ตอนที่แล้วตอนที่ 122: ยานแดกเจอร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 124: บริษัทควอนตัม

ตอนที่ 123: กลับโลก


ตอนที่ 123: กลับโลก

เซี่ยเฟยติดอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนสมาเป็นเวลานานกว่า 2 เดือนแล้ว ดังนั้นจำนวนอีเมลที่เขายังไม่ได้อ่านจึงค้างอยู่เป็นจำนวนมาก

เมื่ออีเมลเหล่านี้ถูกโหลดพร้อม ๆ กันมันจึงก่อให้เกิดแสงสีเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วทำให้แม้แต่ความเร็วในการตอบสนองของไมโครคอมพิวเตอร์ก็ยังช้าลง

ชายหนุ่มได้ใช้นิ้วกดบล็อกอีเมลเป็นการชั่วคราว เพราะในตอนนี้เขาต้องการทราบเรื่องของเซียวรั่วหยูก่อนแล้วค่อยกลับมาอ่านอีเมลพวกนี้ทีหลัง

หลังจากใช้เวลาพิจารณาสถานการณ์อยู่สักพัก เซี่ยเฟยก็ตัดสินใจติดต่อกลับไปที่ค่ายฝึกจัสทิสลีกก่อนเพื่อที่จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเซียวรั่วหยูและเรื่องที่เขาถูกประกาศจับ

ตำแหน่งของเขาในค่ายคือบรรณารักษ์ ดังนั้นหัวหน้าของเขาจึงเป็นฉินหมาง ซึ่งหลังจากที่เขาติดต่อไปไม่นานภาพของชายชราก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

“กลับมาแล้วหรอ?” ฉินหมางถามด้วยท่าทางสบาย ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจการหายตัวไปของเซี่ยเฟยในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเลย

“ใช่ครับ ผมเพิ่งกลับมาจากเขตดาววิลเดอร์เนส” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“นายจะกลับมาเมื่อไหร่? ตอนนี้ไม่มีใครทำความสะอาดเลยจนห้องสมุดกลับมารกอีกแล้ว” ฉินหมางถาม

“ผมจะต้องกลับไปที่บ้านก่อนครับแล้วไปซ่อมยานที่สุสานยานรบต่อ ผมคิดว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาอีกประมาณครึ่งเดือนครับ” เซี่ยเฟยตอบ

“ถ้ากลับบ้านก็อย่าลืมเอาชาหลงจิ่งกลับมาฝากเยอะ ๆ ด้วยนะ ฉันติดชานี้มาสักพักแล้วมันคงจะไม่ชินถ้าฉันต้องเปลี่ยนไปกินชาชนิดอื่น”

คำขอของชายชราทำให้สีหน้าของเซี่ยเฟยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะตลอดทั้งปีชาวจีนสามารถผลิตใบชาหลงจิ่งได้เพียงแค่ไม่กี่ร้อยกิโลกรัมเท่านั้น

“ได้ครับ เดี๋ยวผมจะลองเอาชาชนิดอื่นมาให้คุณตาชิมด้วย ว่าแต่คุณตารู้ไหมครับว่าบนยานของพวกเซิร์กที่ผมปะทะมีเด็กที่ชื่อเซียวรั่วหยูอยู่ด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยตอบรับเรื่องใบชาก่อนที่จะเปลี่ยนไปถามเรื่องที่เขาอยากรู้อย่างกระวนกระวายใจ

“ไม่มี” ฉินหมางกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา

คำตอบนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกเหมือนถูกเข็มที่มองไม่เห็นหลายพันเล่มทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจอย่างรุนแรงและมันก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างอธิบายไม่ถูก

“ช่างมันเถอะ! ถึงแม้จะไม่เจอเซียวรั่วหยูแต่อย่างน้อยฉันก็ได้ช่วยพันธมิตร” เซี่ยเฟยพยายามปลอบใจตัวเอง

ฉินหมางให้ข้อมูลกับเซี่ยเฟยว่าภายในยานของพวกเซิร์กเต็มไปด้วยอาชญากรจากพันธมิตร และเนื่องจากเหตุผลบางประการทางพันธมิตรจึงไม่ได้ให้โทษประหารชีวิตกับอาชญากรที่มีระดับความสามารถที่สูงมาก แต่ทำการแช่แข็งพวกเขาเอาไว้ในโลงศพแทน

ว่ากันว่าที่พันธมิตรทำแบบนี้เพราะพวกเขาถือว่าพวกอาชญากรตัวฉกาจเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยาก พันธมิตรจึงอยากจะเก็บร่างของพวกเขาเอาไว้เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต เช่น การติดตั้งกุญแจมือระเบิดเพื่อบังคับให้พวกอาชญากรเข้าร่วมสงคราม, การให้อาชญากรพวกนี้ไปทำภารกิจที่มีความเสี่ยงถึงความตาย หรือการดึงเอา DNA ของพวกอาชญากรออกมาเพื่อทำการสร้างร่างโคลน

นานมาแล้วก่อนที่จะมีการคิดค้นเทคโนโลยีการวาร์ป มนุษย์ที่ต้องการเดินทางไกลในอวกาศได้อาศัยเทคโนโลยีการแช่แข็งเพื่อรักษาสภาพร่างกายของพวกเขาเอาไว้ โดยพวกเขาจะเข้าไปอยู่ในช่องเพื่อแช่แข็งร่างกายให้ใกล้กับจุดศูนย์สมบูรณ์ จากนั้นเครื่องจะละลายความเย็นเมื่อยานอวกาศเคลื่อนที่ไปจนใกล้เป้าหมาย

ด้วยเหตุนี้มนุษย์จึงสามารถใช้เทคโนโลยีแช่แข็งได้อย่างเชี่ยวชาญและสามารถรักษาร่างของสิ่งมีชีวิตเอาไว้ได้นานโดยที่ไม่ทำให้พวกเขาตาย

แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแค่ข่าวลือและเหล่าผู้บริหารคงจะไม่มีวันออกมายอมรับความจริง

ข่าวของเซียวรั่วหยูทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกผิดหวังมาก และเขาก็ไม่ได้รู้สึกสนใจเลยว่าพวกแมลงจะขโมยโลงศพของพวกอาชญากรกลับไปยังดินแดนของพวกมันทำไม เพราะเรื่องนั้นมันไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับเขาเลย

หลังทางกองทัพเข้ายึดยานรบของพวกเซิร์กได้แล้วหมายจับของเซี่ยเฟยก็ถูกยกเลิกไป ซึ่งข่าวนี้ก็ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย

ในเวลาต่อมาก็มีคำร้องขอการสื่อสารจากเย่จิ่งชานผู้บัญชาการค่ายฝึกจัสทิสลีก โดยเขาทำการซักถามเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้น

ทุก ๆ คนที่ติดต่อมาแทบจะมีคำถามชุดเดียวกันหมดว่าเขาหายตัวไปไหน, เหตุการณ์มันเกิดอะไรขึ้นแล้วเขากลับมาได้ยังไง ซึ่งการตอบคำถามเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาก็เริ่มทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเบื่อหน่าย

หลังตอบคำถามของทุกคนเซี่ยเฟยก็บอกให้อันเดร์เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเขากำลังจะกลับไปที่ดาวโลก ซึ่งแน่นอนว่าข่าวนี้ย่อมทำให้ชายชรารู้สึกมีความสุขมาก นอกจากนี้เขายังขอให้อันเดร์เตรียมของจำเป็นเอาไว้ให้ซาร่ากับเอเลนได้ใช้ชีวิตอยู่บนดาวโลกด้วย

ในความเป็นจริงเหตุผลที่เซี่ยเฟยคอยช่วยเหลือให้ซาร่ากับเอเลนได้มาเริ่มต้นชีวิตใหม่บนดาวโลก นั่นก็เพราะว่าทั้งคู่ต่างก็เป็นนักขับยานอวกาศที่มีประสบการณ์ ยิ่งไปกว่านั้นเอเลนยังมีความรู้เกี่ยวกับระบบเรดาร์ที่ค่อนข้างดี ซึ่งประสบการณ์ของพวกเขาจะมีประโยชน์สำหรับบริษัทที่กำลังก่อตั้ง

ย้อนกลับไปในตอนที่เซี่ยเฟยล่องลอยอยู่ในอวกาศอย่างไร้จุดหมาย เอเลนก็เป็นคนพบสัญญาณขอความช่วยเหลือที่เขาได้ปล่อยออกไปเป็นคนแรก ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นได้เป็นอย่างดีว่าเอเลนมีความรู้เกี่ยวกับระบบเรดาร์ที่สูงมาก ไม่อย่างนั้นเขาก็อาจจะต้องติดอยู่ในดงหินอุกกาบาตไปตลอดชีวิต

สำหรับคนที่ช่วยชีวิตของเขาแล้วเซี่ยเฟยย่อมจะต้องตอบแทนความช่วยเหลืออย่างดีที่สุด ซึ่งด้านหนึ่งมันก็เป็นการช่วยเหลือแทนการขอบคุณ แต่อีกด้านหนึ่งเขาก็ตัดสินใจแบบนี้เพราะความไว้ใจ

แม้ว่าความไว้ใจจะสะกดง่าย ๆ ไม่กี่พยางค์ แต่เซี่ยเฟยจะไม่มีวันเชื่อใจใครง่าย ๆ เว้นแต่คนคนนั้นจะเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากมาพร้อมกับเขาจริง ๆ

แม้ว่าซาร่ากับเอเลนจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพแต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ ที่สำคัญคือทั้งคู่เป็นคนที่ชายหนุ่มไว้ใจ ด้วยเหตุนี้การเอาพวกเขามาช่วยบริษัทจึงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดเท่าที่เซี่ยเฟยจะคิดได้แล้ว

เซี่ยเฟยพ่นควันพร้อมจมอยู่กับความคิดของตัวเองเงียบ ๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เขาจะทำหลังจากกลับไปยังดาวโลก แต่ในทันใดนั้นหน้าจอสื่อสารก็สว่างขึ้นมาอีกครั้งและภาพที่ปรากฏก็ทำให้เซี่ยเฟยต้องส่งเสียงหัวเราะ

แน่นอนว่าผู้ที่สามารถทำให้หน้าจอสื่อสารสว่างขึ้นมาโดยที่เขายังไม่ทันได้กดตอบรับก็มีเพียงแค่คนคนเดียวนั่นก็คือแอวริลนั่นเอง

เขาไม่รู้ว่าเธอสามารถทำแบบนี้ได้ยังไง แต่เนื่องจากเขาไม่ได้พูดคุยกับเธอมาเป็นเวลานาน มันจึงทำให้เขาแอบคิดถึงสาวน้อยผู้แปลกประหลาดคนนี้อยู่อย่างลับ ๆ

ภายในภาพแอวริลกำลังเม้มปากโดยดวงตาที่เคยสดใสได้ถูกปกคลุมไปด้วยรอยคล้ำและใบหน้าที่เคยสวยงามกลับดูซูบผอมลงไปกว่าเดิม

ปัจจุบันเธอกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเล็กและจ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยสายตาอันหงุดหงิด แต่ถึงกระนั้นมันก็เหมือนกับจะมีหยาดน้ำตาส่องสะท้อนอยู่ตรงบริเวณหางตาของเธอ

“เธอโอเคดีไหม? ฉันไม่ได้เจอเธอแค่ 2 เดือนเอง ทำไมเธอปล่อยให้ตัวเองเป็นแบบนี้” เซี่ยเฟยเริ่มถามด้วยความลำบากใจ

แอวริลส่ายหัวเป็นคำตอบโดยไม่พูดอะไรแล้วเธอก็เอาแต่จ้องมองไปที่เซี่ยเฟยราวกับว่าเธอกำลังจะร้องไห้

“ฉันไปเที่ยวที่เขตดาววิลเดอร์เนสมา ที่นั่นน่าสนใจมาก! ถ้าหากฉันมีโอกาสฉันจะพาเธอไปเที่ยวนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีก! นายไม่ใช่สายลับของพวกเซิร์กใช่ไหม? นายไม่จำเป็นจะต้องไล่ตามพวกเขาอย่างสุดกำลังแบบนั้นหรอก!” แอวริลกล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับรู้สึกอบอุ่นภายในใจ จากนั้นเขาก็ได้กล่าวตอบออกไปว่า

“เข้าใจแล้ว ๆ คราวหลังถ้าฉันจะทำอะไรฉันจะพยายามบอกเธอก่อนก็แล้วกัน โอเคไหม?”

“หลังจากนี้ติดระบบสื่อสารระยะไกลเอาไว้ที่ยานของนายด้วย เผื่อนายหายตัวไปฉันจะได้ตามหานายเจอ!”

“เอ่อ… ระบบสื่อสารระยะไกลมันค่อนข้างกินพลังงาน มันคงจะดีกว่าถ้าฉันเก็บพลังงานพวกนี้เอาไว้ใช้ในระบบโจมตีเพื่อจัดการกับศัตรู” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

ทันใดนั้นเองน้ำตาที่ถูกอดกลั้นก็ไหลออกมาเป็นสาย

“ฉันเกลียดนาย! การต่อสู้มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรอ? แล้วถ้าคราวหน้านายหายตัวไปอีกล่ะฉันจะทำยังไง!!”

“ฉันเกลียดนาย! เกลียด ๆ ๆ ๆ ฉันไม่สนใจแล้ว ถ้านายไม่ติดตั้งระบบสื่อสารทางไกล ฉันจะไม่สนใจนายอีก!!” แอวริลพูดทั้งน้ำตา

เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เขาจึงรีบหันไปถามอันธในจิตสำนึก

“ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า? ระบบสื่อสารระยะไกลมันกินพลังงานจริง ๆ ไม่ใช่หรอ?”

“นายพูดถูกถึงแม้ระบบสื่อสารระยะไกลจะมีประโยชน์ แต่มันก็เป็นอุปกรณ์ที่กินพลังงานสูงมาก!” อันธตอบอย่างสับสนไม่ต่างไปจากเซี่ยเฟย

โชคดีที่เซี่ยเฟยไม่ใช่คนโง่ ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันทีโดยการเล่าเรื่องตลก 2-3 เรื่องให้เด็กสาวฟัง ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานแอวริลก็เพลิดเพลินไปกับประสบการณ์ของเซี่ยเฟยในเขตดาววิลเดอร์เนสทั้งที่ใบหน้ายังเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

10 นาทีต่อมาเด็กสาวผู้ไร้เดียงสาคนนี้ก็ลืมเรื่องที่ร้องไห้ไปสนิทและนั่งฟังเซี่ยเฟยเล่าเรื่องอย่างสนุกสนาน

ณ รัฐนิวยอร์ก ดาวโลก

แวมไพร์ค่อย ๆ ร่อนลงสู่คฤหาสน์หลังใหญ่ของอันเดร์อย่างช้า ๆ

หลังจากไม่เจอกันนานค่ำคืนนั้นจึงได้กลายเป็นงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งคนที่มีความสุขที่สุดย่อมไม่พ้นเอเลนกับซาร่าที่เดินทางมาจากเขตดาววิลเดอร์เนส เพราะอาหารรสเลิศบนดาวโลกไม่ต่างไปจากสวรรค์สำหรับพวกเขา

หลังเอเลนกับซาร่าไปพักผ่อน เซี่ยเฟย, อันเดร์, อู่หลงและชาร์ลีก็ตั้งโต๊ะด้านนอกคฤหาสน์เพื่อชื่นชมแสงจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า

“เซี่ยเฟยคุณเดินทางไปในอวกาศนานกว่าครึ่งปีแล้ว ตอนนี้คุณน่าจะเข้าใจสังคมในจักรวาลบ้างแล้วใช่ไหม?” อันเดร์ถาม

“พูดตามตรงนะครับ ช่วงนี้ผมเดินทางบ่อยมากไม่เพียงแต่มันจะช่วยทำให้ผมเข้าใจจักรวาลดีขึ้นเท่านั้น แต่มันยังทำให้ผมรู้สึกสับสนมากกว่าเดิมด้วย” เซี่ยเฟยตอบ

“ทำไมล่ะ?” อู่หลงถามขึ้นมาด้วยความสับสน

“เส้นผ่านศูนย์กลางของกาแล็กซี่ทางช้างเผือกอยู่ที่ 200,000 ปีแสง แต่น่าเสียดายที่ทั่วทั้งกาแล็กซี่มีดาวเคราะห์ที่เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตอยู่เพียงแค่ดวงเดียวนั่นก็คือโลกของเรา แต่พี่รู้หรือเปล่าว่ากาแล็กซี่ทางช้างเผือกเป็นเพียงแค่พื้นที่เล็ก ๆ ในภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ทั้งหมด”

“ยิ่งไปกว่านั้นทั่วทั้งพันธมิตรมนุษย์ก็มีภูมิภาคดาวอยู่มากกว่า 300 แห่งและภูมิภาคดาวส่วนใหญ่ก็มีพื้นที่มากกว่าภูมิภาคดาวเอ็นดาโร่ นอกจากนี้ในจักรวาลก็ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญานอกเหนือจากเผ่าพันธุ์มนุษย์กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วทั้งจักรวาลอย่างมากมาย”

“การพยายามทำความเข้าใจจักรวาลที่ยิ่งใหญ่และซับซ้อนแบบนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะการมีอยู่ของมันเกินกว่าจินตนาการของพวกเราไปไกลมาก” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างตื่นเต้น

***************

เออนั่นสิ…เครื่องสื่อสารระยะไกลมันเปลืองพลังงานไม่ใช่หรอ…จะติดมันไปทำไม วู้!! ◔_◔

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด