บทที่ 105 จูเลียน (อ่านฟรี)
บทที่ 105 จูเลียน
เด็กชายซึ่งทรุดตัวลงคุกเข่า ก้มหน้าต่ำ ร่างกายของเขาทอดเงาลงบนพื้น ผมยุ่งเหยิงและดวงตาของเขาร้อนผ่าว
"ข้าอดอาหารมาหลายวันแล้ว พวกเขาให้อาหารข้าแค่น้ำเท่านั้น ดังนั้นข้าจะไม่ตายจากการขาดน้ำก่อนที่ข้ามีชีวิตอยู่ได้นานพอสำหรับพิธีกรรม เจ้าคิดว่าข้าจะมีแรงลุกขึ้นหลังจากถูกปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมอย่างนั้นหรือ!" เด็กชายบอกถึงนรกที่เขาประสบในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
“เจ้าก็มีแรงพูดมากอยู่นิ ข้าว่าเจ้ามีแรงขยับได้ใช่ไหม ลุกขึ้นตามข้ามา ข้าจะพาเจ้าออกไป เราจะออกจากที่นี่”
รอยยืนยันว่าเขาจะไม่ตายเพราะความอดอยากหรือความกระหายในเร็ว ๆ นี้ แม้ว่าเขาจะดูเหลือแต่ระดูกและมีรอยดำลึกใต้ตา
ดังนั้นรอยจึงบอกให้เขาลุกขึ้นด้วยตัวเอง
เด็กชายเงยหน้าขึ้นและจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีแดง
'เห็นข้าเป็นแบบนี้ แต่เขายังคิดว่าข้าสบายดีและสั่งให้ข้าเคลื่อนไหวทันที โดยการรีดเร้นเรี่ยวแรงอันน้อยนิดที่ข้ามีได้ ช่างเป็นคนที่ไร้ความปรานีจริงๆ' เขาคิดแล้วลุกขึ้นยืนโดยใช้พละกำลังที่เหลืออยู่เล็กน้อยโดยการลุกขึ้นช้าและหายใจออกเป็นจังหวะอย่างช้าๆ
เมื่อเห็นรอยกำลังจะจากไป เขาจึงตามไปทันที
"ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?" รอยถาม
“แต่เดิมมีคนสามคนถูกขังอยู่ในกรงนี้ แต่สองคนถูกนำตัวไปสังเวยในพิธีกรรมที่จะจัดขึ้นคืนนี้ พวกเขาขังข้าไว้สำหรับกรงสุดท้าย ข้าควรจะถูกมอบให้กับความโกลาหลในวันพรุ่งนี้ แต่ข้าเดาว่าตั้งแต่เจ้ามาช่วยข้าได้ มันคงไม่เกิดขึ้นแล้ว พวกเขาคงจะโกรธมากเมื่อเห็นกรงว่างเปล่า ฮ่าฮ่า!” เขาหัวเราะอย่างเต็มที่
"แอ๊กๆ!" จากนั้นเขาก็เริ่มไออย่างรุนแรง นั่งหลังค่อม รอยลูบหลังช่วยให้เขาสบายใจขึ้น ในขณะที่ทำเช่นนั้น เขาตระหนักว่าเด็กชายคนนี้สวมต่างหูที่ทำจากคริสตัล รอยพิจารณาดูเขาอย่างละเอียดก็ตะหนักรู้ว่าแม้เสื้อผ้าของเขาจะเปื้อนโคลนและดูเหมือนขอทาน แต่เขาก็ไม่มีอะไรเหมือนคนยากจนเลย
การถูกมองโดยรอยทำให้เด็กชายรู้สึกประหม่า "มะ มีอะไร"
“เจ้าดูเหมือนเป็นคนจากครอบครัวที่มีฐานะดี เจ้ามาตกอยู่ในสภาพนี้ได้อย่างไร”
"ข้าชื่อจูเลียน เป็นทายาทของมณฑลคอนสแตนตินและเป็นลูกชายของเคานต์คอนสแตนติน ข้าคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ถ้าไม่บังเอิญเจอชายที่น่าสงสัยในมณฑล เห็นเขากำลังมองเด็กสาวอย่างหิวกระหายอยู่ ข้ารู้ทันทีว่าเขาไม่ใช่คนดีและตามเขาไป เป็นเวลาดึกแทบไม่มีคนอยู่ข้างนอกเลย เขาจึงหาโอกาสพยายามกลืนกินเธอ ปรากฎว่าเขาคือดอกไม้กินคนแห่งความโกลาหล ที่ปลอมตัวเป็นชายชราหน้าตาใจดี ผู้ชายคนนี้ร้ายกาจกว่าที่ข้าคิดไว้ในตอนแรก ใบหน้าของเขาแยกออกจากกัน เผยให้เห็นฟันขนาดใหญ่ ซึ่งมันพยายามที่จะฉีกเธอออกเป็นชิ้นๆ แต่ดีที่ข้าช่วยเธอไว้ได้ แต่เธอวิ่งหนีทันทีไม่แม้แต่จะยื่นความช่วยเหลือกลับมาให้ข้า ข้าไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ให้กับเขา เขาลักพาตัวข้าและพาข้ามาที่นี่โดยหวังว่าจะใช้ตัวตนที่นับถือของข้าเพื่อเสนอต่อความโกลาหล" จูเลียนเล่าเรื่องเศร้าของเขา
การเล่นเป็นอัศวินและปกป้องสาวงามควรทำก็ต่อเมื่อคุณแข็งแกร่งเพียงพอและมีความสามารถในการขัดขวางอันตรายที่คุณเห็นใครบางคนเผชิญหน้า มันไม่ใช่งานที่เขาต้องทำ ดังนั้นเขาจึงสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ แบบนี้อีก มนุษย์นั้นเรียนรู้จากความผิดพลาดของตัวเอง และจูเลียนก็เรียนรู้ในเรื่องนี้เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา รอยรู้สึกว่าจำเป็นต้องรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเขา "แล้วทำไมเจ้าสู้ไม่ได้ล่ะ"
"ข้าสู้ไม่ได้ เพราะข้าเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ข้าไม่ได้นักปรุงยาน่ะ ข้าชอบสร้างเอกสารเวทย์ หรือยันต์เวทย์ทุกประเภท มันเป็นเส้นทางใหม่และค่อนข้างถูกดูถูก แต่ข้ามั่นใจว่าข้าจะทำมันได้ ข้าสามารถก้าวหน้าในเส้นทางนี้ได้แน่นอน ถ้าข้ามีเงินมากพอแม้แต่จักรพรรดิ์ก็ปราบลงได้ แต่พี่น้องของข้าดูถูกเส้นทางนี้เพราะมันเอามาต่อสู้ไม่ได้ ท่านก็คงคิดเหมือนกัน" จูเลียนอารมณ์บูดบึ้งเมื่อเขาพูดถึงพี่น้องของเขา
รอยเดินนำหน้าเขาด้วยน้ำเสียงสงบตามปกติของเขาและพูดว่า "ไม่ เจ้าทำถูกแล้ว"
จูเลียนไม่รู้อนาคต แต่รอยรู้ยันต์เวทย์จะกลายเป็นสิ่งจำเป็นในอนาคต มีช่องว่างระหว่างผู้รับใช้แห่งความโกลาหลและมนุษย์ ช่องว่างนี้จะถูกย่นระยะโดยยันต์เวทย์เหล่านี้
ดวงตาของจูเลียนเบิกกว้าง "จริงหรือ?"
"อืม-อืม." รอยเปล่งเสียงเห็นด้วยของเขา "ไม่ว่าคนอื่นจะว่ายังไง อย่าท้อแท้อย่ายอมแพ้ และอย่าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้คนอื่นพอใจ ทำงานหนักต่อไป ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง คนอื่นจะพยายามเปลี่ยนความคิดของคุณ บอกว่าคุณเสียเวลา แต่จงจำไว้ การทำงานหนักจะไม่มีวันทรยศเจ้า วันคืนที่เจ้าใช้หมดไปกับการค้นคว้าเส้นทางนี้ สักวันหนึ่งก็จะให้ผลตอบแทนแก่เจ้า และเมื่อวันนั้นมาถึงใครล่ะจะสามารถห้ามเจ้าไม่ให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้"
คำพูดนั่นมันอะไร! นั่นคือคำพูดที่จูเลียนอยากได้ยินมาโดยตลอด แต่พ่อของเขาเป็นคนเย็นชาเกินไป และพี่น้องของเขาก็ไม่ค่อยเป็นมิตร พวกเขาไม่เคยให้กำลังใจเขาเลย ไม่เคยให้ความช่วยเหลือเขา แถมพวกเขายังทำการดูถูกเขา เยาะเย้ยเขา หรือดุด่าเขา แค่เพราะความผิดเดียวของเขาคือการพยายามเดินในเส้นทางใหม่ที่ดูเหมือนไร้ประโยชน์
“ขอบคุณ ข้าอยากได้ยินคำแบบนี้มาตลอดชีวิต และใช่ เจ้าพูดถูก ข้าไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมากำหนดชีวิตของข้า ข้าจะทำสิ่งที่ข้าทำได้ดีที่สุด ข้าจะไม่ยอมแพ้ที่จะหาวิธีเสริมความแข็งแกร่งของเส้นทางนี้ ข้าจะจบในสิ่งที่ข้าเริ่มหรือไม่เช่นนั้นข้าก็จะตายเพื่อจบมัน”
สิ่งนี้เหมือนกับการบอกว่าเขาจะไม่มีวันถอยออกจากอาชีพนักเวทย์ยันต์ แม้ว่าพ่อของเขาจะพูดยังไงก็ตาม
"ท่านกำลังจะไปไหน?" จูเลียนถาม
รอยตอบว่า "ไปปิดบาเรียและทำลายวงเวทย์นี้"
จูเลียนแอบฟังการสนทนาของผู้จับกุมเขามา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าบาเรียมีความหมายต่อพวกเขาอย่างไร และจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกเขาพบว่าวงเวทย์และบาเรียถูกทำลาย
จูเลียนพูด
"นั่นเหมือนกับท่านกำลังไปทำสงครามกับพวกเขา"
"นั่นคือสิ่งที่ข้าวางแผนจะทำ และยังไม่ยืนยันว่าจะเป็นสงครามหรือการทำลายล้างฝ่ายเดียว"รอยหัวเราะเบา ๆ ความปรารถนาที่จะทำลายล้างความโกลาหลกระจายออกรอบตัวเขาราวกับพายุที่มองไม่เห็น
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา จูเลียนก็ขมวดคิ้ว “ท่านค่อนข้างหยิ่งผยอง ผู้ชายธรรมดาไม่สามารถเอาชนะความโกลาหลได้หรอก ถ้าคนสองคนที่เลเวลเท่ากันเผชิญหน้ากัน คนรับใช้ของเคออส(ความโกลาหล)จะเหนือกว่า ทำไมท่านถึงมั่นใจในการเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งกลุ่มล่ะ?”