ตอนที่ 122: ยานแดกเจอร์
ตอนที่ 122: ยานแดกเจอร์
“เอาล่ะถ้าคุณคือเซี่ยเฟยจริง ๆ ภารกิจของผมก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณช่วยรออยู่ตรงนั้นหน่อยได้ไหม กองยานของผมจะทำการวาร์ปไปที่ตำแหน่งของคุณใน 17 นาที 46 วินาที” เจนเซ่นกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย
“คุณอาจจะไม่รู้จักผมแต่ผมรู้จักคุณดี ผมได้เห็นหน้าคุณตั้งแต่การประลองในงานประเมินของจัสทิสแล้ว” เจนเซ่นกล่าวพร้อมกับใช้นิ้วปัดผมสีบลอนด์บนหน้าผาก
เมื่อได้ยินคำอธิบายเซี่ยเฟยก็หัวเราะแห้ง ๆ โดยไม่พูดอะไรตอบกลับไป
ถึงแม้ว่าภายนอกเขาจะทำท่าเหมือนไม่สนใจอะไร แต่นิ้วของเขายังคงแตะไปที่แผงควบคุม 2-3 ครั้งเพื่อเตรียมพร้อมทำการวาร์ปในระยะไกล
หลังจากนั้นไม่นานไฟแสดงสถานะการเตรียมความพร้อมสำหรับการวาร์ปก็สว่างขึ้นพร้อม ๆ กับที่เซี่ยเฟยตัดการเชื่อมต่อกับเจนเซ่นและแวมไพร์ที่กำลังเตรียมพร้อมเคลื่อนที่เข้าสู่รูหนอน
เขาไม่ไว้ใจชายหนุ่มผมสีบลอนด์คนนี้!
จากข้อมูลที่เจนเซ่นได้ให้มาเซี่ยเฟยไม่ได้ตั้งข้อสงสัยในตัวตนของเขาเพราะถ้าหากว่าชายผมบลอนด์มีเจตนาร้ายแม้แต่นิดเดียว ชายคนนี้ก็สามารถวาร์ปมาจู่โจมได้โดยตรงโดยไม่จำเป็นจะต้องส่งคำขอติดต่อมาก่อนเลย
แม้ว่าเซี่ยเฟยจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้เป็นอย่างดีแต่เขาก็ยังคงดื้อรั้นด้วยความระมัดระวังสุดขีดต่อไป เพราะท้ายที่สุดเขาก็ยังคงอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนสและถ้าหากว่าใครต้องการมีชีวิตรอดในเขตดาวทุรกันดารแห่งนี้ สิ่งที่พวกเขาสามารถพึ่งพาได้มีเพียงแค่ตัวเองเท่านั้น
เครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 มีประสิทธิภาพสูงกว่าเครื่องยนต์โดยทั่วไปมาก ทำให้การวาร์ปในครั้งนี้มีระยะทางถึง 61,450 ปีแสงทิ้งกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดเอาไว้เบื้องหลังไปไกล
แน่นอนว่าการวาร์ปครั้งนี้ย่อมมีความเสี่ยง เพราะความผันผวนของพลังงานในการเตรียมความพร้อมสำหรับการวาร์ประยะไกลเป็นคลื่นพลังงานที่มีความปั่นป่วนมาก ดังนั้นถ้าหากว่ามันได้มีกลุ่มโจรสลัดอยู่ใกล้ ๆ โจรสลัดเหล่านั้นก็จะสามารถระบุตำแหน่งของแวมไพร์ได้ในทันที
—
ณ กองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยทำให้เจนเซ่นผงะไปชั่วขณะ ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานเขาก็ตระหนักว่าชายหนุ่มจากดาวโลกยังไม่ไว้วางใจในตัวของเขา
“ค้นหาร่องรอยของยานลำนั้นเดี๋ยวนี้! แล้วเปิดใช้เครื่องสื่อสารระยะไกลและรีบติดต่อไปหาคุณหนู!” เจนเซ่นตะโกนสั่งการเสียงดัง
หลังสั่งการเสร็จเจนเซ่นก็จัดเสื้อผ้าตัวเองให้เรียบร้อยเพื่อรอการเชื่อมต่อในระยะไกล
การเชื่อมต่อในระยะไกลใช้เวลานานมากและชายหนุ่มผมบลอนด์ต้องยืนรอเป็นเวลาหลายนาที ก่อนที่ชายชราวัยประมาณ 60 ปีจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
“ผู้อาวุโสผาง ไม่ทราบว่าคุณหนูอยู่หรือเปล่าครับ?” เจนเซ่นถามด้วยความเคารพ
“คุณหนูเพิ่งเข้านอน นายมีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า?” ชายชราผู้ถูกเรียกว่าผู้อาวุโสผางกล่าวตอบ ซึ่งถ้าหากพิจารณาจากชุดสูทที่ดูเรียบร้อยและถุงมือสีขาวที่เขาสวมใส่แล้ว ชายชราคนนี้ก็สมควรจะเป็นพ่อบ้านของตระกูลเศรษฐีสักแห่ง
“ผมพบตัวเซี่ยเฟยแล้วครับ” เจนเซ่นตอบด้วยรอยยิ้ม
“หือ? นายพบตัวเซี่ยเฟยแล้วหรอ? นายพบตัวเขาที่ไหน?!” ชายชราอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นและรอยยิ้มที่หาได้ยากก็ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“หลังจากที่ผมนำกองยานออกค้นหามาเป็นเวลานาน ในที่สุดผมก็พบเซี่ยเฟยอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนส” เจนเซ่นรายงานด้วยความภาคภูมิใจ
“ไม่ต้องพูดให้มากความ รายงานเรื่องสำคัญมาก็พอ” ชายชรากล่าวพร้อมจ้องเขม็ง
“ได้เลยครับ ๆ” เจนเซ่นพยักหน้ารับซ้ำ ๆ ราวกับว่าเขารู้สึกเกรงกลัวพ่อบ้านชราผู้นี้ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกมากที่ผู้บัญชาการกองยานที่ยิ่งใหญ่จะรู้สึกเกรงกลัวพ่อบ้านชราที่หัวเต็มไปด้วยผมหงอก
“ผมพบยานของเซี่ยเฟยในเขตดาววิลเดอร์เนสห่างจากชายแดนของพันธมิตรออกมาประมาณ 730,000 ปีแสงครับ” เจนเซ่นกล่าวรายงานอีกครั้ง
“นายรีบนำกองยานไปคุ้มกันเซี่ยเฟยกลับมายังพันธมิตรเดี๋ยวนี้ แต่อย่าเล่าอะไรให้เขาฟังแล้วติดต่อไปที่กองยานที่ 7 และกองยานที่ 12 ให้กลับมาด้วย ไม่จำเป็นต้องทำภารกิจออกค้นหาอีกแล้ว” ผู้อาวุโสผางกล่าวสั่งการและเมื่อพิจารณาจากคำพูดของเขาแล้วอำนาจในมือของเขาย่อมมีเหนือกว่าผู้บัญชาการกองยานต่าง ๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“คือว่า… พวกเรามีปัญหานิดหน่อยครับ ดูเหมือนเซี่ยเฟยจะไม่ไว้ใจกองยานของเราทำให้เขาวาร์ปหนีออกไปแล้ว ผมจำเป็นจะต้องใช้เวลาสักพักในการระบุหาตำแหน่งของเขาอีกครั้ง แล้วถ้าหากว่าเขาไม่ให้ความร่วมมือผมควรจะต้องทำยังไงดีครับ” เจนเซ่นรายงานด้วยความเขินอายเล็กน้อย
“ฮ่า ๆ ๆ เซี่ยเฟยคนนี้เป็นคนที่ระมัดระวังตัวดีจริง ๆ” ผู้อาวุโสผางหัวเราะพร้อมกับพึมพำกับตัวเองเบา ๆ
“เอาล่ะฉันไม่สนหรอกว่านายจะใช้วิธีไหน นายจะทำยังไงก็ได้ให้เซี่ยเฟยกลับมาในเขตพันธมิตรอย่างปลอดภัย ไม่อย่างนั้นนายก็จะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการ”
“ได้ครับ ผมสัญญาว่าผมจะคุ้มกันเขากลับไปในเขตพันธมิตรอย่างปลอดภัย ผมจำเป็นจะต้องรายงานไปที่คุณหนูไหมครับ? คุณหนูเคยบอกผมว่าถ้ามีข่าวอะไรให้ผมรีบรายงานไปที่คุณหนูทันที” เจนเซ่นรายงานอย่างแข็งขันราวกับเขาเป็นทหารเกณฑ์ที่เพิ่งเข้ากองทัพมาใหม่ ๆ
“คุณหนูพักผ่อนไปแล้วเดี๋ยวฉันรายงานคุณหนูให้เอง นายไปทำหน้าที่ของนายเถอะ” พ่อบ้านชรากล่าวพร้อมกับโบกมือ
หลังจากนั้นการสื่อสารก็ตัดไป เจนเซ่นจึงนั่งลงไปยังเก้าอี้ของกัปตันอย่างหมดแรง
เซี่ยเฟยมีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณหนูกันแน่?
ทำไมการหายตัวไปของเขาถึงทำให้บริษัทวุ่นวายขนาดนี้?
ในฐานะที่เจนเซ่นสามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดได้ตั้งแต่อายุ 24 ปีก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างดีว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถมากแค่ไหน แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามคิดอย่างไรเขาก็ยังไม่สามารถเชื่อมโยงคุณหนู ผู้ซึ่งเป็นทายาทของบริษัทขนาดใหญ่กับนักสู้ผู้มาจากดาวบ้านนอกได้เลย
ขณะเดียวกันแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเป็นเพียงแค่คนตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอำนาจอยู่ในมือ แต่บริษัทก็ยังมีคำสั่งให้ส่งกองยานถึง 3 กองจาก 12 กองออกค้นหาตัวเขาทั่วทั้งจักรวาล และถ้าหากไม่ใช่เพราะว่ากองยานอีกเก้ากองอยู่ห่างจากเขตดาววิลเดอร์เนสมากเกินไป พวกเขาก็คงจะถูกส่งมาทำภารกิจค้นหาด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้เพื่อทำการออกค้นหาตัวของเซี่ยเฟย ทางฝ่ายเทคนิคของบริษัทยังถูกสั่งการให้ทำการศึกษาว่าสามารถขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตระหว่างดวงดาวไปยังเขตดาววิลเดอร์เนสได้หรือไม่ แต่น่าเสียดายที่โครงการนี้ต้องถูกล้มเลิกลงไปเพราะมันจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างที่ค่อนข้างนาน
การพยายามประกอบดาวเทียมสื่อสารเพื่อขยายเครือข่ายอินเตอร์เน็ตให้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งเขตดาวมีค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และมันก็เป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่สามารถจะจินตนาการได้
หากรวมข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกันเจนเซ่นก็ได้ข้อสรุปมาเพียงแค่อย่างเดียวว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่สมควรเข้าไปยั่วยุเซี่ยเฟยอย่างเด็ดขาด เพราะมันมีเรื่องประหลาดซ่อนอยู่ด้านหลังชายหนุ่มดาวโลกคนนี้อย่างมากมาย ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง
“กัปตันพวกเราเจอยานลำนั้นแล้วค่ะ เขาอยู่ห่างจากพวกเราไปประมาณ 64,000 ปีแสง” หญิงสาวผู้ควบคุมระบบเรดาร์กล่าวรายงาน
“อะไรนะ? ระยะการวาร์ปเมื่อกี้เกิน 60,000 ปีแสงอย่างนั้นหรอ?!” เจนเซ่นอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“ใช่ค่ะ”
“ดูเหมือนว่ายานของเซี่ยเฟยจะติดตั้งเครื่องยนต์ระดับสูงสุดเอาไว้ โชคดีที่พวกเรามียานแดกเจอร์อยู่ในกองยานด้วย ไม่อย่างนั้นคราวนี้พวกเราคงจะต้องพบกับความอับอายแล้ว” เจนเซ่นพึมพำกับตัวเองด้วยรอยยิ้ม
—
หลังจากเซี่ยเฟยพยายามหลบหนีออกมาจากกองยานของเจนเซ่น เขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังพันธมิตรด้วยความเร็วสูงสุด
แต่เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ยังคงอยู่ในเขตดาววิลเดอร์เนส ชายหนุ่มจึงไม่เคยลดความระมัดระวังตัวเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นถึงแม้ว่าเวลาจะได้ผ่านพ้นไปอีกหลายชั่วโมงแต่เซี่ยเฟยก็ยังคงควบคุมยานอยู่ในห้องกัปตันอย่างตื่นตัว
ตลอดการเดินทางไม่มีกลุ่มโจรสลัดใด ๆ เข้ามาขวางทางแวมไพร์เลยแม้แต่ครั้งเดียว และเมื่อเขาเข้าใกล้เขตพันธมิตรมนุษย์มากเท่าไหร่ ระดับความปลอดภัยโดยรอบก็จะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมากเท่านั้น
อย่างไรก็ตามมันก็มียานปริศนาคอยติดตามแวมไพร์โดยเว้นระยะห่างเอาไว้ที่ 10,000 กิโลเมตรอยู่เสมอ โดยหน้าจอเรดาร์ได้ระบุเอาไว้ว่ายานลำนี้คือยานอินเตอร์เซปเตอร์รุ่นแดกเจอร์
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเฟยได้เห็นยานประเภทอินเตอร์เซปเตอร์ และเมื่อพิจารณาจากความแรงของคลื่นสัญญาณแล้วขนาดของยานประเภทนี้ก็ไม่ควรจะหนีห่างจากยานฟริเกตมากนัก
หากว่ายานอินเตอร์เซปเตอร์มีขนาดไม่ต่างไปจากยานฟริเกต แล้วทำไมพวกมันจะต้องตั้งชื่อประเภทยานให้มีความแตกต่างกันด้วย?
“อันธนายรู้จักยานอินเตอร์เซปเตอร์ไหม?” เซี่ยเฟยถาม
“ฉันเพิ่งได้ยินครั้งแรกเหมือนนายนี่แหละ แต่ดูจากรูปร่างหน้าตาของมันแล้วเหมือนจะไม่มีอะไรเป็นพิเศษนะ” อันธกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ในเวลาเดียวกันยานแดกเจอร์ก็เริ่มเร่งความเร็วเคลื่อนตัวไปรอบ ๆ แวมไพร์ด้วยความเร็วสูงราวกับว่ามันกำลังเปิดทางให้เซี่ยเฟย
“14,000 เมตรต่อวินาที!!” เซี่ยเฟยอุทานขณะเหลือบสายตามองไปยังตัวเลขที่แสดงบนหน้าจอเรดาร์
ความเร็วของยานลำนี้สูงกว่าแวมไพร์ที่ติดตั้งเครื่องยนต์แบล็คเซอร์เพนท์ 130 ถึงสองเท่า ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อสำหรับเขามากเกินไป
เหตุการณ์ในปัจจุบันทำให้เซี่ยเฟยและอันธมองหน้ากันด้วยความตกใจ
อย่างไรก็ตามแวมไพร์ก็มีระบบดูดพลังงานมันจึงทำให้พวกเขาไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวการโจมตีจากยานลำนี้เลย แต่ความเร็วของยานแดกเจอร์ก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อจริง ๆ และพวกเขาก็ไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่ามันมียานรบที่มีความเร็วสูงขนาดนี้ในจักรวาลได้ยังไง
ขณะเดียวกันยานลำนี้ก็ดูเหมือนกับจะจงใจเปิดเผยข้อมูลของมันโดยไม่มีการปิดกั้นใด ๆ เพราะเมื่อเซี่ยเฟยได้นำหมายเลขยานไปตรวจสอบ มันก็ทำให้เขาได้รู้ว่ายานลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของกองยานที่ 1 ประจำบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด
ดูเหมือนว่าเจนเซ่นจะพยายามทำแบบนี้ให้เซี่ยเฟยได้รู้ว่าตัวของเขาไม่ได้มีจุดประสงค์ร้าย
เมื่อเวลาผ่านไปเซี่ยเฟยก็เริ่มไว้วางใจว่ายานลำนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคาม และกำลังพยายามทำตัวเป็นเหมือนกับบอดี้การ์ดที่คอยติดตามแวมไพร์อย่างระมัดระวัง โดยไม่เข้าใกล้หรือออกห่างมากจนเกินไป
“เขาไม่ได้มีเจตนาร้ายจริง ๆ หรอ? ว่าแต่ทำไมเขาถึงต้องตามฉันมาด้วย” เซี่ยเฟยพึมพำออกมาด้วยความสับสน
ในระหว่างนี้ซาร่ากับเอเลนก็กำลังรู้สึกกระวนกระวายใจมาก โดยพวกเขาได้ซ่อนตัวอยู่นอกห้องกัปตันอย่างลับ ๆ โดยไม่กล้าเข้าไปรบกวนเซี่ยเฟย
ซาร่าจะคอยเอาถ้วยน้ำชามาเสิร์ฟให้เซี่ยเฟยบ้างเป็นครั้งคราว แต่เธอจะรออยู่นอกประตูรอให้เขาดื่มน้ำชาจนหมดถ้วยก่อนแล้วรีบเข้ามาเก็บถ้วยเปล่าออกไป
หลังจากดูดบุหรี่เซี่ยเฟยก็ตัดสินใจติดต่อไปยังยานแดกเจอร์เพื่อถามถึงจุดประสงค์ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะส่งคำขอการสื่อสารไปหลายครั้งแต่อีกฝ่ายก็ปฏิเสธคำขอของเขาอยู่เสมอ
สถานการณ์ที่แปลกประหลาดนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งพวกเขาเดินทางเข้ามาในเขตพันธมิตร โดยการวาร์ปในครั้งนี้เป็นการวาร์ปครั้งสุดท้ายก่อนที่แวมไพร์จะได้เข้าไปในเขตพันธมิตรอย่างเป็นทางการ
แต่ในทันใดนั้นเองยานแดกเจอร์ที่คอยคุ้มกันอย่างเงียบ ๆ มาโดยตลอดก็ส่งข้อความเข้ามาหาเซี่ยเฟย โดยมีเนื้อหาระบุว่า
“โชคดีนะ… กองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้นำทางคุณเดินทางกลับมายังพันธมิตร”
การส่งข้อความนี้เป็นความคิดอันชาญฉลาดของเจนเซ่น เพราะเขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถยั่วยุเซี่ยเฟยได้ เขาจึงใช้โอกาสนี้ในการพยายามผูกมิตรเพื่อที่สักวันหนึ่งการรู้จักกันในวันนี้อาจจะนำมาซึ่งโอกาสในอนาคต
“ขอบคุณมาก” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับส่งข้อความตอบกลับไป
ประมาณ 10 นาทีต่อมาแวมไพร์ก็ปรากฏตัวในเขตพันธมิตรอย่างราบรื่น ซึ่งเซี่ยเฟยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้กัปตันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“ในที่สุดฉันก็กลับมาแล้ว”
ซาร่ากับเอเลนที่รออยู่ด้านนอกห้องกัปตันก็กำลังรู้สึกตื่นเต้นด้วยเช่นเดียวกัน
เมื่อไมโครคอมพิวเตอร์กลับมาเชื่อมต่อกับสตาร์เน็ตเวิร์กอีกครั้ง เซี่ยเฟยก็ต้องการที่จะค้นหาข้อมูลว่าในยานรบของพวกเซิร์กมีเซียวรั่วหยูอยู่หรือเปล่า
แต่หลังจากที่เขาเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างดวงดาว มันก็มีแสงสีต่าง ๆ สว่างวาบขึ้นมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนทำให้เซี่ยเฟยจ้องมองดูฉากตรงหน้าอย่างตกตะลึง
***************
ในที่สุดก็กลับมาแล้วววว!!!
ว่าแต่คุณหนูนี่มันใคร!!!!