่รอด

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นปัญหาของการทดลอง  แต่เขาก็ทำตามขั้นตอนในหนังสืออย่างละเอียดดทีละขั้นทีละตอนด้วยความระมัดระวังอย่างมากแล้วนี่นา

นอกจากนี้เมล็ดแตงโมเหล่านั้นยังเติบโตได้ตามปกติมาก่อนด้วย  ก็ดูข้างนอกสิ  แต่ละลูกมีแต่อร่อย ๆ ทั้งนั้น

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือเนื้อหาของหนังสือนั้นดี  และขั้นตอนที่เขาทำก็ใช้ได้  แต่เมล็ดพันธุ์ในเกมที่เขาใช้นั้นแตกต่างจากเมล็ดพันธุ์ทั่วไปซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุของปัญหา

การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันนี้ทำให้ฉินหลินไม่ทันตั้งตัว

ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ได้ด้วยการอ่านหนังสือหลาย ๆ รอบเพียงอย่างเดียวซะแล้วสิ

สุดท้ายแล้วก็ไม่เหมือนในเน็ตที่แค่อ่านหัวข้อก็พอจะรู้แล้วว่าข้อความเหล่านั้นพูดถึงเรื่องอะไร  เพราะเรื่องราวในโลกความเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แบบนั้นเลย

“มีปัญหาอะไรรึเปล่า?” หลี่ชิงเข้ามาเห็นเถาแตงโมที่ใบเหลืองและเหี่ยวเฉาจำนวนมากแล้วก็รู้เลยว่าสถานการณ์ไม่ดี

“ครับ!” ฉินหลินพยักหน้า

“ผมค่อนข้างจะตื้นเขินเรื่องนี้น่ะ  ขนาดทำตามหนังสืออย่างเคร่งครัดสุด ๆ แล้วก็ตาม  แต่ในความเป็นจริงก็ยังมีอะไรมากมายที่ไม่รู้”

หลังจากการขยายตัวของบ้านไร่  เฉินต้าเป่ยที่เป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยก็เริ่มยุ่ง  เขาลาดตระเวนกับหัวหน้าหงโดยให้ความร่วมมือในการจัดการกับความขัดแย้งของนักท่องเที่ยวจนไม่อาจมาช่วยเขาดูแลต้นแตงโมในสวนหลังบ้านได้

ส่วนตัวเขาเองก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับโรงกลั่นเหล้าในช่วงหลายวันมานี้  ดังนั้นเลยไม่มีเวลามาดูตอนจังหวะที่มีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นพอดี  ก่อนหน้านี้เขาเห็นใบของบางต้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองก็ไม่ได้ใส่ใจด้วยและดูเหมือนว่าจุดเริ่มต้นของความผิดพลาดก็น่าจะตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว (บทที่ 138)

“เถ้าแก่ฉินไม่ต้องกังวลไปหรอก  มันต้องมีวิธีแก้สิ” หลี่ชิงรีบปลอบ

เขาเคยได้ยินจากฉินหลินว่าเมล็ดพันธุ์เหล่านี้เป็นล็อตสุดท้ายแล้ว  เถ้าขยานพันธุ์ไม่สำเร็จคือสูญพันธุ์

แถมเขายังรู้ด้วยว่าถ้าขยายพันธุ์เมล็ดแตงโมพันธุ์นี้ให้เพิ่มมาขึ้นได้ล่ะก็มันจะมีประโยชน์ขนาดไหน  ดังนั้นหลังจากที่ปลอบฉินหลินแล้วเขายังบอกเพิ่มเติมอีกว่า “ให้ผมไปบอกให้อาเล็กมาช่วยมั้ย?  แกเป็นนักวิจัยด้านการเกษตร  ในฐานะที่แกเป็นผู้เชี่ยวชาญรับรองว่าไม่มีทางเปิดเผยความลับนี้แน่นอนและแกก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยด้วย”

“ผมไม่ได้กังวลอะไรหรอกครับ  แล้วไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนอาเล็กของคุณหลี่มาเกินไปรึเปล่าด้วยสิ” ฉินหลินรีบบอก

เขาไม่รู้วิธีจัดการกับสถานการณ์แบบนี้จริง ๆ

ในหนังสือทำเมล็ดพันธุ์ที่เขาอ่านก็ไม่ได้มีบอกไว้ด้วย

ดังนั้นการมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาช่วยจะเป็นการดีที่สุดจริง ๆ

ได้ยินที่หลี่ชิงเคยบ่น ๆ ก่อนหน้านี้ก็เดาได้ว่าอาเล็กของหลี่ชิงเป็นนักวิจัยด้านการเกษตร  และเมื่ออีกฝ่ายว่ามาแบบนี้แล้วเขาก็คิดว่าการให้ทางนั้นมาช่วยดูให้น่าจะดีกว่าการให้เขาที่จบเอกการท่องเที่ยวเป็นคนดูอยู่แล้ว

หลี่ชิงพูดยิ้ม ๆ ว่า “จากนิสัยของอาเล็กก็บอกได้เลยว่าถ้าขอดื้อ ๆ ล่ะก็คงขี้เกียจออกจากห้องวิจัยในสถาบันเทคโนโลยีการเกษตรและของเขตเมืองหมิงมาที่นี่แน่นอน  แต่ไม่ต้องห่วงเพราะผมมีวิธีล่ออยู่  รับรองว่าพรุ่งนี้มาถึงแน่นอน”

หลี่ชิงเป็นคนที่พูดคำไหนคำนั้น  เมื่อรับปากแล้วว่าพรุ่งนี้ก็ต้องพรุ่งนี้  ดังนั้นเมื่อเข้าช่วงบ่ายเขาเลยบอกลาฉินหลินแล้วกลับไปยังเขตเมืองหมิงพร้อม ๆ กับหลินหลิ่วภรรยาและเหล้า

จวงรุ่ยเองก็ออกไปด้วยเหมือนกัน

5 2 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด