ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 251 เมืองที่ล่มสลายปรากฏ (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 251 เมืองที่ล่มสลายปรากฏ (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
กองทัพผีดิบเหล็กไหลค่อนข้างเป็นปัญหาสำหรับหลี่ฉิงซาน น่าเสียดายที่เสี่ยวอันไม่อยู่ที่นี่ มิฉะนั้นผีดิบเหล็กไหลเหล่านี้จะถูกจัดการอย่างง่ายดาย เดิมทีหลี่ฉิงซานตั้งใจให้นางซ่อนตัวและออกมาในจังหวะที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตามการปะทะที่รุนแรงทำให้ถ้ำพังทลาย เส้นทางใต้ดินถูกฝังกลบด้วยหินน้ำหนักหลายตัน เสี่ยวอันติดอยู่ข้างล่าง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถออกมาในเวลานี้
เมื่อผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างพบว่าผีดิบเหล็กไหลยังไม่สามารถเอาชนะหลี่ฉิงซาน เขาจึงนำคทากระดูกชิ้นเล็กที่มีหัวกะโหลกอยู่ที่ปลายด้านหนึ่งออกมา เขาเหวี่ยงมันไปรอบๆและทำให้แสงสีแดงพุ่งออกมาจากเบ้าตาของหัวกะโหลก
หลี่ฉิงซานรู้สึกถึงอันตราย เขาไม่ต้องการรับการโจมตีของผู้ฝึกตนก่อกำเนิด แต่หากเขาใช้กระดองเต่าจิตวิญญาณและปล่อยให้ผีดิบทองแดงสามารถหลบหนี เขาจะถูกโจมตีจากสองทาง
ร่างครึ่งหนึ่งของผีดิบเหล็กไหลที่บังเอิญกีดขวางเส้นทางของลำแสงสีแดงละลายไปอย่างเงียบๆในเสี้ยวพริบตา
ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างรู้สึกประหลาดใจ ผีดิบเหล็กไหลทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา แล้วผีดิบเหล็กไหลตัวนี้มาจากที่ใด?
ปรากฎว่ามีรูช่องว่างขนาดเล็กเกิดขึ้นบนพื้นเมื่อไม่นานมานี้ ผีดิบเหล็กไหลโผล่ออกมาจากที่นั่น
ภายใต้คำสั่งของเสี่ยวอันในฐานะรองแม่ทัพ อสรพิษหินใช้ความสามารถของมันสร้างรูทางออก อย่างไรก็ตามสัตว์ปีศาจไม่สามารถเข้าร่วมในการต่อสู้นี้
ทันใดนั้นกะโหลกสองหัวก็โผล่ออกมาและพ่นไฟใส่หลี่ฉิงซาน
ร่างของหลี่ฉิงซานอาบไปด้วยเปลวไฟ ผีดิบเหล็กไหลที่พัวพันอยู่รอบตัวเขาถูกกำจัดทันที เปลวไฟยังลุกลามไปทางผีดิบทองแดงที่อยู่ใต้เท้าของหลี่ฉิงซานอีกด้วย
ผีดิบทองแดงตระหนักถึงภัยคุกคามและพยายามดิ้นรนอย่างหนัก
ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างรู้สึกถึงการเชื่อมต่อระหว่างเขากับผีดิบเหล็กไหลถูกตัดขาด ดังนั้นใบหน้าของเขาจึงเปลี่ยนแปลงไป เขาตะโกน “ปีศาจชั่วซ่อนตัวอยู่ที่ใด? แสดงตัวออกมา!”
แสงสีแดงส่องสะท้อนออกมาจากเบ้าตาของผีดิบเหล็กไหลก่อนที่พวกมันจะลุกขึ้นยืนและพุ่งเข้าหาผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้าง
เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมาที่แผ่นหลังของผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้าง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาใช้เวลาส่วนใหญ่กับการบ่มเพาะ เขาไม่เคยเห็นภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้มาก่อน หากผีดิบที่เขาสร้างขึ้นอย่างยากลำบากถูกชิงไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ความพยายามทั้งหมดของเขาจะมีความหมายใด นี่ทำให้เขาสงสัยว่าไฟสีแดงคือสิ่งใด
ขณะที่ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างกำลังล่าถอย แสงสีแดงก็พุ่งออกมาจากคทากระดูกของเขาและโจมตีผีดิบเหล็กไหลสามตัว ร่างของพวกมันละลายอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตามเปลวเพลิงยังลุกโชกขึ้นบนศพและหลอมรวมศพเข้ากับหัวกะโหลกของเสี่ยวอัน
ผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างรู้สึกเจ็บปวด การสร้างผีดิบเหล็กไหลไม่ใช่เรื่องง่าย เขาไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่เขาต้องทำลายพวกมันด้วยมือของตนเอง หมอกสีดำพุ่งออกมาจากใต้เท้าของเขาและนำเขาลอยขึ้นสู่อากาศ
ผีดิบเหล็กไหลพยายามกระโดดและโจมตีศัตรูแต่พวกมันไม่สามารถบิน ดังนั้นพวกมันจึงตกลงมา
ทันใดนั้นลูกประคำหัวกะโหลกพลันขยายใหญ่ขึ้นก่อนจะนำฝูงผีดิบบินขึ้นไปและไล่ล่าผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้าง
หลี่ฉิงซานรู้ว่าความแข็งแกร่งของเขาและเสี่ยวอันไม่เพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกตนก่อกำเนิด แต่สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือทำให้พวกเขายุ่งและซื้อเวลาให้ปีศาจกิ้งกือฆ่าหนึ่งในนั้น หลังจากนั้นพวกเขาจะเอาชนะคนอื่นๆทีละคน แม้พวกเขาจะไม่สามารถฆ่าทุกคน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็จะสามารถจากไปได้อย่างง่ายดาย
เกราะไม้เหลือเพียงชั้นบางๆ ผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวตะโกน “โปรดช่วยข้าด้วย!” ครั้งนี้เขาไม่ได้พูดกับผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำและผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้าง
“ปีศาจอาละวาดและนำภัยพิบัติมาสู่โลกนี้ ฟู่ชิงยินจากวังหลอมรวมดาบอยู่ที่นี่เพื่อกวาดล้างปีศาจ”
เสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้นจากเบื้องบนแต่มันไม่มีร่องรอยของความสุข ความตื่นเต้น หรือความกล้าหาญ ตรงข้าม มันค่อนข้างเฉยเมยและเบื่อหน่ายราวกับปีศาจไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาแม้แต่น้อย
เป็นเพียงเวลานี้ที่แสงสีเขียวพุ่งลงมาจากท้องฟ้าและปกคลุมพื้นที่เอาไว้ทั้งหมด
เวลาราวกับหยุดนิ่ง พลังที่ไม่อาจเอาชนะทำให้หัวใจของหลี่ฉิงซานสั่นสะท้าน เขามองไปรอบๆและเห็นซากปรักหักพังปรากฏขึ้นบนพื้น มันเหมือนภาพลวงตาแต่ก็ดูเหมือนจริงเช่นกัน
ลำแสงสีเขียงพุ่งผ่านท้องฟ้า
ปีศาจกิ้งกือกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและตกจากอากาศลงสู่ซากปรักหักพังด้วยบาดแผลขนาดใหญ่บนแผ่นหลัง เลือดไหลออกมาจากบาดแผลของมันราวกับสายน้ำ แม้แต่เปลือกที่แข็งแกร่งของมันก็ยังไม่สามารถหยุดพลังอำนาจของแสงสีเขียว
บนท้องฟ้าเหนือซากปรักหักพัง ฟู่ชิงยินยืนอยู่บนดาบของเขาขณะที่เสื้อคลุมสีเขียวของเขาปลิวไปตามสายลม
ผู้อาวุโสเถาองุ่นเขียวรอดชีวิตมาได้อย่างฉิวเฉียด เขาโค้งคำนับขณะที่ยังรู้สึกสั่นสะท้านอยู่ภายใน “ขอบคุณที่ช่วยข้า” ผู้อาวุโสไก่ฟ้าทองคำและผู้อาวุโสสุสานแห่งความอ้างว้างก็โค้งคำนับเช่นกัน
ฟู่ชิงยินมองผ่านชายชราทั้งสามอย่างไม่แยแสเหมือนราชาที่มองวัตถุที่ไร้ประโยชน์ของเขา นี่ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสามรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงด้วยความอัปยศ
“คนผู้นี้ทรงพลังมาก!” ฮัวเฉิงลู่กล่าวด้วยความประหลาดใจ
“เป็นเจ้า!” อวี๋จื่อเจี้ยนอุทาน
ฟู่ชิงยินหันหน้าไปทางอวี๋จื่อเจี้ยนขณะที่สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน เขาเปลี่ยนจากราชาผู้เดียวดายไปเป็นนักดาบพเนจรที่ดูสบายๆเช่นก่อนหน้า อย่างไรก็ตามเขาเพียงพยักหน้าแต่ไม่กล่าวสิ่งใดกับนาง
แต่เขากล่าวกับฮัวเฉิงซาน “เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าอย่างเต็มที่แล้ว แต่ไม่มีผู้ใดสามารถรักษาสันติภาพของโลกไว้ได้ตลอดไป ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า เจ้าจะประสบความสำเร็จในอนาคตที่วุ่นวายอย่างแน่นอนหากเจ้าลาออกจากตำแหน่งสุนัขล่าเนื้อของจักรวรรดิ”
เขาปลอบใจฮัวเฉิงซานที่ล้มเหลวในภารกิจและยังแสดงความชื่นชมในฐานะรุ่นพี่
“ความสงบสุขของโลกเกี่ยวกับข้าอย่างไร? เจ้าสามารถทำทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ แต่เจ้าก็ควรระวัง มิฉะนั้นพวกมันจะหนีไปอีกและทำให้เจ้าต้องอับอาย” ฮัวเฉิงซานกล่าวอย่างเฉยชา
อย่างไรก็ตามฮัวเฉิงลู่สัมผัสได้ว่าฮัวเฉิงซานสูญเสียความเยือกเย็นตามปกติ
“ถูกต้อง” ฟู่ชิงยินไม่โกรธ เขาถอนหายใจเบาๆก่อนที่เขาจะรู้สึกตัวและตะโกนออกมาว่า “ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบต่อโลกใบนี้ เจ้าจะหลีกเลี่ยงภาระหน้าที่ของเจ้าได้อย่างไร?” ดูเหมือนเขากำลังพูดกับฮัวเฉิงซานแต่ก็ดูเหมือนเขากำลังพูดกับตนเอง
ด้วยลำแสงสีเขียว ฟู่ชิงยินหายตัวไปจากจุดนั้น
ฮัวเฉิงลู่ชี้ไปที่ศีรษะของนางและพึมพำ “หัวของคนผู้นี้มีสิ่งใดผิดปกติหรือไม่?”
อวี๋จื่อเจี้ยนกล่าว “เขาดูเหมือนจะเจ็บปวดมาก”
ฮัวเฉิงซานถาม “เจ้ารู้จักเขางั้นหรือ?”
อวี๋จื่อเจี้ยนส่ายศีรษะแต่นางรู้สึกเหมือนเคยพบเขามาก่อน มันไม่ใช่บนภูเขาเถาองุ่นเขียวข้างสระน้ำแต่เป็นบางแห่งที่ไกลกว่านั้น
ฮัวเฉิงซานก้มหน้าคิด ดาบเมืองที่ล่มสลายถูกนำออกมาดังคาด เขาไม่แปลกใจกับความแข็งแกร่งของฟู่ชิงยิน ภารกิจนี้สำคัญมาก คนที่รับผิดชอบควรเป็นผู้ฝึกตนที่ผ่านภัยพิบัติสวรรค์ไม่น้อยกว่าหนึ่งครั้ง แต่วังหลอมรวมดาบยังเลือกที่จะส่งคนผู้นี้มาจัดการเรื่องนี้ บางทีมันอาจเกี่ยวกับการหายตัวไปของเฒ่ามังกรทะยาน
และการปรากฏตัวของดาบเมืองที่ล่มสลายก็เป็นการยืนยันการคาดเดานี้