ตอนที่ 121: กองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด
ตอนที่ 121: กองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ด
แวมไพร์มุ่งหน้าตรงไปยังพันธมิตรมนุษย์ตามเส้นทางที่กำหนดเอาไว้ โดยระบบนำทางอัตโนมัติได้มีการเซ็ตให้ทำการวาร์ปทุก ๆ 10 นาทีเป็นระยะ 1,000 ปีแสง
ในเขตดาววิลเดอร์เนสมีโจรสลัดอยู่อย่างชุกชุมและการวาร์ปในระยะสั้นบ่อย ๆ แบบนี้ก็จะช่วยลดการถูกพวกโจรสลัดตรวจพบและช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็น
แต่การเดินทางในลักษณะนี้ก็ทำให้เวลาในการเดินทางเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน มันจึงทำให้การเดินทางที่แต่เดิมควรจะต้องใช้เวลาประมาณ 2 วันถูกเพิ่มขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 9 วัน
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงและจ้องมองไปยังหัวใจจักรวาลสีม่วงภายในมืออย่างไม่วางตา
คริสตัลสีม่วงก้อนนี้มีความแตกต่างจากหัวใจจักรวาลก้อนสีแดงที่เขาเคยเห็นมาก่อนอย่างชัดเจน โดยหัวใจจักรวาลสีแดงจะให้ความรู้สึกอบอุ่นนุ่มนวลและคล้ายกับได้สัมผัสกับลมหายใจที่แผ่วเบา
แต่หัวใจจักรวาลสีม่วงให้ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวโกรธ นอกจากนี้ผิวสัมผัสของมันยังให้ความรู้สึกที่หยาบกร้าน เมื่อปลายนิ้วของเขาได้สัมผัสกับตัวคริสตัลมันก็มีความเย็นที่รุนแรงถูกส่งตรงไปยังร่างกายจนทำให้เซี่ยเฟยมีความรู้สึกที่ไม่ค่อยดี
“เดี๋ยวค่อยตรวจสอบมันทีหลังก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยพึมพำกับตัวเองพร้อมกับขมวดคิ้วขณะเก็บหัวใจจักรวาลสีม่วงเข้าไปในแหวนมิติ
พลังงานอันรุนแรงที่ปล่อยออกมาจากหัวใจจักรวาลสีม่วงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก คล้ายกับว่ามันมีอะไรบางอย่างกำลังกดทับร่างกายของเขาอยู่จนทำให้เขาหายใจไม่สะดวก
ชายหนุ่มนอนราบลงบนเตียงพร้อมกับพยายามควบคุมลมหายใจ หลังจากนั้นราว ๆ 10 นาทีความรู้สึกกดดันที่กดทับร่างกายของเขาอยู่ก็ค่อย ๆ หายไปจนทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น
“อันธทำไมคริสตัลก้อนนี้มันให้ความรู้สึกแปลก ๆ คล้ายกับว่ามันกำลังนำทางจิตของฉันไปโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อจิตของฉันเคลื่อนที่ไปตามคำแนะนำของมัน กลับกลายเป็นว่ามันทำให้ฉันรู้สึกกระสับกระส่ายและหงุดหงิดง่าย นี่ถ้าหากว่าฉันอยู่กับคริสตัลก้อนนี้นาน ๆ มันก็อาจจะทำให้บุคลิกของฉันผิดเพี้ยนไปได้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
อันธใช้เวลาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะได้ตอบกลับออกไปว่า
“ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นมาก่อนเลย? แต่ละคนที่สัมผัสคริสตัลจะให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันหรอ? อาจารย์เคยเล่าให้ฟังว่าเขาต้องใช้เวลาในการพิจารณาลักษณะดั้งเดิมของหัวใจจักรวาลสีม่วงเป็นเวลานาน มันจะเป็นไปได้จริง ๆ หรอว่านายจะสามารถสัมผัสถึงความไม่สบายใจได้เร็วขนาดนี้!?”
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันควรจะต้องเลี่ยงมันไปก่อน คริสตัลก้อนนั้นเป็นเหมือนกับหลุมดำที่ดึงดูดความสนใจของฉันไปจนหมด แล้วฉันก็ต้องใช้พลังทั้งหมดเพื่อต่อต้านการล่อลวงจากมัน” เซี่ยเฟยกล่าว
“ทำไมนายไม่ลองทำตามคำแนะนำของมันดูล่ะ ฉันว่าเรื่องนี้คุ้มค่าที่จะเสี่ยงดูนะ เพราะถ้าหากนายต้องการจะใช้หัวใจจักรวาลสีม่วงเพื่อพัฒนาความสามารถของนายในอนาคต นายก็จำเป็นจะต้องทำความเข้าใจมันให้ได้มากกว่านี้” อันธกล่าวอย่างจริงจัง
ในฐานะมุมมองจากคนกลางอันธอธิบายปัญหาออกมาได้อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าวิญญาณนักฆ่าตนนี้จะไม่ประสบความสำเร็จในฐานะของนักฆ่า แต่หลังจากที่เซี่ยเฟยได้คลุกคลีกับอันธมาเป็นเวลานาน เขาก็รู้ว่าอันธมักจะรู้สึกจริงจังเมื่อพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับการวิจัย
“ไม่ล่ะ จนกว่าจิตของฉันจะแข็งแกร่งมากพอจะต่อต้านมันได้ ฉันจะไม่พยายามทำตามคำแนะนำของมันอย่างเด็ดขาด ฉันเกลียดที่รู้สึกว่ากำลังถูกใครควบคุมและมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่าสิ่งที่กำลังควบคุมฉันอยู่คือหินเพียงแค่ก้อนเดียว ดังนั้นไม่ว่าคริสตัลก้อนนั้นมันจะซ่อนความลับอะไรเอาไว้ แต่ถ้าหากว่าฉันยังไม่มีอำนาจมากพอที่จะควบคุมสิ่งที่ซ่อนอยู่ ฉันก็จะปล่อยมันเอาไว้แบบนั้นก่อน”
“ฉันไม่ได้บอกให้นายไปลุยฝ่านรกอเวจีอะไรสักหน่อย ทำไมเรื่องแค่นี้นายถึงไม่ลองดู!” อันธอุทานอย่างผิดหวังเล็กน้อย
“เมื่อไหร่ก็ตามที่ฉันรู้สึกว่าฉันควบคุมมันได้แล้วเราค่อยมาคุยเรื่องนี้กันใหม่ทีหลัง” เซี่ยเฟยตัดบทพร้อมกับพ่นควันบุหรี่
ทันใดนั้นประตูห้องก็ถูกเปิดออกพร้อมกับซาร่าที่ยื่นหน้าเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“อาหารเย็นพร้อมแล้ว! ฉันทำบะหมี่ผัดตามที่นายเคยพูดเอาไว้เลย”
“บะหมี่ผัด!?” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะรีบลุกขึ้นไปจากเตียง
เขาไม่ได้กินบะหมี่ผัดมาเป็นเวลานานมากแล้ว ดังนั้นเมื่อซาร่าพูดถึงบะหมี่ผัดมันจึงสามารถดึงดูดความสนใจของเขาได้ในทันที
รสนิยมของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้ชิมอาหารมาอย่างมากมาย แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าบะหมี่ผัดเป็นอะไรที่เข้ากับรสนิยมของเขามากกว่า
“ไปลองบะหมี่ผัดของเธอกัน” เซี่ยเฟยกระโดดข้ามสิ่งกีดขวางทั้งหมดภายในห้องพร้อมกับชวนซาร่าไปกินบะหมี่
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ปีนข้ามสิ่งกีดขวางมากมายเพื่อไปยังห้องอาหาร โดยในตอนนี้เซี่ยเฟยเริ่มมีอาการปวดหัวขึ้นมาบ้างแล้ว
ตอนแรกเขาคิดแต่เรื่องการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยานรบ แต่ในตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าวิธีการของเขาจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องมากนัก เพราะมันสร้างความลำบากให้กับการอยู่อาศัยภายในยานมากเกินไป
สำหรับเซี่ยเฟยที่ว่องไวเครื่องมืออุปกรณ์เหล่านี้อาจจะไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับเอเลนผู้น่าสงสารที่ต้องปีนข้ามเครื่องมือมากมายเพื่อมากินอาหารก็ทำให้เขาต้องยืดเส้นยืดสายเป็นเวลานาน
โต๊ะอาหารที่พวกเขาใช้อยู่ตอนนี้คือฝาครอบด้านบนของเครื่องแทรคชั่นคอนโทรลเลอร์ โดยเซี่ยเฟยนำโต๊ะไม้พีชมาติดตั้งซ้อนทับเอาไว้ พร้อมกับคลุมด้วยผ้าปูโต๊ะลายตารางสีน้ำเงินขาว
บนโต๊ะมีชามบะหมี่ชามโตถูกตั้งเอาไว้ โดยตัวบะหมี่ชุ่มฉ่ำไปด้วยซอสสีน้ำตาลและมันก็สามารถดึงดูดความสนใจของชายหนุ่มได้อย่างรวดเร็ว
ซาร่าตักบะหมี่แบ่งไปให้เซี่ยเฟย 1 ช้อนใหญ่ แต่เมื่อชายหนุ่มยกอาหารขึ้นมาดมเขากลับรู้สึกได้ถึงกลิ่นที่ไม่ค่อยคุ้นเคยมากนัก
“ซาร่าเธอเอาซอสอะไรไปผัดกับบะหมี่? ทำไมกลิ่นมันถึงดูแปลก ๆ” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
เมื่อได้ยินคำถามซาร่าก็หยิบขวดซอสออกมาจากตู้เย็นทีละขวดพร้อมกับเอามาตั้งไว้บนโต๊ะ
“นายบอกแค่ให้เอาบะหมี่ไปผัดกับซอสแต่ฉันไม่รู้ว่านายพูดถึงซอสขวดไหน ฉันเลยใส่พวกมันไปอย่างละหน่อย”
คำตอบนี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เพราะขวดซอสที่ถูกนำเอามาตั้งไว้บนโต๊ะมีเยอะแยะมากมายไม่ว่าจะเป็น ซอสสตรอว์เบอร์รี, น้ำสลัด, เต้าเจี้ยว, ซอสมะเขือเทศ …
“อ้า~ บะหมี่มีรสชาติดีจริง ๆ” เอเลนกินบะหมี่พร้อมกับชื่นชมออกมาไม่หยุด
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยพูดอะไรออกมาไม่ถูก แต่โชคดีที่เขาไม่ใช่คนเรื่องมากเรื่องอาหาร ดังนั้นตราบใดก็ตามที่อาหารไม่เป็นอันตรายเขาก็กินพวกมันได้ทั้งหมด
หลังจากอิ่มท้องเซี่ยเฟยก็พ่นควันออกมาอย่างมีความสุข
“ผมยังพอมีเงินอยู่บ้าง ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดหลังจากพวกเราเข้าไปในเขตพันธมิตรมนุษย์แล้วพวกคุณสามารถเอาเงินนี่ขึ้นยานเดินทางไปยังดาวโลกได้ หลังจากนั้นให้ตามหาคนที่ชื่ออันเดร์แล้วเขาจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับพวกคุณเอง” หลังกล่าวจบเซี่ยเฟยก็ทำการหยิบเหรียญออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับมอบให้กับเอเลน
ภายในพันธมิตรมนุษย์มักที่จะใช้เงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่เพื่อความสะดวกบางดาวที่มีระดับอารยธรรมต่ำก็ยังคงใช้เหรียญรูปแบบเก่า ๆ แบบนี้อยู่เช่นกัน และเงินจำนวนที่เซี่ยเฟยได้ให้ไปก็มากพอที่จะทำให้พวกเอเลนเดินทางไปจนถึงโลก
“นายมีปัญหาอะไรในพันธมิตรหรือเปล่า?” เอเลนกล่าวถามอย่างสับสนและในตอนนี้ชายชรากับหญิงสาวก็กำลังจ้องมองไปยังชายหนุ่มอย่างประหม่า
“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอกครับ แค่ตอนที่ผมออกมามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อย หลังจากกลับเข้าไปในพันธมิตรผมก็จะต้องกลับเข้าไปอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้น” เซี่ยเฟยตอบพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
ชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เพราะท้ายที่สุดทางกองทัพก็ออกคำสั่งมาเพราะกลัวว่าสายลับของพวกเซิร์กจะทำการหลบหนี
นอกจากนี้ลูน่ายังถูกทิ้งเอาไว้ที่เขตดาววิลเดอร์เนสไปแล้ว ตราบใดก็ตามที่เขายืนยันว่ามันมีข้อผิดพลาดของระบบสื่อสาร มันก็ไม่มีหลักฐานที่พวกทหารจะเชื่อมโยงเขากับพวกเซิร์ก
เขาได้คิดถึงเรื่องการสอบปากคำของพวกทหารมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ได้สร้างความกังวลให้กับเขาเลย นอกจากนี้เขายังตัดสินใจช่วยพาเอเลนกับซาร่ามาจากเขตดาววิลเดอร์เนส เขาจึงจำเป็นจะต้องช่วยทั้งสองคนนี้ให้ถึงที่สุด ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะดีกว่าถ้าหากว่าเขาไม่เลือกที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่แรก
“ที่แท้นายก็เป็นอาชญากรที่ทางการตั้งค่าหัวเอาไว้สินะ” ซาร่ากล่าวออกมาด้วยสีหน้าอันเมินเฉย เพราะท้ายที่สุดสถานที่ที่เธออยู่ตั้งแต่เด็กก็เต็มไปด้วยอาชญากร ด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้รู้สึกสนใจเกี่ยวกับตัวตนของเซี่ยเฟยมากนัก
ทันใดนั้นระบบสื่อสารของยานรบก็ส่งเสียงแจ้งเตือน ซึ่งหลังจากที่เซี่ยเฟยเดินเข้าไปในห้องบัญชาการเขาก็ได้เห็นว่าสัญญาณสื่อสารนี้ถูกส่งมาจากกองยานที่ 1 ของบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดที่อยู่ห่างออกไป 3,000 ปีแสง
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะกองยานต้องสแกนเจอแวมไพร์ผ่านระบบเรดาร์เท่านั้น พวกเขาจึงจะสามารถส่งคำขอการสื่อสารมาแบบนี้ได้
บริษัทสตาร์ยูไนเต็ดให้บริการอินเตอร์เน็ตสตาร์ลิงที่ครอบคลุมพันธมิตรมนุษย์ทั้งหมดทำให้บริษัทนี้ติด 1 ใน 10 บริษัทอันยิ่งใหญ่ภายในพันธมิตร
องค์กรขนาดใหญ่ภายในพันธมิตรต่างก็มีกองยานอิสระเป็นของตัวเอง ซึ่งข้อแตกต่างเดียวระหว่างกองยานขององค์กรกับกองยานของทหารคือกองยานอิสระไม่สามารถเพิ่มจำนวนยานบัญชาการตามใจตัวเองได้
ข้อบังคับในการควบคุมยานบัญชาการภายในพันธมิตรเป็นเรื่องที่มีความเข้มงวดเป็นอย่างมาก ซึ่งถ้าหากว่าองค์กรใดไม่ได้มีอิทธิพลมากพอพวกเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะซื้อยานบัญชาการได้ด้วยซ้ำ
ข้อยกเว้นสำหรับการครอบครองยานบัญชาการเพียงอย่างเดียวมีเอาไว้สำหรับ 2 องค์กรนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลคือ สมาพันธ์จัสทิสและสมาพันธ์เฮอร์มิทที่ได้รับใบอนุญาตพิเศษทำให้พวกเขามียานบัญชาการเป็นของตัวเอง
เซี่ยเฟยรีบทำการตรวจสอบยืนยันตัวตนว่ากองยานนี้เป็นกองยานจากบริษัทสตาร์ยูไนเต็ดจริง ๆ ไม่ใช่สัญญาณที่ถูกส่งมาจากพวกโจรสลัดเพื่อทำการหลอกล่อเขา
“ทำไมกองยานของบริษัทขนาดใหญ่ในจักรวาลจะต้องเดินทางมาจนถึงเขตดาวที่ทุรกันดารและอันตรายแบบนี้ด้วย?”
เซี่ยเฟยใช้เวลาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะตัดสินใจยอมรับการติดต่อจากอีกฝ่าย และในเวลาเดียวกันเขาก็สั่งให้ยานพร้อมทำการวาร์ปได้ทุกเมื่อ
หลังจากที่หน้าจอแสงได้เปิดออกมันก็มีภาพของชายวัย 20 ปีปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของเซี่ยเฟย
ชายคนนี้มีลักษณะกล้าหาญและดุดัน โดยดั้งบนจมูกของเขาตั้งสูงอย่างสวยงาม, ดวงตาให้ความรู้สึกเฉียบคมราวกับสายฟ้าและปอยผมสีบลอนด์ตกลงมาปิดบังใบหน้าซีกซ้ายของเขาเอาไว้ ซึ่งโดยรวมแล้วเขาก็เป็นชายที่หน้าตาหล่อเหลาพอใช้ได้เลยทีเดียว
“สวัสดีครับผม ‘เจนเซ่น’ เป็นผู้บัญชาการกองยานที่ 1 ภายใต้บริษัทสตาร์ยูไนเต็ด” ชายผมบลอนด์ยืดหน้าอกแนะนำตัวด้วยท่าทางที่สง่างาม
“สวัสดีครับผมชื่อเซี่ยเฟย ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม
“เซี่ยเฟย! คุณคือเซี่ยเฟย!!” เจนเซ่นอุทานพร้อมกับดวงตาที่เบิกกว้าง จากนั้นเขาก็จ้องมองภาพชายหนุ่มบนหน้าจอเป็นเวลานานจนทำให้เซี่ยเฟยเริ่มรู้สึกอึดอัด
“คุณเป็นชาวดาวโลกใช่ไหม?”
“ใช่ครับ”
“คุณเป็นจัสทิสฝึกหัดจากค่ายฝึกจัสทิสลีกสาขาเอ็นดาโร่?”
“ใช่”
“คุณอายุ 18 ปีและยังไม่ได้แต่งงาน?”
คำถามของเจนเซ่นทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ ว่าทำไมชายคนนี้ถึงรู้จักข้อมูลส่วนตัวของเขาเป็นอย่างดี
“ถูกต้อง” เซี่ยเฟยตอบพร้อมขมวดคิ้ว
“ทำไมเขาไม่หล่อเหมือนในรูปเลย” เจนเซ่นพึมพำกับตัวเองและถึงแม้ว่าเขาจะใช้น้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่เสียงนั้นก็เข้าหูของเซี่ยเฟยเต็ม ๆ
เหตุการณ์นี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออกแล้วเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยในเจตนาของชายคนนี้
“เอาล่ะถ้าคุณคือเซี่ยเฟยจริง ๆ ภารกิจของผมก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว คุณช่วยรออยู่ตรงนั้นหน่อยได้ไหม กองยานของผมจะทำการวาร์ปไปที่ตำแหน่งของคุณใน 17 นาที 46 วินาที” เจนเซ่นกล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
***************
ใครอีกแล้วเนี่ย!!