บทที่ 22 งานเลี้ยง
บทที่ 22 งานเลี้ยง
ฟลินน์ออกจากสำนักงานรองผู้อำนวยการก็ขึ้นรถม้าที่สำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรจัดไว้ให้กลับไปยังบ้านพักของเขา
เมื่อเดินทางได้ครึ่งทาง เขาก็อดไม่ได้ที่จะเปลี่ยนใจ
“ตรงไปถนนกิเนียว”
ถนนกิเนียวคือเส้นทางไปบ้านของโรว์ลิงพี่สาวของฟลินน์ ชายหนุ่มต้องการจะไปเยี่ยมเธอ
“ครับท่าน”
คนขับรถม้า เคน ดาร์บี้เปลี่ยนทิศทางของรถม้าและมุ่งหน้าไปยังถนนกิเนียวแทน
ระหว่างทางเขาแวะร้านคุกกี้ระดับไฮเอนด์ชื่อ ‘Happy House’ หลังจากซื้อขนมเสร็จแล้ว ฟลินน์ก็ปรากฏตัวที่หน้าบ้านของโรว์ลิงพี่สาวของเขาและกดกริ่งหน้าประตู
“คุณผู้หญิงคะ คุณฟลินน์มาค่ะ”
เมื่อเห็นว่าเป็นฟลินน์ แม่บ้านตัวน้อยจึงเปิดประตูให้ฟลินน์และตะโกนเสียงดัง
หลังจากนั้นไม่นานก็มีหญิงสาวสวมกระโปรงยาวและเด็กหญิงวัย 4 ขวบหน้าตาเหมือนตุ๊กตาปรากฏตัวขึ้น พวกเธอคือโรว์ลิงและไคช่า
เวลานี้พี่เขยของเขาน่าจะยังไม่เลิกงาน
“ทำไมถึงได้มาที่นี่” เมื่อเห็นฟลินน์กำลังเดินเข้ามา โรว์ลิงถามด้วยรอยยิ้มเกลื่อนใบหน้า
“วันนี้หยุด ผมเลยมาหาอะไรกิน” ฟลินน์พูดด้วยรอยยิ้ม
ในขณะนี้เขาพบว่ากางเกงของตัวเองขาด
เมื่อมองต่ำลงมาก็เห็นไคช่าตัวน้อยเรียกเขาว่า ‘น้า’ เด็กหญิงยื่นมือไปหาเขาเห็นได้ชัดว่าเธอต้องการให้เขากอด
"อันนี้ขนมที่ผมซื้อมาจาก Happy House ตอนที่จะมาที่นี่"
หลังจากที่ส่งถุงกระดาษให้พี่สาวของเขา ฟลินน์ก็ก้มลงและกอด ไคช่า ตัวน้อย
“มาที่นี่ยังจะซื้อขนมอะไรอีก คุกกี้จาก Happy House มันแพงเกินไป” หลังจากได้รับถุงกระดาษแล้วโรว์ลิงก็เอาแต่บ่น
“ไม่เป็นไร ตอนนี้น้องชายของพี่มีเงินมากพอที่จะซื้อขนมจาก Happy House ได้ทุกวัน ยังไงตอนนี้ผมก็ไม่มีอะไรให้ใช้” ฟลินน์พูดด้วยรอยยิ้ม
เขารู้ว่าพี่สาวของตัวเองและไคช่าหลายสาวตัวน้อยต่างก็ชอบขนมจากร้าน Happy House และขนมหวานของที่นั่นอร่อยไม่แพ้ยอดนิยมในชีวิตที่แล้วของเขา
“ทำไมถึงจะไม่มีอะไรให้ใช้ เมื่อเธอแต่งงานในอนาคตก็ยังต้องใช้เงิน” โรว์ลิง ‘สอนบทเรียนให้น้องชาย’
หลังอาหารกลางวัน เขาอยู่เล่นกับไคช่าตัวน้อยสักพัก เมื่อใกล้ถึงเวลาที่พี่เขยของเขากำลังจะกลับบ้าน ฟลินน์ก็จากไป
แม้ว่าความสัมพันธ์กับพี่เขยของเขาจะดีขึ้น แต่เขาก็ยังรู้สึกอึดอัดเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าพี่เขย ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจกลับก่อนที่พี่เขยจะเลิกงาน
“จะกลับแล้วเหรอ ทำไมไม่อยู่กินอาหารค่ำก่อน” โรว์ลิงขอให้อยู่ต่อ
“ไม่ต้องแล้ว ที่บ้านยังขาดเฟอร์นิเจอร์ ผมจะไปซื้อเฟอร์นิเจอร์ระหว่างทางกลับ ถ้ากลับดึกกวานี้ร้านจะปิด” ฟลินน์แก้ตัว
ถึงอย่างไรตอนนี้ที่บ้านของเขาก็ยังขาดเฟอร์นิเจอร์จริงๆ
“ช่างเถอะ” โรว์ลิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากล้มเลิกความพยายามที่จะรั้งเขาไว้จึงออกไปส่งฟลินน์ที่หน้าบ้าน
“ฟลินน์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่? แล้วนี่จะกลับแล้วเหรอ?” ในขณะนี้รถม้าหยุด พี่เขยของเขา โคลด เดรย์ ก็ก้าวลงจากรถม้า
เมื่อเห็นฟลินน์โคลด เดรย์มีสีหน้าแตกต่างจากความเฉยเมยตามปกติ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
ฟลินน์ไม่เพียงแต่ทำงานที่หอประมูลเกรทวีดเท่านั้น แต่เงินเดือนของชายหนุ่มตอนนี้ก็สูงกว่าเขามาก ดังนั้นโคลดจึงต้องการกระชับความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างพวกเขา
“อืม ผมมาที่นี่เมื่อเช้าแล้ว ตอนนี้กำลังจะกลับแล้ว” ฟลินน์พยักหน้าและเตรียมขึ้นรถม้า
“ไม่ ฟลินน์อย่าเพิ่งไป คืนนี้มีงานเลี้ยงที่หายากมาก ผมสามารถพาคุณไปด้วยได้” โคลดรั้งฟลินน์อย่างกระตือรือร้น
“ไม่เป็นไร” ฟลินน์ไม่ต้องการร่วมงานเลี้ยงใด ๆ กับโคลดดังนั้นเขาจึงออกตัวปฏิเสธ
“งานเลี้ยงนี้เป็นงานเลี้ยงทางธุรกิจซึ่งอนุญาตให้ผู้เข้างานพาคนมาด้วยได้ คืนนี้จะสาวๆ จากตระกูลดังมาไม่น้อย ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะแนะนำให้คุณได้รู้จักกับเพื่อนใหม่ในวัยเดียวกัน” โคตรขยิบตาขณะพูด
“ไม่เป็นไร ผมยังมีธุระต้องทำอีก” ฟลินน์ปฏิเสธ ถ้าเขายังเป็นผู้ประเมินราคา ชายหนุ่มคงไม่รังเกียจที่จะหาคอนเนคชั่นทางธุรกิจ สำหรับตอนนี้มันไม่จำเป็น
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เขาจะพูดจบก็มีคนแตะที่ไหล่ของเขา
“หยุดอยู่ตรงนั้น คืนนี้เธอต้องไปงานเลี้ยงนี้กับเรา” โรว์ลิงเอื้อมมือไปจับไหล่ของฟลินน์ พูดด้วยท่าทีแข็งกร้าวไร้หนทางให้ปฏิเสธ
ถ้าเป็นงานเลี้ยงปกติก็ไม่เป็นไรแต่งานเลี้ยงครั้งนี้เป็นงานเลี้ยงที่จัดขึ้นเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจ อีกทั้งยังมีหญิงสาวจากตระกูลดังมากมายเข้าร่วมในงานนี้ ดังนั้นเธอจะไม่ยอมให้น้องชายพลาดโอกาสนี้เด็ดขาด
ก่อนหน้านี้เธอยังคงกังวลเกี่ยวกับการแต่งงานของฟลินน์ ดังนั้นหญิงสาวจึงต้องการใช้งานเลี้ยงนี้หาคู่แต่งงานที่เหมาะสมสำหรับฟลินน์
ฟลินน์ไม่สามารถปฏิเสธต่อหน้าโรว์ลิง พี่สาวผู้แข็งกร้าวของเขาได้ ชายหนุ่มจึงได้แต่กลับไปเปลี่ยนเป็นชุดทักซิโด้สีดำ
…
ฟรีแมนวิลล่าตั้งอยู่ในเขตตะวันออกของเมืองคอนสตัน ซึ่งเป็นเขตที่มีเราขุนนาง นักการเมืองและเศรษฐีรวมตัวกันมากที่สุด แม้แต่ในหมู่บ้านทั้งหลายในเขตตะวันออก ระดับความหรูหราของฟรีแมนวิลล่าก็เพียงพอที่จะเป็นอันดับหนึ่ง
เจ้าของวิลล่าคือวิลตัน ฟรีแมน เขาไม่เพียงแต่เป็นนายกเทศมนตรีของเมืองคอนสตันเท่านั้น แต่ยังเป็นเอิร์ลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในอาณาจักรอีกด้วย
ในตอนเย็นรถม้าส่วนตัวขับเข้าไปในฟรีแมนวิลล่าผ่านบ้านไปทีละหลัง บ้านแต่ละหลังในหมู่บ้านล้วนมีรูปทรงที่สวยงามหรูหราราวกับบ้านในนิทรรศการขนาดใหญ่
ฟลินน์ โรว์ลิงและโคลดก้าวลงจากรถม้าที่ถือได้ว่าเป็นรถม้าธรรมดาท่ามกลางรถม้าจำนวนมากเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง
ห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่ปูด้วยพรมแดง เนื่องจากเครื่องทำความร้อนใต้ดิน จึงทำให้ข้างในห้องอบอุ่นมาก
มีโต๊ะอาหารยาวตั้งอยู่มุมหนึ่ง บนโต๊ะมีอาหารเลิศรสและไวน์แดงทุกชนิดวางอยู่เต็มไปหมด
ผู้มาร่วมงานต่างแต่งตัวหรูหรางดงาม พวกเขาจับกลุ่มคุยกันทั้งกับเพื่อนที่รู้จักหรือทำความรู้จักกับคนแปลกหน้า
ในหมู่พวกเขามีหญิงสาวหลายคนอยู่ด้วยดังที่โคลดกล่าว หญิงสาวเหล่านี้ล้วนมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง
“ที่รัก วันนี้ฉันจะจับตาดูหญิงสาวที่มาร่วมงาน ดังนั้นฉันจะไม่ไปทักทายเพื่อนๆ กับคุณ”
เมื่อเธอมาถึงงานเลี้ยง โรว์ลิงตาเป็นประกายเธอทิ้งโคล้ดไว้ข้างหลังอย่างไม่ลังเลเข้าปะปนไปกับเหล่าภรรยาและเริ่มสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวที่มาร่วมงาน
สำหรับฟลินน์ เขาไปที่โต๊ะอาหาร หยิบอาหารใส่จานสำหรับตัวเอง เพราะมางานเลี้ยงเขาเลยยังไม่ได้กินอาหารค่ำเลย
อย่างไรก็ตามเขาผ่อนคลายอยู่ได้ไม่นาน โรว์ลิงผู้ซึ่งรวบรวมข้อมูลมากมายได้ปรากฏตัวขึ้นและเริ่มแนะนำให้เขารู้จักกับหญิงสาวที่มีชื่อเสียงในงานเลี้ยง
“คนที่ใส่ชุดครุยคือ ชารอน เมอร์ฟี ลูกสาวคนที่สามของครอบครัวบารอนเมอร์ฟี ครอบครัวของเธอค่อนข้างดี แต่หน้าตาของเธอค่อนข้างธรรมดา…”
“คนที่ใส่ชุดราตรีสีขาวชื่อ วาเรสซา โนอาห์ พ่อของทำงานที่บริษัทเพอสัน หน้าตาดีแต่น่าเสียดายที่ครอบครัวของเธอค่อนข้างยากจน…
คนที่ใส่ชุดสีชมพูคือมีนา สุวาลี ลูกสาวของนักธุรกิจผู้มั่งคั่งในธุรกิจชา ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาหรือภูมิหลังของครอบครัวทุกอย่างล้วนดีเลิศ ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสามารถใช้เป็นเป้าหมายได้…” ข้างๆ ฟลินน์ โรว์ลิงกำลังพูดเพ้อเจ้อ
ฟลินน์ชื่นชมความสามารถด้านสติปัญญาของพี่สาวตัวเอง ในช่วงเวลาสั้น ๆ เธอได้รับข้อมูลมากมาย
ทันใดนั้น ฟลินน์ก็สังเกตเห็นร่างหนึ่ง เป็นหญิงสาวที่มีเรือนผมสีฟ้าสวมชุดเดรสหรูหราสีเบจฝีมือดี ใบหน้างดงามแต่เย็นชา
สาเหตุที่เขาสังเกตเห็นร่างนี้ก็เพราะเธอเป็นคนที่เขารู้จัก ไอวี่ คนที่เพิ่งพบกันเมื่อเช้านี้
“น้องชาย คนนี้อยู่ระดับสูงเกินไป เธอจีบไม่ได้” เห็นสายตาของฟลินน์ โรว์ลิงมองไปรอบๆ และอดไม่ได้ที่จะส่ายหัว
“พี่รู้จักเธอไหม” ฟลินน์ถามด้วยความสงสัย
จากแหวนมูลค่าอย่างน้อยหลายพันปอนด์ การสืบหาตัวตนของไอวี่คงไม่ง่ายนัก
“ไอวี่ ฟรีแมน ลูกสาวคนที่สองของเจ้าภาพในงานเลี้ยงนี้เอิร์ลวิลตัน ฉันได้ยินมาว่าสาเหตุที่เอิร์ลวิลตันจัดงานเลี้ยงนี้ก็เพราะเธอ แม้ฉันจะอยากให้เธอรู้จักกับผู้หญิงแต่สำหรับสาวตรงหน้านี้ เธอยังไม่มีคุณสมบัตินั้น” หลังจากหยุดชั่วคราว โรว์ลิงก็พูดอย่างจริงจัง
“แม้ว่าฉันจะต้องการให้เธอหาลูกสาวจากตระกูลขุนนางเป็นคู่แต่งงาน แต่ระดับนี้สูงเกินไป ไม่เพียงแค่เธอจะสวยมากเท่านั้น แต่เธอยังเป็นลูกสาวของเอิร์ลด้วย มันไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวอย่างเราจะทำได้”
“อย่ากังวลเลย ผมไม่ได้มีความคิดแบบนั้น” ฟลินน์ส่ายหัวและมองไปที่พี่สาวด้วยสายตาเหมือนมองคนโง่
แม้ว่าเขาจะเดาไว้แล้วว่าไอวี่น่าจะเป็นลูกสาวของขุนนางที่มีฐานะสูงส่ง แต่เขาก็ไม่คาดคิดว่าจะสูงส่งถึงขนาดว่าเป็นลูกสาวของเอิร์ลวิลตัน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้สูงศักดิ์ในหมู่เอิร์ล
ในขณะเดียวกันก็เกิดความสงสัย พูดตามเหตุผลด้วยฐานะของอีกฝ่าย เธอไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร แต่ทำไมเธอถึงเข้าร่วมสำนักงานความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร?
“นั่นสินะ ดีแล้ว” โรว์ลิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เธอกลัวจริงๆ ว่าน้องชายหัวรั้นของเธอจะไล่ตามคนเขาอย่างโง่งม หากเป็นแบบนั้นผลที่ตามมาคงมีเลือดสาดหรือบาดเจ็บสาหัส
แต่ทว่า…
เธอไม่รู้ว่าเธอมองหญิงสาวตรงหน้าจนตาฝาดหรือเปล่า แต่จู่ๆรู้สึกเหมือนสายตาของไอวี่มองมาทางนี้ และยังเป็นการมองมาที่ฟลินน์
ฟลินน์รู้สึกงุนงง
เขาไม่ยอมสบตาไอวี่และแสร้งทำเป็นไม่เห็นเธอ
แต่ตอนนี้พวกเขาพวกเขาถือได้ว่าเป็นคนรู้จัก การทักทายกันในงานเลี้ยงประเภทนี้ถือเป็นมารยาทพื้นฐานที่สุด
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาได้ยินเกี่ยวกับไอวี่เมื่อเช้านี้ ฟลินน์ก้าวออกไปและเดินไปหาไอวี่
“เฮ้... ฟลินน์ เธอกำลังจะทำอะไร” หลังจากที่เธอเพิ่งถอนหายใจด้วยความโล่งอก โรว์ลิงก็อดไม่ได้ที่จะหงุดหงิดเมื่อเห็นการกระทำของฟลินน์ ดูเหมือนว่าน้องชายหัวรั้นของเธอจะไม่ฟังคำแนะนำเอาเสียเลย
เธอก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วต้องการที่จะดึงฟลินน์เอาไว้ แต่ในเวลานี้ฟลินน์ได้เดินไปหาไอวี่แล้ว ดังนั้นเธอละมือที่ดึงฟลินน์ออกไปและเลือกที่จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์
“คุณไอวี่” ฟลินน์ทักทาย
“อืม”
สีหน้าของไอวี่ไม่เปลี่ยน แต่เธอยังคงตอบรับคำทักทายของฟลินน์เหมือนเมื่อเช้านี้
เมื่อสังเกตเห็นว่าโรว์ลิงเดินอยู่ข้างๆ ฟลินน์ เธอจึงถามอย่างสุภาพ
“ไม่ทราบว่า คุณผู้หญิงคนนี้คือใคร”
“นี่คือโรว์ลิง เดรย์ พี่สาวของผม” ฟลินน์แนะนำ
เป็นเรื่องปกติที่ต้องเปลี่ยนนามสกุลหลังแต่งงาน ดังนั้นพี่สาวของเขาจึงใช้นามสกุลเดรย์เหมือนกับสามีของเธอ